|
|
พระอภัยมณี/39
ตอนที่ ๕๔ มังคลาชิงโคตรเพชร
พระมังคลาปรึกษาการสงครามกับสองพระน้อง และสองนัดดาว่า เมืองการะเวกไม่ใช่วงศ์ญาติได้มาหมิ่นประมาท เมืองลังกาเอาโคตรเพชรของเมืองลังกาไป คิดจะไปตีเอาคืน พวกอำมาตย์ราชเสนากับบรรดาขุนนาง จะมีความเห็นอย่างไร
ฝ่ายผู้เฒ่าได้ฟังรับสั่งจึงทูลทัดทานว่า เมืองการะเวกเป็นเมืองใหญ่มีไพร่พลมาก มีราชครูชื่อ โลกเชษฐเป็นผู้วิเศษ มีเวทมนตร์ดลคาถา ทหารเสือก็ล้วนแกล้วกล้าในการรบ แก้วเก็จเพชรนั้นพระเสาวคนธ์ได้ขอจากพระชนนี และพระชนนีก็ให้ไปด้วยไมตรี จึงไม่ควรหาญหักยกทัพไปรบ ถ้ารู้เรื่องไปถึงเมืองผลึกกับเมืองรมจักร ก็จะพร้อมกันมาช่วยรุกรบ จะเสียไพร่พลและต้องทนทุกข์ทั้งเกาะลังกา
เสียไมตรีมิหนำเสียอำนาจ |
ต้องขาดญาติขาดวงศ์เผ่าพงศา |
แม้จะใคร่ได้เพชรแก้วเก็จมา |
ควรพูดจาปราศรัยเป็นไมตรี |
เขาขอเราเราก็ขอต่อเขาบ้าง |
ตามเยี่ยงอย่างต่างบำรุงซึ่งกรุงศรี |
ขอพระองค์ทรงจังหวัดปถพี |
อย่าให้มีเสี้ยนศึกจงตรึกการ ฯ |
พระหัสกันว่าคำของอำมาตย์นั้น เหมือนสตรีขี้ขลาด กลัวเหนื่อยยาก ทำให้เสื่อมเกียรติยศศักดิ์
ถึงขัดเคืองเมืองผลึกรมจักร |
พระไม่รักชาติเชื้อนับเนื้อไข |
เขากลับเราเล่าก็จะกลัวอะไร |
ใครตีได้ดูกันสมันเกอ |
อันเกิดมาสามัญเป็นอันขาด |
ย่อมรักชาติชีวีไม่มีเสมอ |
พระชุบย้อมหม่อมฉานเป็นหลานเธอ |
ขออย่าเพื่อด่วนเสด็จเหน็ดเหนื่อยองค์ |
ฯลฯ แล้วขออาสาไปเมืองการะเวก เอาเพชรเอกกลับมา ถ้าทำไม่ได้ก็ขอให้ลงโทษผลาญชีวิตตน พระมังคลาได้ฟังก็เห็นด้วย
อันพวกเราเหล่าฝรั่งเชื่อฟังพระ |
ไม่ปนปะเป็นญาตินอกศาสนา |
เจ้ายกไปให้ทูตเข้าพูดจา |
ฟังเจ้าการะเวกก่อนคิดผ่อนปรน |
ฯลฯ แล้วให้วายุพัฒน์ จัดทัพไปกำกับพระอนุชาหัสกัน ให้เป็นกองหนุน ทั้งสองพระนัดดารับบรรหารแล้ว ก็ออกไปจัดไพร่พลไปประจำเรือ ทัพหน้ามีร้อยลำ ทัพหลังมีห้าร้อยลำ เสร็จแล้วออกเดินทางไป
กล่าวถึงเจ้าเมืองการะเวก เมื่อบุตรีหาย บุตรชายร้าง ก็ให้เศร้าโศกอาลัย บรรดาข้าเฝ้าท้าวพระยาเสนาใน ก็พลอยหม่นไหม้ เศร้าโศกเสียใจไปด้วยเจ้านาย กลางคืนเกิดมีดาวหางเป็นลางเมือง
อากาศลั่นครั่นครื้นเหมือนปืนก้อง |
กาก็ร้องเอาลาท้องฟ้าเหลือง |
อุกกาบาตผาดพุ่งแสงรุ่งเรือง |
ตกกลางเมืองมีลางต่างต่างกัน ฯ |
คืนหนึ่งเจ้าเมืองนิมิตฝันว่า จระเข้เหราไล่มาเข้าคาบ ขบกัดองค์เจ็บปวดล้มลง ลุยเลนตกน้ำแล้วดำหนี สองพระหน่อมาช่วยขับไล่ฆ่าตีเหราจระเข้าไป แล้วอุ้มองค์ขึ้นแท่นรัตน์ทรงเครื่องเรืองจำรัสชัชวาล พอมีเสียงขานฆ้องรุ่ง ก็สะดุ้งตื่นรู้ว่าฝันร้าย จึงตรัสบอกพระมเหสี พระนางทูลให้ไปเชิญทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์มาทำนายฝัน
ค ฝ่ายพราหมณ์ครูผู้ใหญ่อยู่ในตึก |
กับเมียนึกสนุกนั่งอยู่ทั้งสอง |
เล่นดอกสร้อยปล่อยแก่แก้กันลอง |
ท่านยายร้องตารับหน้าทัพตาม |
ถึงท่อนปลายกลายร้องเป็นอุณรุท |
ยายเป็นอุษาเมินขวยเขินขาม |
ท่านตารำทำบทดูงดงาม |
โลมยายพราหมณ์ตามทำนองยิ้มย่องกัน |
ฯลฯ พอเสียงเขามาเรียกก็รู้ว่าเจ้าเมืองมีรับสั่งให้หาจึงไปเข้าเฝ้าทั้งสองคน เมื่อไปถึงวังแล้วก็ลงจากพระเสลี่ยงทอง ที่ไปรับมาเดินขึ้นบนปรางค์ปราสาทชัย เจ้าเมืองเชิญให้ไปนั่งบนแท่นทองทั้งสองคน นมัสการแล้วตรัสเล่าความฝันให้ทำนาย
ค ฝ่ายทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์แจ้งเหตุฝัน |
ลงเลขวันยามนิมิตสอบดิถี |
ก็รู้ความตามวิสัยว่าไพรี |
จะย่ำยีหยาบช้าให้อาดูร |
แล้วชำระพระเคราะห์จำเพาะร้าย |
จะพลัดพรายโภคัยเสียไอศูรย |
ราหูเสาร์เข้าถึงที่ระวีมูล |
จึงเทียบทูลทำนายว่าร้ายนัก |
ฯลฯ แล้วทูลว่า อันจระเข้เหราคือข้าศึก จะทำให้เสียยศศักดิ์ แต่หน่อนาถราชบุตรีจะพร้อมกันผลาญไพรี ให้พระองค์ทรงมหาอานุภาพได้ ปราบปรปักษ์สูงศักดิ์ศรี ข้าต้นร้ายปลายมือจะดี ให้เดือนสี่จะได้รับผลร้ายหลายประการ
เหมือนพระรามข้ามสมุทรไปหยุดทัพ |
ไมยราพจับจำขังแทบสังขาร |
ต้องสะเดาะเคราะห์ชำระพระชะตา |
ตามตำราแก้ไขพอให้คลาย ฯ |
แล้วปาโมกข์โลกเชษฐก็ทำพิธีแก้อันตราย และสะเดาะห์เคราะห์ให้เจ้าเมืองอยู่ในศีลสัตย์
ค ฝ่ายเสนาข้าเฝ้าเหล่าทหาร |
ตั้งเตรียมการรบศึกไม่นึกหนี |
กรมวังนั่งยามตามอัคคี |
ขึ้นหน้าที่ทุกตำแหน่งจัดแจงการ ฯ |
ฝ่ายฝรั่งลังกาที่เป็นกองหน้า มีพระหัสกันเป็นายทัพ ต่างก็แล่นเรือตามเข็ม มุ่งหน้ามาทิศอาคเนย์ มาถึงสะดือสมุทร เหล่ากำปั่นก็หวนหันเห คลื่นทะเลใหญ่ขย่อนเรือจนคลอนโคลง
ย้ายแยกแตกกระบวนบ้างทวนกลับ |
ยิงปืนรับเรียกกันขวันโขมง |
ต้องคลี่คลายสายข้างระยางโยง |
ให้ใบโปร่งเปิดสูงพยูงลำ |
ลฯ ครั้นเข้าเขตเมืองการะเวก ต้นหนก็เอาแผนที่ถวาย พระหัสกันก็ส่องกล้องเห็นเรือรายอยู่ไกล
ฝ่ายเรือตระเวณด่านของเมืองการะเวก มีอยู่ประมาณร้อยเศษ ออกตรวจเขตขัณฑ์ เห็นกำปั่นแล่นมาจึงยิงปืนเป็นสัญญา แล่นสวนออกไปเข้าใกล้จนเห็นหน้าคนแขก จึงให้ล่ามร้องถามไปว่า ฝรั่งอย่างไรจึงไม่หยุด ฝ่ายฝรั่งลังกาไม่ราใบ เมื่อเรือมาใกล้จึงแกล้งลวงว่า จะไปเฝ้าเจ้าเมืองการะเวก เคยมีตรามาไปเป็นไมตรีถึงจะไม่ให้ไปก็ไม่ฟัง
ชาวด่านว่าอย่าเข้าไปยังไม่ชอบ |
ผิดระบอบเยี่ยงอย่างแต่ปางหลัง |
ถึงไมตรีมีมาตราทุกครั้ง |
ต้องหยุดยั้งอยู่แต่นอกจะบอกไป |
ฯลฯ
ค ฝรั่งว่าถ้าเป็นทูตถือรับสั่ง |
ควรยับยั้งตามบทในกฎหมาย |
นี่องค์ท่านหลานท้าวเป็นเจ้านาย |
มาแต่ฝ่ายฟากฝั่งกรุงลังกา |
ฯลฯ
กองตระเวนเจนสมุทรจึงพูดแก้ |
อย่าว่าแต่สุริยวงศ์พระองค์ไหน |
ถึงหน่อนาถราชโอรสยศไกร |
มาแต่ไกลก็ต้องห้ามตามทำนอง |
ฯลฯ ฝ่ายฝรั่งลังกายังดื้อดึงแล่นเรือฝ่าเข้าไป กองตระเวณเข้าสะกัดกั้นเกิดสู้รบกัน แล้วกองตระเวณก็ให้เรือใช้ ไปกราบทูลท้าวเจ้าเมืองการะเวก กรุงกษัตริย์ทราบเรื่องว่า หัสกันบุตรสุดสาครยกมาก็ให้กรมท่า ออกไปรับหัสกันเข้าเมือง พระหัสกันกล่าวแกล้งแถลงไข แก่อำมาตย์ที่ไปรับว่า
เพราะลูกสาวเจ้าพาราการะเวก |
ลักเพชรเอามาไว้ในไอศวรรย์ |
จะมาทวงดวงจินดาพูดจากัน |
พวกมึงนั้นกั้นการปิดทางไว้ |
ฯลฯ แล้วถามว่าโคตรก้อนแก้วเก็จเป็นเจ็ดสีนั้น เอาไปไว้ที่ใด อำมาตย์ก็ตอบว่า เมื่อคราวไปลังกานั้น ตนก็ไปด้วยและได้ตามหน่อไทไปเที่ยว ดูเมืององค์วัณฬาได้พาเดินไปบนเนินเพชร ได้ให้แก้วเก็จกับพระธิดา เมื่อเลิกทัพกลับมายังเมืองการะเวกก็ได้นำไปไว้ที่เขาเนาวรัตน์ การที่หัสกันมาหาว่า ลักเพชรมานั้นเหมือนเแกล้งพาล พูดดื้อไม่ถือสัตย์ แล้วต่อว่าหัสกันไปหลายประการ หัสกันได้ฟังก็โกรธให้จับอำมาตย์ลงอาญา แล้วสั่งให้ไพร่พลกระทำการ
ให้รุมเข้าเผาพาราการะเวก |
มันโหยกเหยกแย่งริบให้ฉิบหาย |
แต่สาวสาวเอาไว้ใช้อย่าให้ตาย |
พบผู้ชายจงฟันให้บรรลัย ฯ |
ค ฝ่ายนายทัพรับสั่งแล้วตั้งโห่ |
เฮโลโล้กำปั่นเสียงหวั่นไหว |
ต่างรับเข้าอ่าวเมืองแน่นเนืองไป |
ไม่มีใครรับสู้ทั้งบุรี |
ฯลฯ ชาวเมืองหมายว่ามาโดยดี จึงยืนดูอยู่ริมตลิ่งทั้งหญิงชาย พอทัพหน้าลังกามาถึงวังก็ขึ้นฝั่ง จุดเพลิงไหม้เผาบ้านเมือง พอทัพหลังมาถึงก็ช่วยทัพหน้าจุดไฟเผา ชาวเมืองต่างตื่นตกใจหนีแตกกระจัดกระจาย
ฝ่ายท้าวเจ้าเมืองการะเวกกับองค์เอกมเหสี พร้อมทั้งบรรดาแสนสุรางค์พอเพลิงไหม้ มาใกล้วังก็จะหนีออกนอกประตูวัง แต่ท่านครูห้ามไว้
จะหนีออกนอกประตูท่านครูห้าม |
รู้ว่ายามเคราะห์ค่อยคิดถอยหลัง |
จนค่ำไฟไหม้ครื้นเสียงปืนดัง |
อุตส่าห์นั่งนิ่งภาวนามนต์ ฯ |
แล้วทิศาปาโมกข์โลกเชษฐก็อ่านพระเวทย์เป็นห่าฝนให้ไฟดับ ทำให้ไพร่พลโยธาของข้าศึก ถูกฝนโซมต้องกลับไปกำปั่น พอรุ่งเช้าชาวเมืองต่างหนีเร้น และฝนก็หาย กองทัพเมืองลังกาจึงตั้งค่ายไว้ รายรอบขอบกำแพงเมือง
ค เจ้าาวายุพัฒน์หัสกันเกณฑ์ทหาร |
ให้ถือขวานคนละเล่มล้วนเข้มแข็ง |
ฟันประตูดูประหลาดพลิ้วพลาดแพลง |
จนสิ้นแรงรู้ว่าฤทธิ์วิทยา |
ฯลฯ ทหารที่พยายามปืนกำแพงเมืองมีอันเป็นไปด้วยประการต่าง ๆ จึงคิดอุบายถ่ายเททำเล่ห์กล ให้พวกพลร้องบอกชาวเมืองว่า กองทัพลังกามาตั้งล้อมเมืองไว้หมดแล้ว เปรียบเหมือนขังไว้มิให้หนี ถ้าผู้ใดออกมาหาแต่โดยดี จะให้มีชื่อเสียงและชุบเลี้ยงไว้ ขอให้เร่งเปิดประตูเมืองออกมา
ฝ่ายบรรดาข้าเฝ้าชาวเมืองได้รายรักษาเมืองทุกหน้าที่ แล้วร้องตอบไปว่า พวกฝรั่งลังกานั้น
ทั้งลวงหลอกยอกย้อนทำซ่อนเงื่อน |
เผาบ้านเรือนร้ายกาจนอกศาสนา |
หากพระองค์ทรงคิดถึงบิดา |
โปรดให้มามึงจึงได้มาใกล้กราย |
ฯลฯ
ค เจ้าหัสกันสั่งให้ไพร่ว่าอ้ายโง่ |
มึงเหมือนโคคอกขังจะสังขาร์ |
วิสัยศึกลึกล้ำเป็นธรรมดา |
มีปัญญาย่อมจะได้ด้วยง่ายดาย |
ผู้ใดเซอะเคอะคะจะเป็นเหยื่อ |
เปรียบเหมือนเนื้อทั้งปวงติดบ่วงหวาย |
จงกลับใจไหว้กราบอย่าหยาบคาย |
บอกเจ้านายมึงให้รู้ว่ากูนี้ |
ฯลฯ บอกว่าตนตามมาทวงดวงเพชรอันเตร็จตรัส แล้วท้าทายให้ออกมารบกัน
ค พวกขุนนางต่างว่าเหวยฝรั่ง |
พระจอมวังวรนาถเหมือนราชหงส์ |
จะสู้กาหน้าดำที่ต่ำวงศ์ |
จะเสียทรงเสียนวลไม่ควรเลย |
แล้วก็กล่าวลำเลิกไปถึงนางยุพา นางสุลาลี ที่เป็นแม่ของวายุพัฒน์ และหัสกัน ทั้งสององค์ได้ฟังก็ให้ตันจิต คิดคั่งแค้นจะตีหักเข้าเมือง ก็ต้องมนต์มือตีนอ่อน จึงคิดแก้ไขให้ฆ่าไก่เป็ด แพะแกะ โคควาย เอาเลือดไปสาดรอบทั้งขอบเขต เพื่อทำลายเวทมนต์ไสยให้เสื่อมหาย แล้วเร่งทัพเข้าตีเมืองแต่ไม่เป็นผล ทั้งสององค์เห็นจะเข้าตีเมืองต่อไปไม่ไหว จึงให้เสนีย์เมืองการะเวก ที่ต้องจำอยู่นั้นนำไปขุดหินได้แก้วเก็จโคตรเพชรมา
ทลายเขาเนาวรัตน์ด้วยขัดแค้น |
เก็บหัวแหวนเกิดใหม่ได้หนักหนา |
ให้กองทัพจับเหล่าชาวพารา |
ลงเรือล่าเลิกทัพถอยกลับไป ฯ |
ฝ่ายท้าวเจ้าเมืองการะเวกต้องถอยยศ บ้านเมืองไหม้ไพร่นายล้มตาย
เป็นคราวเคราะห์เพราะประมาทจึงพลาดพลั้ง |
แทบเสียทั้งนิเวศน์ขอบเขตขัณฑ์ |
หากท่านครูผู้เฒ่าเหมือนเผ่าพันธุ์ |
ช่วยผันแปรแก้กันอันตราย |
แล้วทรงปรารภกับพระมเหสีว่า มีลูกเต้าไม่เหมือนเพื่อนทั้งหลาย พากันสูญหายไปหมด เหมือนลูกยางห่างต้นหลุดล่อนไป แล้วทูลเป็นเหตุ เพราะเคราะห์วิบัติให้พรัดพรากไป พอเคราะห์ดีก็จะกลับมาเอง ที่เกิดศึกเข็ญครั้งนี้เพราะไปแก้พระอภัย ทั้งพระธิดาและพระโอรสไปช่วยรบกับกรุงลังกา ทำให้ฝรั่งคั่งแค้น จึงมาแก้แค้น จึงควรให้ทหารถือสารไปแจ้งกับพระอภัยมณี
ด้วยพวกพ้องของท่านล้วนหลานลูก |
มาดูถูกรบพุ่งเผากรุงศรี |
ให้ทราบความตามวิสัยเป็นไมตรี |
ดูท่วงทีเธอบ้างจะอย่างไร ฯ |
ท้าวเจ้าเมืองการะเวกได้ฟังก็เห็นจึงให้แต่งสาร ตามเรื่องเมืองลังกาไปถึงท้าวเจ้าเมืองผลึก
|
Update : 16/6/2554
|
|