หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พระอภัยมณี/37

    ตอนที่  ๕๑ สุดสาครตามนางเสาวคนธ์

                กล่าวถึงสุดสาครตามพระกนิษฐาเสาวคนธืมาถึงอ่าวสินธุ์ถิ่นนาคา เห็นเหล่านาคขึ้นไล่กินกุ้งปลา ก็รู้ว่าเป็นปล่องนาค จึงข้ามไปเสีย แลเห็นสำเภาที่เสาวคนธ์ทำด้วยมนต์ เพื่อให้หมายว่าเป็นลำที่นางทรงอยู่ จึงออกไล่ติดตามอยู่สามวัน เห็นสำเภาอยู่ข้างหน้า ข้างหลังบ้าง เห็นผิดที

    จึงลงเลขเสกเป่าไม้เท้าทิพย์ ชื่อมนต์นิพพาวนาแก้อาถรรพ์
    ชี้สำเภาเป่าไปเป็นไฟกัลป์ สำเภานั้นหายวับไปกับตา ฯ
                หลังจากนั้น ก็ไปพบเกาะยาวใหญ่ ขวางทางอยู่จึงขับม้าขึ้นไปบนเกาะนั้นมีชื่อว่า เกาะค้างคาว พบผู้เฒ่ามีผู้หญิงสาวอยู่ด้วยเป็นจำนวนมาก ประมาณร้อยคนจึงเข้าไปถามความ ผู้เฒ่าเล่าว่าตนเป็นชาวเมืองสาวัตถี เมื่อหนุ่มไม่มีภรรยา เมื่อไปเกี้ยวผู้หญิงก็ถูกด่าทอ
    จนขอสู่ผู้ใหญ่ยกให้พร้อม ยังไม่ยอมเป็นเมียต้องเสียหอ
    อายมนุษย์สุดกำลังไม่รั้งรอ จะผูกคอเสียให้ตายวายชีวา
               ต่อมาไปได้ลายแทงจึงทราบถึงเล่ห์เสน่หา จนมีผู้หญิงมามีจิตพิสมัยตนเป็นจำนวนมาก เมื่อรู้ถึงท้าวเจ้าเมืองก็คิดเคืองตน แกล้งหาว่าตนเป็นกาลี จึงเอาตนมาปล่อยอ่าวเมืองสาวัตถี สุดสาครได้ฟังก็ใคร่จะได้วิชาดังกล่าว จึงเล่าความตามเรื่องที่เคืองข้อง ผู้เฒ่าก็รับสอนให้ จากนั้นสุดสาครก็ถามว่า ได้เห็นเรือแล่นผ่านมาทางนี้หรือไม่ ผู้เฒ่าก็ตอบว่าเห็นเรือแล่นผ่านมา ตั้งแต่เดือนสี่ปีกลาย แล่นขึ้นไปทางเหนือ เป็นเรือใหญ่กว่าเรือสินค้าทั้งหลาย สังเกตดูตามแผนที่จะแล่นไปทางฝั่งเมืองวาหุโลม แล้วจับยามทำนายว่า ถ้าตามไปก็จะได้พบ
                สุดสาครได้ฟังก็บอกลาผู้เฒ่า แล้วออกเดินทางไปข้างทิศอุดร เมื่อเดินทางไปได้สิบห้าวัน ก็แลเห็นด่านมีปราการคร่อมภูเขาอยู่ และสำเภาจอดอยู่ริมท่า ก็แน่ใจว่านางเสาวคนธ์มาเรือลำนี้
    เมื่อแรกทำจำได้ทั้งใบเสา ผิดสำเภาชาวเมืองมีเครื่องสี
    ขับม้าทรงตรงมาในราตรี ก็ถึงที่ฝั่งทะเลขึ้นเภตรา
    ฯลฯ
                ได้พบคนรู้จักจึงซักถามได้ความตั้งแต่จากเมืองมา จนถึงชิงชัยได้เมืองวาหุโลม สุดสาครทราบเรื่องแล้วก็คิดจะลองวิชา ของครูเฒ่า
    แม้นสมนึกสึกชีเหมือนอิเหนา ไม่ปลอบเปล่าเปลื้องที่อดสู
    จะบวชตามทรามวัยลอบไปดู มิให้ผู้อื่นแจ้งจะแพร่งพราย
    ฯลฯ
                จึงแปลงองค์ทรงนุ่งหนังเสือเหลือง พอรุ่งแจ้งจึงสั่งนายพวกที่เฝ้าสำเภาทรงให้จ้างชาวด่านบ้านปากน้ำ ได้คนนำทางแล้วขึ้นหลังม้านิลมังกร เดินทางเข้าแดนบ้านป่า
                กล่าวถึงพระอัคคีไม่หายจากโรคที่เศกเศร้า ด้วยมีพระชันษาได้ยี่สิบห้าปี พี่เลี้ยงปรึกษากันเห็นว่า
    เป็นคราวพระเคราะห์เพราะว่าพระราหู มาสมสู่สุริยาในราศี
    อังคารถึงซึ่งพฤหัสบดี ต้องตกที่ช้างฉันทันต์อันตราย
                จงสึกหาลาพรตให้ปลดเปลื้อง แล้วแต่งเครื่องพลีกรรมถวายเป็นการสะเดาะพระเคราะห์ร้าย นางเชื่อคำจึงอำลาพรตแล้ว ทรงเครื่องอย่างพราหมณ์จึงค่อยฟื้นองค์ พอตกกลางคืนได้ยามสามก็ทรงสุบิน
    ว่าองค์พระอนันตนาคราช เผ่นผงาดมาทางลำแม่น้ำสินธุ์
    เข้ารัดนางกลางคืนจะกลืนกิน ร้องจนสิ้นเสียงสะดุ้งพอรุ่งราง
                จึงตรัสเรียกสี่พี่เลี้ยงมาเล่าความฝันให้ฟัง พี่เลี้ยงทำนายฝันพระพี่สุดสาครผูกใจอยู่กับตัวนาง ไม่ใช่เป็นเรื่องของศึกเสือเหนือใต้ แต่อย่างใด นางได้ฟังก็ให้ขวยเขินรัญจวนปั่นป่วนใจ
                กล่าวถึงสุดสาครเดินทางได้ยี่สิบวัน ก็ถึงกรุงวาหุโลม แล้วก็ตรงไปหน้าวัง หยุดนั่งอยู่หน้าศาลาลัย พอพวกขอเฝ้าของนางมาพบสุดสาคร ก็ไต่ถามถึงนางเขาก็ทูลตอบให้ทราบทุกประการ
    อันฤาษีที่เป็นหมอพวกขอเฝ้า เคยเดินเข้าออกได้ดังใจหวัง
    เชิญพระองค์ตรงไปเข้าในวัง อย่าให้ทั้งปวงแจ้งจะแพร่งพราย ฯ
                เมื่อฤาษีสุดสาครมาพบเสาวคนธ์ก็เข้านั่งประคอง แล้วลองตำราจากครูเฒ่า นางแกล้งผลักใสแล้วว่า เป็นฤาษีไม่กลัวบาปหรือ สุดสาครจึงปลดเปลื้องเครื่องครองออก แล้วเข้ารับขวัญเสาวคนธ์
    อันตัวพี่นี้เหมือนแมงภู่ผึ้ง มาพบซึ่งเสาวรสอันสดใส
    สุดจะห้ามความรักหักฤทัย พลางรูปไล้โลมน้องประคองเชย
    ฯลฯ
    พอสมเชิงเริงรื่นชูชื่นแช่ม ต่างยิ้มแย้มหย่อนตามไม่ห้ามหวง
    มณฑาทิพย์กลิ่นหุ้มเป็นพุ่มพวง ขยายดวงเด่นกระจ่างเมื่อกลางวัน
    ฯลฯ
    พระคลึงเคล้าเย้ายวนให้ป่วนปลื้ม นางกลับลืมหลงเล่ห์เสน่หา
    พระเอนแอบแนบชิดวนิดา อุ่นอุราพลอยหลับระงับไป ฯ
                ทั้งสององค์อยู่ร่วมรักกันจนลืมทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเวลาหลายเดือน อยู่มาวันหนึ่งองค์เสาวคนธ์คิดอายพวกทมิฬ ถ้ามีผู้รู้ความแพร่งพรายออกไป ทั้งคิดถึงเรื่องที่จะทรงครรภ์ จึงแจ้งเหตุให้เชษฐาว่า ตัวนางต้องเป็นมุนีออกนั่งที่แท่นสุวรรณ เสร็จธุระแล้วจะได้ไปเสียให้ลับ
                ครั้นรุ่งขึ้นองค์เสาวคนธ์ก็ทรงพรตเป็นฤาษี ออกนั่งที่แท่นรัตน์ชัชวาล พร้อมเสนาข้าเฝ้าเหล่าอำมาตย์แล้ว พระอัคคีก็ดำรัสตามโบราณ มอบสมบัติให้โอรสองค์วาโหมครองเมืองวาหุโลม นางธิดาอายุสิบห้าปี ให้เป็นที่อัคเรศเกศกำนัล นายด่านชานชลาเป็นอุปราช ราหูเป็นเจ้าเมืองตะวีน ตรีเมฆเป็นมหาเสนาบดี พระกาลด่านให้เป็นผู้รั้งด่านชานกรุง นอกนั้นบรรดาที่ช่วยรบให้แทนที่ตรีเมฆ ราหู เป็นผู้รั้ง บุตรชายนายด่านอายุได้สิบปี เป็นผู้รั้งเมืองด่านชานชลา แล้วพระอัคคีก็สั่งวาโหม ให้อุปถัมภ์บำรุงชาวกรุง ให้ตั้งอยู่ในยุติธรรม
    ปรึกษาความตามบทในกฎหมาย อย่ากลับกลายว่ากล่าวให้ก้าวเฉียง
    ผู้ใดดีมีวิชาเอามาเลี้ยง จึงต้องเยี่ยงอย่างกษัตริย์ขัตติยา
    คิดกำจัดศัตรูโจรผู้ร้าย ให้หญิงชายชื่นจิตทุกทิศา
    มีโทษกรณ์ผ่อนผันกรุณา ให้เย็นใจไพร่ฟ้าประชาชน
    หนึ่งม้ารถคชสารทหารรบ ให้รู้จบเจนศึกเฝ้าฝึกฝน
    แม้มีผู้ยุยงอย่างหลงกล อย่าคบคนสอพลอทรลักษณ์
    ใครข้องขัดทัดทานอย่าหาญฮึก ค่อยตรองตรึกชอบผิดคิดหน่วงหนัก
    แม้มีผู้รู้มาสาพิภักดิ์ ให้ยศศักดิ์สมควรอย่าชวนชัง
                แล้วบอกลาวาโหมกลับไปลงเรือเดินทางต่อไปในทะเล เพื่อโปรดสัตว์ต่อไป วาโหมได้ฟังก็อาลัยในพระอัคคี จึงทูลตนคิดว่าพระอัคคีเป็นเหมือนพระบิดา เมื่อเดินทางไปเป็นที่สบายสิ้นกังวลแล้ว ก็ขอนิมนต์กลับมายังธานี พระอัคคีรับคำแล้ว พอเวลาโพล้เพล้ก็ออกเดินทาง
                พระอัคคีมิได้ลาสิกขาบท ส่วนพวกขอเฝ้าพากันสึก สุดสาครก็อดใจรออยู่จนสามเดือน ในที่สุดก็เข้าไปไต่ถามองค์เสาวคนธ์
    จะบวชไปให้เป็นขรัวใช่ตัวเปล่า เป็นเมียเขาเจ้าของยังครองหวง
    เหมือนเป็นหนี้มิใช่น้อยเขาคอยทวง จะลุล่วงไปได้หรือเขาดื้อดึง
    ฯลฯ
                สุดสาครเข้าเล้าโลมจนองค์เสาวคนธ์ต้องลาพรต สุดสาครถามนางว่า ที่หนีมานั้นหมายจะไม่กลับเมือง สิ้นอาลัยในชนกชนนีแล้วหรือ ตนจะได้ลานางไป นางก็ตอบว่าเป็นเพราะเคราะห์กรรมที่ทำไว้ จะกลับไปเฝ้าก็แสนอาย อยู่ไปก็แสนอายจึงขอลาก้มหน้าตาย สุดสาครก็ปลอบประโลมนางบอกว่า ตนแกล้งว่าเล่นเพื่อหยอกนาง แล้วบอกว่าเดิมทีมิได้ตรึก ให้ลึกซึ้งจะกลับไปพระบิดาพระมารดา คงยังขัดเคืองอยู่
    ถ้าหากว่าฝ่าละอองสองกษัตริย์ เกิดวิบัติแปรปรวนประชวรไข้
    หรือธานีมีศึกนึกจะไป ทำชอบให้หายผิดที่ติดพัน ฯ
                สุดสาครจึงให้แต่งเรือน้อยคอยเหตุไปคอยเฝ้าคอยเหตุ ถ้ามีอันตรายมาถึงเมืองก็จะไปช่วย เพื่อทดแทนความผิดที่คิดหนีมา

    ตอนที่ ๕๒ พระอภัยมณีทำศพท้าวสุทัศน์

                กล่าวถึงเรื่องเมืองลังกา ตั้งแต่ผัวกลับกองทัพไปต่างครองครรภ์รัดทนสลดจิต จนครรภ์ได้สิบเดือน องค์ละเวงวัณฬาคลอดหน่อนาถเป็นชายเหมือนพระบิดา พระมารดาให้ชื่อว่า พระมังคลา นางรำภาสะหรี่มีโอรส เหมือนพระศรีสุวรรณชื่อ วลายุดา นางยุพามีบุตรเหมือนสินสมุทชื่อ วายุพัฒน์ นางสุลาลีมีบุตรเหมือนสุดสาครชื่อ หัสกัน
                พระมังคลากับวลายุดา อยู่กับบาทหลวง  วายุพัฒน์กับหัสกันอยู่กับพระปีโป

    ตั้งพากเพียรเรียนหนังสือถือฝรั่ง อาจารย์สั่งสอนสิกขาเยวาโห
    ดูตำราฟ้าดินค่อยภิญโญ ไม่มีโรคาพานสำราญใจ ฯ
                กล่าวถึงเจ้าเมืองการะเวก ครั้นผู้เกี่ยวดองยกทัพกลับไปแล้ว พระหัสไชยก็สร้อยเศร้าเปล่าใจ คิดคะนึงถึงลูกสาวเจ้าเมืองผลึก สร้อยสุวรรณ จันทร์สุดา
    แต่ดิ้นโดยโหยหวนคร่ำครวญคิด มิรู้ลืมปลื้มจิตกนิษฐา
    จำจะคิดบิดผันจำนรรจา ลาบิดาชนนีตามพี่นาง
    ฯลฯ
                แล้วจะได้ไปเมืองผลึกได้พบกับสองน้องนาง พอรุ่งสว่างโสรจสรงทรงเครื่องแล้ว ก็ไปเฝ้าพระชนนี กรุงกษัตริย์ตรัสถามพระโอรสว่า มีทุกข์ร้อนเรื่องใด พระโอรสทูลว่า พระพี่นางออกเดินทางไปโดยไม่ทราบเหตุ พระเชษฐาตามไปก็หายสูญไปด้วย จึงขอทูลลาเที่ยวตามหาทั้งสององค์
    พระฟังคำห้ามบุตรสุดสวาท เขาตัดขาดเชื้อสายจึงหน่ายหนี
    อย่าตามไปให้ลำบากยากโยธี อยู่บุรีเช้าค่ำให้สำราญ ฯ
                พระหัสไชยได้ฟังก็ทูลตอบว่า ตนมีความอาลัยพระพี่นางยิ่งนัก ด้วยเห็นพบเห็นพระพักตร์กันสองพี่น้อง ทั้งพระพี่นางก็เป็นหญิง ไม่รู้ว่าจะผินหน้าไปหาใคร พระปิตุรงค์ได้ฟังก็สงสาร รำคาญใจจึงตรัสว่า
    จึงว่าพ่อไม่ห้ามตามแต่จิต เมื่อขืนคิดรักใคร่ก็ไปหา
    ตามลำพังพี่น้องกันสองรา แต่อย่าว่าข้าใช้ให้ไปตาม ฯ
                พระหัสไชยได้ฟังก็ทูลลาพระบิดามาเตรียมตัวออกเดินทาง โดยทางเรือใช้เรือกำปั่นมีคนประจำหนึ่งพันคน พอรุ่งขึ้นก็ออกเดินทางตั้งเข็มจะไปเข้าอ่าวเมืองผลึก ระหว่างทางได้ชมฝูงปลา และบรรดาสัตว์น้ำต่าง ๆ ในทะเลไปตามลำดับ และรำพึงถึงพระพี่นางกับลูกสาวเจ้าเมืองผลึก
    ทั้งกุ้งกั้งมังกรสลอนสล้าง  บ้างดำบ้างผุดฟูเป็นคู่สอง
    พวกเหราม้าน้ำคล่ำคะนอง  บ้างพ่นฟองฟุ้งฟ้าฝูงปลาวาฬ
    ฯลฯ
    เงือกมนุษย์ผุดกลุ้มทั้งหนุ่มสาว ล้วนผมยาวประบ่ามีตาหู
    บ้างเหมือนแพะแกะกายกลายเป็นงู ขึ้นฟ่องฟูคลื่นเสียงครื้นเครง
    ฯลฯ
    คิดคะนึงถึงพี่เป็นที่รัก เคยพร้อมพักตร์ปรีดิ์เปรมเกษมสรวล
    เคยคิดบอกดอกสร้อยน้องคอยทวน เคยชี้ชวนชมฟ้าดาราราย
    ฯลฯ
    แล้วรำพึงถูกลูกสาวเจ้าผลึก จะรำลึกถึงพี่มั่งหรือทั้งสอง
    ฝาแฝดคู่ดูดีทั้งพี่น้อง ประไพพริ้มยิ้มย่องละอองนวล
    ฯลฯ
    ดูเรือช้ากว่าทุกครั้งสั่งคนใช้ ให้แทรกใบซ้ายขวาผูกผ้าขึง
    ทุกคืนค่ำร่ำใช้ใบตะบึง จนเข้าถึงอ่าวผลึกดึกสองยาม
                ให้เรือจอดทอดสมออยู่หน้าด่าน ทหารเห็นรู้จักด้วยมีความเกี่ยวดองของทั้งสองเมือง จึงปล่อยให้เข้าไปวัง
    กำปั่นจอดทอดท่าหน้าฉนวน ขุนนางชวนกันมารับคอยคับคั่ง
    พระทรงอาสน์ราชสุวรรณบัลลังก์ เข้าในวังคอยเฝ้าเจ้านคร ฯ
                พระอภัยเรียกหัสไชยเข้าไปเฝ้า แล้วตรัสถามถึงสองกษัตริย์และข่าวคราวของพระพี่นาง หัสไชยทูลว่า สองกษัตริย์พร้อมทั้งเสนาใน และไพร่พลอยู่พร้อมดีบริบูรณ์ แต่พระพี่นางกับพระเชษฐาหายสูญไป ไม่ทราบว่าดีร้ายประการใด พระอภัยได้ฟังจึงตรัสว่า พระองค์ก็ไม่ได้นอนใจ ให้เวียนไปสืบเรื่องยังทุกเมือง
    แต่เรือใช้ใหญ่น้อยสักร้อยเศษ คอยฟังเหตุเช้าเย็นก็เห็นหาย
    หมอดูดีที่ไหนก็ให้ทาย ว่าไม่ตายแต่จะมายังช้านาน
                แล้วตรัสชวนให้พระหัสไชยคอยฟังข่าวอยู่ที่เมืองผลึก เมื่อใครไปพบก็จะพากันไปตามพระพี่นาง ฝ่ายพระมเหสีได้พบพระหัสไชยก็ดีพระทัย ตรัสว่ารำลึกถึงอยู่เสมอ เพราะเคยเพื่อนชีวิตที่สนิทสนม พระหัสไชยทูลตอบว่า น้ำใจของตนนั้นมีความผูกพันกับพระมเหสี เหมือนเป็นพระชนนีผู้ให้กำเนิด ตนออกตามพระพี่นางมิได้แจ้งกิจจา จึงแวะมาอภิวาทบาทบงส์ พระมเหสีจึงเรียกพระบุตรีพี่น้องทั้งสององค์ ให้มาอัญชลีพระพี่ยาหัสไชย แล้วจัดให้หัสไชยพักอยู่ปราสาทเดียวกัน
                พระหัสไชยสองพระบุตรีร่วมเสวย แต่ทั้งสองนางแกล้งหนีออกนอกฉากไปจากห้อง พระหัสไชยตรัสร้องเรียกก็ไม่กลับไปหา พระหัสไชยไม่ยอมเสวยเลยหลับไป พระมเหสีเห็นเครื่องอานพานตั้งอยู่ค้างอยู่ จึงถามนางกำนัลในได้ความแล้ว จึงไปว่ากล่าวสองพระธิดา ทั้งสองนางไม่อาจขัดจึงหักความอาย แล้วไปปลุกหัสไชยให้มาเสวยด้วยกัน พระหัสไชยต่อว่าสองนางที่ไม่ทำตัวเหมือนเมื่อครั้งอยู่ที่ลังกา สองนางก็กล่าวแก้ตัวด้วยประการต่าง ๆ ในที่สุดก็ทูลว่า
    น้องก็รู้ในจิตว่าสิทธิ์ขาด เป็นข้าบาทบทเรศพระเชษฐา
    ฆ่าก็ตายขายก็ขาดตามอาชญา จงเมตตาอย่างให้น้องนี้ต้องตี ฯ
                พระหัสไชยให้สองนางร่วมเสวยด้วย และไต่ถามนามกับข้าว สองนางก็ทูลชี้ถวายต่างต่างกัน
    ไก่พะแนงแกงเผ็ดกับเป็ดหั่น ห่อหมกมันจันลอนสุกรหัน
    ทั้งแกงส้มต้มขิงทุกสิ่งอัน กุ้งทอดมันม้าอ้วนแกงบวนเนื้อ
    ฯลฯ
                พระหัสไชยคิดรำพึงถึงสองพระธิดาตั้งแต่ครั้งเมื่อยังเยาว์ มาจนถึงปัจจุบัน
    ดูทำนองสององค์พระนงนุช ยังซื่อสุจริตรักเราหนักหนา
    แต่คราวเคราะห์เพราะมาพ้องกันสองรา ต้องเกี้ยวฝาแฝดคู่อยู่จริงจริง
    ฯลฯ
                ฝ่ายพระสินสมุทเป็นอุปราชเมืองผลึก ทราบว่าหัสไชยมาถึงเมืองก็ชวนอรุณรัศมีไปถามข่าวเสาวคนธ์ จึงพากันไปเฝ้าพระชนนี ได้พบสองพระธิดากับหัสไชย จึงตรัสถามหัสไชยถึงองค์เสาวคนธ์ พระหัสไชยก็ทูลความให้ทราบว่า
    เที่ยวสืบถามตามรอบทุกขอบเขต ทั่วประเทศใหญ่น้อยร้อยภาษา
    ไม่ได้ข่าวหราวที่พระพี่ยา ทั้งเชษฐาสูญความไปตามกัน ฯ
                พระสินสมุทได้ฟังจึงตรัสว่า ที่เป็นดังนั้นเพราะเทวีเสาวคนธ์มีเวทมนต์ขยัน คนอื่นจึงตามไปไม่ทัน แต่สุดสาครตามไปคงจะพบ อีกไม่นานก็คงได้กลับคืนมา จึงขอให้หัสไชยอยู่ชมบ้านเมืองของตน ให้ปรีดาก่อนแม้ว่าประสงค์จำนงใด ก็จะหามาให้สมมาดปรารถนา ฝ่ายอรุณรัศมีบอกว่า ถ้ารู้ว่าองค์เสาวคนธ์คิดหนีตนจะขอไปด้วย เพื่อสร้างพรตบวชเรียนสวดมนต์ สินสมุทได้ฟังจึงว่า
    สินสมุทว่านี่แน่แม่อรุณ อยากได้บุญง่ายดอกจะบอกให้
    ถือศีลห้าอย่าหึงโกรธขึ้งใคร ก็จะได้โสดาไม่ช้าที
    ฯลฯ
                กลับกล่าวถึงท้าวสุทัศน์เจ้าเมืองรัตนา พระชนม์ได้ร้อยยี่สิบปี มีพระอาการลืมหลง เป็นลมปะทะพระหทัยแล้ว สวรรคตเมื่อเวลาไก่ขัน พระมเหสีเห็นพระสามีสวรรคตก็โศกกำสรดสิ้นกำลัง ประกอบกับทรงชราภาพจึงสวรรคตไปอีกองค์ ฝ่ายเสนาบดีจึงแต่งสารทูลเรื่องราวไปยังพระโอรส
                อำมาตย์ผู้ถือสารเดินทางโดยเรือสำเภาใช้เวลาสามเดือนครึ้งถึงเมืองรมจักร แล้วถวายใบบอกกษัตริย์ศรีสุวรรณ ได้ทรงทราบแล้วก็พระทัยวับ เศร้าโศกยิ่งนักจึงซักถามว่า
    อ้ายพวกแพทย์พิทยาโหราศาสตร์ มันไม่คาดชันษาอยู่หาไหน
    หนึ่งแสนสาวท้าวนางพวกข้างใน ทำไมไม่รู้ที่จะนิพพาน ฯ
                ฝ่ายอำมาตย์ก็ทูลตอบให้ชอบใจด้วยประการต่าง ๆ
    เมื่อวันพระจะนิพพานสำราญรื่น จนเที่ยงคืนฟังศัพท์เหมือนหลับไหล
    เงียบสงัดตัดบ่วงไม่ห่วงใย ทั้งเวียงชัยชมบุญมุลิกา ฯ
                พระศรีสุวรรณจึงสั่งให้อำมาตย์ผู้ถือสารไปทูลมูลเหตุ เชิญพระเชษฐารีบเดินทางแล้วให้ทูลว่า พระองค์พร้อมเหล่าพหลพลนิกาย จะถวายบังคมลาล่วงหน้าไปก่อน
                ครั้นถึงเวลาเช้าพระศรีสุวรรณกับพระมเหสีเกษรา พร้อมเสนีสนมกรมในลงกำปั่นออกเดินทาง เป็นเวลาสามเดือนก็ถึงเมืองรัตนา เข้าไปอภิวาทพระศพครวญคร่ำรำพันถึงพระชนกชนนี ด้วยประการต่าง ๆ เป็นอันมาก เมื่อบรรเทาโศกแล้ว จึงตรัสสั่งเสนาในให้ทำพระเมรุ และเตรียมการต่าง ๆ ไว้คอยท่าพระเชษฐา
                ฝ่ายทูตถือหนังสือถึงเมืองผลึก พวกเสนาพาเข้าเฝ้าพระอภัยแล้ว ให้อ่านสารมีความว่า พระชนกชนนีนั้นเมื่อ
    เดือนแปดปีวอกตะวันสายัณห์ค่ำ สิบเอ็ดค่ำพุธวันขึ้นบรรจถรณ์
    ฤกษ์อรุณทูลกระหม่อมจอมนิกร สองภูธรท้าวสวรรค์ครรไล
    จึงจัดแจงแต่งพระศพครบเยี่ยงอย่าง ไว้บนปรางค์ปราสาททองอันผ่องใส
    ต้องขึ้นป้อมล้อมวงระวังภัย จงทราบใต้บาทบงส์พระทรงยศ ฯ
                พระอภัยได้ฟังสารแล้ว ดังหนึ่งใจจะขาดมีความโศกกำสรดยิ่งนัก แล้วตรัสสั่งสินสมุทให้เตรียมพหลพลขันธ์ออกเดินทาง ในเช้าวันรุ่งขึ้น เกณฑ์กำปั่นไปยี่สิบลำ จากนั้นจึงเสด็จไปบอกพระมเหสีบอกให้อยู่ดูแลเมืองแทนพระองค์ พระมเหสีได้ฟังก็สังเวช และขอติดตามไปด้วยจะได้ช่วยการ
    แม้ให้อยู่ดูเหมือนเฉยแกล้งเลยละ ข้างฝ่ายพระอนุชาจะว่าขาน
    ขอให้ได้ประณตบทมาลย์ ส่งสักการภูวเรศเหมือนเกศรา ฯ
      พระโลมเล้าโฉมเฉลาว่าเจ้าพี่ พระชนนีชรานักอยู่รักษา
    ทั้งลูกน้อยสร้อยสุวรรณ จันทรสุดา เหมือนมณฑามาลีซึ่งมีรส
    ภูมรินปิ่นเคล้าแม่เจ้าของ ไม่ปกป้องดอกดวงจะล่วงหมด
    อันน้ำตาลหวานวางไว้ข้างมด มดจะอดได้หรือน้องตรึกตรองดู
    แต่เท้ามีสี่เท้ายังก้าวพลาด จะเสียชาติเสียยศได้อดสู
    คำโบราณท่านว่าไว้เป็นครู เจ้าจงอยู่สอนสั่งระวังระไว
                พระมเหสีทูลว่า หน่อกษัตริย์หัสไชยนั้นเมื่อครั้งรบลังกา มีความจงรักภักดีเป็นที่สุด เหมือนเป็นบุตรสุดสวาท หาไม่แล้วสองธิดาคงจะไม่รอดกลับมา อนึ่งเจ้าเมืองการะเวกก็หวังอภิเษกหน่อไทสุดสาครเป็นเขย จึงไม่ได้ห้ามให้เป็นไปตามบุญ ด้วยคุ้นเคยกัน และเห็นว่าสองลูกน้อยสร้อยสุวรรณ จันทรสุดานั้นไม่ผ่าเหล่า และว่า
    จะดูวัวชั่วดีก็ที่หาง จะดูนางดูแม่เหมือนแลเห็น
    แม้ลูกยางห่างต้นหล่นกระเด็น ก็จะเป็นตามเหล่าตามเผ่าพันธุ์
                พระอภัยได้ฟังจึงตรัสว่า พระองค์ก็รักหัสไชยมากจะหวงลูกไว้ทำไม แต่จะใคร่ให้งามตามกษัตริย์มอบสมบัติ และจัดการอภิเษกให้ ขณะนี้หัสไชยก็ได้มาอยู่ในเมืองผลึกด้วย แล้วถ้าพาพระธิดาไปก็จะเหมือนว่า แกล้งพรากจากกันก็จะเกิด ความรัดทดเศร้าหมอง จะให้ลูกอยู่ก็เหมือนเป็นใจ จะแกล้งให้ลูกยาเป็นราคี แล้วสรุปว่า
    เจ้าอยู่ด้วยช่วยบำรุงกรุงผลึก ทั้งข้าศึกเกรงสง่ามารศรี
    จัดแต่เหล่าสาวสรรค์พวกขันที ไปกับพี่แต่พอให้ช่วงใช้การ ฯ
                ฝ่ายสินสมุทจัดแต่งกำปั่นยี่สิบลำ ปืนประจำลำละร้อยกระบอก เมื่อทั้งหมดพร้อมแล้ว พอลมส่งก็ออกทะเลลึก ตั้งเข็มข้างทิศเหนือ ใช้เวลาเจ็ดเดือนก็ถึงเมืองรัตนา แล้วเข้าไปอัญชลีพระศพพระชนกชนนี
      หน่อนรินทรสินสมุททั้งนุชน้อง ก้มกราบสองพระศพซบเกศา
    ทั้งสี่องค์พงศ์กษัตริย์ขัตติยา ชลนานองตกซกกระเซ็น ฯ

    • Update : 15/6/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch