หลวงพ่อคูณน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอีก 1 กิโลกรัม เป็น 41 กิโลกรัม ขณะที่คณะแพทย์เตรียมลดการเจาะเลือดตรวจระดับน้ำตาลจากวันละ 4 ครั้ง เหลือ 2 ครั้ง หลังสามารถควบคุมระดับน้ำตาลสู่ภาวะปกติ
อาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ซึ่งพักรักษาอาการอาพาธวัณโรคปอด อยู่ที่ห้องผู้ป่วยพิเศษ วีไอพี 9821 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 8 โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2554 โดยคณะแพทย์ได้ให้ยาวัณโรคเข้าสู่สัปดาห์ที่ 5 ให้อาหารโดยการใส่สายยางผ่านช่องโพรงจมูกนั้น ล่าสุดหลวงพ่อคูณมีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 41 กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากตอนที่หลวงพ่อคูณเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชในวันแรก ที่น้ำหนักเพียง 35 กิโลกรัม
นายแพทย์พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหลอดเลือดและหัวใจโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เปิดเผยว่า อาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่มีไข้ ระดับน้ำในปอดและการอักเสบของปอดของหลวงพ่อคูณเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ สามารถรับอาหารเหลวผ่านทางระบบสายยางได้ดี ทำให้หลวงพ่อคูณมีระดับน้ำตัวเพิ่มขึ้นอีก 1 กิโลกรัม เป็น 41 กิโลกรัม จากเดิมที่เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลในครั้งแรกมีน้ำหนักตัวเพียง 35 กิโลกรัม แต่อย่างไรก็ตามการที่น้ำหนักตัวหลวงพ่อคูณเพิ่มขึ้นอีก 1 กิโลกรัม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าร่างกายของหลวงพ่อคูณให้การตอบสนองการรับอาหารเหลวและการรักษาเป็นอย่างดี
คณะแพทย์ได้มีการปรึกษากันถึงเรื่องการลดการเจาะเลือดหลวงพ่อคูณเพื่อตรวจวัดระดับในกระแสเลือด จากเดิมวันละ 3-4 ครั้ง จะให้เหลือวันละ 1-2 ครั้ง หลังจากที่ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดคณะแพทย์สามารถให้ยาเบาหวานจนสามารถควบคุมระดับน้ำตาลอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยได้ อีกทั้งเพื่อลดอาการเครียดของหลวงพ่อคูณที่จะต้องเจาะเลือด อย่างไรก็ตามคณะแพทย์ก็ยังคงเป็นห่วงเรื่องของภาวะแทรกซ้อนต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นกับหลวงพ่อคูณได้ เนื่องจากหลวงพ่อคูณมีอายุมากแล้ว อีกทั้งอาจจะเกิดจากสภาพร่างกายหรือระบบภายในร่างกายของหลวงพ่อคูณเอง ขณะที่คณะแพทย์ได้สั่งกำชับให้ลูกศิษย์ที่ดูแลหลวงพ่อคูณ หมั่นพลิกตัวหรือเปลี่ยนอิริยาบทให้กับหลวงพ่อคูณ ทุก 2 ชั่วโมง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอับชื้นของเหงื่อที่มีการสะสมจากการนอนเป็นระยะเวลานานเพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับบริเวณด้านหลัง