หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พระอภัยมณี/33
    นางอรุณลมแค้นว่าแสนชาติ กูหาปรารถนาเป็นข้าไม่
    ถึงบิดาฆ่าฟันให้บรรลัย กูก็ไม่คบหาสมาคม
                นางรำภาตอบคำอรุณรัศมี หาว่านางเกี้ยวพระบิดา ท้าวทศวงศ์จึงตรัสห้ามหลานไว้ว่าอย่าไปพูดจากับทาสี ศรีสุวรรณนั้นฟั่นเฟือนคิดได้แล้วก็กลับไหลหลงใหม่ พราหมณ์พี่เลี้ยงจึงเข้าพูดจาปลอบศรีสุวรรณ
                ฝ่ายเสาวคนธ์ทรงสิงห์ออกจากค่าย เห็นสุดสาครอยู่เคียงกับนางสุลาลีวันก็ยิ่งคิดแค้น จึงโต้ตอบคำกับสุดสาครด้วยประการต่าง ๆ แล้วเข้ารุกรบสุลาลีวัน สุดสาครก็คอยป้องกันให้นางไว้
                ฝ่ายองค์สุวรรณมาลีกับลูกน้อย สร้อยสุวรรณจันทรสุดา พร้อมทั้งหัสไชยที่ขับรถให้ออกจากค่ายตรงไปยังรถของพระอภัย
      ฝ่ายละเวงเกรงผัวกลัวจะกลับ คอยกำกับเสกเป่าเป็นเก้าหน
    แล้วยคุมเชิงชิงจะจับเมื่ออับจน พระต้องมนต์นางวัณฬาลืมมาลี
    ฯลฯ
                องค์สุวรรณมาลีและสองพระธิดา อ้อนวอนพระอภัยด้วยประการต่าง ๆ
    คราวนี้ปะพระองค์ดำรงราชย์ ขอเชิญบาทปรเมศไปเขตขัณฑ์
    บำรุงราษฎร์ศาสนาเป็นสามัญ เป็นฉัตรกั้นเกศาประชาชน
    ฯลฯ
                องค์ลูกสาวเจ้าลังกาเห็นว่าพระอภัยจะไม่ฆ่าลูกเมีย จึงแกล้งพูดว่ากล่าวเสียดสีพระมเหสีด้วยประการต่าง ๆ แล้วให้ไพร่พลเข้าล้อมไว้  องค์สุวรรณมาลีไม่กลัว ร้องท้าให้องค์ละเวงมาสู้กันตัวต่อตัว  นางจึงขอให้พระอภัยเป่าปี่ให้หลับแล้วจะจับเป็น
                พระอภัยจับปี่ที่ใส่ไว้ในเสื้อ พระบุตรีเห็นจึงปล่อยนกออกไปสองตัว
    นกกาสักปักษีเห็นผีสาง เข้าจิกนางการวิกเข้าจิกผัว
    จะตีรันมันเท่าไรมันไม่กลัว จะจับตัวก็ไม่อยู่มันสู้รบ
                พระอภัยไม่ทันได้เป่าปี่ เฝ้าแต่ปัดนกอยู่ ปี่พลัดตกลง  องค์ละเวงก็ขับไพร่พลเข้ารุกรบ แล้วทั้งสองฝ่ายก็เข้ารบกันเป็นหลายคู่ นายทัพฝ่ายเมืองผลึกปล่อยนกให้ช่วยจิกตีนายทัพฝ่ายเมืองลังกา
                ฝ่ายบาทหลวงเป็นห่วงลูกสาวเจ้าสิงหล จึงขึ้นไปบนป้อมดูไพร่พลโยธีเข้าตีค่ายอยู่จนบ่ายเย็น ค่ายก็ยังไม่แตก จึงให้กองนอกบอกพวกที่เข้าปล้นค่ายหลีกทางปืน แล้วยิงปืนใหญ่ถูกค่ายทลายลงื แล้วยิงพลับพลาทลายลงอีกหลายหลัง ทั้งสองฝ่ายรบกันอย่างไม่ลดละ
      พออากาศฟาดเปรี้ยงเสียงสนั่น เป็นหมอกควันมืดมิดทุกทิศา
    พวกรบสู้ดูเหมือนไม่มีตา ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลใด
    ประเดี๋ยวดังหงั่งเหง่งเสียงเครงครึก ลั่นพิลึกโลกาสุธาไหว
    เป็นฝนฟุ้งทุ่งท่าพนาลัย ทุกนายไพร่หนาวทั่วทุกตัวคน
    ฯลฯ
    แต่บรรดาข้าศึกไม่นึกร้าย ทั้งสองฝ่ายเหลือทนปนกันได้
    ด้วยเพลิงอุ่นรุนเบียดเสียดเข้าไป ทั้งนายไพร่ล้อมรอบขอบคีรี
    บรรดาเหล่าเผ่าพงศ์องค์กษัตริย์ มาเยียดยัดอยู่กับเหล่านางสาวศรี
    เพลิงสว่างต่างอุ่นเห็นมุนี  พระโยคีนั่งอยู่ในกองไฟฮือ
    กับปาโมกข์โลกเชษฐ์สังเกตแน่ ดูรู้แท้พวกทัพต่างนับถือ
    ทิ้งหอกดาบกราบก้มประนมมือ ไม่อึงอื้ออุบอิบซุบซิบกัน
    ที่ต้องถูกหยูกยาถูกฟ้าฝน  ก็สร่างมนต์เหมือนก่อนดังนอนฝัน
    ฝ่ายพวกพระอภัยมณีศรีสุวรรณ มาพร้อมกันกราบก้มประนมกร
    ฯลฯ
                ฝ่ายพวกนางละเวงก็เกรงหมด บรรดาไพร่พลได้ฝนช่วยจึงไม่ตาย แล้วก็พากันแลดูพระมุนี  พระโยคีจึงเทศนาว่า
    ถือรูปรสกลิ่นเสียงไม่เที่ยงแท้ ย่อมเฒ่าแก่เกิดโรคโศกสงสาร
    ความตายหนึ่งพึงให้เห็นเป็นประธาน หวังนิพพานพ้นทุกข์สนุกสบาย
    ซึ่งชาวเมืองเคืองเข็ญถึงเช่นนี้ เพราะโลกีย์ตัณหาพาฉิบหาย
    อันศีลห้าว่าอย่าทำให้จำตาย จะตกอบายภูมิขุมนรก
    ฯลฯ
    อย่าโกรธขึ้งหึงสาพยาบาท นึกว่าชาติก่อนกรรมจะทำไฉน
    เหมือนดุมวงกงเกวียนวนเวียนไป อย่าโทษใครนี่เพราะกรรมจึงจำเป็น
    ประการหนึ่งซึ่งขาดพระศาสนา ทั้งโลกาเกิดทุกข์ถึงยุคเข็ญ
    ซึ่งจะกลับดับร้อนให้ผ่อนเย็น ก็ต้องเป็นไมตรีปรานีกัน
    ฯลฯ
    อย่าโทษเขาเราก็ผิดให้คิดเห็น จึงจะเป็นสัตย์ธรรม์ในสัณฐาน
    จะปรองดองครองสัตย์ปฏิญาณ ถือศึลทานเถิดอย่าหมายทำลายกัน
    ฯลฯ
      ฝ่ายกษัตริย์ขัตติยาสิบห้ากษัตริย์ ต่างจบหัตถ์สาธุสะพระฤาษี
    โปรดปรึกษาว่าให้เห็นเป็นไมตรี ข้าเห็นดีพร้อมพรักจะรักกัน
    ฯลฯ
      พระโยคีปรีดาว่าสาธุ สืบอายุยืนยงอสงไขย
    แล้วเคลื่อนคลายหายวับไปฉับไว อโณทัยใสสว่างกระจ่างตา
    ฯลฯ
                องค์ละเวงวัณฬาเชิญกษัตริย์ทุกองค์เข้าพักในนิเวศน์วัง แล้วขอให้ประทับอยู่ลังกาให้นานหน่อยแล้วค่อยไป
                ฝ่ายพระอภัยได้ทรงสนทนาปราศรัยกับพระญาติพร้อมทั้งเสาวคนธ์และหัสไชย ฝ่ายสามนางต่างกราบไหว้ขอสมา นาง
    รัมภามาอภิวาทองค์เกษรา นางยุพาสุลาลีวันมาอัญชลีพระบุตรีเสาวคนธ์ ทั้งสององค์ก็รับคำนับรับคำแล้วพูดจาปราศรัยเป็นไมตรี ต่างสิ้นสิ่งหึงสากัน
                ฝ่ายทิศาปาโมกข์เอาไม้เท้าที่ฤาษีฝากไว้มาส่งให้สุดสาคร แล้วบอกความตามหนังสือที่พระฤาษีเขียนไว้ที่แผ่นผาหน้าสิงขร แล้วลากลับไป  สุดสาครดีใจยิ่งนักที่ได้ไม้เท้ากลับคืนมา
    จบพระคุณมุนีเหนือศิโรตม์ ด้วยมาโนชกตัญญูต่อครูเฒ่า
    เคยดับร้อนสอนสั่งแต่ยังเยาว์ ยังโปรดเกล้ากรุณาถึงครานี้ ฯ
                ฝ่ายสิบห้ากษัตริย์ใคร่แจ้งอรรถตามหนังสือพระฤาษี จึงพากันมาที่แผ่นผาหน้าคีรี เห็นบาลีจารึกไว้เป็นอักษรว่า
    ว่าทุกข์สุขชั่วดีเป็นสี่สิ่ง ให้ชายหญิงหยั่งคิดเป็นปริศนา
    กับข้อหนึ่งซึ่งเกิดกำเนิดมา มีหูตาปากจมูกสิ้นทุกคน
    ฯลฯ
    เมื่อใครไม่เห็นหน้าหากระจก จะช่วยยกเงาส่องให้ผ่องศรี
    อนึ่งนั้นตัณหาตาไม่มี ไม่เห็นที่ทางสวรรค์เป็นสันดาน
    อนึ่งว่าตาบอดสองตาเห็น ให้คิดเป็นทางธรรมพระกรรมฐาน
    สืบกุศลผลผลาปรีชาชาญ  ตามโบราณรักษาสัจจาใจ ฯ
                แล้วกษัตริย์ทั้งหมดก็เข้าไปพักในวัง องค์ละเวงจัดแจงแต่งโต๊ะทองของเสวยสามเวลา เลี้ยงบรรดาพงศ์กษัตริย์ทั้งหมด แล้วทูลพระอภัยกับองค์อัครชายาว่า ที่ท้ายวังมีภูเขาที่เกิดเพชรนิล
    อันรุ้งแก้วแวววาวเขียวขาวเหลือง อร่ามเรืองรายงอกออกนอกหิน
    แล้วร่วงหล่นกล่นกลาดดาษแผ่นดิน ไม่รู้สิ้นสืบสำหรับกับลังกา
    ฯลฯ
                ต้องก่อกำแพงล้อมรอบมีคนเฝ้ารักษา สำหรับให้เจ้าแผ่นดินลังกาเก็บจินดาไปขาย เอาเงินมาให้ทาน แล้วเชิญทุกพระองค์ไปชมสถานที่ดังกล่าว

    ตอนที่ ๔๕ นางเสาวคนธ์ขูดโคตรเพชร

                ฝ่ายพระอภัยคิดจะพาองค์วัณฬาไปอยู่ร่วมเมือง ก็เกรงองค์สุวรรณมาลีจะไม่ยอม จึงตรัสว่า พรุ่งนี้จะไปชมสวนเพชรนิลจินดา แล้วจะพักอยู่สักสองสามเวลา จากนั้นจะเลิกทัพกลับไปเมืองรมจักร เพื่ออภิเษกหลานรัก แล้วจะไปเมืองการะเวก คิดจะอภิเษกปลูกฝังทั้งลูกหลาน คิดจะให้องค์วัณฬาไปช่วยงานอภิเษกเอกโอรส แต่ไม่มีคนอยู่เมืองลังกา หนทางก็ไกลเกรงจะเกิดกบฎ จึงขอให้นางอยู่ครองเมืองเลี้ยงโอรสในครรภ์ เมื่อพระองค์ว่างธุระแล้วจะมาหา องค์ละเวงทูลตอบว่า ได้ฤกษ์ดีเมื่อใดจะวิวาห์ นางจะขอตามไป และถ้าเมืองลังกาไม่มีภัย ก็จะตามไปเมืองผลึกกับพี่นางสุวรรณมาลี

      ฝ่ายสุวรรณมาลีปรานีสนอง สงสารน้องหาไหนจะได้เหมือน
    จะรักใคร่ให้สนิทไม่บิดเบือน ประสาเพื่อนผู้หญิงไม่ทิ้งกัน
    ฯลฯ
                แล้วชวนองค์ละเวงไปเมืองด้วยกัน แต่องค์ละเวงทูลว่ารีตฝรั่งในลังกานั้น เมื่อสิ้นบุญแม่พ่อลูกเต้าจะเอาศพไปฝัง แล้วคอยระวังอยู่รักษา ถ้าทิ้งไปคนจะพากันนินทาไปทั่วเมือง
    ว่าทิ้งญาติศาสนาพวกฝรั่ง จะรุมชังรบพุ่งเอากรุงศรี
    นิคมคามพราหมณ์หมู่กระดุมพี ไม่มีที่พึ่งพาจะอาดูร
    ฯลฯ
                จึงขออยู่ที่เมืองลังกาปีหนึ่ง เมื่อระลึกถึงแล้วจะได้ไปหา แล้วสองนางกษัตริย์ก็ลาพระสามีกลับไปห้องของนาง พระอภัยมีเชิงฉลาดในเล่ห์เสน่หา ก็รู้ทำนองของทั้งสองนาง
    อันถ่านเก่าเถ้าคงจะต่อติด แต่ให้คิดเขินขวยด้วยอดสู
    แล้วหวนฮึกนึกว่าเราก็เจ้าชู้ ถึงจะขู่คงปลอบให้ชอบใจ
    ฯลฯ
                แล้วพระอภัยก็ไปห้ององค์สุวรรณมาลีตรัสกับนางว่า ได้จากกันไปสองปีตอนนี้ได้คิดที่ผิดพลั้งไป นางได้ฟังก็ตรัสตอบว่า เชิญพระอภัยไปห้องนางละเวงอย่างเคย นางไม่หึงหวงแต่อย่างใด พระอภัยก็ตรัสอ้อนวอน โดยท้าวความไปถึงเมื่อครั้งนางออกบวช
    แต่จากน้องสองปีเข้านี่แล้ว ต้องคลาดแคล้วมิได้เห็นเหมือนเช่นเขา
    ครั้นมาหาว่าให้นอบก็ค่อนเอา จะให้เปล่าไปแล้วหรือทำดื้อดึง ฯ
                องค์สุวรรณมาลีก็กล่าวกระทบกระเทียบเปรียบเปรย ตัดพ้อว่าด้วยประการต่าง ๆ
    หรือพระมีที่รักไม่พักเรียก เคยสำเนียกนึกได้ทันใจหรือ
    น้องจนใจไม่สันทัดให้หัดปรือ ต้องดึงดื้อด้วยวิบากกระดากกระเด็น ฯ
                พระอภัยได้ฟังจึงตรัสตอบง้องอนด้วยประการต่าง ๆ
    น้อยหรือเจ้าเฝ้าแตแกะแคะที่เจ็บ ทั้งเขี้ยวเล็บซ่อนไว้มิให้เห็น
    เจ้าแหละหรือซื่อราวกับลาวเป็น เคยรู้เช่นชาวผลึกที่ลึกซึ้ง
    ฯลฯ
                องค์สุวรรณมาลีก็กล่าวแก้ย้อนคำพระอภัย ด้วยคารมคมคาย จนพระอภัยออกพระโอษฐ์ยอมแพ้
    มาประเดี๋ยวเฉียวฉุนให้ขุ่นขืน เหมือนเงี่ยนฝิ่นใฝ่ฝันหุนหันหวน
    ว่าชักช้าทางกรรมทำกระบวน  พระจะด่วนไปข้างไหนหรือใครคอย ฯ
      พระแกล้งว่าข้านี้แพ้แก้ไม่หยุด เจ้ามันสุดแสนงอนดังช้อนหอย
    กลับถามไต่ใครเล่าเฝ้าตะบอย ให้ข้าคอยข้างเดียวต้องเที่ยวเชือน
    ฯลฯ
    เกือบจะเป็นเช่นเขาร่ำร้องจ้ำจี้ แม่ม่ายขี่คอนเรือมะเขือเปราะ
    อยากจะใคร่ได้ลูกมาปลูกเพาะ กลับกระเทาะหน้าแว่นเพราะแสนงอน
    ฯลฯ
    ประคองนางวางแท่นแสนสวาท  สัมผัสพาดเพิ่มจิตพิสมัย
    อัศจรรย์ลั่นเลื่อนสะเทื้อนไป ที่ถ่านไฟเก่าดับก็กลับโพลง
    ฯลฯ
                ฝ่ายศรีสุวรรณก็เข้าไปหาองค์เกษราตรัสขออภัยที่ทำผิดไป นางได้ฟังก็มิได้ถือโทษ เพราะเข้าใจดีว่าพระสวามีถูกเวทมนต์ จึงเสียทีหลงเสน่ห์
    เดชะบุญทูลกระหม่อมอยู่พร้อมพรั่ง คิดความหลังแล้วก็ให้จิตใจหาย
    ไม่หึงหวงจ้วงจาบให้หยาบคาย ขอถวายความสัตย์ปฎิญาณ
    ฯลฯ
    ตั้งแต่พี่มิได้พบประสบเจ้า  ดูโศกเศร้าซูบลงน่าสงสาร
    เพราะเริดร้างห่างชมมานมนาน อย่าอยู่งานเลยขยับมาหลับนอน
    ฯลฯ
    อัศจรรย์หวั่นไหวไม่เร่งรัด เป็นลมพัดเรื่อย ๆ เฉื่อยเฉื่อยฉิว
    ช่อใบไม้ไหวกระดิกริกริกริ้ว ระทวยหิวหอบระเหยเลยหลับไป ฯ
      ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลสมร อนาถนอนนิ่งตรับไม่หลับไหล
    ฟังปรึกษาว่าจะกลับกองทัพไป สองกรุงไกรเริ่มงานการวิวาห์
    ฯลฯ
                    เห็นทีว่าสุดสาครจะไปขอตนต่อพระบิดา  แต่แค้นสุดสาครที่ไม่รักหน้า มามีเมียเสียก่อน จนมีลูกกับนางฝรั่ง นางนั้นก็จะหาว่าตนมาชิงผัว คิดไปแล้วก็หมองมัว
    แม้มิพ้นจนใจจะให้อยู่ คงจะสู้ซอกซอนสัญจรหนี
    พรุ่งนี้เช้าเราจะลาไปธานี อยู่ที่นี่อีทมิฬจะนินทา
    ฯลฯ
                    ฝ่ายองค์อรุณรัศมีก็มีความขุ่นใจโกรธสินสมุทที่ไปมีเมียเสียก่อน
    จะเสกสองครองคู่ดูเป็นน้อย ต้องต่ำต้อยเต็มอายสู้ตายเสีย
    คะนึงนอนร้อนใจดังไฟเลีย น้ำตาเรี่ยรดแขนแน่นอุรา
                    องค์อรุณรัศมีได้ยินเสียงสะอื้นของเสาวคนธ์ จึงเข้าไปไต่ถามสาเหตุ  เสาวคนธ์จึงเล่าความในใจให้ทราบ
    เกิดเป็นหญิงสิ่งสำหรับอัปยศ ต้องถอยยศศักดิ์ศรีเพราะมีผัว
    พิเคราะห์ดูบุรุษก็สุดมัว น้องนี้กลัวจะเป็นน้อยถึงย่อยยับ
    จะตั้งสัตย์ตัดขาดในชาตินี้ ไม่ขอมีคู่ครองร่วมห้องหับ
    ขอพี่นางต่างพยานที่การลับ แม้กลายกลับก็มิใช่ใจสตรี ฯ
                    องค์อรุณรัศมีได้ฟังก็บอกว่าตนเองก็เป็นเช่นนั้นและจะไม่ขอมีคู่เช่นกัน
    ต่างคาดคั้นสัญญาประสารุ่น ให้เฉียวฉุนขุ่นข้องไม่ตรองตรึก
    ต่างหยิบมีดกรีดหัตถาเหมือนจารึก ลืมรำลึกจะได้เห็นเหมือนเช่นตรา
    ฯลฯ
                    พอรุ่งเช้า เสาวคนธ์จึงลอบมาบอกนางพราหมณ์ว่าตนจะกลับไปเมืองการะเกด ให้ไปตามบรรดาสาวสรรค์กำนัลในมา นางพราหมณ์เห็นผิดสังเกตจึงทูลว่า องค์วัณฬาจะพาไปชมดอกไม้แก้วเตร็จกับเพชรนิล ให้องค์เสาวคนธ์เลือกเก็บเพชรคู่แผ่นดินอยู่ในมวกหิน อย่าไปเก็บเพชรที่อยู่นอกหิน
    อยู่กลางโขดโคตรเพชรเป็นเม็ดเอก สีเหมือนเมฆหมอกหมดสดสลัว
    แม้เขาให้ได้มาแล้วอย่ากลัว จะลือทั่วไทท้าวทุกด้าวแดน
    ฯลฯ
                    แล้วให้เอาเพชรเม็ดนั้นไปใส่ในภูเขาเมืองการะเกด ก็จะเกิดเพชรงอกออกมาเหมือนรังแตน  นางได้ฟังแล้วก็รับคำนางพราหมณ์เฒ่า  บรรดาพนักงานก็เตรียมเครื่องอานไว้คอยท่าเจ้านายแต่เช้า
                    ฝ่ายองค์วัณฬา รุ่งขึ้นก็มาเฝ้าพระอภัย เชิญไปชมสวนพร้อมกันทั้งสิบห้ากษัตริย์  เมื่อพาขึ้นเนินเพชรแล้วก็เชิญให้ทุกองค์เลือกเก็บเอาไปได้ตามที่ต้องการ
    เรืองจำรัสรัศมีสีต่าง ๆ บ้างเขียวด่างสีกุหร่าดังตากกุ้ง
    บ้างเหลือบลายพรายแพรวแววนกยูง อร่ามรุ่งเรืองงามอยู่วามแวม
    ฯลฯ
                    แต่องค์เสาวคนธ์ไม่เก็บเพชรนิลจินดาใด ๆ เลย  องค์ละเวงจึงถามถึงสาเหตุ
    นางนบนอบตอบว่าถ้าแม้โปรด  จะขอโคตรไข่เพชรก้อนเตร็จหิน
    นางวัณฬาว่าสิ่งไรในแผ่นดิน ฉันให้สิ้นสารพัดไม่ขัดใจ
    นางเสาวคนธ์ค้นเพชรพบเตร็จงอก ดูดังดอกบุษบงไม่สงสัย
    ค่อยสั่นคลอนถอนหลุดหลากสุดใจ แผ่นดินไหวเลื่อนลั่นเสียงครั่นครื้น
    ฯลฯ
                    ทุกคนพากันประหลาดใจ องค์ละเวงตรัสถามพระอภัยถึงเหตุนี้ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน พระอภัยไม่รู้จึงตรัสตอบว่าวันนี้ฤกษ์ดีมาก ได้มาชมเตร็จเพชรนิล แผ่นดินจึงไหว เพราะจะได้ปรากฏเป็นยศศักดิ์  จากนั้นองค์ละเวงก็เชิญกษัตริย์ขึ้นสรงชลบนบัลลังก์ แล้วไขสายกลไกข้างใต้ดิน
    น้ำทะลุพุพลุ่งขึ้นฟุ้งฟ้า ดูดังห่าฝนกระจายเป็นสายสินธุ์
    ลงโซมองค์สรงชลสิ้นมลทิน ระรื่นกลิ่นลั่นฟุ้งจรุงใจ
    ฯลฯ
                    พอเวลาตีห้าโมง องค์วัณฬาก็พาพระอภัยและกษัตริย์ทั้งสิ้นมาหยุดพักที่ตึกโถงที่ห้องท้องพระโรงอยู่ใต้พุ่มพฤกษ์
    ต้นไม้ร่มลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยพัด โต๊ะเขาจัดแต่งไว้ทั้งซ้ายขวา
    พอพร้อมกันลั่นระฆังสั่งสัญญา โต๊ะก็มาเกลื่อนกล่นด้วยกลไก
    ลูกล้อกลิ้งวิ่งเวียนเหมือนเกวียนขับ พร้อมสำรับหวานคาวขวดเหล้าใส่
    เสียงกริ่งกร่างต่างเขม้นไม่เห็นใคร แต่โต๊ะใหญ่ไปถึงทั่วทุกตัวคน
    ฯลฯ
                    องค์หัสไชยชิมเหล้าจนเมา แล้วชวนสองน้องน้อยให้ลองเสวยสุราด้วยจนเมา แล้วต่อว่าหัสไชยแล้วเข้าหยิกตีข่วน หน่อกษัตริย์ปัดป้องและได้กลิ่นอายแอบอิงสองนาง จึงชิงปล้ำถอดธำมรงค์ใส่นิ้วสองนาง
    เพชรรังแตนแหวนมณฑปนพรัตน์ มาใส่หัตถ์ชื่นชมสมประสงค์
    แกล้งเลียนล้อขอน้องทั้งสององค์ นางโฉมยงยกให้มิได้แคลง ฯ
                ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์เห็นพระญาติวงศ์พงศาอยู่พร้อมหน้ากันแล้วจึงทูลขอลากลับเมือง พระอภัยมณีและพระมเหสีก็มีความรัก และอาลัยที่นางจะต้องลาจากไป  หัสไชยจำต้องกลับไปกับพระพี่นาง ก็มีความอาลัยในสองพระธิดาสร้อยสุวรรณจันทร์สุดายิ่งนัก
                    ฝ่ายสุดสาครเห็นเสาวคนธ์ทูลลาไปก็ตกใจ เห็นว่านางคงเคืองเรื่องของตน จึงขอทูลลากลับเมืองการะเกดพร้อมกับสองน้องรัก ทำให้พระอภัยมณีและพระมเหสีอาลัยทั้งสามองค์ยิ่งนัก
      ฝ่ายสุลาลีวันมีครรภ์อ่อน สุดสาครเขาจะไปก็ใจหาย
    เห็นง่วงเหง่าเศร้าหมองคอยน้องชาย  ทำเดินกรายเข้าไปใกล้ก็ไม่ทัก
    ฯลฯ
                    นางได้เข้ามากราบสุดสาครแล้วคร่ำครวญด้วยความอาลัยรัก
    ไม่มีครรภ์ฉันหมายจะวายวอด ไม่ขอรอดอยู่เป็นคนให้หม่นหมอง
    นี่เวทนาอาลัยลูกในท้อง จึงจะต้องอยู่เป็นคนทนทรมาน
    ฯลฯ
      สุดสาครร้อนใจอาลัยรัก  แต่เกรงนักด้วยพระน้องทั้งสองศรี
    สู้กลืนกลั้นชลนาแล้วพาที จงอยู่ดีเถิดข้าจะลาแล้ว
    ฯลฯ
    แล้วถอดแหวนแทนองค์ออกส่งให้ จงใสไว้แหวนยันต์ได้กันผี
    แม้คลอดลูกผูกหัตถ์สวัสดี กลับไปที่เถิดเจ้าอย่าเศร้าใจ ฯ
      ฝ่ายสุลาลีวันกลับสะอื้น น้ำตาขืนก็กลับตกซกซกไหล
    เฝ้าอวยพรวอนวิงทุกสิ่งไป ประเดี๋ยวใจพระจะกลับไปลับองค์
    ขอนั่งอยู่ดูให้เต็มนัยน์เนตร พระปิ่นเกศกษัตริย์ชาติราชหงส์
    ถึงหมื่นปีมิได้พบประสบองค์ ธำมรงค์ลูกรักต่างพักตรา ฯ
                ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์เตรียมพลไว้พร้อมแล้ว เห็นพระเชษฐาสุดสาครยังสั่งเสียกันกับนางสุลาลีวัน ก็ให้ยกพลออกเดินทางในกลางคืน สุดสาครรู้ว่านางออกเดินทาง ก็ตกใจเรียกหัสไชยออกจากวัง เดินทางตามไปทันรถของเสาวคนธ์ แล้วถามนางว่าขัดเคืองตนด้วยเรื่องอันใด เสาวคนธ์ตอบว่า ตนไม่มีห่วงอะไรจึงยกออกมาตามสบาย ไม่เหมือนพระพี่สุดสาคร ที่มีห่วงตัดรักหักสวาทได้ไม่ขาดหาย
      สุดสาครถอนใจไฉนหนอ มาเสียดส่อร้อนใจดังไฟเผา
    ปลอบประโลมโฉมยงว่านงเยาว์ เนื้อความเก่าเหมือนดังกายพี่วายชนม์
    ฯลฯ
                บอกว่าที่ช้านั้นเพราะสองน้องนุชยุดตัวหัสไชยไว้ สั่งความตามที่จะต้องจากมา ส่วนนางสุลาลีวันนั้นมาขอขมา ตอนนี้ตนจะได้ช่วยป้องกันนางและกองทัพให้ เสาวคนธ์ตอบว่า นางมีครูเฒ่าช่วยป้องกันให้แล้ว สุดสาครได้ฟังคำนางก็เศร้าเสียใจยิ่งนัก
    สงสารน้องหมองเศร้าเพราะเราผิด สุดจะคิดคืนดีเจ้าพี่เอ๋ย
    คะนึงนึกตรึกความถึงทรามเชย จนหลับเลยอยู่บนหลังม้ามังกร ฯ
                ฝ่ายหน่อกษัตริย์หัสไชย คิดถึงสองพระธิดาเมื่อจากมาก็ให้อาลัยอาวรณ์
    จะเรียนร่ำทำอะไรไม่ลำบาก มันยอดยากอย่างเดียวเกี้ยวผู้หญิง
    ถึงยามดึกนึกนอนแนบหมอนอิง เรไรหริ่งเรื่อยริมหิมวา
    ฯลฯ
                ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกา สงสัยที่เกิดอาเพศแผ่นดินไหว จึงตรัสใช้นางรำภาให้ไปถามพระสังฆราชว่า เป็นเรื่องดีร้ายประการใด พระสังฆราชจับยามดูแล้ว บอกว่าผู้หญิงจะหนีไปเอาหัวใจเมืองออกไปด้วย
    ไปบอกเล่าเจ้ามึงหมายพึ่งผัว ไม่รอดตัวเช่นบำรุงซึ่งกรุงศรี
    เร่งรำลึกตรึกตรองคืนของดี มาไว้ที่ลังกาให้ถาวร ฯ
                นางรำภานำความมาทูลองค์วัณฬาตามคำของสังฆราช นางได้ฟังแล้วก็เป็นทุกข์ เห็นว่าเป็นเคราะห์กรรมให้เผอิญเป็นไป จึงไม่บอกกล่าวแก่ผู้ใด เอาดินถนันไปถวายองค์สุวรรณมาลี และแบ่งให้สองพระธิดาด้วย เล่าความเป็นมาของดินถนันให้ทราบ พระมเหสีดีพระทัยยิ่งนัก
    ความรักพี่ดีจริงทุกสิ่งสิ้น สมเป็นปิ่นปถพีที่มีศักดิ์
    ทั้งชาตินี้พี่กับน้องจะครองรัก สามิภักดิ์พึ่งพาพระบารมี
    ฯลฯ

    • Update : 13/6/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch