|
|
พระอภัยมณี/31
ทูลว่าจะไปกับท่านยายด้วยเป็นผู้ที่รู้วิชามารยาหญิง เพื่อจะได้ดูกำลังลบเล่ห์เสน่ห์ใน แล้วสังเกตดูเห็นพระธิดา มีไฝแฝงโอษฐจะเป็นผู้ที่โมโหร้าย ปีหน้าชะตาตก จึงทูลความว่ามีเคราะห์ร้ายทั้งสองพี่น้อง จึงเผอิญให้ต้องจากเมือง เมื่อปลายมือจะรุ่งเรืองได้ครอบครองสุริย์วงศ์สืบพงศ์พันธุ์
ขบวนเรือเดินทางมาถึงฝั่งเมืองลังกา ไปบรรจบกับขบวนเรือของเมืองรมจักร เสาวคนธ์เข้าไปอัญชลีกษัตริย์ทั้งสี่องค์ ท้าวเจ้าเมืองรมจักรไต่ถามนามวงศ์ของนาง ครั้นทราบแล้วก็สงสารนางอย่างนัดดา เกษราเห็นว่านางอ่อนกว่าอรุณรัศมีจึงขอให้เป็น พี่น้องกันด้วยความรักนางเหมือนเป็นธิดา อรุณรัศมีก็รักนางเหมือนน้องเป็นที่ชื่นชอบซึ่งกันและกัน แล้วทั้งหมดก็เดินทางไปยังเมืองลังกา
ตอนที่ ๔๒ หัสไชยแก้เสน่ห์
กล่าวถึงเรื่องในวัง วัณฬาได้ครองคู่กับพระอภัยมณีตั้งแต่เดือนยี่ถึงเดือนกลางเดือนห้า องค์วัณฬาก็ตั้งครรภ์แล้วฝันว่า กลืนดาวจรเข้ในท้องฟ้า แล้วมีเทวดาเหาะมาถือสายฟ้าฟาดนาง แล้วควักจักษุนางออกทั้งสองข้างมองอะไรไม่เห็น เมื่อตื่นขึ้นจึงทูลพระอภัยถึงความฝัน พระอภัยบอกว่านางมีท้องแล้ว แล้วตรัสอวดว่า
เห็นแล้วหรือมือเก่านะเจ้าพี่ |
ไม่ถึงปีก็ได้เชื้อเหลือขยัน |
ไม่นับถือหรือว่าจะเล่นพนัน |
คนละปีมิให้คั่นจนวันตาย ฯ |
ฝ่ายองค์ละเวงวัณฬาคิดถึงความฝัน ก็รู้ว่าร้ายจึงให้หานางรำภาสะหรีกับสองธิดา ให้ช่วยกันทำนายฝัน นางยุพาผกาจับยามดูรู้แล้ว จึงทูลว่าที่ได้กลืนดาวจรเข้นั้น จะทรงครรภ์ได้ปรากฎยศยงพงศ์ประยูร ส่วนที่อารักษ์ควักเนตรนั้น จะทำให้ห่างเหเสน่หา และจะมีไพรีมาภายในสิบห้าวัน นางได้ฟังคำก็ใจหาย จึงตรัสถามว่าจะแก้ไขอย่างไร นางยุพาผกาก็ทูลให้แต่งบัตรพลี ตามคัมภีร์ไสยให้ทรงศีลเจ็ดวัน
นางยุพาผกาทูลแถลง |
จะต้องแต่งบัตรพลีคัมภีร์ไสย |
ประตูทั้งแปดทิศให้ปิดไว้ |
อย่าให้ใครเข้าออกบอกกิจจา |
ในเจ็ดวันนั้นพระองค์จงทรงศีล |
ตัดให้สิ้นพยาบาทปรารถนา |
สังเวยไหว้ไทเทวโลกา |
ให้รักษาสะเดาะพระเคราะห์นาม |
ฯลฯ นางรำภาก็บอกว่าตนฝันประหลาดว่า ฟ้าฟาดจนวังเวียงไหว แต่ขวานฟ้าวาบเข้าไปในปากแล้วกลืนเข้าไป นางยุพาก็บอกว่าตนฝันเห็นเมฆเป็นเกลียวกลีบ มีครีบหงอนเหมือนสายรุ้งพุ่งลงที่อุทร นางสุลาลีก็บอกว่าตนฝันว่า อ้าปากกลืนแผ่นดินเข้าไปได้ แล้วต้องว่ายน้ำจนสำลัก
องค์วัณฬาได้ฟังความฝันของนางทั้งสาม จึงทำนายตามตำราว่านางทั้งสามจะมีครรภ์ จากนั้นก็ให้นางทั้งสามไปจัดตั้งบัตรพลี นางทั้งสามจึงสั่งให้สนมกรมวังไปดำเนินการ พอตกค่ำองค์วัณฬาก็ให้นางทั้งสามกลับไปหลับนอน แล้วทั้งหมดก็กลับไปหาคู่ครองของตน
เมื่อคราวมัวผัวเหมือนหนึ่งขี้ผึ้งเคล้น |
จะปั้นเป็นรูปอะไรก็ไม่ขัด |
ปูว่าหอยพลอยว่าด้วยสารพัด |
เพราะรู้กลปรนนิบัติช่างดัดแปลง ฯ |
ฝ่ายองค์ละเวงวัณฬาทูลพระอภัยว่า นางฝันร้ายจะทำการสะเดาะห์เคราะห์ จึงอย่าให้พระองค์เข้ามาใกล้นางเป็นเวลาเจ็ดวัน แต่พระอภัยจะไปด้วย
กล่าวถึงบาทหลวงเฒ่า เมื่อเสียเขาเจ้าประจัญแล้วก็แปลงเป็นไพร่พลคนแก่ ลูกศิษย์พาไปอยู่ที่บ้านสะพานยนต์ มีความอายและตรอมใจจนคิดจะฆ่าตัวตายอยู่หลายหน คิดว่าข้าศึกทำซ้อนกลแต่ฝ่ายหญิงทำกลลวงตนไม่ล่วงรู้ เมื่อใช้ให้คนไปฟังข่าวได้ทราบเรื่องราวแล้ว ก็ให้คิดอดสูที่พระอภัยไม่ตาย แต่กลายเป็นชู้เข้าไปอยู่กับลูกสาวเจ้าลังกา
แขกฝรั่งทั้งหลายพวกนายไพร่ |
ก็พร้อมใจกันให้ขาดพระศาสนา |
ยิ่งแค้นขัดอัดอั้นตันอุรา |
ดังเลือดตาแกจะตกตีอกตึง |
ฯลฯ บาทหลวงอยู่ป่ามาได้ห้าเดือน คิดลูกสาวเจ้าลังกายิ่งนัก ในเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วบอกพวกชาวบ้าน และทหารที่เป็นศิษย์ว่า จะไปในวังเพื่อด่าว่าองค์ละเวงให้สาแก่ใจ แล้วออกเดินทางไปเมืองลังกาเป็นเวลาสามคืน ผ่านไปทางไหนก็มีคนนับถือคอยต้อนรับ เมื่อมาถึงเมืองทราบว่าองค์วัณฬาจะสะเดาะห์เคราะห์
บาทหลวงดูรู้การว่าศาลนี้ |
ชื่อพลีโลกาบูชาขยัน |
นางวัณฬาน่าที่จะมีครรภ์ |
คงพบกันแล้วสินะกูจะคอย |
ฯลฯ เช้าวันรุ่งขึ้นลูกสาวเจ้าลังกา พร้อมสามนางกษัตริย์ผู้เป็นภัสดา แล้วเชิญองค์กษัตริย์ออกไปยังเชิงเทิน ตรวจดูไพร่พลในกองทัพ มาถึงประตูตะวันออกตรงหน้าศาลสมมติว่า เป็นเทพก็หยุดทำการเซ่นถวาย
ครั้นสรรพเสร็จเสด็จมาบูชาศาล |
ทุกทวารถวายของที่สองสาม |
อร่ามเรืองเครื่องบูชาสง่างาม |
แล้วเลียบตามเชิงเทินดำเนินมา ฯ |
ฝ่ายสังฆราชพระบาทหลวง เห็นลูกสาวเจ้าลังกาอยู่เคียงสามี เลียบเชิงเทินเดินมาเป็นคู่ทั้งสี่คู่ ล้วนมีท้องทุกคน
พลอยขายหน้าฝรั่งทั้งประเทศ |
เสียประเภทพวกหญิงชาวสิงหล |
ยิ่งฉุนคิดแม้ว่ากายถวายชนม์ |
จะให้คนเลื่องชื่อออกอืออึง ฯ |
แล้วเดินมาที่หน้าประตูแล้ว ร้องด่าฝ่ายหญิงทั้งสี่คน
ยังลวงหลอกกลอกกลับไปรับชู้ |
มาเป็นคู่หลู่ขาดพระศาสนา |
มึงผ่าเหล่าเผ่าพันธุ์อีวัณฬา |
คบขี่ข้ามาเขาเลี้ยงไว้เคียงตัว |
ฯลฯ
มึงลวงกูรู้ทันทำผันผ่อน |
เหมือนหนึ่งหนอนบ่อนไส้กินไตตับ |
จนด่านแตกแยกย้ายล้มตายยับ |
เพราะมึงกลับกลายแกล้งไปแปลงความ |
จนฝรั่งลังกาเป็นข้าเขา |
เพราะมึงเข้าเพศภาษาสยาม |
เป็นเมียน้อยช้อยชดช่างงดงาม |
เมียหลวงตามเข้ามาหึงถึงประตู |
กูรักใคร่ให้วิชาสารพัด |
ไม่ซื่อสัตย์ซ้ำปดให้อดสู |
แกล้งคิดอ่านพาลโกรธยกโทษกู |
เมื่อจืดแล้วจึงรู้จักคุณเกลือ |
ฯลฯ องค์วัณฬาได้ฟังสังฆราชบาทหลวงด่าว่า ก็ไม่โกรธ และขอสมาบาป บอกถึงความจำเป็นที่ต้องทำเช่นนี้เพื่อรักษาไพร่พล
ไม่ให้ต้องพลอยตายในศึกครั้งนี้
ประทานโทษโปรดเกล้าเถิดเจ้าคะ |
ไม่ทิ้งพระศาสนาหามิได้ |
เจ้าคุณมาธานีฉันดีใจ |
นิมนต์ไปวัดวาให้ถาวร ฯ |
ทั้งสามนางได้ต่อปากคำกับบาทหลวงในเรื่องการรบที่เขาเจ้าประจัญ องค์ละเวงเกรงจะเป็นบาปจึงพาสามนางออกไปให้ห่างบาทหลวง เข้าวังไป
กล่าวถึงท้าวทศวงศ์เดินทัพมาถึงเมืองลังกาตอนกลางคืนแล้วเข้าไปที่ค่ายศรีสุวรรณพร้อมกันหมด องค์สุวรรณมาลีก็พาบุตรีกับหัสไชยไปเฝ้าท้าวทศวงศ์ พระองค์จึงตรัสถามถึงเรื่องเมืองลังกา องค์สุวรรณมาลีก็ตรัสเล่าเรื่องทั้งหมดให้ทรงทราบ ท้าวทศวงศ์ได้ฟังแล้วก็ทรงรำพึงว่า เวทมนต์ของฝ่ายลังกานั้นขลังอย่างไร ทำให้ทั้งหนุ่มทั้งแก่หลงเสน่ห์ไปหมดเหมือนติดตัง แล้วตรัสว่า เสาวคนธ์มาตามพี่ ได้พราหมณ์โลกเชษฐ์มาแก้คลั่งให้หาย แล้วตรัสถามว่า พราหมณ์ครูจะพบกษัตริย์ทั้งสี่องค์ได้ที่ไหน
ค นางทูลว่าอาการนั้นพานเคลิ้ม |
แต่ความเดิมจำได้ไม่ใหลหลง |
แม้ทราบว่าฝ่าพระบาทญาติวงศ์ |
มาถึงคงจะออกมาเฝ้าฝ่าธุลี |
ฯลฯ แล้วทูลว่าหัสไชยเคยไปเฝ้า แต่ตอนนี้ได้ปิดประตูห้ามคนเข้าออกเป็นเวลาเจ็ดวัน
ค ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์เห็นกลศึก |
นางนิ่งนึกตรึกตราแล้วว่าขาน |
ถ้าละไว้ให้เสร็จสำเร็จการ |
จะเชี่ยวชาญเชิงมนต์กลวิชา |
ฯลฯ จึงคิดให้เข้าไปทำลายพิธี หัสไชยเห็นด้วยจึงทูลเชิญพี่นางกับสองพราหมณ์พฤฒาไปตรวจดูค่ายบนพลับพลาเพื่อจะได้ตริตรองหาลู่ทาง ท้าวทศวงศ์ได้ฟังก็ชมว่าฉลาดเกินวัย แล้วให้สององค์พาท่านอาจารย์ไปช่วยกันคิดอ่าน
ฝ่ายเสาวคนธ์ชวนหัสไชยไปหาปาโมกข์โลกเชษฐ์แล้วเล่าเหตุการณ์แต่หนหลังให้ฟัง บอกว่าองค์วัณฬาสะเดาะเคราะห์ทำอุบายล่อลวง พฤฒาเฒ่าจึงบอกว่านางทรงครรภ์แล้วฝันร้ายกลัววายปราณจึงบนบานบวงสรวง ไม่ได้ลวงใคร เสาวคนธ์จึงขอให้พระอาจารย์ช่วยแก้มนต์เวทวิเศษ
ค พราหมณ์พฤฒาว่ากระนั้นวันพรุ่งนี้ |
จะแก้ผีภูติพรายให้หายหลง |
แล้วพราหมณ์เอาทองคำทำเป็นธง |
มาเขียนลงอักขระพระศุลี |
แล้วลงยันต์พระพิเนกเสกสะกด |
ดังจักรกรดพระนารายณ์ทำลายผี |
ให้น้องนางพลางสอนซ่อนให้ดี |
ไปให้พี่เผ่าพงศ์องค์ละคัน |
ฯลฯ
แล้วลงเลขเสกข้าวตอกเป็นดอกฟ้า |
ล้ำบุปผาในแผ่นดินสิ้นทั้งหลาย |
ยื่นดอกไม้ให้กุมารเหมือนหลานชาย |
สอนอุบายที่จะให้เข้าในวัง ฯ |
วันรุ่งขึ้น หน่อกษัตริย์หัสไชยแต่งองค์ทรงเครื่อง เอาธงทองซ่อนไปในกายทั้งซ้ายขวา แล้วเอาพานทองใส่ดอกไม้เสก เสร็จแล้วออกมาหน้าสนาม จัดขบวนเดินทางไปยังประตูเมืองลังกา แล้วบอกนายประตูว่าตนเอาดอกฟ้าที่นางหนึ่งฝากมาให้ลูกสาวเจ้าลังกาที่กำลังเคราะห์ร้าย จะได้หายจากเคราะห์ร้ายนั้น แต่นายประตูตอบว่ามีรับสั่งไม่ให้ใครเข้าออก หน่อกษัตริย์จึงตรัสว่านายประตูโง่เขลาที่มาห้ามปรามความแผ่นดิน มีโทษถึงตัดศีรษะ
แม้ปิดบังของหลวงให้ร่วงหล่น |
ตัวจะพ้นความตายฉิบหายหรือ |
เป็นขุนนางช่างโง่เหมือนโคกระบือ |
ดีแต่ดื้อไม่รู้จักที่หนักเบา |
นายประตูนำความไปบอกท้าวนาง พวกในวังฟังว่าเป็นดอกฟ้าก็ใคร่จะได้เห็น จึงนำความไปทูลลูกสาวเจ้าลังกา
ค ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงไม่เกรงกริ่ง |
คิดว่าจริงจะใคร่ดูดอกบุหงา |
หลงอุบายหมายจิตว่าเทวา |
เอาดอกฟ้ามาให้คุ้มภัยพาล |
ฯลฯ นางจึงให้เปิดประตูออกกไปรับ พระกุมารเข้าไปในวัง ถึงตึกเย็นเห็นนางอยู่ข้างนอกจึงถวายดอกไม้ นางพิศดูดอกไม้ แต่อ่านอักขระไม่ออกจึงให้หานางยุพาสุลาลี ทั้งสองนางก็รีบมาหา
หน่อกษัตริย์หัสไชย เห็นได้ช่องจึงลามายังห้องพระพี่ แล้วมอบธงให้องค์ละคัน สุดสาครได้คิดแล้วก็เสียดายยศ หยิบธงทองแล้วพากันไปห้องสินสมุทยื่นธงให้ สินสมุทรู้สึกตัวแล้วรีบพาน้องไปยังห้องพระบิดา ยื่นธงถวายให้ พระอภัยก็คลายคลั่ง
นางวัณฬาแอบมองตามช่องฉาก |
พอเห็นหลากจิตพรั่นประหวั่นไหว |
เข้าชิงธงที่องค์พระอภัย |
มาหักให้ย่อยยับสำทับความ |
พอธงหักพระอภัยก็กลับหลงองค์ละเวงอีก ฝ่ายหัสไชยก็ไปฉุดสินสมุทกับสุดสาคร วิ่งหนีออกมาข้างนอก แล้วขับขี่พาหนะสิงห์กับม้ามังกรกลับไปกองทัพไปเฝ้าองค์สุวรรณมาลี นางดีใจวิ่งออกมารับสินสมุทกับสุดสาครก็เป็นลมสลบไป เมื่อแก้ไขฟื้นขึ้นมาแล้วก็ได้พบท้าวทศวงศ์ องค์อรุณรัสมี ทั้งองค์แล้วเกษราแล้วทำความรู้จักกัน
ค ฝ่ายอรุณรัศมีเป็นพี่น้อง |
บังคมสองพี่ชายสายสมร |
จอมกษัตริย์ตรัสว่าสุดสาคร |
อายุอ่อนแต่เป็นที่พระพี่ยา |
ฯลฯ ทั้งหมดได้ปรึกษากัน ที่จะแก้ไขสองกษัตริย์ต่อไป นางเกษรารำพันถึงศรีสุวรรณว่า
แม้ไม่เลี้ยงเคียงองค์พระทรงศักดิ์ |
จะสมัครอยู่เป็นข้าเหมือนทาสี |
วิบากกรรมถึงรำภาจะด่าตี |
ก็ตามทีเกิดสู้ทนไปจนตาย |
สนองคุณมลิกาฝ่าพระบาท |
จนสิ้นชาติชาตินี้ไม่หนีหาย |
ถึงชาติอื่นหมื่นชาติไม่คลาดคลาย |
พลางฟูมฟายชลนาด้วยอาลัย |
ฯลฯ ท้าวทศวงศ์ทรงให้ทุกคนพากันไปอ้อนวอนให้พราหมณ์พฤฒาช่วย เมื่อไปพบแล้วก็เล่าความทั้งหมดให้ฟัง พราหมณ์พฤฒาทูลว่า พระอภัยอยู่ในวังจึงยากที่ตนจะเข้าไปชิดใกล้ เพื่อแก้ไขให้หาย จึงคิดให้ท่านยายคิดอุบายแก้ไขเข้าในวัง
ซึ่งพี่น้องสองออกมานอกได้ |
มันจะใช้ผีทับให้กลับหลัง |
ภาวนาอย่าประมาทให้พลาดพลั้ง |
ด้วยเคราะห์ยังอีกสิบห้าทิวาวัน |
ฯลฯ ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์แค้นใจสุดสาคร จึงออกปากต่อว่าสุดสาครก็ยอมรับผิด
มิห่วงน้องสองชนกที่ปกเกล้า |
พี่จะเผาตัวตายเพราะขายหน้า |
ถึงอยู่ไปก็ไม่พ้นคนนินทา |
จนม้วยฟ้าสูญดินไม่สิ้นอาย |
ฯลฯ ท้าวทศวงศ์ตรัสห้ามสองพี่น้อง อธิบายเหตุผลให้ฟัง องค์เสาวคนธ์จึงขอโทษสุดสาคร ฝ่ายสินสมุทกลับกล่าวว่าตนไม่อายใคร มีเมียแขก ฝรั่ง ทั้งมอญไทยยิ่งดีใจ
สุดสาครร้อนใจถึงพระบิดา จึงบอกแก่พราหมณ์พฤฒาว่า หยูกยาของฝ่ายลังกานั้นขลัง แก้ไขได้ไม่ถนัดจึงจะลาไปเกาะแก้พิสดาร นิมนต์ท่านโยคีมาแก้ไข ท่านครูเฒ่าก็เห็นด้วย
|
Update : 12/6/2554
|
|