หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พระอภัยมณี/29
      นางคาดถูกลูกจะมารักษาพ่อ จำจะล่อไว้บำรุงซึ่งกรุงศรี
    จึงเสแสร้งว่าเหมือนปราณี บุตรพระพี่มัจฉาน่าเอ็นดู
    ฯลฯ
    โปรดประทานฉันใคร่ได้เป็นลูก แล้วจะปลูกฝังรักให้หนักหนา
    พลางสอพลอพ้อตัดพระภัสดา นี่หรือว่าโปรดเกล้าตรัสเปล่าไป
    ฯลฯ
    อันโอรสยศไกรพี่ให้เจ้า โฉมเฉลาจงช่วยชุบอุปถัมภ์
    สุดสาครสอนสั่งรู้ฟังคำ ให้เป็นกรรมสิทธิวนิดา ฯ
                องค์ละเวงวัณฬาได้สมใจ นึกคิดจะปราบศึกด้วยเลห์เสน่ห์ จึงไปยังห้องนางสุวาลีวันบอกว่า องค์กษัตริย์ขอนางให้กับโอรส ตนก็พร้อมใจยกให้ขอให้นางล่อให้อยู่ในลังกาจะได้ครบทั้งสี่องค์ เพื่อเป็นการรักษาเมือง
      ฝ่ายสุลาลีวันนั้นก็รุ่น เห็นเขาอุ่นแอบผัวแต่ตัวเหงา
    ด้วยอยู่ใกล้ได้เห็นทุกเย็นเช้า จึงพลอดเมาเหมือนหนึ่งฝิ่นได้กลิ่นอาย
    พระมารดาพาทีให้มีผัว  หน้าเหมือนบัวบังร่มให้สมหมาย
    แต่ซ่อนเงื่อนเหมือนรังเกียจเกลียดผู้ชาย กราบถวายวันทาแล้วพาที
    ฯลฯ
                องค์ละเวงก็ปลอบบุตรีด้วยประการต่าง ๆ ว่าไม่ต้องกลัวมีผัวไม่ใช่เรื่องลำบาก
    ไม่ว่าเล่นเป็นผู้หญิงจริงจริงนะ ถ้าเจ้าจะเล่นเพื่อนไม่เหมือนผัว
    เขาชวนเชยเคยเองอย่าเกรงกลัว จงแต่งตัวตามตำหรับให้จับตา
    ฯลฯ
      ฝ่ายสุลาลีวันลงยันต์เลข นั่งปลุกเสกสารพัดไม่ขัดขวาง
    แล้วว่าองค์สรงน้ำทรงสำอาง สยายสางผบเผ้าพลางเกล้ามวย
    กระหมวดมุ่นรุมปิ่นฝังนิลปัก ข้องจำหลักแซมดอกไม้ไหวสลวย
    ลูบสุคนธ์มนตรามหาละลวย ให้รื่นรวยรสสุคนธ์วิมลมาลย์
                เมื่อแต่งองค์ทรงเครื่องแล้ว ลงจากปรางค์มายังริมปราการวัง เห็นพี่น้องสององค์มีความงามละมุนน่ารัก เห็นแล้วให้ไหวหวั่นใจสะเทินอาย แล้วขืนอารมณ์เข้าไปเชิญสองกษัตริย์เข้าไปในปราสาทราชวัง
      สุดสาครค้อนเคืองชำเลืองพิศ ระรื่นฤทธิ์รสสุคนธ์ด้วยมนขลัง
    ให้เสียวซาบปลาบปลื้มจนลืมชัง เห็นเปล่งปลั่งพรั่งพร้อมละม่อมละไม
    ดำริรักสักครู่ก็รู้สึก อนาถนึกวิปลาสให้หวาดไหว
    มิเสียทีอีฝรั่งช่างกระไร มนต์มันใส่ฉุนเฉียวให้เสียวรัก
    นี่หรือชะพระบิดาพระอาพี่ จึงเสียทีจำเป็นเห็นประจักษ์
    พลางนึกภาวนาในพระไตรลักษณ์ พอกันรักรู้พระองค์ไม่หลงเลย
                แล้วชวนพระอนุชาลงจากม้าและสิงห์ ไม่ยอมแลดูผู้หญิง ถามนางสุลาลีวันว่าไปทางไหน นางก็บอกให้ท้าวนางเดินนำ เข้าไปในวัง พระสองพี่น้องเดินนำหน้า นางสุลาลีวันเดินตามหลัง พวกบรรดาสาวเหล่าชาววังพากันออกมานั่งคอยดูทั้งสององค์ เมื่อเห็นทั้งสององคยุรยาตรย่างอย่างไกรสร ก็นึกรักรัญจวนใจอาลัยแล
    พระหัสไชยให้สติลัทธิว่า ภาวนาไว้ให้มั่นกันผู้หญิง
    มันตามดูพรูพรั่งน่าชังชิง พระพี่นิ่งเดินมาชลาลาน
    พอถึงปรางค์นางวัณฬาออกมารับ พระคำนับน้อมองค์น่าสงสาร
    นางเชิญนั่งตั่งที่พระศรีประทาน อยู่นอกม่านหมายจะดูให้รู้ที
                นางเรียกธิดามาไหว้คำนับ แล้วตรัสกับทั้งสองพี่น้องว่า นางมีความยินดีที่พระโอรสมาถึงเมือง ถามสุดสาครว่าทำไมจึงนุ่งหนังเสือเหลือง ไม่ทรงเครื่องอย่างกษัตริย์ ไม่คิดหาคู่ครอง คิดจะไปสวรรค์หรือฉันใด บอกว่าพระบิดาได้ยกให้เป็นลูกของนางแล้ว ขอให้อยู่เมืองลังกาต่อไป
      สุดสาครอ่อนความตามรับสั่ง พระคุณดังดินฟ้าไม่หาเหมือน
    แม่ชุบเลี้ยงเที่ยงแท้ไม่แชเชือน  จะเยี่ยมเยือนเหมือนพระบาทมาตุรงค์
                แต่ตนไม่รักที่จะอยู่เมืองชอบอยู่ในป่า เที่ยวธุดงค์ไปจึงทรงหนังเสือเหลืองเป็นเครื่องสิทธา ทราบว่ากพระบิดาประชวรจึงมาช่วยรักษา เมื่อหายแล้วก็จะลาไปอยู่ป่า ถ้าบ้านเมืองมีศึกก็จะมาช่วยรับรบศึก แล้วถามถึงพระอาการของพระบิดา
      นางรู้ว่ายาหยูกไม่ถูกต้อง ด้วยมีของคุ้มองค์ไม่หลงไหล
    จะยอกย้อนผ่อนปรนด้วยกลใด ให้เอาไม้เท้าวางไว้ห่างองค์
                แล้วให้ผู้หญิงเข้าอิงแอบ ก็จะเกิดความรักใคร่ไหลหลง นางคิดแล้วจึงบอกว่า พระบิดาฟื้นองค์แล้ว คงจะไม่เป็นอะไร แล้วนางก็เข้าไปเฝ้าพระอภัย ทูลว่าพระโอรสหลีกเลี่ยงไม่ใยดี แล้วขอให้พระอภัยกักตัวไว้ก่อน อย่าเพิ่งให้กลับไปหาพระมเหสี พอตกค่ำจะให้ธิดาสุมาลีคุมไว้ที่ห้อง เพื่อให้ครองรักกัน
      พระชื่นชอบปลอบนางว่าอย่างเอก อภิเษกเสียในห้องให้ผ่องใส
    บอกให้มาหาพี่ที่ข้างใน จะสอนให้รู้รักรู้จักดี ฯ
                องค์ละเวงกลับไปตรัสบอก พระพี่น้องทั้งสองให้ไปเฝ้าพระบิดา ทั้งสององค์เห็นพระบิดาไม่เห็นเป็นโรคภัยอะไร เพียงแต่พระรูปซูบซิดลงเล็กน้อย พระพักตรหมองด้วยต้องผี จึงเข้าไปกอดบาทพระบิดา แล้วทูลว่าพระมารดามาตามด้วยความทุกข์ เพราะพระบิดาถูกยาต้องอาคม เป็นที่ทุกข์ระทมทวีไปทั้งไพร่นาย จึงได้โปรดให้ตนมาช่วยแก้ไขให้หาย
    จึงโปรดให้ไปหาลูกมาด้วย จะได้ช่วยแก้ไขเสียให้หาย
    แล้วกราบทูลมูลความตามอุบาย อันผู้ชายต้องเสน่ห์ลมเพลมพัด
    เอาไม้เท้าดาบสจดอุระ จึงร่ายพระคาถาถามหากำจัด
    ปีศาจตายคลายมนต์กลชะงัด จะรับรัดเร่งรักษาฝ่าธุลี
    แต่ตัวเขาเจ้าตำราทำยาหยูก อย่าให้ถูกองค์อีกเร่งหลีกหนี
    จงโปรดให้ได้รักษาเวลานี้ อย่าให้มีผีผู้หญิงเข้าสิงองค์ ฯ
    พระอภัยใจเหิมเคลิ้มเหมือนบ้า เธอหมายว่าเธอไม่ถูกพระลูกหลง
    สำรวจพลางทางว่าเจ้าเง่าโง่งง เขายุยงพลอยเห็นว่าเป็นจริง
    ฯลฯ
                แล้วบอกว่านางสุวรรณมาลีนั้นขี้หึง หาว่าพระองค์ต้องยาหญิง ทำให้พระองค์พลอยแคลงใจไปด้วย องค์ละเวงเขารักพระลูกเท่ากับบุตร จนให้พระธิดาสุลาลีเป็นคู่ครอง พี่กับอาก็เห็นดีและมีคู่ครองกันแล้วทั้งสองคน สตรีที่ไหนก็ไม่เหมือนหญิงชาวสิงหล การที่พระลูกได้จะได้นางอย่างนี้เป็นการดี จะได้ปลูกฝังให้ทันตาเห็น จึงขอให้อยู่เป็นเขยขวัญองค์วัณฬา
                สุดสาครร้อนใจเห็นผิดสังเกตจึงทูลอ้อนวอนพระบิดาว่า
    โอ้พระคุณทูลกระหม่อมจอมมนุษย์ จะละพุทธแล้วละหรือมาถือไสย
    จะขวางขัดทันทานประการใด เล่าก็ไม่ควรตัวกลัวพระองค์
    ฯลฯ
    ลูกเกิดมาอาภัพอัปภาคย์ พบแต่ยากดังชีวาจะอาสัญ
    ให้เปลี่ยวใจไร้วงศ์ทั้งพงศ์พันธุ์ สุดจะผันผินหน้าไปหาใคร
    ฯลฯ
    มาพี่งบุญทูลกระหม่อมจอมกษัตริย์ ได้สืบขัตติยราชพระศาสนา
    เดี๋ยวนี้พระจะบำรุงกรุงลังกา กลับเป็นฝาหรั่งกลายเมื่อปลายมือ
    ฯลฯ
    เป็นอันขาดชาตินี้ไม่มีคู่ จะไปอยู่ปรนนิบัติแม่มัจฉา
    แต่แม่ตายหมายโตเป็นสิทธา เดี๋ยวนี้มาเลื่อนลอยพลอยรำคาญ
    ฯลฯ
      พระฟังคำรำลึกรู้สึกบ้าง คิดถึงนางมัจฉาน่าสงสาร
    สักประเดี๋ยวเสียวมนต์ดลบันดาล รื้อสำราญสำรวลชวนโอรส
    ฯลฯ
    อร่อยจริงยิ่งกว่ากินลูกลิ้นจี่ จะหานางอย่างนี้หาที่ไหน
    เขมรลาวชาวละครทั้งมอญไทย พ่อก็ได้ลองแล้วนะแก้วตา
    ฯลฯ
    พอนึกได้ไม่ทันพักพยักหน้า ทั้งวงศาสุจริตสนิทสนม
    ล้วนท่วงทีดีเหลือไม่เบื่อชม เขามักคมในฝักชักออกวาว
    ถึงยามร้อนผ่อนสบายให้หายร้อน ยามหนาวนอนแนบกายให้หายหนาว
    อันหญิงอื่นหมื่นแสนในแดนดาว ไม่สู้ชาวลังกาสัจจาจริง
    ฯลฯ
                    ฝ่ายสองนางนั่งฟังอยู่ริมฉากชมฝีปากหน่อนาถที่ฉลาดเฉลียว ไม่รู้จักรักผู้หญิงจึงเด็ดเดี่ยวไม่ถูกมนต์ เห็นว่ามีไม้เท้านั้น ถ้าผู้หญิงจับแล้วคงจะเสื่อมมนต์คาถา จึงคิดชิงไม้เท้า
                ฝ่ายพระอภัยสอนลูกสุดสาครไม่ได้อย่างใจ จึงแกล้งทำเป็นโกรธ จึงตรัสเรียกธิดาสุลาลีมาให้คุมสุดสาครไว้ ส่วนหัสไชยพระองค์จะรับไว้ให้นอนด้วย
      สุดสาครอ่อนหวานประทานโทษ แม้ไม่โปรดให้ไปก็ไม่หนี
    ถวายชีวิตสิทธิขาดแล้วชาตินี้ ตามแต่ที่บุญกรรมได้ทำมา
    ถึงเนื้อเลือดเชือดถวายเหมือนหมายมาด ขอแต่อย่าให้ขาดพระศาสนา
    ถ้าเดี๋ยวนี้มิสงสารพระมารดา ลูกจะฆ่าตัวถวายให้หายแคลง
    ฯลฯ
                   นางสุลาลีวันพาสุดสาครไปห้องนอนแล้วเฝ้าปรนนิบัติ สุดสาครกลัวผู้หญิง เอาไม้เท้าอิงไว้ข้างกาย นางจะพูดอย่างไรก็ไม่เงยหน้าดู คิดถึงน้องที่ต้องอยู่ไกลกัน คิดถึงพระบิดาที่หลงใหลให้ตนต้องอึดอัด กลัดกลุ้มที่ให้นางคุมอยู่ นางสุลาลีวันกล่าวตัดพ้อและเอ่ยไปถึงนางเสาวคนธ์ ทำให้สุดสาครทนไม่ได้ ต้องออกปากว่านางด้วยประการต่าง ๆ
    จนดึกดื่นขืนเฝ้าแต่เซ้าซี้ จะไม่มีผัวนี้ไม่ดีหรือ
    พระเคืองค้อนค่อนขอดนั่งกอดมือ นางไม่ถือคิดว่าผัวเฝ้ายั่วเย้า ฯ
                นางสุลาลีวันขอไม้เท้าสุดสาครไม่ให้ เกิดแย่งชิงกัน ไม้เท้านั้นเมื่อผู้หญิงเข้าใกล้ก็กลายเป็นงูไล่ผู้หญิง นางตกใจวิ่งหนีงูนั้นก็หายไป สุดสาครโกรธมากจนเป็นลมไป เมื่อฟื้นขึ้นมาเห็นไม้เท้าหายไป จึงออกตามหาไปถึงห้องพระเชษฐา เห็นนั่งแอบอิงอยู่กับผู้หญิงฝรั่ง ดูน่าเกลียดจึงเลยไปยังห้องพระอา เห็นทรงสะกาอยู่กับนางรำภา จึงให้เสียงและนั่งลง พระอาเห็นพระหลานก็เรียกให้มานั่งด้วยกัน สุดสาครทูลว่าไม้เท้าหาย จึงออกเที่ยวตามหา แล้วทูลความว่า พระบิดาให้สุลาลีวันขังไว้ที่วังใน
      ศรีสุวรรณนั้นหัวเราะว่าเคราะห์เจ้า เมื่อไม้เท้าอยู่กับกายให้หายได้
    จงมีเมียเสียเถิดหลานสำราญใจ นึกเหมือนไพร่มันว่าตำราบุราณ
    มีเมียเคล้ามีข้าวกินแล้วสิ้นทุกข์ อยู่ไหนไหนได้เป็นสุขสนุกสนาน
    แล้วลืมองค์หลงเสี้ยวพูดเกี้ยวพาน สามกระดานแล้วหนาจำนางรำภา ฯ
                สุดสาครร้อนรุ่มกลุ้มใจ เหมือนตกอยู่กลางทะเลแห่งความรัก จะพึ่งที่พึ่งอาก็ไม่ได้
    โอ้เหมือนอย่างช้างเถื่อนที่เพื่อนเบียด เข้าเพนียดแดดิ้นจนสิ้นโขลง
    เหมือนตัวเราเล่าจะถูกเข้าผูกโรง เพราะญาติโยงยั่วเย้าให้เข้าซอง
                ขี้เกียจนั่งฟังให้รำคาญใจ สุดสาครคิดถึงแต่ไม้เท้าจึงทูลลาไปหาไม้เท้าต่อไป
                ฝ่ายนางสุลาลีวันสะกดรอยคอยฟังความอยู่ เห็นสุดสาครโศกศัลย์ฟั่นเฟือน ก็รู้ว่าของแก้ฤทธิ์มนต์ไม่อยู่ติดตัว จึงแกล้งเข้าไปกอดไว้แล้วเป่ามนต์สนจิตให้เสียวสวาทประดิพัทธ์ จากนั้นก็จูงมายังห้องนอนอยู่กันสองต่อสอง
    นึกหอมกรุ่นฉุนเฉียวเสียวแสยง พระพัตรแดงดูก่ำดังน้ำฝาง
    ลืมความรู้ครูสอนแต่ก่อนปาง ให้รักนางบุตรีลาลีวัน
                สุดสาครออกปากเกี้ยวพาราสีนางสุลาลีวัน นางรู้ว่าผีเข้าสิงสู่แล้วจึงคิดแก้เผ็ด สุดสาครงอนง้อ สุดสาครผ่อนแก้ แล้วเข้าประโลมนาง
    ประคองอุ้มจุมพิตเชยชิดโฉม เสียบประโลมลูบต้องของสงวน
    นางผลักพลิกหลีกเลื่อนเบือนกระบวน แกล้งหยิกข่วนแก้เผ็ดให้เข็ดมือ
    ฯลฯ
    หนังเสือเหลืองเครื่องพรตจงปลดเสีย จึงมีเมียจะได้ขาดพระศาสนา
    แม้ทำตามความฉันจำนรรจา จะเห็นว่ารักจริงไม่กริ่งใจ ฯ
    ฯลฯ
    แล้วสาพรตปลดเปลื้องเครื่องหนังเสือ ทรงใส่เสื้อเส้นทองดูผ่องใส
    ด้วยโลกีย์นี้มันปลื้มให้ลืมไตร เหมือนสึกใหม่มีเมียเฝ้าเคลียคลอ
    ฯลฯ
    พลางกอดเกี้ยวเกลียวกลมภิรมย์รื่น ถนอมชื่นเชยชิมไม่อิ่มหนำ
    นางว่าเมื่อเหลือเข็ญเข้าเคล้นคลำ จะชอกช้ำไปเสียแล้วไม่แคล้วเลย
    ห้ามเท่าไรไม่ยั้งไม่ฟังห้าม ตามเกิดตามบุญกรรมแกล้งทำเฉย
    พระกอดช้อนกรต้องประคองเชย ต่างไม่เคยขามเขินเผอิญเป็น
    ฯลฯ
      อันเรื่องราวคราวสุดสาครคลั่ง  ด้วยกำลังโลกีย์เป็นวิสัย
    ถึงนักสิทธิฤทธิรงค์ทั้งทรงไตร เข้าเคียงใกล้โลกีย์แล้วมิพ้น
    ฯลฯ
                พอรุ่งแจ้ง หน่อกษัตริญ์หัสไชยบรรทมตื่น แล้วคิดถึงพระพี่จึงมายังห้องนางสุลาลีวัน เห็นพระเชษฐานอนอิงแอบกอดผู้หญิงอยู่ เปลื้องหนังเสือออกใส่แต่เสื้อก็เกิดความสมเพช จึงเข้าไปปลุก สุดสาครรู้สึกตัวก็นึกสังเวชตนเอง บอกว่า ที่ผิดพลั้งครั้งนี้เพราะผีพลอย
    วิปริตจิตใจให้ไหลเลื่อน อยู่ก็เชือนเผือนพั่นเหมือนฝันเห็น
    แล้วตรัสกับอนุชาเวลาเย็น ไม้เท้าเป็นงูหายเสียดายนัก
    ฯลฯ
      อนุชาว่าพระพี่หนีเถิดจ๊ะ ขืนอยู่นะคิดเห็นไม่เป็นผล
    เรารีบออกนอกห้องทั้งสองคน  ข้างพระชนนีคงจะหลงตอย ฯ
                นางสุลาลีวัน เห็นดังนั้นจึงเข้ามานั่งข้างเคียง สุดสาครเห็นนางเลยวางน้อง แล้วกลับไปหลงไหลในตัวนาง หัสไชยเห็นดังนั้นก็คิดแค้นนางสุลาลีวัน
    จะนั่งดูอยู่ก็แสนจะแค้นคั่ง สุชลหลั่งคลอเนตรดูเชษฐา
    เหลือเจ็บช้ำน้ำใจอาลัยลา กลับมาห้องกลางที่ปรางค์ใน ฯ
                แล้วหัสไชยก็กราบบังคมลาพระบิดาและองค์ละเวงทรงนั่งสิงห์แล้วขับไปพลับพลา

    • Update : 10/6/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch