หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พระอภัยมณี/28
    ตอนที่ ๓๙ นางสุวรรณมาลีมีสารตัดพ้อ

                เจ้าพราหมณ์ทั้งสามทัพมารอรับแล้ว ทูลเชิญพระมเหสีขึ้นพลับพลาโถงท้องพระโรงริมกรุงลังกา พระมเหสีจึงตรัสปรึกษาพระพี่เลี้ยงว่า จะพูดจาคิดอ่านประการใด

    เจ้าพราหมณ์พร้อมน้อมนอบตอบสนอง แล้วแต่ต้องพระปัญญาอัชฌาสัย
    ด้วยเผ่าพงศ์วงศ์วานการข้างใน อันพวกไพร่พรั่นพระราชอาชญา
                พระมเหสีจึงเขียนสารขึ้นสี่ฉบับ ถึงพระภัสดา องค์ละเวง พระอนุชา และพระโอรส
    เลือกแต่งนางช่างพูดเป็นทูตถือ นำหนังสือศุภสารไปขานไข
    มีเครื่องยศงดงามตามข้างใน พวกสาวใช้เชิญตามให้งามยศ ฯ
                พระอภัยทราบเรื่องว่า พระมเหสีกับโอรสและบุตรี เสด็จมาถึงลังกาแล้ว แต่งสารมาก็ปรึกษากับน้องกับโอรส รวมทั้งองค์วัณฬา แล้วขอให้พระอนุชาออกไปช่วยห้ามปรามให้ยกทัพกลับไป ศรีสุวรรณทูลบ่ายเบี่ยงเกี่ยงให้สินสมุทไปพูดจา สินสมุทก็บ่ายเบี่ยงบอกไม่สบาย พระอภัยได้ฟังสินสมุทกับพระน้องบ่ายเบี่ยง บอกไม่สบายพระองค์จึงทำเป็นประชวรบ้าง นางวัณฬาเห็นดังนั้น จึงตัดพ้อต่อว่าด้วยประการต่าง ๆ
    เป็นอันขาดชาตินี้ถึงชีวิต ไม่ขอคิดสักเท่าซีกกระผีกผม
    แต่เจ็บใจได้ทะนงเพราะหลงลม นางซบก้มพักตราโศกาลัย ฯ
                พระอภัยปลอบประโลมองค์ละเวงด้วยประการต่าง ๆ ชี้ให้นางเห็นว่าพระองค์ได้ทำอย่างเต็มที่แล้ว
    จึงสู้นิ่งชิงชังไม่ฟังสาร เพราะขี้คร้านพบปะสละหนี
    ยังโกรธเกรี้ยวเคี่ยวเข็ญไม่เห็นดี จะให้พี่คิดอ่านประการใด ฯ
                องค์ละเวงให้คนไปรับสารตามคำสั่งพระอภัย เถ้าแก่เรียกข้าหลวงออกไปรับสาร
    เห็นรถทรงราชสารทหารแห่ อยู่เซ็งแซ่ซ้ายขวาทั้งหน้าหลัง
    จึงบอกทูตพูดเสียงสำเนียงดัง มีรับสั่งให้มาถามตามโบราณ
    ว่าสารามาเดี๋ยวนี้กี่ฉบับ โปรดให้รับไปปราสาทราชฐาน
    ท่านอยู่ทิมริมวังคอยฟังการ ส่งแต่สารมาให้เราจะเอาไป ฯ
      ฝ่ายนารีที่เป็นทูตเห็นพูดผิด จึงแกล้งคิดเอาให้เก้อเออไฉน
    ส่วนสารเจ้าเราแห่มาแต่ไกล ตามวิสัยกษัตราทุกธานี
    ควรหรือใช้ให้ขี้ข้าออกมารับ ไม่มีเครื่องสำหรับรับสารศรี
    ไม่ยำเยงเกรงอาญาฝ่าธุลี หรือชั่วดีที่ว่าได้ไว้ในมือ
    ฯลฯ
    ไม่แห่รับนับถือหนังสือสาร ราชการกูเป็นสูญจะทูลเฉลย
    หยิบหนังสือเอาไปกูไม่เคย อย่าช้าเลยไปแถลงให้แจ้งความ ฯ
                นางฝรั่งเถ้าแก่ได้ฟังก็โกรธ จึงกลับเข้าวังไปทูลความแก่องค์ละเวง นางจึงตรัสสั่งให้ขรัวนายจัดการให้ชอบที
    จัดพานทองรองสารใส่คานหาม ให้สมตามยศพระมเหสี
    ไม่เคยแห่แต่โบราณสารสตรี แม้นมันมิให้รับขับมันไป
    ฯลฯ
    แล้วเลือกเหล่าสาวสำอางที่คางเพชร ไปแก้เผ็ดนางพวกทูตพูดจองหอง
    ให้โขลนหามคานแห่มาแซ่ซ้อง ครั้งถึงร้องเรียกทูตพูดสำทับ
    ฯลฯ
                ทั้งสองฝ่ายประคารมกันหลายประการ เพื่อเกียรติยศของเจ้านายตน ในที่สุดก็ตกลงกันได้
    แล้วเชิญสารใส่พานทองประคองตั้ง พวกฝรั่งบังคมก้มเกศา
    รับขึ้นวางกลางวอแล้วรอรา ต่างตอบว่าฝรั่งนี้ยังมีอาย
               แล้วทั้งสองฝ่ายก็ประคารมกันอีก เพื่อปกป้องเจ้านายของตน ฝ่ายเมืองผลึกจึงว่า
    ใครชิงชู้สู้ตามไม่ขามเข็ด คงแก้เผ็ดมันให้สาเลือดตาไหล
    ถึงเสียทองเท่าตัวเสียหัวไป แต่มิให้เสียผัวสู้ตัวตาย
                แล้วเถ้าแก่นางฝรั่งก็เชิญสารกลับเข้าไปในวังเข้าเฝ้าองค์ละเวงทูลความให้ทรงทราบทุกประการ นางหยิบสารบนพานให้โอรสกับอนุชากับองค์พระอภัย ส่วนสารที่มีถึงนางนั้นยังไม่อ่าน พระอภัยทรงอ่านสารที่มีมาถึงพระองค์ มีความว่าพระมเหสีได้คอยองค์กษัตริย์มาเจ็ดปีแล้ว เหตุใดพระองค์จึงยังไม่กลับ
    พระศาสนาสามัญในวันนี้ ก็ไม่มีใครบำรุงให้รุ่งเรือง
    พฤฒามาตย์ราษฎรเดือดร้อนสิ้น อกแผ่นดินจะเป็นบ้าฟ้าจะเหลือง
    ฯลฯ
    แม้ชีวีมีอยู่เป็นผู้หญิง สุดจะทิ้งทูลเกศพระเชษฐา
    ถ้าตัวตายหมายจะฝังไว้ลังกา แม้เมตตาแล้วจงกลับกองทัพไป ฯ
                พระอภัยอ่านสารแล้วก็เกิดการพะว้าพะวัง ยังไม่รู้ที่จะทำประการใด
                ฝ่ายศรีสุวรรณอ่านสารมีความว่าไม่ควรที่จะมาหลงอยู่ที่นี่ ไม่คิดสงสารนางเกษราเลยหรือไร เมื่อแรกก็หมายจะมาช่วยพระเชษฐา แล้วยังให้พระนัดดามาหลงใหลนางฝรั่งอีก แล้วถามว่า
    จะอยู่จริงทิ้งเพศประเทศถิ่น ไม่ถือศีลเสียแล้วหรือมาถือไสย
    ขอทราบความตามประสงค์จำนงใน จะบอกไปรมจักรนัครา ฯ
      พอจบคำรำลึกนึกขึ้นได้ ตกพระทัยกลัวจะขาดพระศาสนา
    นึกประเดี๋ยวเฉียวฉุนด้วยคุณยา รักรำภาพูดแก้ที่แผลเป็น
                แล้วบอกว่าพี่สะใภ้นี้ขี้หึง นางรำภาก็ว่านางคงจะข่มขู่ให้ช้ำระกำตรม ศรีสุวรรณก็ตอบว่าจะไม่ยอมให้มาข่มชาวลังกา
                ฝ่ายสินสมุทคลี่สารออกอ่านมีความว่า พระแม่ตั้งแต่คอยหาอยู่ จึงพาน้องน้อยทั้งสองติดตามมาด้วย หมายว่าจะได้พบกัน
    เห็นแต่พ่อหน่อนาถแล้วชาตินี้ จะเผาผีมารดาเมื่ออาสัญ
    จะปลูกฝังตั้งจิตคิดทุกวัน ให้สืบพันธุ์พงศ์กษัตริย์สวัสดี
    ฯลฯ
                สินสมุทอ่านสารแล้วก็สุดเสียใจ สงสารน้องน้อยต้องมาพลอยเหนื่อยยาก กลับรู้สึกสำนึกผิดคิดกลับใจจะกลับไป  นางยุพาเข้ามายึดหัตถ์ไว้ พอเห็นหน้านางก็ต้องมนต์เข้าดลใจให้กลับคิดรักใคร่นางอีก
                องค์ละเวงอยากทราบความในสารจึงเอามาอ่านมีความว่า
    ถึงโฉมยงองค์ละเวงวัณฬาราช กษัตริย์ชาติเชื้อหญิงในสิงหล
    เหมือนจามรีที่รู้จักรักษาสกนธ์ ไม่แปดปนต่างภาษาเป็นราคี
    ฯลฯ
    ธรรมดานารีผู้ดีไพร่ เมียน้อยไหว้กราบเท้าเจ้าของผัว
    นี่เห็นถูกหยูกยาหูตามัว จึงตั้งตัวสูงเสริมเหินเหิมฮึก
    อันเป็นหญิงชิงชู้เขาชูชื่น เหมือนกล้ำกลืนของสำลักมักสะอึก
    ช่วยเตือนใจให้จำรู้สำนึก จงตรองตรึกรับพระเสาวนีย์
    แม้คิดทราบบาปบุญที่คุณโทษ อย่าตอบโกรธกราบประณตบทศรี
    จะไว้หน้าตามประสาเป็นนารี ถ้าเกินดีก็จะได้ผิดใจกัน ฯ
                องค์ละเวงได้ทราบความในสารแล้วก็เคืองคำยิ่งนัก เข้าไปเฝ้าแล้วทูลความแก่พระอภัย บอกว่า
    จะตอบต่อข้อความให้งามหน้า ให้เลือดตาตกเผาะเหยาะเหยาะหยด
    น้อยหรือชะจะให้ไปไหว้ประณต  มาไว้ยศยังกะว่าเป็นข้าไท
    นี่เนื้อเคราะห์เพราะพระองค์จึงหลงถ้อย ต้องเป็นน้อยนึกว่าน้ำตาไหล
    จะออกโอษฐ์โปรดปรานประการใด จะกลับไปหรือจะอยู่พระภูธร ฯ
                พระอภัยตรัสตอบว่าพระองค์จะไม่ไปเข้ากับพระมเหสี แล้วสั่งพระอนุชาให้ช่วยกันคิดแก้ไขตอบสารพระมเหสีไป
                ฝ่ายองค์ละเวงไม่เคยถูกใครเจรจาว่ากล่าวมาก่อน มีความเจ็บแสบและอัดอั้นตันใจยิ่งนัก คิดรำพึงถึงตนว่า
    เมื่อคราวชื่นกลืนฉ่ำดังน้ำวุ้น คราวเฉียวฉุนเช่นกับยามหาหิงคุ์
    เจ็บคารมคมปากเหมือนทากปลิง เขาว่าชิงผัวเขาให้เราอาย
    แต่ความในใจจริงก็ชิงเขา เนื้อความเรามันจึงเสียเหมือนเบี้ยหงาย
    จะเกลื่อนกลบทบทับให้กลับกลาย พอแก้อายหมู่อำมาตย์ราษฎร
    ฯลฯ
                แล้วขอให้พระอภัยเขียนสารตอบพระมเหสี พระอภัยก็ทรงเขียนตามคำขอ
    ประดิษฐ์คำทำร่างให้นางชอบ เป็นความตอบตัดรักหักประหาร
    นางแต่งแต้มแซมซ้ำคำประจาน พระโปรดปรานเขียนความให้ตามใจ
    ฯลฯ
                ฝ่ายพระอนุชาพอตกค่ำ นางรำภาสะหรีก็เฝ้าวอนให้เขียนสารให้ตัดขาดทั้งญาติมิตร พระอนุชาก็เขียนความตามคำของนาง
                ฝ่ายสินสมุทหลงรักนางยุพา พอตกกลางคืนก็เขียนสารตามที่นางยุพาชอบใจ เป็นความตัดเผ่าพงศ์วงศา
                วันรุ่งขึ้นนางรำภาสะหรีก็เอาสารของสองพระองค์มาถวายองค์วัณฬา นางจึงให้ม้าใช้เอาสารไปให้กองทัพเมืองผลึก พระมเหสีได้รับสารทั้งสี่ฉบับ แล้วจึงให้อาลักษณ์อ่านสารของสินสมุทมีความว่า ได้มาอยู่เมืองลังกาแล้วได้คู่รักสมประสงค์
    อันพงศ์เผ่าที่อยู่ชมพูทวีป  จนสิ้นชีพสิ้นชาติเป็นขาดสูญ
    ไม่นับเนื้อเชื้อวงศ์พงศ์ประยูร จึงจำทูลเสียให้เสร็จสำเร็จการ
    ฯลฯ
      พอจบคำช้ำจิตผิดสังเกต น้ำพระเนตรหลั่งไหลพระทัยหาย
    สินสมุทสุดสุภาพไม่หยาบคาย นี่ดีร้ายอีฝรั่งสิ้นทั้งนั้น
    ฯลฯ
                พระมเหสีให้อ่านสารพระอนุชามีความว่า ชาวชมพูทั้งเมืองไม่มีสัตย์ แต่ฝ่ายฝรั่งถือศีลทุกคน มีผัวเดียวเมียเดียว จึงมาอยู่อย่างเป็นสุขทุกคน ไม่กังวลถึงวงศ์ญาติ ขอให้ขาดกัน
    เขาจะตรงลงนรกที่หมกไหม้ ฉันจะไปสู่สถานพิมานสวรรค์
    จึงตัดเมียเสียลูกไม่ผูกพัน เป็นขาดกันแล้วอย่าอ้างเหมือนอย่างเคย ฯ
            พระมเหสีได้ฟังสารแล้วสงสารนางเกษรากับอรุณรัศมี จะเก็บสารไว้ให้สองนางได้อ่าน แล้วให้อ่านสารขององค์วัณฬา มีความอ้างความหลังถึงองค์อุศเรนพี่ของนาง ที่มาขอพราะเหสีไว้ แต่พระมเหสีกลับไปมีชู้ มาฆ่าผัวจนเกิดสงครามใหญ่
    แพศยาฆ่าคู่เขารู้ทั่ว ไปลักผัวนางผีเสื้อลงเรือหนี
    ส่วนตัวแสนแค้นว่าข้าชิงสามี ส่วนฆ่าพี่เขาสิไม่ให้เขาแค้น
    ฯลฯ
    จงมาขุดอุศเรนไปเป็นคู่ พระนี้ชู้มิใช่ผัวอย่ามัวหมาย
    สงสารเจ้าเปล่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย แม้เป็นชายจะช่วยโลมนางโฉมงาม
    ฯลฯ
    เหมือนหยั่งน้ำเห็นปลิงจริงนะเจ้า นัยน์ตาเขาลืมได้มิใช่หลับ
    พี่มาลีศรีผลึกกินลึกลับ อย่าให้น้องต้องขับจงกลับไป ฯ
                อ่านสารจนพระมเหสี รู้สึกเจ็บแค้นยิ่งนัก แล้วให้อ่านสารองค์กษัตริย์
    พนักงานอ่านเนื้อความออกตามเรื่อง พระมิ่งเมืองจอมลังกามหาสวรรค์
    ด้วยทราบตามความขำที่สำคัญ นางสุวรรณมาลีนี้มีคาว
    เหมือนเต่าใหญ่ไข่ปิดให้มิดหลุม จะคุ้ยขุมขุดรื้อออกอื้อฉาว
    ยังมิหนำซ้ำแล่นข้ามแดนดาว มาว่ากล่าวนางละเวงไม่เกรงกลัว
    จะกรวดน้ำคว่ำขันไม่พลันคบ มิขอพบขอเห็นไม่เป็นผัว
    มีลูกเต้าเฒ่าแก่ก็แต่ตัว ใจยังมั่วเหมือนหนึ่งว่าสิบห้าปี
    ข้ารับแพ้แต่เมื่ออยู่ชมพูภพ ยังตามรบกวนอีกต้องหลีกหนี
    เป็นขาดเด็ดเสร็จสั่งเสียครั้งนี้ เดือนแปดปีวอกวันจันทร์ข้างแรม
    เรื่องสารศรีนี้แหละคือหนังสือหย่า อย่ามาว่าปรายเปรียบพูดเฉียบเแหลม
    ถ้ารักตัวกลัวเจ็บอย่าเหน็บแนม ขืนลอมแลมแล้วจะอายเมื่อปลายมือ
    ฯลฯ
                แล้วบอกว่า พระมเหสีครองกรุงอันเป็นเมืองเอก จะอภิเษกตัวใหม่ไม่ได้หรือ พระมเหสีได้ฟังสารทั้งหมดแล้ว ก็ช้ำใจจนล้มสลบไป เมื่อได้รับการแก้ไขจนฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็มีความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจ เหมือนอยู่องค์เดียว แล้วคิดแค้นคิดจะเข้าไปยังเมืองลังกา เพื่อพบองค์พระอภัย
      ฝ่ายพระหน่อบพิตรอดิศร สุดสาครขัตติยาอัชฌาสัย
    ทูลทัดทานมารดาด้วยอาลัย พระอย่าไปปนกับกาที่สาธารณ์
    เหมือนทองคำชัมพูรู่กระเบื้อง จะลือเลื่องชั่วกัลปาวสาน
    จงรอรั้งฟังกิจค่อยคิดการ พรุ่งนี้ฉานจะขอเข้าไปเฝ้าฟัง
                แล้วบอกว่า ถ้าเกี่ยวข้องกับการต้องเสน่ห์ ก็จะปัดเป่าด้วยมนต์ สารที่ส่งมาดีร้ายฝ่ายฝรั่งคงจะยุยง ส่งเสริมให้เขียนมาเช่นนั้น จึงยังไม่ควรฟัง และอย่าถือโกรธ แล้วขอโทษแทนพระบิดาและพระเชษฐา
      นางฟังสุดสาครค่อยอ่อนจิต พ่อช่วยคิดผันแปรช่วยแก้ไข
    แต่แม่นี้วิตกในอกใจ กลัวจะไปเข้าที่เป็นสี่องค์ ฯ
                สุดสาคร ทูลตอบว่าตนจะไม่ยอมหลงไหลผู้หญิง ไม่ว่าจะงามเพียงไร พระมเหสีก็ยังหวั่นใจ เตือนว่าสุดสาครก็มีเวทวิชา ให้คิดรักษาตนให้จงดี
                ฝ่ายบุตรีพี่น้องกับสองโอรส อยู่ใกล้ชิดกัน หัสไชยนึกรักสร้อยสุวรรณผู้เป็นน้อง
    คิดใคร่รู้ว่าผู้ใหญ่เขาได้เสีย เป็นผัวเมียกันอย่างไรที่ไหนหนอ
    ไม่เข้าใจในที่ต้องรีรอ แต่เฝ้าคลอคิดกริ่มใคร่ชิมเชย ฯ
                ตกกลางคืนทั้งสี่องค์นอนอยู่ด้วยกัน หัสไชยยังไม่หลับ เห็นนางนอนอยู่ใกล้
    พินิจน้องสองนางกระจ่างแจ่ม งามแฉล้มอะเหลาะเฉาะล้วนเหมาะเหมง
    อันโลกีย์มิต้องสอนเหมือนกลอนเพลง  มันเป็นเองในอารมณ์ใคร่ชมชิม
    ฯลฯ

    ตอนที่ ๔๐ สุดสาครถูกเสน่ห์

                 พอรุ่งสายสุดสาครก็มาลาพระมารดา ทูลว่าตนกับน้องจะลาไปเฝ้าพระบิดา เพื่อดูแลคิดแก้ไข พระมเหสีก็ตรัสกำชับให้ระวังตนทั้งสองคน และให้ไปช่วยทูลพระบิดาว่า ถ้าไม่กลับไปครองเมืองก็ขอให้มาฆ่าฟัน เสียให้ตาย จะได้สิ้นเรื่อง

    แม้รู้เห็นเป็นคนทนไม่ได้ จะเข้าไปตามเสด็จไม่เข็ดขาม
    จะเคืองขัดตัดคอเสียก็ตาม มิขอข้ามคงคาไปธานี ฯ
                พระโอรสรับรับสั่งแล้ว ก็ชวนพระอนุชามาแต่งองค์ทรงเครื่อง แล้วออกมาจัดไพร่พลจากหนุ่มน้อยสองร้อยคน ที่เป็นคู่หัดมาแต่เมืองการะเวก แล้วพาควบม้าเข้าเมืองลังกา ไปจนถึงวังลังกานอกปราการ หยุดทหารแล้วสั่งความ
      นายประตูรู้ว่าหน่อวรนาถ นึกขยาดยำเยงด้วยเกรงขาม
    ไม่รู้จักซักไซ้ได้พระนาม ไปแจ้งความกับท้าวนางที่ข้างใน ฯ
                ฝ่ายท้าวนางจึงนำความไปทูลว่า สุดสาครกับหัสไชยได้ทราบว่า พระบิดาประชวรจึงรีบมาเฝ้าพระองค์ พระอาและพระเจ้าพี่ทั้งสี่องค์
                ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกานึกประหลาดใจจึงทูลถาม ความเป็นมาของโอรสว่าเกิดด้วยอัศเรศประเทศใด องค์กษัตริย์ก็เล่าความแต่หนหลังให้นางฟัง นางแกล้งถามถึงฤทธิ์วิทยาของพระโอรส พระก็เล่าให้รู้ว่ามีไม้เท้าของดาบส ทรงหนังเสือเหลือง ถือศีลห้า อายุสิบแปดปี

    • Update : 10/6/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch