ความเศร้าโศกสลดในวงการผ้าเหลืองชายแดนภาคใต้ยังไม่ทันจางหาย จากเหตุการณ์ที่เกิดกับ “พระอภิไชย สีลเตโช” พระวัดศรีมหาโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ซึ่งถูกคนร้ายกระหน่ำกระสุนปืนใส่จนมรณภาพขณะบิณฑบาต ในช่วงเช้าตรู่เมื่อ ๕ มีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเช้าตรู่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม วงการสงฆ์ในดินแดนปลายด้ามขวานต้องตกอยู่ภวังค์แห่งความสูญเสียอีกครั้งเมื่อคนร้ายลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ ๑๔ ขณะออกรักษาความปลอดภัยพระสงฆ์ออกบิณฑบาต ที่หมู่ ๘ ต.บาโร๊ะ อ.ยะหา จ.ยะลา จนเป็นเหตุให้ “พระสมุห์ชาตรี กันคะโต” รักษาการเจ้าอาวาส “วัดสวนแก้ว” (ปูแล) และพระวีระพงษ์ เขมวีโร พระลูกวัด ที่ร่วมออกปฏิบัติศานกิจในรุ่งอรุณ ต้องถึงแก่มรณภาพ และที่สำคัญนี่คือพระสองรูปสุดท้ายที่จำวัด ณ ศาสนสถานแห่งนี้
เหตุการณ์ครั้งล่าสุดนี้ได้สร้างแรงกระเพื่อมทางสังคมจนเกิดความเปลี่ยนแปลงต่อวัตรปฏิบัติของเหล่าสมณเพศในดินแดนแห่งนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะการออกรับบิณฑบาตที่ไม่สามารถก้าวย่างไปตามเส้นทางไปตามปกติ เพราะทั้งความหวาดระแวง ความหวาดผวา ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อความรู้สึกของผู้ครองตนในผ้าเหลือง และเหล่าญาติโยม
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้มีการเรียกประชุมคณะสงฆ์ใน อ.ยะหา ซึ่งมีวัดจำนวน ๔ แห่ง ประกอบด้วย วัดยะหาประชาราม, วัดสวนแก้ว, วัดวงกตบรรพต และวัดปาละ เพื่อหาแนวทางในการรักษาความปลอดภัยพระภิกษุสามเณรขณะออกปฏิบัติศาสนกิจนอกวัด โดยเบื้องต้นได้มีการทำความตกลงร่วมกันทุกวัดด้วยการงดบิณฑบาตนอกวัดชั่วคราว เนื่องจากสถานการณ์ยังมีความล่อแหลมและสุ่มเสี่ยงต่ออันตราย
พระครูสถิตธีรธรรม เจ้าอาวาสวัดยะหาประชาราม อ.ยะหา จ.ยะลา บอกว่า เหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดพระภิกษุสงฆ์วัดสวนแก้ว ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ห่างจากวัดยะหาประชาราม ประมาณ 2 กิโลเมตร ส่งผลให้มีพระมรณะภาพ ๒ รูป ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนต่อขวัญและกำลังใจของบรรดาพุทธศาสนิกชน และกระทบต่อความรู้สึกของวงการสงฆ์ในพื้นที่ชายแดนภาคใต้อย่างมาก เนื่องจากต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ความสูญเสียกับพระภิกษุสงฆ์ขณะออกบิณฑบาตในใน อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี มาแล้ว
สิ่งที่ต้องการฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ นับจากนี้คือการงดบิณฑบาตนอกวัดชั่วคราวของพระวัดใน อ.ยะหา เพื่อความปลอดภัยนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขอให้มีการสนับสนุนเรื่องของการถวายภัตตาหาร ภิกษุสามเณรที่วัด เนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่มีความรุนแรงชาวบ้านอาจจะต้องประสบความยากลำบากมากขึ้นในการเดินทางมาทำบุญ ดังนั้นอยากให้หน่วยงาน หรือผู้เกี่ยวข้องอำนวยความสะดวก และความปลอดภัยในเรื่องนี้แก่ชาวพุทธในการมาทำบุญที่วัดด้วย
เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมาภาพที่ปรากฏอย่างชัดเจนว่าพุทธศาสนาในดินแดนแห่งนี้อยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง เห็นได้จากการบิณฑบาตจะต้องมีทหารคอยเดินตาม รปภ.เป็นขบวน ในขณะที่บางวัดแทบจะออกบิณฑบาตไม่ได้ อีกทั้งศาสนกิจหรือพิธีทางศาสนาก็ต้องดำเนินไปอย่างรวบรัดเพื่อความปลอดภัยมากที่สุด
เจ้าอาวาสวัดยะหาประชารามพูดไว้อย่างน่าคิดว่า “วันนี้ที่วัดเหลือพระเพียง ๔ รูป ความสำคัญของการบิณฑบาต ที่เป็นมากกว่าวัตรปฏิบัติของสงฆ์ที่ละไม่ได้ ดังนั้นหากหยุดปฏิบัติกิจนี้จะยิ่งส่งผลต่อขวัญกำลังใจชาวพุทธที่เหลืออยู่เพียงหยิบมือเดียวในพื้นที่ปลายด้ามขวาน ณ เวลานี้ หากมีความชัดเจนในมาตรการรักษาความปลอดภัยต่างๆ แล้ว คณะสงฆ์ในพื้นที่ก็พร้อมปฏิบัติกิจตามปกติเพื่อให้เป็นขวัญกำลังใจแก่ญาติโยมและเป็นการธำรงค์ไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาในดินแดนแห่งนี้”
ในขณะที่วัดศรีมหาโพธิ์ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี แม้นจะผ่านเรื่องเลวร้ายมาได้ไม่นาน แต่เหล่าภิกษุจากศาสนสถานแห่งนี้ ก็ได้บิณฑบาตตามปกติ แม้นจะรู้ดีว่าสถานการณ์ยังไม่น่าไว้วางใจมากนักก็ตาม โดย “พระครูโสภิตโพธิคุณ” เจ้าอาวาสวัดศรีมหาโพธิ์ จ.ปัตตานี สะท้อนความรู้สึกว่าหลังพระทุกรูปของวัดแห่งนี้ ก็ยังยืนหยัดปฏิบัติศาสนกิจตามปกติ และไม่เคยปล่อยให้ความหวาดกลัวมาทำลายความมุ่งมั่นในการทำหน้าที่ เพียงแต่ต้องเพิ่มสติ และมีสมาธิมากขึ้นเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าสังหาร
ด้าน “พระเลิศศักดิ์ โชติปัญโญ” พระวัดศรีมหาโพธิ์ กล่าวว่า วันนี้ยังคงพร้อมและออกบิณฑบาตตามปกติ แม้ว่าวันเกิดเหตุคนร้ายยิงพระมรณภาพในจุดที่ไม่ไกลวัดมากนัก แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคบั่นทอนกำลังในการปฏิบัติศาสนกิจแต่อย่างใด กลับมุ่งมั่นมากกว่าเดิม เพราะวันนี้ยังมีชาวบ้านและญาติโยมจำนวนไม่น้อยได้ออกมาทำบุญตักบาตรในตอนเช้าตรู่ตามปกติ ชาวบ้านยังออกมาตักบาตร แล้วในฐานะสงฆ์จะงดได้อย่างไร ดังนั้นจะต้องออกไปทำหน้าที่ตามกิจของสงฆ์ และที่สำคัญนี่คือหนึ่งในแนวทางที่จะช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนตราบนานเท่านาน
เช่นเดียวกับ “พระสิริชัย สุขสีทอง” พระวัดศรีมหาโพธิ์ อีกรูปที่ออกปฏิบัติกิจของสงฆ์ด้วยการรับบิณฑบาตตั้งแต่เช้าตรู่ตามปกติ แม้นจะเพิ่งผ่านพ้นเหตุสลดในวงการสงฆ์เมืองโคกโพธิ์มาไม่นาน แต่ความสลดใจยังไม่จางหาย พร้อมทั้งยืนยันว่าหากมีญาติโยมออกมาใส่บาตรเพียงคนเดียวในฐานะภิกษุก็จะต้องออกไปทำหน้าที่ตามวัตรปฏิบัติ
พ่อเมืองทำบุญตักบาตรทุกเช้า
สิ่งที่ยังทำให้วัตรปฏิบัติของภิกษุ สามเณรในจังหวัดชายแดนใต้ยังคงดำเนินอยู่ได้ในเวลานี้ ปฏิเสธมาได้ว่า “แรงศรัทธา” ของเหล่า “คฤหัสถ์” มีส่วนและเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญอย่างยิ่ง
นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ที่มักจะออกมาทำบุญตักบาตรทุกเช้าในย่านกลางเมืองยะลา บอกว่า หากมีโอกาสและว่างเว้นจากภารกิจราชการ โดยนอกเหนือจากการร่วมทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาแล้ว สิ่งที่ต้องการคือการเป็นแบบอย่างให้ชาวบ้านออกมาทำบุญใส่บาตรให้เหมือนปกติเมื่อครั้งวันวาน
“เราได้ร่วมกับตำรวจ ทหาร วางแผนดูแลพระภิกษุสงฆ์ในพื้นที่ โดยได้ประสานกับเจ้าคณะจังหวัดและคณะกรรมการวัด ในเขตเทศบาลนครยะลา และขอความร่วมมือทางวัด เวลาที่พระจะออกไปรับบิณฑบาต หรือออกนอกวัด เพื่อให้การทำบุญตักบาตรอบอวลไปด้วยความอิ่มเอมของการทำบุญมากที่สุด” พ่อเมืองยะลา กล่าว
ในขณะที่นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าวว่า แม้นส่วนตัวจะเป็นอิสลามมิกชน แต่ยินดีให้การสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนาอย่างเท่าเทียมกันเพื่อให้สังคมแห่งนี้อยู่ร่วมกันย่างสันติสุข โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ที่ชาวพุทธและวงการสงฆ์ในพื้นที่เต็มไปด้วยความกังวลใจในมาตรการความปลอดภัย ซึ่งขอยืนยันว่าจังหวัดจะทำหน้าที่ดูแลสวัสดิภาพของพระภิกษุสงฆ์ สามเณร และชาวบ้านที่ออกมาตักบาตรในช่วงเช้าให้ดีที่สุดเพื่อให้ภาพอันงดงามของบรรยากาศยามเช้าแห่งเมืองปัตตานีที่เปี่ยมไปด้วยความหลากหลายทางศาสนาและวัฒนธรรมกลับมาอยู่ในความรู้สึกของสังคมไทยอีกครั้ง
"ความสำคัญของการบิณฑบาต ที่เป็นมากกว่าวัตรปฏิบัติของสงฆ์ที่ละไม่ได้ ดังนั้นหากหยุดปฏิบัติกิจนี้จะยิ่งส่งผลต่อขวัญกำลังใจชาวพุทธที่เหลืออยู่เพียงหยิบมือเดียวในพื้นที่ปลายด้ามขวาน"
เรื่อง.."สุพิชฌาย์ รัตนะ"
ภาพ.."ศูนย์ภาพเนชั่น"