|
|
เที่ยวทั่วไทย-เมืองโอ่งมังกร (๓)
เมืองโอ่งมังกร (๓)
ราชบุรี นั้น ได้ชื่อว่า ยามค่ำจะมีอากาศเย็นดังล้านนา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเย็นหรือหนาวไปทั้งเมือง ย่านที่ได้ชื่อว่า อากาศหนาวเย็นยามค่ำ คือ ย่านใกล้เทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งเป็นเทือกเขาที่กั้นชายแดนไทย - พม่า อำเภอที่อยู่ติดหรือใกล้กับเทือกเขานี้คือ อำเภอสวนผึ้งและอำเภอจอมบึง ๒ อำเภอนี้ จึงโชคดีที่ได้อยู่ในถิ่นที่มีอากาศเย็นสบายในยามค่ำ ลมจากเทือกเขาตะนาวศรี จะเริ่มพัดออกสู่ทะเล หรือปากอ่าวแม่กลอง ตั้งแต่เวลาประมาณสองทุ่ม จนพูดล้อกันว่า ไม่ต้องเปิดแอร์ในห้อง เพราะพอสองทุ่มพม่าจะเปิดแอร์มาให้ แอร์ที่ว่านี้คือ ลมที่พัดจากเทือกเขาตะนาวศรี
สวนผึ้ง วันนี้ต่างกับเมื่อ ๕ ปีที่แล้ว ที่ผมไปพักเป็นครั้งสุดท้าย เพราะสวนผึ้งจะมีถนนที่ราดยางเกือบทุกสาย ไม่ว่าจะเข้าไปในป่า ในดงก็ตาม ถนนดีเยี่ยมยอด รีสอร์ทเกิดขึ้นมากมายหลายสิบแห่ง และบางรีสอร์ทก็อยู่ในบรรยากาศของล้านนา ทั่วทั้งบริเวณและภายในห้องพัก ทุกรีสอร์ทจะต้องแข่งขันกันเรื่องห้องอาหารด้วย เพื่อไม่ให้แขกที่มาพักต้องลำบากออกไป ควานหาอาหารมื้อเย็นรับประทาน ซึ่งร้านในอำเภอสังเกตดูว่า ไม่ได้เพิ่มมากขึ้น หรือจะเพิ่มพวกร้านอาหารก็คงจะน้อยเต็มที คงจะเป็นเพราะรีสอร์ทที่สร้างขึ้นใหม่ เตรียมห้องอาหารไว้รับรองแขก และอาหารจะต้องดีพอควร จึงจะจับแขกเอาไว้ได้ ส่วนอาหารเช้านั้น น่าจะมีทุกรีสอร์ทและแถมฟรีด้วย รีสอร์ทที่พักพอเช็คอิน ก็แจกคูปองอาหารเช้าราคา ๑๐๐ บาท พอเช้าขึ้นมาก็ลงไปที่ห้องอาหาร เขาก็ยกข้าวต้มหมูชามใหญ่ มาให้ ๑ ชาม ยกจานไข่ดาว ไส้กรอก ขนมปัง เนย แยม มาให้อีก ๑ จาน ตามด้วยน้ำส้มคั้น ๑ แก้ว ส่วนกาแฟนั้น ไปชงเอาเองจะซดสักกี่แก้วก็ได้
เป็นความเปลี่ยนแปลงของสวนผึ้ง
สถานที่ท่องเที่ยว คงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ไปสะดวกกว่าเดิมมาก เส้นทางอำเภอจอมบึง กับอำเภอสวนผึ้ง ไปในเส้นทางเดียวกัน ถ้ามาจากนครปฐม พอลงจากสะพานข้ามทางรถไฟ ตรงมาถึงสี่แยก หากตรงไปจะไปเพชรบุรี เลี้ยวซ้ายเข้าเมืองราชบุรี ให้เลี้ยวขวาเข้าถนน ๓๐๘๗ วิ่งไปประมาณ ๖ กม. ถึงสี่แยกเจดีย์หัก หากเลี้ยวขวาก็จะไปยังเขางู เลยต่อไปยังวัดหนองหอย เลยต่อไปอีกก็ไปเขาช่องพราน ไปดูค้างคาวบินออกจากถ้ำ นับล้านตัวในยาวเย็น เลยต่อไปยัง ค่ายหลวงบ้านไร่ อ.โพธาราม ได้ (ที่ค่ายหลวงมี บรมราชานุสาวรีย์ของ รัชกาลที่ ๖)
ถึงสี่แยกเจดีย์หัก ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนน ๓๐๘๗ จะผ่านแหล่งท่องเที่ยวคือ
ถ้ำเขาบิน ไปคราวนี้ผมไม่ได้ลงไปในถ้ำ เพราะเรี่ยวแรงชักจะไม่ไหว ถามเขาดูว่ายังเหมือนเดิม ไม่สะดวกนัก ก็เลยขอเอาของเก่ามาเล่าให้ทราบ หน้าถ้ำ จัดเป็นสวนสาธารณะ มีร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึก มีที่กางเต็นท์ ให้พักได้ ถ้ำเขาบินห่างจากเพชรเกษมประมาณ ๒๐ กม. แล้วเลี้ยวซ้ายไปอีก ๑.๕ กม. ก็จะถึงทางเข้าถ้ำ จากปากน้ำถึงส่วนที่ลึกที่สุด ๓๐๐ เมตร แบ่งภายในถ้ำออกเป็น ๘ ห้อง มีชื่อเรียกต่าง ๆ กันคือ ศิวะสถาน โถงอาคันตุกะ ธารอโนดาต สกุณชาติคูหา เทวสภาสโมสร กินนรทัศนา พฤกษาหิมพานต์ อุทยานทวยเทพ แต่ละห้องจะงามด้วยหินงอก หินย้อย ที่มีอายุนานนับพันปี และหากให้บอกว่า รูปร่างเป็นอะไร ก็อย่าไปเถียงกัน เพราะคนหนึ่งอาจจะเห็นเป็นหัวช้าง เขี้ยวเสือ ราชสีห์หมอบ กวางเดิน คนอื่นอาจจะเห็นต่างกัน
จากทางแยกเข้าเขาบิน ก่อนถึงอำเภอจอมบึง ประมาณ กม.๒๔ ให้เลี้ยวขวามานิดเดียว ทางขวามือจะมาถึง "สวนสัตว์เปิดเขาประทับช้าง" เป็นส่วนหนึ่งของศูนย์เพาะเลี้ยง และขยายพันธุ์สัตว์ป่า โดยเฉพาะเสือ และยังมี กว่าง เก้ง เลียงผา ค่าง ชะนี ฯลฯ
ถ้ำจอมพล ถ้ำนี้งดงามอย่างยิ่ง หน้าถ้ำมีสวนรุกขชาติ มีพื้นที่ประมาณ ๓๘ ไร่ ปลูกไม้ดอก ไม้ประดับ เอาไว้งดงาม และร่มรื่น มีร้านจำหน่ายอาหาร ร้านขายกล้วย สำหรับให้เป็นอาหารลิงที่มีมากมาย เส้นทาง เลยทางแยกเข้าสวนสัตว์เขาประทับช้าง จะพบป้ายบอกทางเข้าไปยังถ้ำจอมพล เมื่อไปถึงเชิงเขาก่อนขึ้นถ้ำ มีซุ้มเก็บค่าเข้าชมคนละ ๑๐ บาท หากเป็นวันหยุด จะมีนักศึกษาสาวมาทำหน้าที่ไกด์ ค่าบริการไม่ได้กำหนด แต่คณะผมให้ไป ๑๐๐ บาท เพราะทำหน้าที่อย่างดี เมื่อจ่ายค่าชมถ้ำแล้ว ก็เดินขึ้นบันไดไปยังปากถ้ำ ทางเดินในถ้ำปรับปรุงดีขึ้นมาก ควรมีไฟฉายของเราไปด้วย ไฟในถ้ำไม่สว่างมากนัก ประวัตินามถ้ำนี้ เป็นนามพระราชทาน เมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๘ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จมาประพาสถ้ำนี้ โดยสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ตามเสด็จมาด้วย และได้พระราชทานนามถ้ำว่า "ถ้ำจอมพล" ตามลักษณะของหินย้อยภายในถ้ำ ที่เหมือนม่านย้อยลงมา หรือเหมือนบ่าเครื่องหมายยศจอมพล เวลาแต่งชุดเต็มยศ ในปี พ.ศ.๒๔๕๗ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งทรงนำกองเสือป่ามาซ้อมรบในพื้นที่ จ.ราชุบรี ได้เสด็จมาทอดพระเนตรถ้ำจอมพล และใน พ.ศ.๒๔๙๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จ ฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จมา
ถ้ำจอมพล เป็นถ้ำหินปูน มีหินงอก หินย้อย งดงามนัก แบ่งออกเป็นห้องต่าง ๆ มีชื่อ ธารศิลา สร้อยระย้า แส้จามรี ธาตุนิมิต เกศาสลาย บรมอาสน์ และท้องพระโรง เดินเข้าไปจนถึงก้นถ้ำ จะมีปล่องใหญ่ให้แสงสว่าง ส่องลงมาได้และมีพระพุทธไสยาสน์
จากอำเภอจอมพล มุ่งหน้าต่อไปยังอำเภอสวนผึ้ง
กม. ๑๙ มีทางแยกซ้ายไปยังชัฎป่าหวาย เลยทางแยกนี้ไปประมาณ กม.๒๐ ทางขวามือ มีร้านที่ควรแวะในตอนเที่ยวกลับ จะได้หอบหิ้วกันให้สนุก เพราะเป็นร้านสินค้าโอท๊อป ขายผลไม้แปรรูป ได้แก่ "ขนุนอบเนยกรอบ" มะละกอหยี กล้วยอบ เผือกอบ มันอกกรอบ ทอฟฟี่ถั่ว ส่วนมากราคา ๓ กล่อง ๑๐๐ บาท อย่าซื้อน้อย จะเสียใจ โดยเฉพาะขนุนอบเนยกรอบ เป็นชิ้นพอคำ บรรจุในกล่องสวย กินแล้วหยุดไม่ได้ "มัน"
เรื่องหลัก กม. ที่ผมบอกให้นี้อย่าไปงง เพราะผมก็งง มาแล้ว เอาแค่จอมบึงตามถนน ๓๐๘๗ กม.๓๐ แล้วจะมีถนนสาย ๓๐๗๔ แยกขวาไปยัง อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ได้ แต่ถนนที่ไปยังสวนผึ้ง ก็ยังคงเป็นถนนที่ผ่านจอมบึง สาย ๓๐๘๗ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม พอเลยจอมบึง หลัก กม.ตั้งต้นกันใหม่ ดูหลัก กม. ทางขวาให้ตรงกับที่ผมบอกเป็นใช้ได้ "โป่งยุบ กม.๒๗ " หลัก กม. อยู่ทางขวา มีทางแยกซ้าย มีป้ายบอกไปโป่งยุบ ให้เลี้ยวซ้ายไปประมาณ ๕ กม. แล้วแยกขวาไปอีกหน่อย จะมีลานจอดรถ โป่งยุบอยู่ในพื้นที่ของเอกชน ผมอาจจะมีส่วนไปทำให้เขาดัง เมื่อสิบปีเศษมาแล้ว ผมไปโป่งยุบ ที่ไม่มีใครไปเที่ยวกัน มีลักษณะคล้ายกับแพะเมืองผี ที่แพร่ คล้ายละลุ ที่สระแก้ว เสานาน้อย ที่น่าน แต่โป่งยุบมีขนาดเล็กกว่า และเกิดจากการยุบตัวลงไปของแผ่นดิน ยุบลงไปแล้ว ส่วนที่แข็งแกร่งทรงตัวอยู่ไม่ได้ยุบตามไป ทำให้เกิดเป็นรูปลักษณ์ต่าง ๆ แปลกตา และคงไม่ยุบลึกลงไปอีก ส่วนแพะเมืองผี หรือละลุ นั้นไม่ได้ยุบตัวลงไป หรืออาจจะเป็นภูเขายุบลงมา จึงเป็นเสา หรือกำแพงสูงขึ้นไป โป่งยุบวันที่ผมไปครั้งแรก ไม่มีใครมาเฝ้า ใครอยากชมก็ไปชม เจ้าของอยู่กรุงเทพ ฯ ให้ปลูกร้านของชำ แล้วให้เก็บสตางค์ค่าจอดรถ รถเก๋งเก็บคันละ ๓๐ บาท รถตู้เก็บคันละ ๘๐ บาท มากี่คนก็เก็บเท่ากัน ไม่ได้ถามว่ามารถบัสเก็บเท่าใด
อำเภอสวนผึ้ง อยู่เลยทางแยกเข้าโป่งยุบไปอีกประมาณ ๓ กม. มีทางแยกซ้ายไปยังพิพิธภัณฑ์ภโวทัย ผมเคยไปพักมาแล้วหลายครั้ง บ้านพักดีเยี่ยมปลูกตามริมธารน้ำ มีห้องอาหารอร่อยมาก มีพิพิธภัณฑ์ให้ชม ผมไปพักมาหลายครั้งแล้วติดใจทั้งสถานที่ที่ร่มรื่นไปทั่ว ติดใจบ้านพักและรสอาหาร ป้ายนำทางไปภโวทัยมีแยะ ไปคราวนี้ไม่ได้แวะเยี่ยมแต่ได้ลองไปพักรีสิอร์ทที่เปิดใหม่ในบรรยากาศล้านนา
รีสอร์ท เลยสวนผึ้งไป ๔ กม. อยู่ซ้ายมือ หัวมุมทางสามแยกประตูเข้ารีสอร์ทใหญ่ยังกับประตูเมือง เข้าไปทางซ้ายมีมินิมารท์ เลยเข้าไปนิดทางขวาจะมีกลุ่มต้นปาลม์ มีฝูงช้าง (จำลอง) ช่วยให้มีบรรยากาศของล้านนา บ้านพักมีทั้งแบบเป็นโรงแรม และเป็นหลัง ๆ แต่ใหญ่กว่าบังกะโล พักได้ ๒ - ๓ คน ส่วนผมพักแบบห้องพักที่จัดภายในห้องสไตล์ล้านนา เตียงใหญ่ ตัวเตียง ตู้ โต๊ะเครื่องแป้งแกะสลักไม้สวยงามมาก มีทีวี ตู้เย็น พร้อม โผล่เข้าไปในห้องน้ำเห็นอ่างอาบน้ำแล้วตกใจ เพราะใหญ่มากเป็นครึ่งวงกลม น่าลงไปนอนแช่น้ำอุ่น บริเวณกว้างขวาง ในพื้นที่ประมาณ ๓๐ ไร่ มีหอคอยให้ขึ้นไปชมวิว มีสระน้ำ เรือพายเล่นได้ มีจักรยานน้ำ มีรถจักรยานให้ขี่เล่น บริการฟรีหมด ที่ชอบกันมากคือตอนเย็นนั่งกินอาหารกันด้านหลังกลางแจ้ง เย็นจนหนาว ไม่ได้เตรียมเสื้อแจคเกตไป หนาวจนเป็นหวัดกันเป็นแถว ๆ อาหารเย็นที่สั่งมาชิมคือส้มตำ หมูมะนาว หมูแดดเดียว ยำวุ้นเส้นใส่หมูยอ ไก่ทอด และแหนมซึ่โครง ไม่มีอาหารกินกับข้าว ใครอยากกินข้าวสั่งอาหารจานเดียวมาชิม
สวนป่าสิริกิต์ภาคกลาง เป็นโครงการอนุรักษ์ป่าและเสริมสร้างสิ่งแวดล้อม เส้นทางไปตามถนน ๓๐๘๗ พอถึงหน้าที่ว่าการสวนผึ้งเลี้ยวซ้ายตามป้ายภโวทัยไป เมื่อถึงภโวทัยแล้วหากจะเข้าไปก็เลี้ยวซ้าย หากไปสวนป่าให้วิ่งเลียบภโวทัยต่อไป รวมระยะทางประมาณ ๒๕ กม. ถนนสายนี้ตัดเข้าไปในป่า ลัดเลาะไปตามภูเขาเป็นเส้นทางที่สวยมากนัก ท้าทายนักขี่จักรยาน เมื่อไปถึงจะพบพันธุ์ไม้มากมายและพันธุ์ไม้ที่มีอยู่เดิม แต่ถูกหักล้างถางพงหมดไป ได้ถูกนำมาปลูกเอาไว้ใหม่เช่นไผ่ หวาย คูณ สะเดา ไท้ยางนา เป็นต้น มีพันธุ์ไม้รวมกว่า ๑๙๐ ชนิด
แก่งส้มแมว อยู่ในบริเวณสวนป่า มีน้ำไหลตลอดปี เกาะแก่งสวย เล่นน้ำได้
ธารน้ำร้อนบ่อคลึง เส้นทางไปจาก อ.สวนผึ้ง ถึง กม.๓๔ ถึงรีสอร์ทภูผาผึ้ง เลี้ยวซ้ายเลาะเลียบข้างรีสอร์ทไป ถนนลาดยางอย่างดีประมาณ ๑๐ กม.จะถึงบริเวณสระน้ำร้อนขนาดใหญ่ที่รองรับน้ำร้อนจากธารน้ำร้อน บริเวณธารน้ำร้อนแห่งนี้เป็นที่เอกชน ค้นพบเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๘ เป็นเพียงตาน้ำร้อนเล็ก ๆ ได้ปรับปรุงจนกลายมาเป็นธารน้ำร้อน เป็นน้ำแร่ที่มีกำมะถันเจือปน อุณหภูมิของน้ำประมาณ ๕๐ - ๕๗ องศาเซ็นติเกรด เมื่อลงรถแล้วเดินไปนิดเดียวก็จะถึงบ่อน้ำร้อนที่กั้นฝายเอาไว้ มองเห็นน้ำใส มองทลุลงไปเห็นพื้นท้องน้ำสวยมาก และทางด้านขวาจะเป็นห้องพักมีหลายราคามีน้ำแร่ให้อาบ หากเดินเข้าไปอีกประมาณ ๑๕๐ เมตร โดยเดินเลาะเลียบธารน้ำร้อนที่ไหลลงมาก็จะถึงต้นน้ำเป็นพุร้อนธรรมชาติ ผุดขึ้นมาเองแล้วทำเป็นฝายกั้นไว้ ต่อท่อลงมา ในบริเวณมีบ้านพัก ร้านอาหาร ๑ ร้าน น้ำแร่ธรรมชาติที่นี่ได้รับการวิจัยว่าเป็นน้ำแร่ที่ดีที่สุดในประเทศไทย ไม่ได้เตรียมตัวจะไปอาบน้ำแร่เลยไม่ได้แช่น้ำแร่ให้ผิวสวย
น้ำตกเก้าชั้น หรือน้ำตกเก้าโจน ต้นน้ำมาจากบนเทือกเขาตะนาวศรี เส้นทางออกจากบ่อน้ำร้อนไปตามเส้นทางเดิม เลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ ๑ กม.โดยจะผ่านอุทยานธรรมชาติทางซ้ายมือ อุทยานนี้ในพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ เลยอุทยานไปนิดเดียวก็จะถึงบริเวณลานจอดเข้าไปชมน้ำตกเก้าชั้น จากลานจอดต้องเดินต่อไปอีกนิดสัก ๑๐๐ เมตร จะเห็นสะพานแขวน สร้างข้ามธารน้ำที่ไหลมาจากน้ำตกไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ก่อนถึงผ่านแผงขายผลไม้ของแม่ค้าอยู่ริมทางเดิน กล้วยน้ำหว้าน่ากินนัก ลูกโต ๆ ราคาหวีละ "ห้าบาท" ตอนเดินกลับซื้อแล้วช่วยกันหิ้วกลับมา หากซื้อในกรุงก็ต้องหวีละ ๒๐ บาทขึ้นไป ผมกินกล้วยน้ำหว้าทุกวัน วันละ ๑ - ๒ ลูก กินแล้วทำให้ร่างกายดี ผมเคยถามท่านพลเอกประมาณ อดิเรกสาร ซึ่งท่านเป็นทหารปีนใหญ่เก่า และมักจะมาในวันงานทหารปืนใหญ่ที่ศูนย์การทหารปืนใหญ่ ลพบุรีแทบจะทุกปี ท่านอายุ ๙๐ กว่าแล้ว แต่ลงรถเดินเข้ามาในงานได้อย่างสบาย ถามท่านว่าทำอย่างไรจึงมีร่างกายแข็งแรงอย่างนี้ ท่านบอกว่าออกกำลังกาย แล้วกินกล้วยน้ำหว้าวันละลูกกับน้ำผึ้งแท้วันละช้อนโต๊ะ บอกด้วยว่าน้ำผึ้งเวชพงษ์ของเขาแท้ดี ตั้งแต่ท่านบอกผมก็กินตามท่านเรื่อยมา อายุยืนต้องแข็งแรงเดินได้ อายุยืนแต่นอนไม่เอา น้ำตกอยู่เลยสะพานแขวนไป เป็นชั้นแรก แต่ละชั้นสูงไม่มากมี ๙ ชั้น สูงประมาณ ๕๐๐ ม.
ไร่อุษาวดี เส้นทางจากหน้ารีสอร์ทตรงตามป้ายไป เมื่อถึงแล้วเดินชมดอกไม้ผ่านบ่อเลี้ยงปลาแฟนซีคราฟ ไปอีกประมาณ ๕๐๐ เมตร จะถึงสวนกุหลาบที่มีต่างพันธุ์และตัดดอกทุกเช้า - เย็น ส่งเข้ามาขายยังตลาดปากคลองตลาด มีร้านอาหารครัวเอื้องผึ้ง ที่สูตรทำอาหารทุกอย่างจะต้องมีเห็ดหอมสด เคยชิมก๋วยเตี๋ยวราดหน้าเห็ดหอม
ปั๋งหงาย ก่อนเข้ามายังสวนผึ้ง จะพอดีมื้อกลางวันที่ อ.จอมบึง เส้นทางเมื่อจะมายังจอมบึงก่อนถึงตัวอำเภอ เลยทางแยกเข้าถ้ำเขาบินมาแล้ว กม.๒๕ ทางขวามือจะเห็นป้ายใหญ่ วันหยุดคนจะแน่นมาก เมื่อก่อนผมไม่ทราบว่าทำไมตั้งชื่อหน้ากลัว แสดงว่ามีลูกสาวสวย ไปคราวนี้ไม่ต้องสัมภาษณ์เพราะเขาทำป้ายอธิบายไว้ว่าเป็นเพราะรสชาติที่จัดจ้านไม่เหมือนใคร กินเข้าไปแล้วต้องหาน้ำมาดับ พอรู้ว่าเผ็ดก็หาน้ำแทบไม่ทัน กินไปร้องไห้ไปทำนองนั้น แต่เป็นเผ็ดอร่อย เดี๋ยวนี้ความเผ็ดลดลงแล้ว
ต้นตำรับไข่ตุ๋น ธรรมดาที่ไม่ธรรมดา มาปั๋งหงายคำแรกที่สั่งได้เลยคือไข่ตุ๋นทรงเครื่อง ตีไข่ให้ฟูผสมหมูสับ หอมซอย เครื่องปรุงผสมน้ำตีให้เข้ากัน พร้อมตั้งไฟสุกได้ที่ยกลงโรยกระเทียเจียว พริกไทย ไข่จะฟูล้นหม้อนึ่งออกมา ไข่จะนุ่ม อร่อยแล้วจะค่อย ๆ ลดตัวลง สั่งไข่ตุ๋นไม่ต้องสั่งแกงจืดก็ได้ ระวังให้มาก เพราะอมความร้อน
หมูสามชั้นทอด รอนานหน่อย แต่คุ้ม ไปหลายคนสั่งสัก ๒ - ๓ จาน เพราะเคี้ยวสนุก หยุดไม่ได้ ทอดจนแห้งหมดมัน มีหนังหมูติดมาด้วย กรอบ อร่อย จนลืมอ้วน
ต้มยำหัวพุงไข่ปลาช่อน ทั้งพุงทั้งไข่เต็มหม้อ เผ็ดเล็กน้อย ใส่ข่าแยะ หอม
คะน้าปลาเค็ม สุกแล้วคะน้ายังกรอบ ผัดคลุกเคล้ากันมา
ปลาช่อนทอด หั่นชิ้นบาง ทอดกรอบ จานนี้มาเร็ว กินร้อน ๆ จิ้มซ๊อสพริก
ไก่ไทย ผัดขี้เมา จานนี้เข้าขั้น "ปั๋งหงาย" ต้องกินกับข้าวสวยร้อน ๆ จะเข้ากัน
ดับลิ้นเสียด้วย "เฉาก๊วยโบราณ" ต้อง ๒ ชามกำลังดี เฉาก๊วยที่นี่คนละสูตรกับเฉาก๊วยชากังราวคือ ใช้เฉาก๊วยจากจีนเท่านั้นเหนียวหนึบเหมือนกันของชากังราวใช้เฉาก๊วยจากจีน ผสมอินโดนีเซียและเวียดนาม หวานเย็น เหนียว ตักเข้าปากแล้วความเผ็ดจะหายไปในพริบตา
อิ่มแล้วจึงเดินทางต่อไปยัง อ.สวนผึ้ง
................................................................
|
Update : 7/6/2554
|
|