หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พระอภัยมณี/12

    ตอนที่ ๒๓ พระอภัยมณีอภิเษกกับนางสุวรรณมาลี

      ฝ่ายพระองค์ทรงโฉมประโลมสวาท บำรุงราษฎรเจริญจิตทุกทิศา
    คิดคะนึงถึงองค์พระธิดา ยังไม่ลาพรตเลยทำเฉยเชือน
    เสียแรงรักฝักฝ่ายหมายสงวน เจ้ากระบวนนี่กระไรใครจะเหมือน
    นิ่งกระนี้มิได้จะไปเตือน แม้นบิดเบือนบาปกรรมก็ทำเนา
    ฯลฯ
    ครั้นสรรพเสร็จเสด็จมามนเทียรทอง ถึงห้องน้องศรีสุวรรณจำนรรจา
    พ่อไปด้วยช่วยชวนหลวงชีสึก แม้นสมนึกครั้งนี้ดีหนักหนา
    พระน้องยิ้มพริ้มพักตร์พจนา อุปมาเหมือนหนึ่งไก่อยู่ในมือ
    ฯลฯ
      พระเชษฐาว่าพี่คิดผิดถนัด สารพัดแพ้รู้แก่ผู้หญิง
    แล้วลูกเต้าเล่าก็หวงคอยท้วงติง ต้องยุ่งยิ่งยอดยากลำบากใจ
    ฯลฯ
      ฝ่ายพระนุชบุตรีฤาษีสาว เวลาเช้าออกอยู่หน้าพระอาศรม
    ทั้งพี่น้องสองกุมารสำราญรมย์ ชวนกันชมนกใต้ต้นไทรทอง
    ฯลฯ
    พอผันแปรแลเห็นพระอภัยมณี  เลียบคีรีมากับพระอนุชา
    จึงสั่งสองหน่อไทให้ไปรับ มาหยุดยับยั้งนั่งบัลลังก์ผา
    พระอภัยให้เอาพานพวงมาลา กับพานผ้าถวายองค์นางนงเยาว์
    ฯลฯ
    คุณคะนึงถึงโยมอยู่บ้างหรือ หรือเพลินถือธรรมขันธ์ไม่หวั่นไหว
    ตัดสวาทขาดเด็ดสำเร็จไป เจียวหรือใจเจ้าคุณพระมุนี ฯ
      นางฟังรสพจมานโองการเกี้ยว ให้ซาบเสียวเสน่ห์ในใจฤาษี
    แต่มารยามานะกษัตรี ทำพาทีเพทุบายถวายพร
    ได้ตรวจรำลึกนึกไม่ขาด ถึงเบื้องบาทบพิตรอดิศร
    มิตรจิตรมิตรใจอาลัยวรณ์ เว้นแต่นอนหลับไปไม่ได้คิด
    ทั้งทราบว่าวาลีมีความรู้ เขามาสู่สมภารสำราญจิต
    พอเข้านอกออกในได้ใช้ชิด สำเร็จกิจข้าน้อยพลอยยินดี
                พระอภัย ชี้แจงให้เหตุผลที่รับนางวาลีไว้ใช้ก็เพื่อบำรุงกรุงผลึก แล้วขอให้พระธิดาลาสิกขามาช่วยกัน
    โปรดบำรุงกรุงผลึกให้ครึกครื้น สำราญรื่นเรืองเดชของเชษฐา
    เมื่อแก่เฒ่าเล่าจึงกลับมาบรรพชา จำพรรษาเสียด้วยกันจนวันตาย ฯ
                พระอภัยอ้อนวอนให้นางสึก แต่นางก็พยายามบ่ายเบี่ยง พระอภัยที่กล่าวแก้
    แต่ไม่งามความอายอยู่ภายหน้า เขาจะว่าเจ้าเมืองผลึกสึกฤาษี
    นานนานหน่อยคอยท่าพาฤกษ์ดี อย่าให้มีมลทินที่นินทา
    พระฟังนางช่างฉลาดไม่พลาดเพลี่ยง รู้หลีกเลี่ยงหลายทำนองคล่องหนักหนา
    จึงแกล้งตรัสตัดคำว่าธรรมดา วิสัยสามัญทั่วทุกตัวคน
    ที่รักกันสรรเสริญเจริญสิ้น ที่ชังนินทาแถลงทุกแห่งหน
    การทั้งหลายร้ายดีมิได้พ้น จะกลัวคนครหาว่ากระไร
    ฯลฯ
                พระอภัยไม่รู้ที่จะคิด จึงแกล้งทำโกรธแล้วบอกว่า ให้เวลาสามวัน ขอให้สึก ถ้าไม่เช่นนั้นก็จะไม่ได้เห็นหน้ากัน แล้วเสด็จกลับวัง รออยู่สามวันนางก็ยังไม่ยอมสึก ทำให้พระอภัยเศร้าเสียใจมาก จนไม่เสวย นางวาลีสังเกตดูก็รู้ว่า พระอภัยน้อยใจในพระธิดา จึงคิดหาทางช่วย เมื่อตนถึงเวรเฝ้าในที่ไสยา จึงให้บรรเลงเพลงขับกล่อม โดยเอาเรื่องอุณรุท มาเป็นตัวอย่างเปรียบเปรย พระอภัยได้ฟังก็นึกชมเชยปัญญาของนางวาลี แล้วจึงเรียกนางมาไต่ถาม หาทางแก้ไขอย่างไร พระบุตรีจึงจะสึก นางวาลีจึงรับอาสาดำเนินการ
    จงสั่งพระอนุชาเสนานาย ให้บัตรหมายจัดงานการมงคล
    ทั้งการเล่นเต้นรำเครื่องทำขวัญ อีกเจ็ดวันจะวิวาห์สถาผล
    จะเชิญองค์นงเยาว์เข้ามณฑล ขึ้นนั่งบนแท่นรัตน์ชัชวาล
    ฯลฯ
                พระอภัยจึงถามถึงความคิดนี้ แต่นางวาลีไม่ยอมเฉลย ทูลตอบว่าให้คอยดูผล เพราะงานยังไม่สำเร็จก็ไม่ควรไขกลเม็ด ทูลว่า ถ้าทำการนี้ไม่สำเร็จ ก็ขอให้ฆ่านางเสีย
                พระอภัยได้ฟังคำนางเห็นว่าลึกซึ้ง แต่คิดไม่ถึงความคิดของนาง จึงตรัสว่าถ้าเป็นผลสำเร็จ จะให้รางวัลนางให้มียศ แล้วเรียกนางวาลีขึ้นร่วมอาสน์
    พระตรัสพลางทางเรียกขึ้นร่วมอาสน์  ทรงสมพาสเพิ่มรักขึ้นหนักหนา
    ฯลฯ
    เหมือนม้าดีขี่ขับสำหรับรบ ทั้งดีดขบโขกกัดสะบัดย่าง
    ทั้งเรียบร้อยน้อยใหญ่ที่ไว้วาง สันทัดทางถูกต้องคล่องอารมณ์
    ฯลฯ
                ครั้นรุ่งขึ้นนางจึงเขียนหมายรายความตามรับสั่ง แล้วเอาไปถวายพระอนุชา จากนั้นพระอนุชาก็ออกท้องพระโรง ตรัสสั่งมหาเสนาใน
    จงหมายสั่งตั้งพิธีอภิเษก กับองค์เอกอัคเรศตามเพทไสย
    มีเยี่ยงอย่างปางก่อนประการใด เสนาในรีบรัดไปจัดแจง
    ให้สำเร็จเจ็ดค่ำเป็นกำหนด ชนบทบอกทั่วทุกรั้วแขนง
    มีการเล่นเต้นรำนอกำแพง ตามตำแหน่งน้อยใหญ่เร่งไคลคลา ฯ
      มนตรีกราบทราบความตามรับสั่ง ออกมานั่งเตียงริมทิมดาบขวา
    อยู่พร้อมเพรียงเวียงวังทั้งคลังนา จึงเรียกหาให้เสมียนมาเขียนคำ
    เป็นหมายบอกนอกในทั้งใหญ่น้อย ให้เตรียมคอยพร้อมเสร็จขึ้นเจ็ดค่ำ
    ฯลฯ
                ฝ่ายท้าวนางใน ครั้นได้หมายแล้วก็นำไปถวายนางพระยามณฑา นางกษัตริย์ได้ทราบเรื่องก็อัดอั้นตันพระทัย ด้วยไม่แจ้งจิต เนื่องจากเจ้าสาวยังบวชอยู่ แล้วพระอภัยจะอภิเษกกับผู้ใด จึงไปถามพระธิดาให้รู้ความ เมื่อไปถึงแล้ว จึงแจ้งเรื่องราว และต่อว่าพระธิดา
    ถึงกุฎีที่สถิตพระธิดา พอเห็นหน้านึกแค้นว่าแสนงอน
    เห็นเขาง้อขอรักแล้วหักหาญ เหมือนสามานย์มิได้ฟังซึ่งสั่งสอน
    เมื่อเจ็ดค่ำจะทำสยุมพร ยังนิ่งนอนภาวนาอยู่ว่าไร ฯ
                นางสุวรรณมาลี ได้ทราบเรื่องก็ให้อัดอั้นอายจิตคิดสงสัย คิดสงสัยว่าพระอภัยจะอภิเษกนางวาลี คิดไปแล้วก็ให้หมองใจ จึงทูลพระชนนีว่า ตนไม่ทราบเรื่อง พระชนนีก็ตกพระทัย บอกว่าถ้านางไม่สึกเมืองผลึกจะแยกแตกฉาน
    จึงทูลว่าข้าน้อยไม่ทราบเหตุ พระทรงเดชคิดการงานไฉน
    พระชนนีตีอกตกพระทัย นั่นมิใช่หรือเราคิดไม่ผิดนัก
    นางวาลีมิใช่ชั่วเขาตัวโปรด จะเป็นโสดสูงเสริมเฉลิมศักดิ์
    ผู้ดีเด่นเหิมฮึกทำคึกคัก จะต้องหักทางพับอัประมาณ
    เหมือนครั้งนี้วิวาห์ถ้ามิสึก เมืองผลึกก็จะแหลกต้องแตกฉาน
    ฯลฯ
                พระบุตรีไม่ทันได้คิดให้ลึกซึ้ง ก็พรั่นใจเกรงว่าพระอภัยจะกินแหนงระแวงความ ทั้งสงสารพระมารดา จึงยอมรับผิด แล้วลาพรตกลับเข้าเมือง พระอภัยเห็นปัญญานางวาลี จึงถอดเครื่องทรงสังวาลเพชร ประทานให้นางวาลีเป็นบำเหน็จ ผู้คนทั้งหลายก็คิดเกรงนางวาลี ด้วยความปรีชาของนาง จากนั้น ก็ได้มีการอภิเษกสองกษัตริย์ตามกำหนด
                พระอภัยเมื่อได้ราชาภิเษกแล้ว ก็ได้เสวยราชสมบัติมาได้หลายเดือน ก็คิดถึงพระชนกชนนี ที่ได้จากมานานถึงสิบปี จึงเรียกพระอนุชามาหารือว่า ตนจะอยู่รับศึก ส่วนพระอนุชาให้พาหลานไปกรุงรัตนา
    เราพรากพลัดรัตนามาช้านาน ไม่แจ้งการว่าข้างหลังเป็นอย่างไร
    ครั้นตัวพี่นี้จะกลับไม่รับศึก เมืองผลึกก็ไม่มีที่อาศัย
    คิดจะใคร่ให้พ่อพานัดดาไป เยี่ยมกรุงไกรกราบทูลมูลความ
    ฯลฯ
                ศรีสุวรรณได้ฟังพระพี่แล้วก็ทูลตอบว่า ตนก็ได้คิดเรื่องนี้มานานแล้ว แต่งานยุ่งอยู่จึงต้องนิ่งไว้ เมื่อพระพี่ออกโอษฐมาเช่นนี้ ก็เป็นที่สมถวิลยินดียิ่งนัก แล้วจึงออกมาเตรียมตัวเดินทาง
                นางสุวรรณมาลีรู้ว่า จะต้องพรากจากสินสมุท ก็เศร้าเสียใจแต่เห็นว่าเป็นการใหญ่ สุดที่จะทัดทานได้ ถ้าตนไม่มีผัวก็จะไปด้วย
    แม่อยู่หลังข้างนี้จะวิตก ระกำอกอาดูรถึงทูนหัว
    พ่อจะไปใจแม่อยู่แต่ตัว ไม่มีผัวหรือจะได้ไปด้วยกัน
                 วันรุ่งขึ้นศรีสุวรรณกับลูก และหลานก็ออกเดินทางไปกรุงรัตนา
    แล้วสามองค์ทรงลำกำปั่นใหญ่ ให้กางใบล้วนแต่ผ้าแพรสี
    ทั้งเรือตามสามร้อยลอยวารี พอลมดีใช้ใบไรไรมา ฯ
    ฯลฯ
    พระพี่น้องสองกุมารสำราญรื่น ต่างชวนชื่นชมทะเลพระเวหา
    น้ำสุดใสไหลแลเห็นแต่ปลา เที่ยวเคลื่อนคลาคล้ายคล้ายในสายชล
    ปลาวาฬใหญ่ไล่คู่ขึ้นฟูฟ่อง บ้างพ่นฟองฟุ้งฟ้าดังห่าฝน
    จะหลีกทางข้างไหนก็ไม่พ้น พวกต้นหนสั่งให้ปืนใหญ่ยิง
    เสียงตูมตามสามลูกถูกสีข้าง พอโบกหางหันวนเป็นก้นสวิง
    สูบกำปั่นหันเหียนเวียนระวัง  บ้างจมดิ่งหายวับแล้วกลับลอย
    เหมือนติดแน่นแล่นไปก็ไม่ออก ฟูมระลอกเลี้ยววนเป็นก้นหอย
    แต่เช้าตรู่สุริย์ฉายจนบ่ายคล้อย จึงหลุดลอยแล่นหลามไปตามกัน
                เรือแล่นมาได้เดือนครึ่ง ก็ถึงเมืองรมจักรแวะพักอยู่สามวัน แล้วออกเดินทางต่อไปอีกเดือนครึ่ง จึงถึงกรุงรัตนา ชาวเมืองคิดว่าข้าศึกจะเข้าตีเมือง ท้าวสุทัศน์ตรัสสั่งให้เตรียมต่อสู้ข้าศึก แต่พอรู้ว่าเป็นพระโอรส ก็คอยรับอยู่ที่หน้าฉาน แล้วพากันเข้าวัง พระอัยกาอัยกี พบหลานทั้งสองก็ชื่นชมยินดียิ่งนัก ทั้งหมดก็พักอยู่ที่กรุงรัตนา



    • Update : 2/6/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch