|
|
ทหารไทยในสงครามเกาหลี /12
การปฏิบัติการของหน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๒
หน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๒ ยังคงได้รับมอบภารกิจในการบินลำเลียง ระหว่างญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ กับระหว่างสนามบินต่าง ๆ ในญี่ปุ่นทุกสัปดาห์ เช่นเดียวกับชุดที่ ๑ สนามบินบางแห่งในทะเลเหลือง อยู่นอกฝั่งเกาหลีเป็นระยะทางบินประมาณ ๑ ชั่วโมง มีข้อจำกัดในการบินคือต้องบินระยะสูงเพียง ๑๐๐ - ๒๐๐ ฟุตเท่านั้น เพื่อมิให้เรดาร์ข้าศึกจับได้ สนามบินบางแห่งไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกในการบิน บางแห่งต้องลงบนชายหาดที่มีทรายแข็ง และขึ้นอยู่กับน้ำทะเลขึ้นลง
๑๑ พฤศจิกายน ๒๔๙๕ สถานีวิทยุกระจายเสียงของกองทัพสหรัฐฯ ภาคตะวันออกไกลได้ออกกระจายเสียง รายงานข่าวการปฏิบัติการของกองกำลังชาติต่าง ๆ ในสงครามเกาหลีเผยแพร่ไปทั่วโลก ได้ประกาศชมเชยการปฏิบัติงานของหน่วยบินลำเลียงไทยว่า ได้ปฏิบัติหน้าที่ทั้งการบินลำเลียงทางอากาศ (Airlift) และการบินส่งกลับทางอากาศ (Air Evacuation) จำนวนหลายร้อยเที่ยวบิน นับเป็นการเผยแพร่เกียรติคุณของหน่วยบิน และกองทัพอากาศไทยให้ปรากฏแก่ประชาคมโลก
นอกจากนี้ผู้บังคับหน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๒ ได้รับเชิญให้ไปพูดออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียง ในกรุงโตเกียว เกี่ยวกับหน่วยบินลำเลียงของไทย กับได้ส่งเรื่องของหน่วยบินลำเลียง การปฏิบัติงานพร้อมภาพไปลงหนังสือพิมพ์ และวารสารต่าง ๆ เป็นประจำ
เจ้าหน้าที่หน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๓ ได้เดินทางไปรับหน้าที่เสร็จสิ้นเมื่อเดือน กัยยายน ๒๔๙๖ เดินทางกลับถึงประเทศไทย เมื่อ ๙ ตุลาคม ๒๔๙๖ รวมระยะเวลาปฏิบัติงาน ๑ ปี ๓ เดือน มีสถิติการปฏิบัติงาน ดังนี้
จำนวนเที่ยวบิน ๕๘๐ เที่ยวบิน ขนส่งผู้โดยสารทหาร ๑,๓๒๕ คน พลเรือน ๔๒๐ คน น้ำหนักบรรทุก ๑,๗๓๒,๖๐๐ ปอนด์
หน่วยบินลำเลียงไทยได้รับแพรแถบเชิดชูเกียรติคุณหน่วยของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ จากการที่กองพลบินที่ ๓๑๕ สหรัฐฯ ได้รับเกียรติอันนี้ และได้มีคำสั่งทั่วไปเมื่อ ๖ เมษายน ๒๔๙๗ ยืนยันให้เจ้าหน้าที่หน่วยบินลำเลียงไทย ซึ่งปฏิบัติงานในสงครามเกาหลีในระหว่างระยะเวลาดังกล่าว มีสิทธิ์ประดับแพรแถบเชิดชูเกียรติในฐานะหน่วยขึ้นสมทบกองพลบินที่ ๓๑๕ สหรัฐฯ
การปฏิบัติการของหน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๓
การเดินทางของหน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๓ แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ส่วนแรกจำนวน ๑๖ คน ส่วนที่ ๒ จำนวน ๑๒ คน การเดินทางวันแรกจะไปพักค้างคืนที่ฐานทัพอากาศสหรัฐฯ คลาร์ก ที่ฟิลิปปินส์ ๑ คืน รุ่งขึ้นจึงเดินทางไปถึงกรุงโตเกียว
ตั้งแต่เดือน สิงหาคม ๒๔๙๖ เป็นต้นมา การรบในคาบสมุทรเกาหลีสงบลง เนื่องจากทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในความตกลงสงบศึกแล้ว ภารกิจของหน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๓ จึงลดลงด้วย เหลือเพียงการบินลำเลียงขนส่งทางอากาศเป็นประจำสัปดาห์ละ ๑-๒ เที่ยว ส่วนใหญ่เป็นการบินลำเลียงขนส่งสิ่งอุปกรณ์ และสัมภาระระหว่างญี่ปุ่นกับ เกาหลีใต้ โดยเฉพาะการบินลำเลียงระหว่างฐานบินตาชิกาวา กับสถานีเรดาร์ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ บนเกาะเซจู ปลายคาบสมุทรเกาหลี ใช้เวลาเดินทางไป - กลับ ๓ วัน โดยแวะที่ฐานบินอิตาสุเกะ เกาะคิวชิว การบินจากฐานบินตาชิกาวาไปยังฐานบินอิตาสุเกะต้องใช้เวลาเดินทาง ๖ - ๗ ชั่วโมง แล้วบินข้ามทะเลญี่ปุ่นอีกประมาณ ๒ ชั่วโมง
๒๔ มิถุนายน ๒๔๙๗ ผู้บังคับการกองบินใหญ่ที่ ๓๗๔ สหรัฐฯ ได้มีหนังสือชมเชยผลการปฏิบัติงานของ หน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๓ และมอบธงเชิดชูเกียรติการบินปลอดภัย (Wing Flying Safety Pennent) ประจำเดือน พฤษภาคม ๒๔๙๗ ให้แก่หน่วยบินลำเลียง
๖ มกราคม ๒๔๙๘ กระทรวงกลาโหมมีคำสั่งให้ถอนทหารบางส่วนกลับประเทศไทย ในส่วนของกองทัพอากาศถอนหน่วยเจ้าหน้าที่พยาบาลทางทหารกลับ ให้เหลือไว้เพียง ๑ ชุด หน่วยบินลำเลียงไม่เปลี่ยนแปลง
การปฏิบัติการของหน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๔ - ๑๗
ชุดที่ ๔ ออกเดินทางจากประเทศไทยเมื่อ ๓ ตุลาคม ๒๔๙๗ รับหน้าที่เมื่อ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๔๙๗ การปฏิบัติงานคงได้รับมอบภารกิจเช่นเดียวกับชุดก่อน ๆ
ชุดที่ ๕ รับมอบหน้าที่เมื่อ กลางเดือน ธันวาคม ๒๔๙๘
ชุดที่ ๖ รับมอบหน้าที่เมื่อ กลางเดือน ธันวาคม ๒๔๙๙ กองพลบินที่ ๓๑๕ สหรัฐฯ ได้ให้หน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๖ ไปขึ้นสมทบกับฝูงบินปฏิบัติการที่ ๖๔๘๕ กองบินใหญ่ ลำเลียงที่ ๓๗๔ สหรัฐฯ และได้ย้ายที่ทำการของหน่วยบินจากอาคารกองบังคับการกองบินน้อยบริการฐานบินที่ ๓๗๔ สหรัฐฯ ไปอยู่ที่อาคารโรงภาพยนตร์ของฐานบินคาชิการา
ชุดที่ ๗ รับมอบหน้าที่เมื่อต้นเดือนมกราคม ๒๕๐๑ ในปี พ.ศ. ๒๕๐๑ นี้กองทัพอากาศได้ฝากการบังคับบัญชาหน่วยพยาบาลทางอากาศ ไว้กับหน่วยบินลำเลียง ในเดือนเมษายน ๒๕๐๑ กองทัพอากาศได้รายงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขอระงับการจัดส่งกำลังทางอากาศไปร่วมปฏิบัติงานกับ สหประชาชาติต่อไป กับขอถอนกำลังหน่วยบินลำเลียง และหน่วยพยาบาลทางอากาศกลับในเดือน ธันวาคม ๒๕๐๑ แต่ทางสหรัฐฯ ขอให้อยู่ต่อไป
ชุดที่ ๘ รับมอบหน้าที่เมื่อต้นเดือน มกราคม ๒๕๐๒ ได้ส่งเครื่องบินเข้าซ่อมใหญ่ (IRAN) ที่เมืองไทนัม บนเกาะไต้หวัน กองทัพอากาศได้พิจารณาการผลัดเปลี่ยนเจ้าหน้าที่หน่วยบินลำเลียงเป็น ชุดละ ๒ ผลัด โดดเริ่มตั้งแต่ชุดที่ ๙ เป็นต้นไป แต่ละชุดห่างกัน ๖ เดือน
ชุดที่ ๙ ผลัดที่ ๑ รับมอบหน้าที่เมื่อ ๑ มกราคม ๒๕๐๓ ผลัดที่ ๒ รับมอบหน้าที่เมื่อ มิถุนายน ๒๕๐๓ ต่อมาเพื่อสะดวกและประหยัดแก่การ รับ-ส่ง ทางเครื่องบินของกำลังพลที่ไปผลัดเปลี่ยน จึงได้มีการปรับแผนการผลัดเปลี่ยนใหญ่ตั้งแต่ชุดที่ ๑๐ เป็นต้นไป โดยให้เครื่องบินมาส่ง และรับในวงรอบเดียวกัน
ชุดที่ ๑๐ ผลัดแรกรับมอบหน้าที่เมื่อ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๐๓ ผลัดที่สองรับมอบหน้าที่เมื่อ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๐๔
ชุดที่ ๑๑ ผลัดแรกและผลัดที่สอง รับมอบหน้าที่ เมื่อเดือน มกราคม และกรกฎาคม ตามลำดับ
ชุดที่ ๑๒ ผลัดแรกรับมอบหน้าที่ เมื่อ ๓ มีนาคม ๒๕๐๖ ผลัดที่สองเมื่อต้นเดือน ตุลาคม ๒๕๐๖ ในเดือนมีนาคม ๒๕๐๗ กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้อนุมัติให้กองพลบินที่ ๓๑๕ สหรัฐฯ โอนเครื่องบินลำเลียงแบบ C - ๔๗ ของกองพลจำนวน ๒ เครื่อง ที่ได้รับอนุมัติให้จำหน่ายจากบัญชีคุมแล้ว ให้กับหน่วยบินลำเลียงของไทย โดยแลกเปลี่ยนกับเครื่องบินแบบเดียวกัน ๒ เครื่องของหน่วยบินลำเลียง
ชุดที่ ๑๓ ผลัดแรกรับมอบหน้าที่เมื่อ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๗ และผลัดที่ ๒ เมื่อต้นเดือนตุลาคม ๒๕๐๗
ชุดที่ ๑๔ ผลัดแรกรับมอบหน้าที่เมื่อ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๐๘ และผลัดที่ ๒ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๐๗
ชุดที่ ๑๕ ผลัดแรกรับมอบหน้าที่เมื่อ ๙ พฤษภาคม ๒๕๐๙ และผลัดที่ ๒ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๐๘
ชุดที่ ๑๖ ผลัดแรกรับมอบหน้าที่เมื่อ กลางเดือนเมษายน ๒๕๑๐ และผลัดที่ ๒ เมื่อต้นเดือนตุลาคม ๒๕๑๐
ชุดที่ ๑๗ ผลัดแรกรับมอบหน้าที่เมื่อ ต้นเดือนเมษายน ๒๕๑๑ และผลัดที่ ๒ เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ๒๕๑๑
ทางการสหรัฐฯ ได้ตกลงใจมอบเครื่องบิน C - ๑๒๓ B จำนวน ๒ เครื่องให้แก่กองทัพอากาศไทย โดยให้กองทัพอากาศที่ ๕ สหรัฐฯ ดำเนินการ ได้รับมอบเมื่อ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๑๑ ที่ฐานบินตาชิกาวา
การปฏิบัติการของหน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๑๘ - ๒๔
ในปี พ.ศ. ๒๕๑๑ กองทัพอากาศได้ปรับปรุงอัตราหน่วยบินจาก ๒๐ คน เป็น ๒๕ คน เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานกับเครื่องบินลำเลียงแบบ C - ๑๒๓ B จำนวน ๒ เครื่อง ที่ได้รับมอบจากกองทัพอากาศสหรัฐฯ อัตรานี้ใช้กับชุดที่ ๑๘ และ ๑๙ เท่านั้น ต่อมาเมื่อได้รวบรวมหน่วยพยาบาลทางอากาศเข้าไว้ด้วย จึงมีจำนวนเจ้าหน้าที่เพิ่มขึ้นเป็น ๒๗ คน และต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้ลดลงเหลือ ๒๕ คน โดยลดและเพิ่มอัตราต่าง ๆ ให้เหมาะสม
หน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๑๘ ยังขึ้นสมทบกับฝูงบินปฏิบัติการ ๖๔๘๕ กองบินใหญ่ลำเลียงที่ ๓๗๔ กองพลบินที่ ๓๑๕ สหรัฐฯ ตามเดิม แต่ตั้งแต่หน่วยบินที่ ๑๙ เป็นต้นมา กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนแปลงการจัดกำลังในกองทัพอากาศที่ ๕ สหรัฐฯ ที่ประจำอยู่ในประเทศญี่ปุ่น สำหรับการปฏิบัติการในเกาหลีใหม่ จึงให้หน่วยบินลำเลียงของไทยไปขึ้นการบังคับบัญชา สายธุรการของกองบัญชาการสหประชาชาติส่วนหลัง และอยู่ในความควบคุมทางยุทธการของ กองบินใหญ่ขับไล่ทางยุทธวิธีที่ ๓๔๗ สหรัฐฯ (๓๔๗ th Tactical Wing) มีที่ตั้งอยู่ที่ฐานบินโยโกตะ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของฐานบินตาชิกาวาห่างออกไปประมาณ ๒๐ กิโลเมตร ส่วนงานด้านธุรการ และส่งกำลังบำรุงให้ขึ้นกับกองบินใหญ่บริการฐานบินที่ ๔๗๕ สหรัฐฯ (๔๗๕ th Air Base Wing)
ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๑๓ - ๒๕๑๙ ชาติพันธมิตรที่ปฏิบัติการอยู่ในกองกำลังสหประชาชาติในสงครามเกาหลี คงเหลือเพียง ๓ ชาติ คือ สหราชอาณาจักร สหรัฐฯ และไทยเท่านั้น หน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๑๘ - ๒๔ ยังคงได้รับมอบภารกิจให้ปฏิบัติการบินลำเลียงขนส่งทางอากาศ ระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้เป็นครั้งคราว แต่ลดจำนวนเที่ยวบินลงจากเดิมเป็นจำนวนมาก
ในปลายปี พ.ศ. ๒๕๑๘ รัฐบาลไทยมีนโยบายให้ถอนกำลังหน่วยบินลำเลียงกลับประเทศไทย สถานการณ์ทางการเมืองของญี่ปุ่นต้องการเร่งรัดให้กองกำลังทหารต่างชาติ ถอนตัวออกไปจากญี่ปุ่น กองทัพอากาศจึงได้รายงานขออนุมัติ ถอนหน่วยบินลำเลียงกลับ
กระทรวงกลาโหมอนุมัติตามที่กองทัพอากาศเสนอ และให้หน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๒๔ เดินทางกลับประเทศไทย เมื่อ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๑๙ โดยได้นำเครื่องบินลำเลียงแบบ C - ๑๒๓ B จำนวน ๒ เครื่อง พร้อมเจ้าหน้าที่ ๒๔ คน เดินทางออกจากสนามบินโยโกตะ แวะพักที่สนามบิน คาดินา ในเกาะโอกินาวา สนามบินมนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ สนามบินบรูไน ประเทศบรูไน สนามบินเซเลดาร์ ประเทศสิงคโปร์ ถึงท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๑๙
การปฏิบัติของหน่วยบรรเทาทุกข์สภากาชาดไทย
หลังจากเกิดสงครามเกาหลีขึ้น นายเดลเวอรลี ผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการในต่างประเทศขององค์การ อาสากาชาดสหรัฐฯ ได้มีหนังสือ ลงวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๔๙๓ ทูลพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าจุมภฏพงษบริพัตร อุปนายกผู้อำนวยการสภากาชาดไทยว่า การที่ประเทศไทยจะส่งทหารไปร่วมรบกับกองทัพสหประชาชาติใน ประเทศเกาหลีนั้น ถ้าสภากาชาดไทยยังไม่พร้อมที่จะทำหน้าที่ในการช่วยทหารที่จะไปรบแล้ว องค์การอาสากาชาดสหรัฐฯ จะรับหน้าที่แทนไปก่อน จนกว่าสภากาชาดไทยจะดำเนินการได้เอง
อุปนายกสภากาชาดไทย ได้มีหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อ ๑๙ สิงหาคม ๒๔๙๓ ขอส่งหน่วยพยาบาลไปช่วยในสงครามเกาหลี จากการประสานงานในเวลาต่อมา สภากาชาดไทยตกลงจัดเจ้าหน้าที่ จากกองบรรเทาทุกข์และอนามัย จำนวน ๒๐ คน ประกอบด้วยแพทย์ ๕ คน นางพยาบาล ๘ คน และบุรุษพยาบาล ๗ คน เป็นหน่วยบรรเทาทุกข์สภากาชาดไทย ไปร่วมในสงครามเกาหลี หม่อมหลวงเกษตร สนิทวงศ์ ร่วมเดินทางไปกับคณะผู้สำรวจทางทหารฝ่ายไทยด้วย ได้พบกับนายแพทย์ใหญ่ ประจำกองบัญชาการสหประชาชาติ ได้ข้อยุติให้บรรจุหน่วยบรรเทาทุกข์สภากาชาดไทยเข้าไว้ใน กองบัญชาการสหประชาชาติ เพื่อให้ทำหน้าที่รักษาพยาบาล และบำรุงขวัญแก่ทหารไทยที่อาจจะต้องเข้ารับการรักษาตามโรงพยาบาล ของกองบัญชาการสหประชาชาติ ทั้งในประเทศญี่ปุ่นและในประเทศเกาหลีใต้ต่อไป
เจ้าหน้าที่หน่วยบรรเทาทุกข์สภากาชาดไทย ที่ไปร่วมในสงครามเกาหลีกำหนดให้ใช้เครื่องแบบทำนองเดียวกับทหาร แต่ไม่มีการประดับเครื่องหมายยศ คงประดับแต่เครื่องหมายสภากาชาดไทย และเครื่องหมาย Thailand ที่ต้นแขนเสื้อเครื่องแบบเท่านั้น สำหรับสิทธิต่าง ๆ คณะรัฐมนตรีลงมติอนุมัติให้ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับทหาร
เจ้าหน้าที่หน่วยแพทย์บรรเทาทุกข์สภากาชาดไทยรุ่นที่ ๑ - ๔
รุ่นที่ ๑ จำนวน ๒๐ คน ส่วนที่ ๑ ออกเดินทางเมื่อ ๒๒ ตุลาคม ๒๔๙๓ โดยเรือหลวงสีชัง พร้อมกับกองกำลังทางบก ถึงเมืองปูซาน เกาหลีใต้เมื่อ ๗ พฤศจิกายน ๒๔๙๓ ส่วนที่ ๒ เดินทางโดยเครื่องบิน เมื่อ ๒๗ ตุลาคม ๒๔๙๓ ถึงกรุงโตเกียวเมื่อ ๒๘ ตุลาคม ๒๔๙๓
หน่วยบรรเทาทุกข์สภากาชาดไทยได้ปฏิบัติงาน อยู่ในความควบคุมดูแลของ Chief Surgeon โรงพยาบาลส่งกลับที่ ๘๐๕๔ สหรัฐฯ ส่วนนางพยาบาลอีก ๘ คน ปฏิบัติงานอยู่ที่โรงพยาบาลกองทัพบก สหรัฐฯ ที่กรุงโตเกียว (Tokyo Army Hospital)
รุ่นที่ ๒ จำนวน ๑๙ คน โดยได้รับการจัดบุรุษพยาบาล แล้วจัดนางพยาบาลแทน กลุ่มที่ ๑ ออกเดินทางเมื่อ ๙ กรกฎาคม ๒๔๙๔ กลุ่มที่ ๒ ออกเดินทางเมื่อ ๒๘ สิงหาคม ๒๔๙๔
รุ่นที่ ๓ จำนวน ๑๓ คน โดยลดจำนวนแพทย์ลงเหลือเพียง ๒ คน และพยาบาล ๑๑ คน กลุ่มที่ ๑ ออกเดินทางเมื่อ ๔ มิถุนายน ๒๔๙๕ กลุ่มที่ ๒ ออกเดินทางเมื่อ ๑๙ สิงหาคม ๒๔๙๕
รุ่นที่ ๔ จำนวน ๑๕ คน เป็นแพทย์ ๒ คน และพยาบาล ๑๓ คน กลุ่มที่ ๑ ออกเดินทางเมื่อ ๑๑ มีนาคม ๒๔๙๖ กลุ่มที่ ๒ ออกเดินทางเมื่อ ๒๖ พฤษภาคม ๒๔๙๖
การปฏิบัติงาน
|
โรงพยาบาลที่ปฏิบัติงานได้แก่
๔๙ th General Hospital หรือ Tokyo Army Hospital กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เริ่มปฏิบัติงานเมื่อ ๒ พฤศจิกายน ๒๔๙๓ อีกแห่ง
๘๐๕๔ th Station Holpital เมืองปูซาน ประเทศเกาหลี เริ่มปฏิบัติงานเมื่อ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๓
๘๑๖๒ nd Station Hospital เมืองฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น เริ่มปฏิบัติงานเมื่อ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๔
๘๐๐๙ th Station Hospital เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น เริ่มปฏิบัติงานเมื่อ ๑๑ สิงหาคม ๒๔๙๔
งานที่ปฏิบัติ ได้เข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งในโรงพยาบาล ภายใต้การบังคับบัญชาตามลำดับชั้นจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลกองทัพสหรัฐฯ นั้น ๆ
นางพยาบาลในหน่วยบรรเทาทุกข์สภากาชาดไทย ได้ปฏิบัติงานอย่างได้ผล และมีประสิทธิภาพ จนได้รับคำชมเชยเป็นประจำ
ในด้านการบังคับบัญชา ได้มีคำสั่งกระทรวงกลาโหมรับฝาก หน่วยบรรเทาทุกข์สภากาชาดไทยไว้ให้อยู่ในความปกครองดูแล เพื่อช่วยเหลือเหมือนหน่วยทหารในบังคับบัญชา แต่ไม่ให้ขัดกับหลักการของสภากาชาดสากล ตามที่สภากาชาดไทยได้มีหนังสือฝากมา |
ตลอดระยะเวลา ๓ ปี ที่ปฏิบัติงานในสงครามเกาหลี หน่วยบรรเทาทุกข์สภากาชาดไทย ได้ปฏิบัติงานโดยไม่มีการสูญเสียกำลังพล ทุกคนปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็งอดทนเสียสละ มีความสำนึกสูงในหน้าที่ ีที่รับผิดชอบ และปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ จนเป็นที่ปรากฏตามคำชมเชยที่ได้รับ จากผู้บังคับบัญชาตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่ได้ไปร่วมปฏิบัติงานเป็นประจำ
|
Update : 1/6/2554
|
|