|
|
ทหารไทยในสงครามเกาหลี /11
การปฏิบัติการของเรือหลวงประแส
การปฏิบัติการ ครั้งที่ ๑ - ๖ (๑๑ มกราคม - ๓๑ พฤษภาคม ๒๔๙๕)
ปฏิบัติการคุ้มกันขบวนเรือลำเลียงที่เดินทางไปยังอ่าววอนชาน และซองจิน
การผลัดเปลี่ยนกำลังพล
ทหารประจำเรือรุ่นที่ ๔ ชุดที่ ๑ จำนวน ๑๖๓ คน เดินทางมาถึงฐานทัพเรือซาเซโบ เมื่อ ๓๐ พฤษภาคม ๒๔๙๕ หลังจากที่ได้ดำเนินกรรมวิธีต่าง ๆ แล้วได้ลงประจำเรือ เมื่อ ๑๕ มิถุนายน ๒๔๙๕
การปฏิบัติการ ครั้งที่ ๗ - ๘ (๕ มิถุนายน - ๑ กรกฎาคม ๒๔๙๕)
ปฏิบัติการคุ้มกันขบวนเรือลำเลียงที่บริเวณเกาะอูลลัง อ่าววอนชาน และซองจิน
การผลัดเปลี่ยนกำลังพล
กำลังพลรุ่นที่ ๒ ชุดที่ ๒ จำนวน ๗๐ คน โดยสารรถไฟจากเมืองโยโกฮามา
การปฏิบัติการ ครั้งที่ ๙ - ๑๒ (๑๔ พฤษภาคม - ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๕)
ปฏิบัติการคุ้มกันเรือลำเลียงเดินทางไปอ่าววอนชาน และซองจิน ระดมยิงฝั่งที่หมายรถไฟ ลาดตระเวณ รักษาการณ์ในอ่าววอนชานเหนือเกาะชิน ด้านใต้บริเวณตะวันออกของแหลมกัลมากัก ลาดตระเวณเหนือเกาะอัง เกาะโย เมืองฮุงนำ คุ้มกันเรือลำเลียงอมภัณฑ์
การเข้าอู่ซ่อมที่ฐานทัพเรือโยโกสุกะ
ใช้เวลาซ่อม ๑๐ สัปดาห์ ค่าซ่อม ๔๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐฯ
การปฏิบัติการ ครั้งที่ ๑๓ - ๑๔ (๒๗ กุมภาพันธ์ - ๘ มีนาคม ๒๔๙๖)
การปฏิบัติการคุ้มกันขบวนเรือลำเลียงไปยังอ่าววอนชาน และคุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมัน
การผลัดเปลี่ยนกำลังพล
ผู้บังคับการเรือหลวงประแสคนใหม่ พร้อมด้วยกำลังพล รุ่นที่ ๕ ชุดที่ ๑ จำนวน ๒๐๕ คน เดินทางมาผลัดเปลี่ยน แล้วลงประจำเรือ เมื่อ ๑๔ มีนาคม ๒๔๙๖ และรุ่นที่ ๕ ชุดที่ ๒ จำนวน ๒๑๔ คน เดินทางมาถึง เมื่อ ๒๐ เมษายน ๒๔๙๖
การปฏิบัติการ ครั้งที่ ๑๕ - ๒๒ (๒๗ มีนาคม - ๙ พฤศจิกายน ๒๔๙๖)
ปฏิบัติการคุ้มกันเรือลำเลียงไปส่งยุทธสัมภาระให้กับเรือรบในพื้นที่ปฏิบัติการ ทางฝั่งทะเลด้านตะวันออกของเกาหลีเหนือ คุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมันเดินทางไปส่งน้ำมันเชื้อเพลิงให้ หมู่เรือพิฆาต และเรือลาดตระเวณที่กำลังปฏิบัติการอยู่ทางฝั่งตะวันออกของเกาหลีเหนือ คุ้มกันขบวนเรือลำเลียงไปส่งน้ำมันเชื้อเพลิง สรรพาวุธ และพัสดุให้กับกองเรือเฉพาะกิจที่ ๗๗ คุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมันไปยังพื้นที่ปฏิบัติการ
การเดินทางกลับมาผลัดเปลี่ยนกำลังพลในไทยครั้งแรก
๓๐ พฤศจิกายน ๒๔๙๖ เรือหลวงประแสออกเดินทางจากฐานทัพเรือซาเซโบ ถึงกรุงเทพฯ เมื่อ ๙ ธันวาคม ๒๔๙๖ หลังจากผลัดเปลี่ยนกำลังพลประจำเรือส่วนหนึ่งแล้วก็เดินทางกลับไปเกาหลี ถึงฐานทัพเรือซาเซโบเมื่อ ๓ มกราคม ๒๔๙๗
การปฏบัติการ ครั้งที่ ๒๓ - ๒๙ (๙ มกราคม - ๒๐ เมษายน ๒๔๙๗)
การปฏิบัติการคุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมัน และเรือลำเลียงไปปฏิบัติการในน่านน้ำเกาหลีเหนือ คุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมันไปส่งน้ำมันเชื้อเพลิงให้กองเรือเฉพาะกิจที่ ๗๗ คุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมันไปส่งน้ำมันเชื้อเพลิงให้เรือรบในพื้นที่ปฏิบัติการ
การเดินทางกลับมาผลัดเปลี่ยนกำลังพลในประเทศไทยครั้งที่ ๒
เรือหลวงประแสออกเดินทาง เมื่อ ๒๓ มิถุนายน ๒๔๙๗ ถึงกรุงเทพฯ เมื่อ ๕ กรกฎาคม ๒๔๙๗ ผู้บังคับการเรือคนใหม่เข้ารับหน้าที่ ทหารประจำเรือรุ่นที่ ๖ ชุดที่ ๒ ผลัดเปลี่ยนรับ - ส่งหน้าที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๔๙๗ ออกเดินทางจากประเทศไทย ถึงฐานทัพเรือซาเซโบ เมื่อ ๒๘ กรกฎาคม ๒๔๙๗
การปฏิบัติการ ครั้งที่ ๓๐ - ๓๒ (๗ สิงหาคม - ๓๐ กันยายน ๒๔๙๗)
ปฏิบัติการคุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมันไปส่งน้ำมันเชื้อเพลิง ให้แก่เรือในพื้นที่ปฏิบัติการ คุ้มกันเรือบรรทุกน้ำมันไปส่งน้ำมันเชื้อเพลิงให้เรือพิฆาตสหรัฐฯ ในน่านน้ำเกาหลีเหนือ
การเดินทางกลับประเทศไทย
เนื่องจากการเจรจาสงบศึกเป็นที่ตกลงกันได้แล้ว และได้มีการลงนามร่วมกันในความตกลงสงบศึก เมื่อ ๒๗ กรกฎาคม ๒๔๙๗ สถานการณ์รบในเกาหลีสงบลงมากแล้ว ชาติพันธมิตรหลายชาติที่ไปร่วมรบในสงครามเกาหลี เริ่มถอนกำลังกลับ ประกอบกับในปลายปี พ.ศ. ๒๔๙๗ สถานการณ์ในอินโดจีนฝรั่งเศสตึงเครียดหนัก มีการสู้รบระหว่างฝรั่งเศสกับเวียดมินห์ และมีทีท่าว่าภัยคุกคามจากคอมมิวนิสต์ อาจลุกลามถึงประเทศไทยได้ รัฐบาลไทยจึงมีนโยบายถอนกำลังทหารกลับ โดยได้ปรึกษาหารือกับกองบัญชาการสหประชาชาติ เมื่อได้รับคำยืนยันว่าไม่ขัดข้องแล้ว กระทรวงกลาโหมจึงได้มีคำสั่ง เมื่อ ๖ มกราคม ๒๔๙๘ ให้ถอนทหารบางส่วนกลับประเทศไทย
สำหรับกำลังทางเรือกำหนดให้ ถอนกำลัง มส.พร้อมด้วยเรือหลวงท่าจีน เรือหลวงประแส และให้เรือหลวงทั้งสองลำ ทำหน้าที่คุ้มกันเรือลำเลียงทหารบกในระหว่างเดินทางกลับด้วย
วันที่ ๒๑ มกราคม ๒๔๙๘ เรือหลวงทั้งสองลำได้อำลากองเรือสหประชาชาติ ออกเดินทางจากฐานทัพเรือซาเซโบ ไปยังเมืองท่าปูซานเพื่อรับเรือสินค้าอิโกะ ซึ่งลำเลียงกำลังพลทหารไทยผลัดที่ ๖ (หย่อน ๑ กองร้อย) แล้วทำการคุ้มกันระหว่างเดินทางกลับประเทศไทย ถึงท่าราชวรดิษฐ์ เมื่อ ๓๑ มกราคม ๒๔๙๘ จากนั้นกำลังพลได้เดินทางไปร่วมพิธีสวนสนาม ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า โดย จอมพล ป.พิบูลสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเป็นประธานในพิธี
หมู่เรือปฏิบัติการร่วมกับสหประชาชาติ (มส.) สิ้นสุดภารกิจ รวมระยะเวลาที่ไปปฏิบัติการ ๔ ปี ๓ เดือน ๑๘ วัน
การปฏิบัติการของทหารอากาศ
ในขั้นต้น กองทัพอากาศได้พิจารณาที่จะจัดส่งฝูงบินสื่อสาร ไปร่วมปฏิบัติการกับกองบัญชาการสหประชาชาติ แต่ได้ยกเลิกไปและได้ส่งกำลังไปร่วมปฏิบัติการรวม ๒ หน่วย คือ หน่วยพยาบาลทางอากาศ และหน่วยบินลำเลียง
หน่วยพยาบาลทางอากาศ
กองบัญชาการสหประชาชาติ ได้กำหนดนโยบายการส่งกลับทหารบาดเจ็บ และป่วยไข้ในสงครามเกาหลีไว้ว่า จะได้รับการรักษาพยาบาลขั้นต้น ที่โรงพยาบาลสนามในเกาหลีก่อน ต่อจากนั้นจะส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลทหารต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่น ในกรณีที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ในระยะเวลา ๑๒๐ วัน ให้นำกลับไปรักษาต่อที่ประเทศของตน
ทางการไทยได้รับคำแนะนำจากกองทัพอากาศสหรัฐฯ ภาคตะวันออกไกล (Fae Eastern Air Force:FEAF) ให้จัดชุดพยาบาลส่งกลับทางอากาศ (Medica Air Evacuation Team) สำหรับดูแลรักษาผู้บาดเจ็บและผู้ป่วยไข้ในระหว่างการเดินทาง จากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทย
ชุดพยาบาลส่งกลับทางอากาศจัดไว้ ๓ ชุด ๆ ละ ๒ คน โดยส่งไปประจำอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ๒ ชุด อีก ๑ ชุดสำรองอยู่ที่ประเทศไทย ในการนี้กองทัพอากาศสหรัฐฯ ได้อนุมัติให้ใช้เครื่องบินของหน่วยบริการขนส่งทางอากาศสหรัฐฯ (MATS) ในสายที่เรียกว่า Embassy Flight ซึ่งบินในเส้นทางระหว่าง โตเกียว - โอกินาวา - มะนิลา -ไซ่ง่อน - กรุงเทพฯ - พม่า - กัลกัตตา - นิวเดลี - ไคโร สำหรับการส่งกลับผู้ป่วยเจ็บได้เดือนละ ๒ เที่ยวบิน ๆ ละไม่เกิน ๖ คน พร้อมด้วยชุดพยาบาลทางอากาศ ๑ ชุด โดยให้เริ่มตั้งแต่เดือน ธันวาคม ๒๔๙๓ เป็นต้นไป
การปฏิบัติงานมิได้จำกัดต่อทหารไทยเท่านั้น แต่ยังต้องปฏิบัติงานร่วมกับแพทย์และพยาบาลสหรัฐฯ ในการรักษาพยาบาลทหารกองกำลังสหประชาชาติ ระหว่างเดินทางจากเกาหลีใต้ไปยังโรงพยาบาลทหารสหรัฐฯ ในญี่ปุ่นด้วย ต้องช่วยปฏิบัติงานในหน่วยคัด แยกเพื่อส่งกลับทางอากาศ (Medical Air Evacuation Separation) โดยจัดพยาบาลไปประจำที่สนามบินเพื่อช่วยคัดแยก ผู้ป่วยเจ็บที่มาจากเกาหลีใต้เข้าตามโรงพยาบาลต่าง ๆ
ชุดพยาบาลทางอากาศ รุ่นที่ ๑ ชุดที่ ๑ และ ๒ ออกเดินทางจากประเทศไทยเมื่อ ๒๖ ธันวาคม ๒๔๙๓ โดยเครื่องบินของหน่วยบริการขนส่งทางอากาศสหรัฐฯ ไปยังกรุงโตเกียว ในระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๙๓ - ๒๔๙๔ หน่วยนี้ได้ใช้สำนักงานร่วมกับสำนักงานนายทหารติดต่อ ประจำกองบัญชาการสหประชาชาติ ในกรุงโตเกียว และตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๐๑ - ๒๕๑๙ สำนักงานกับที่พักแพทย์พยาบาลทั้งหมดได้ย้ายไปอยู่ในฐานบินตาชิกาวา
การจัดชุดพยาบาลทางอากาศ และการผลัดเปลี่ยน
ชุดพยาบาลทางอากาศไปปฏิบัติราชการในสงครามเกาหลี ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๙๓ - ๒๕๑๙ รวม ๒๙ รุ่น ในห้วงปี พ.ศ. ๒๔๙๓ - ๒๔๙๘ ซึ่งมีสถานการณ์รบ และยังคงมีกองกำลังของประเทศพันธมิตรอยู่นั้น หน่วยพยาบาลทางอากาศรุ่นที่ ๑ - ๖ จำนวนเจ้าหน้าที่รุ่นละ ๗ คน แบ่งเป็น ๓ ชุด ๆ ละ ๒ คน ประกอบด้วยแพทย์ ๑ คน พยาบาล ๑ คน และมีแพทย์เป็นหัวหน้าชุดอีก ๑ คน
หลังจากที่ได้มีการลงนามในความตกลงสงบศึก เมื่อ ๒๗ กรกฎาคม ๒๔๙๖ สถานการณ์รบในเกาหลีสงบลง บรรดาชาติพันธมิตร เริ่มถอนกำลังกลับประเทศตน กระทรวงกลาโหมได้มีคำสั่งเมื่อ ๖ มกราคม ๒๔๙๘ ให้ถอนทหารบางส่วนกลับประเทศไทย โดยให้กองทัพอากาศ ถอนเจ้าหน้าที่หน่วยพยาบาลทางอากาศกลับ ให้เหลือกำลังไว้เพียง ๑ ชุด (๓ คน) เพื่อช่วยเหลือทหารบกไทยที่คงอยู่อีก ๑ กองร้อย กับหน่วยบินลำเลียง ดังนั้นการจัดชุดพยาบาลทางอากาศ จึงเป็นดังนี้
รุ่นที่ ๗ - ๑๕ (พ.ศ. ๒๔๙๘ - ๒๕๐๕) ประกอบด้วย แพทย์ ๒ คน และพยาบาล ๑ คน โดยมีแพทย์คนหนึ่งเป็นหัวหน้าชุดพยาบาลทางอากาศ
รุ่นที่ ๑๖ - ๒๖ (พ.ศ. ๒๕๐๕ - ๒๕๑๖) ประกอบด้วยแพทย์ ๑ คน พยาบาล ๑ คน
รุ่นที่ ๒๗ - ๒๙ (พ.ศ. ๒๕๑๖ - ๒๕๑๙) คงเหลือแพทย์ ๑ คน เนื่องจากประเทศไทยได้ถอนกำลังทางบก ๑ กองร้อยกลับ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๕ คงเหลือกำลัง ๑ หมู่เกียรติยศ และหน่วยบินลำเลียงประจำอยู่ที่ญี่ปุ่นเท่านั้น
กองทัพอากาศได้กำหนดให้หน่วยพยาบาลทางอากาศรุ่นที่ ๑ - ๓ ปฏิบัติงานในสงครามเกาหลีเป็นเวลา ๑ ปี และตั้งแต่รุ่นที่ ๔ - ๑๓ ได้ลดระยะเวลาลงเหลือ ๖ เดือน รุ่นที่ ๑๔ - ๒๙ เห็นว่าไม่มีสถานการณ์รบ จึงได้กลับมาเป็น ๑ ปีตามเดิม
การปฏิบัติงานของชุดพยาบาลทางอากาศ
รุ่นที่ ๑ เริ่มปฏิบัติงานครั้งแรกเมื่อ ๑๑ มกราคม ๒๔๙๔ โดยดูแลทหารไทยที่ป่วยเป็นโรคหิมะกัด ๖ คน เดินทางกลับประเทศไทย
ระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๙๓ - กลางปี พ.ศ. ๒๔๙๖ สถานการณ์ในเกาหลีใต้ยังรุนแรงอยู่ จำนวนทหารบาดเจ็บค่อนข้างสูง การส่งกลับจึงมีบ่อยครั้ง ในรุ่นที่ ๑ พ.ศ. ๒๔๙๔ ส่งกลับ ๒๕ ครั้ง จำนวน ๘๘ คน รุ่นที่ ๒ พ.ศ. ๒๔๙๕ ส่งกลับ ๒๐ ครั้ง จำนวน ๑๑๐ คน และได้ลดลงมาตามลำดับจนไม่มีเลย ในรุ่นหลัง ๆ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๑๒ - ๒๕๑๙
ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ได้ถอนกำลังหน่วยบินลำเลียงกลับ รุ่นที่ ๒๙ เป็นชุดสุดท้าย ได้เดินทางกลับพร้อมหน่วยบินลำเลียง เมื่อ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๑๙ รวมหน่วยพยาบาลทางอากาศที่ส่งไปปฏิบัติการทั้งสิ้น ๒๙ รุ่น เป็นแพทย์และพยาบาล ๙๔ คน ปฏิบัติงานในประเทศญี่ปุ่น ๒๕ ปี ๘ เดือน ๕ วัน การปฏิบัติงานได้ผลดีมาก ได้รับคำชมเชยจากหน่วยงานด้านเสนารักษ์ของกองทัพสหรัฐฯ มาโดยตลอด
หน่วยบินลำเลียง
กองทัพอากาศได้จัดเครื่องบินลำเลียงแบบ C - ๔๗ จำนวน ๓ เครื่อง พร้อมด้วยกำลังพล ๑๗ คน ประกอบด้วยหัวหน้าหน่วยซึ่งเป็นนักบิน ๑ คน นักบิน ๘ คน ช่างอากาศ ๔ คน และเจ้าหน้าที่สื่อสาร ๔ คน ตามที่ได้รับคำแนะนำจากคณะที่ปรึกษา และช่วยเหลือทางทหารสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ต่อมาได้พิจารณาเพิ่มอีก ๒ คน รวมเป็น ๑๙ คน คือนายทหารฝ่ายการเงิน ๑ คน และเสมียน ๑ คน
กระทรวงกลาโหมได้มีคำสั่ง เมื่อ ๑๘ มิถุนายน ๒๔๙๔ ให้กองทัพอากาศส่งหน่วยบินลำเลียงกับหน่วยพยาบาลทางอากาศไปปฏิบัติการร่วมกับ
กองบัญชาการสหประชาชาติ ตั้งแต่ ๑๘ มิถุนายน ๒๔๙๔ เครื่องบินทั้งสามลำบินตามเส้นทาง กรุงเทพฯ - ตูราน - ฐานทัพอากาศสหรัฐฯ คลาร์ก (Clark Field) กรุงไทเป - เกาะโอกินาวา - กรุงโตเกียว ถึงกรุงโตเกียว เมื่อ ๒๓ มิถุนายน ๒๔๙๔ ณ ฐานบินตาชิกาวา
ภารกิจที่ได้รับมอบ มี ๖ ประการด้วยกันคือ
๑ การขนส่งทางอากาศ ได้แก่การส่งกลับทหารบาดเจ็บและป่วยไข้ การลำเลียงทหารและพลเรือนระหว่างสนามบินต่าง ๆ ในเกาหลีใต้ และระหว่างสนามบินทหารในญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ การลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ การขนส่งสัมภาระทางอากาศ ระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้
๒ การบินขนส่งไปรษณีย์สำหรับกองกำลังสหประชาชาติ เป็นประจำทุกสัปดาห์ จัดเที่ยวบินเป็น ๓ สาย
สายที่ ๑ เส้นทาง ฐานบินตาชิกาวา - อิตาสุะเกะ - ปูซาน
สายที่ ๒ เส้นทาง ฐานบินตาชิกาวา - อิตาสุะเกะ - ฐานบินเช็กชาโดบนเกาะคิวชิว
สายที่ ๓ เส้นทาง ฐานบินตาชิกาวา - โอกินาวา - ไทเป - ฐานทัพอากาศสหรัฐฯ คลาร์ก
๓ การบินสนับสนุนการฝึกพลร่มของทหารสหรัฐฯ
๔ การขนส่งทหารบกไทย ที่ปฏิบัติการอยู่ในเกาหลีใต้เดินทางไป - กลับ กรุงโตเกียว ตามโครงการพักผ่อน และฟื้นฟูของสหประชาชาติ (R&R)
๕ การสนับสนุนนักบินต้นหน และช่างเครื่องไปร่วมปฏิบัติงานกับ เจ้าหน้าที่ในหน่วยบินลำเลียงสหรัฐฯตามที่ได้รับคำสั่ง
๖ การบินขนส่งบรรเทาสาธารณภัยให้แก่ทางการญี่ปุ่น เมื่อเกิดภัยธรรมชาติตามที่ได้รับการร้องขอ
การปฏิบัติการของหน่วยบินลำเลียงชุดที่ ๑
หน่วยบินลำเลียงของไทยขึ้นการบังคับบัญชาอยู่ในฝูงบินลำเลียงที่ ๒๑ ( ๒๑ st Troop Carrier SQuadron) สังกัดกองบินใหญ่ลำเลียงที่ ๓๗๔ กองบินที่ ๓๑๕ สหรัฐฯ ซึ่งเป็นฝูงบินลำเลียงเดียวที่ใช้ เครื่องบินลำเลียงแบบ C - ๔๗ ในสงครามเกาหลี
๓๑ กรกฎาคม ๒๔๙๔ หน่วยบินลำเลียงของไทย ได้เคลื่อนย้ายไปประจำที่ฐานบิน อาชิยา (Ashiya Air Base) เมืองฟูกุโอกะ บนเกาะคิวชิว ห่างจากคาบสมุทรเกาหลีเป็นระยะเวลาบิน ๔๕ นาที
๑๘ ตุลาคม ๒๔๙๔ หน่วยบินลำเลียงของไทยย้ายกลับมาประจำอยู่ที่ฐานบินตาชิกาวา เนื่องจากหน่วยเหนือย้ายไปเพื่อให้ปฏิบัติการลำเลียงให้กับหน่วยรับการสนับสนุนในยุทธบริเวณอย่างใกล้ชิด และได้รับภารกิจเพิ่มเติม ๓ ประการคือ
๑ การลำเลียงกระสุน และวัตถุระเบิดไปส่งให้ตามฐานบินต่าง ๆ ในเกาหลีใต้
๒ การลำเลียงขนส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ จากที่ทำการไปรษณีย์ทหาร จากฐานบินตาชิกาวา ไปส่งตามสนามบินฐานบิน และฐานทัพอากาศสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่ในเกาหลีใต้
๓ การตรวจสอบสภาพสนามบินในญี่ปุ่น และสมรภูมิเกาหลี เพื่อให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
๒ พฤษภาคม ๒๔๙๕ กำลังพลชุดที่ ๒ ได้เดินทางไปผลัดเปลี่ยน โดยทำการผลัดเปลี่ยนเป็น ๒ รุ่น การผลัดเปลี่ยน รุ่นที่ ๒ เสร็จในกลางเดือนมิถุนายน ๒๔๙๕
สถิติการปฏิบัติงานของ ชุดที่ ๑ ตั้งแต่ สิงหาคม ๒๔๙๔ ถึงกลางเดือนมิถุนายน ๒๔๙๕ มีการปฏิบัติการ ๔๐๐ เที่ยวบิน ผู้โดยสาร ๑,๐๔๓ คน ผู้ป่วย ๓๖๐ คน น้ำหนักบรรทุก ๑,๕๗๕,๐๐๐ ปอนด์
|
Update : 1/6/2554
|
|