หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    เหตุการณ์ ร.ศ.๑๑๒/6
    จากรายงานของนายทหารฝ่ายไทย
                รายงานของป้อมผีเสื้อสมุทร  กัปตัน เอ เกิตส์เช ได้รายงานพลเรือจัตวา พระยาชลยุทธโยธินทร์ รองผู้บัญชาการทหารเรือ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๓๖ มีความว่า
                "เมื่อเวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น. วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ค.ศ.๑๘๙๓ ได้รับข่าวว่าเรือรบฝรั่งเศสกำลังแล่นเข้ามา และได้รับคำสั่งให้ทำการยิง ถ้าเรือเหล่านั้นพยายามจะแล่นขึ้นไปตามลำแม่น้ำ
                ต่อมาได้ยินเสียงปืนใหญ่ขนาดหนักจากป้อมพระจุลจอมเกล้า และภายหลังเวลา ๑๙.๐๐ น. เล็กน้อย ได้เห็นไฟเดินเรือเคลื่อนขึ้นมาตามลำแม่น้ำ แต่เนื่องจากความมืดไม่สามารถทราบได้ว่าจะเป็นเรือปืนฝรั่งเศสหรือไม่ เกรงว่าเป็นเรือของฝ่ายเราเองแล่นกลับขึ้นมาก็ได้ จึงได้รออยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อได้เห็นเรือลำหนึ่งทำการยิงมาจากเสาเรือ จึงได้สั่งให้ยิงไปยังเรือเหล่านั้นทันที เรือปืนฝรั่งเศสจึงได้เริ่มยิงด้วยกระสุนระเบิด กระสุนเกือบทั้งหมดตกสูงเกินไปมีเพียง ๕ นัดตกลงในป้อม และได้ยิงกระสุนปืน ฮอทชกีส จำนวนมากเข้ามาในป้อมอีกด้วย แต่ไม่ทำให้เกิดผลเสียหายอย่างใด มีทหาร ๑๒ คนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย การยิงต่อสู้ดำเนินไปประมาณ ๒๐ นาที"
                รายงานของ ร.ล.มูรธาวสิตสวัสดิ์  กัปตันคริสมาสได้รายงาน รองผู้บัญชาการทหารเรือ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๔๓๖ มีความว่า


                "เมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ได้นำเรือไปจอดทอดสมอยังตำบลที่หมายในแผนที่ ได้เตรียมพร้อมทุกอย่างที่จำเป็นในการต่อสู้ ได้หย่อนเรือเล็กลง และบรรจุปืน (ปืน ๗๐ ปอนด์ ๑ กระบอก ปืนทองเหลือง ปืนทองเหลืองบรรจุทางปากกระบอก จำนวน ๔ กระบอก และปืนลูกโม่ ๑ กระบอก)
                ประมาณ ๑๗.๔๕ น. ได้เห็นเรือกลไฟทาสีดำจูงเรือรบลำหนึ่งในระยะไกลพอสมควร จากเรือทั้งสองนี้มีเรือรบอีกลำหนึ่ง ทราบทันทีว่าเป็นเรือรบฝรั่งเศส แม้ว่าจะไม่ได้ชักธงชาติขึ้นก็ตาม
                หลังจากที่ป้อมเริ่มยิง และเมื่อยิงถึงนัดที่ ๔ จึงได้ยิงปืนใหญ่ไปที่เรือแองคองสตังค์ ซึ่งได้ผ่านทุ่นดำมา และได้ชักธงชาติขึ้นแล้ว ขณะนี้ไปเห็นเรือ ยี.เบ.เซย์ แต่เรือแองคองสตังค์ ได้แล่นเข้ามาด้วยความเร็วเต็มที่ เมื่อแล่นมาถึงที่หมาย ๒ จึงได้ยิงกระสุนนัดที่ ๒ ไป และได้ทำการยิงด้วยปืนกราบขวา และปืนลูกโม่อยู่ตลอดเวลา
                เมื่อเรือแองคองสตังค์ แล่นมาถึงตำบลหมายเลข ๓ จึงได้ทำการยิงนัดที่ ๕ ด้วยปืน ๗๐ ปอนด์ กระสุนถูกเรือแองคองสตังค์ ที่กราบขวา เรือนี้ได้เลี้ยวเข้ามาตั้งใจจะชนเรือมูรธา ฯ ด้วยทวนหัวเรือให้จมลง เรือมูรธา ฯ อยู่ห่างจากเรือแองคองสตังค์ ไม่กี่ร้อยหลา และกำลังใช้จักรถอยหลังเต็มตัว จึงได้สั่งให้เรือใช้จักรเดินหน้าเต็มตัว และใช้หางเสือขวาหมด จึงพ้นจากการถูกชน เพียงแต่ถูกกระทบทำให้เสาธงหักไปเบียดเพดาน และเรือเล็กลำหนึ่งเสียหาย
                เรือแองคองสตังค์ ได้ระดมยิงเรือมูรธา ฯ ด้วยปืนลูกโม่ทั้งหมด ปืนอื่นและปืนเล็กยาว เรือถูกกระสุน ๒๑๖ นัด ที่ห้องหม้อน้ำแห่งเดียวถูก ๑๘ นัด ถูกห้องเครื่องจักร ๑๖ นัด กระสุนระเบิดดินเมลิไนท์ ๒ นัด นัดหนึ่งถูกที่แนวน้ำ อีกนัดหนึ่งระเบิดบนเรือ เมื่อเรือแองคองสตังค์ แล่นผ่านเรือมูรธา ฯ ได้สั่งการให้ทหารทุกคนไปอยู่ข้างล่าง มีผู้บังคับการเรืออยู่บนสะพานเดินเรือแต่ผู้เดียว ัดังนั้นจึงมีทหารบาดเจ็บสาหัสเพียงสองคน บาดเจ็บเล็กน้อย สองคน หายไปหนึ่งคน
                เมื่อเรือแองคองสตังค์ แล่นผ่านไปแล้ว ผู้บังคับการเรือยังคงสั่งให้ยิงด้วยปืนลูกโม่ ติดตามต่อไปเท่าที่ยังเห็นลำเรืออยู่ กับสั่งให้ยิงปืนทองเหลืองทางกราบซ้ายด้วยอีก ๔ นัด ส่วนปืนอื่น ๆ เสียใช้การไม่ได้.....
                เมื่อเรือโคแมตแล่นขึ้นมานั้นเป็นเวลาค่ำและมืดมาก ได้สั่งยิงติดตามไปยังเรือลำนี้ ๒ - ๓ นัด  แตไม่ปรากฏผลประการใด
                เมื่อการสู้รบสิ้นสุดลงแล้ว ได้ตรวจพบรูใหญ่แห่งหนึ่งที่เกิดจาก..... ซึ่งได้ระเบิดขึ้นทางกราบซ้ายของเรือ อยู่สูงจากน้ำเพียงสองสามนิ้วเท่านั้น จึงได้ทำการย้ายปืนกราบซ้ายมาไว้ทางกราบขวา เพื่อให้รูดังกล่าวอยู่เหนือน้ำมากขึ้น ยังไม่มีเวลาซ่อม เพราะตั้งใจที่จะติดตามเรือรบฝรั่งเศสขึ้นไปยังกรุงเทพ ฯ
                นายพลเรือจัตวา พระยาชลยุทธโยธินทร์ ได้ขึ้นมาบนเรือ และสั่งให้นำเรือไปยังสมุทรปราการ รอจนนายนาวาโท กูลด์ แบร์ค นำเรือมกุฏราชกุมารมาสมทบแล้ว จึงแล่นด้วยความเร็วเต็มที่ขึ้นไปตามลำแม่น้ำเพื่อเข้าชนเรือข้าศึกให้จมลง ณ ตำบลที่จะได้พบนั้น
                เรือได้แล่นขึ้นมาตามลำน้ำ เมื่อเวลา ๒๐.๐๐ น. ถึงตำบลบางคอแหลม เรือทั้งสองได้พบท่านนายพลเรือจัตวา ซึ่งมาในเรือกลไฟพร้อมกับคำสั่ง ให้งดการดำเนินการตามที่สั่งไว้ เรือทั้งสองจึงจอดทอดสมอ ไม่ได้แล่นเลยตำบลนี้เข้ามาในคืนวันนั้น
                ในระหว่างการรบ ทหารประจำเรือได้ปฏิบัติการเป็นอย่างดี.....
                โดยเหตุที่ได้ทอดทุ่นระเบิดใต้น้ำไว้..... จึงขอรายงานให้ทราบดังนี้
                ดินระเบิดเพิ่งได้รับเวลาค่ำ ก่อนวันที่มีการสู้รบ..... ไม่มีเวลาพอที่จะทำการวางได้ มากกว่า ๔ สถานี และวางได้จำนวน ๑๖ ลูก เมื่อสองชั่วโมงก่อนที่จะมีการสู้รบ.....
                มร.เวสเตนโฮลซ์..... เข้าไปปฏิบัติหน้าที่อย่างดียิ่งระหว่างการรบ โดยพยายามที่จะระเบิดเรือแองคองสตังค์ ด้วยทุ่นระเบิด ซึ่งได้ระเบิดในระยะห่างจากเรือเพียงเล็กน้อย
    ฯลฯ
                มั่นใจว่าหากมีเรือบรรทุกทุ่นระเบิดสักสองสามลำ และทุ่นระเบิดอย่างดี ประมาณ ๒๐๐ ลูก พร้อมเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอย่างดีมาแล้ว จะทำให้เรือรบฝรั่งเศสไม่สามารถผ่านสันดอนเข้ามาได้ นอกจากจะได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    รายงานของกรมทหารเรือ


                รายงานเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ค.ศ.๑๘๙๓ มีความว่า
                "วันพฤหัสบดี ที่ ๑๓ กรกฎาคม เวลา ๘ โมงเช้า กระหม่อมได้ออกไปยังนอกสันดอน ซึ่งเรือมกุฏราชกุมารจอดทอดสมอรอการมาถึงของอาร์คดยุค ออสเตรีย ตามรายงานครั้งสุดท้ายทราบว่า ยังมาไม่ถึง และเรือรบฝรั่งเศสสองลำ ก็คาดว่าจะมาถึงเช่นเดียวกัน จึงสั่งให้เรือมกุฏราชกุมารกลับเข้ามาในสันดอนโดยเร็วที่สุด เท่าที่ระดับน้ำที่สันดอนจะสูงพอให้เรือผ่านได้ในเวลาบ่าย และเข้าประจำอยู่ในแนวป้องกันของฝ่ายเรา
                .....แม้ว่าจะได้รับรายงานว่าเรือฝรั่งเศสจะจอดอยู่นอกสันดอนก็ตาม ก็ได้เตรียมการไว้ทุกอย่าง ซึ่งฝ่ายเราจะสามารถทำให้ข้าศึกหยุดได้ ถ้าหากพยายามจะฝ่าช่องทางปากแม่น้ำเข้ามา
                เราจมเรือโป๊ะจ้าย เพิ่มขึ้นอีกลำหนึ่ง เรือลำนี้เป็นเรือลำเดียวที่ยังเหลืออยู่ และได้บรรจุดินไดนาไมท์ลงในทุ่นระเบิดให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ ดินระเบิดเหล่านี้เพิ่งมาถึงเมื่อคืนวันก่อน.....
                เวลา ๗ โมงเช้า เรือมกุฏราชกุมารได้เข้ามาข้างใน จอดทอดสมอรวมทั้งเรือมูรธา ฯ ด้วย ให้จอดอยู่ลำละข้างของช่องใหญ่ระหว่างเครื่องกีดขวาง ซึ่งฝ่ายเราได้จัดทำขึ้น
                เรือหาญหักศัตรู จอดทอดสมอห่างออกไปทางตะวันออก เรือนฤเบนทร์บุตรีจอดอยู่ใกล้แหลมฟ้าผ่า เรือทูลกระหม่อมจอดห่างเข้าไปข้างในแม่น้ำอีกเล็กน้อย
                เรือทุกลำและป้อมพระจุลจอมเกล้า ได้รับคำสั่งให้เตรียมการทุกอย่างให้พร้อมเพื่อการต่อสู้ แต่ไม่ให้เรือลำใดยิงก่อนที่ป้อมจะได้ยิงไปแล้วเป็นนัดที่สี่
                เมื่อเรือมกุฏราชกุมารได้เข้ามาข้างใน นายนาวาโท กุลด์ แบร์ก ได้รายงานว่าเรือรบสองลำกำลังเข้ามาใกล้สันดอน เรือทั้งสองนั้นคิดว่าลำหนึ่งเป็นเรืออังกฤษชื่อ ลินเนต และอีกลำหนึ่งเป็นเรือปืนเยอรมันชื่อ โวลฟ์ ทั้งนี้เพราะเข้าใจว่า สัญญาณจากเรืออรรคราชวรเดช ซึ่งแสดงว่าเรือรบฝรั่งเศสเข้ามานั้น ได้ชักขึ้นเพียงชั่วขณะเท่านั้น แล้วก็เอาลง ขณะนี้เป็นเวลา ๑๗.๓๐ น. เราอาจแลเห็นเรือหลายลำอยู่ที่นอกสันดอน แต่พายุฝนอย่างหนักได้ปกคลุมมิให้เห็นทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อฝนหยุดตก เวลาประมาณ ๑๘.๑๕ น. เห็นเรือรบสองลำมีเรือยัง บัฟติส เซย์ แล่นนำหน้าเข้ามาในสันดอนแล้วและผ่านประภาคาร แต่เมื่อเรือทั้งสองไม่ชักธงชาติหรือไม่ก็เป็นธงเล็กเกินไป เราจึงไม่ทราบว่าเป็นเรือชาติใด
                กระหม่อมได้สั่งให้แตรเดี่ยวเป่าสัญญาณประจำสถานีรบ..... และได้ออกไปยังป้อมพระจุลจอมเกล้า..... เมื่อเวลา ๑๘.๔๕ น. ได้ยิงกระสุนดินเปล่าไปสองนัด เพื่อเตือนเรือเหล่านั้น แต่เรือเหล่านั้นไม่สนองตอบ จึงได้ยิงด้วยกระสุนนัดหนึ่งข้ามหัวเรือลำหน้าไป ต่อมาก็ยิงนัดที่สี่ ให้กระสุนข้ามหัวเรือเช่นกัน ดูเหมือนว่าเรือลำหน้าได้หยุด และกำลังจะหันกลับออกไป แต่ต่อมาก็ได้แล่นตามเข็มเดิมอีก และได้ชักธงชาติฝรั่งเศสขึ้นทั้งสามเสาตลอดจนที่ก๊าฟด้วย และได้ทำการยิงมายังป้อมขณะนี้เรือลำหน้าเป็นเรือแองคองสตังค์ ได้ผ่านทุ่นดำเข้ามาแล้ว กำลังแล่นตรงไปยังเรือทุ่นไฟ ทางป้อมนั้นบัดนี้ได้ยิงด้วยปืนทุกกระบอก เรือมูรธา ฯ และเรือมกุฏราชกุมารก็ได้ยิงเช่นเดียวกัน เรือฝรั่งเศสก็ได้ยิงมาอย่างรุนแรงชั่วระยะเวลาหนึ่ง.....
                เมื่อเรือแองคองสตังค์ แล่นผ่านเรือทุ่นไฟ ทุ่นระเบิดใต้น้ำทุ่นหนึ่งถูกบังคับให้ระเบิดโดยนายร้อยเอกเวสเตนโฮลซ์ ซึ่งระเบิด ๓๐ หรือ ๔๐ หลาจากเรือ.....
                เรือโคแมตแล่นตามเรือแองคองสตังค์ มาในระยะใกล้ และแล่นผ่านเข้ามาในเครื่องกีดขวางที่วางไว้ กล่าวกันว่านายเรือ ยัง บัฟติสต์ เซย์ และนายทหารประจำเรือลูแตงนายหนึ่งเป็นผู้ทำการนำร่องให้เรือทั้งสองแล่นด้วยความเร็วเต็มที่ และถูกยิงจากเรือฝ่ายเรานานเท่าที่จะเห็นลำเรือได้ หรือนานเท่าที่ปืนต่าง ๆ จะสามารถทำการยิงได้..... เรือต่าง ๆ หมดโอกาสที่จะทำอันตรายข้าศึกด้วยปืนอย่างเก่าบรรจุทางปากลำกล้อง ยิงได้ช้า ในการต่อสู้กับปืนยิงเร็วที่มีคุณภาพของเรือฝรั่งเศส เมื่อเรือรบฝรั่งเศสเข้าใกล้เรือของฝ่ายเรา ฝ่ายเราได้ถูกยิงเพิ่มเติมด้วยปืนลูกโม่แบบฮอทชกีสจากหอรบบนเสาเรือฝรั่งเศส..... ทั้งเรือมูรธา ฯ และเรือมกุฏราชกุมารได้ถูกยิงด้วยกระสุนปืนใหญ่ และเล็กมากกว่า ๒,๐๐๐ นัด ถ้าเรือของฝ่ายเราได้ติดตั้งปืนยิงเร็ว ซึ่งราชนาวีต้องการเป็นอย่างยิ่ง และได้ขอร้องไปเป็นเวลากว่า ๓ เดือนมาแล้ว แต่ยังไม่ได้ เราก็อาจจะได้ผลที่แตกต่างไปจากนี้
                เรือหาญหักศัตรู สามารถยิงปืนขนาดใหญ่ได้เพียงสองนัด นัดหนึ่งเข้าใจว่าถูกเรือกลไฟยัง บัฟติสต์ เซย์ ที่บริเวณหัวเรือ.....
                เรือทูลกระหม่อม และเรือนฤเบนทร์ ก็ได้ยิงปืนทองเหลืองขนาดย่อม ซึ่งไม่มีคุณค่าในการต่อสู้ไปยังเรือฝรั่งเศส.....
                เมื่อเรือฝรั่งเศสได้ผ่านป้อมผีเสื้อสมุทรนั้น เป็นเวลาที่มืดมากจนมองไม่เห็นอะไรถนัด เพราะฉะนั้น การยิงจากป้อมนี้จึงได้รับรายงานว่าได้ผลเพียงเล็กน้อย
                เครื่องกีดขวางที่ปากแม่น้ำ ซึ่งฝ่ายเราเชื่อว่าจะให้ประโยชน์ได้มากในเวลาค่ำคืนก็ยังจัดทำไม่สำเร็จเรียบร้อย เนื่องจากไม่มีเรือเพียงพอที่จะเอามาจม และช่องการเดินเรือก็ยังเปิดอยู่ถึงสี่ช่อง
                ในร่องน้ำนั้น ฝ่ายเราได้วางทุ่นระเบิดที่เรามีอยู่ และในจำนวนทุ่นระเบิดที่วางไว้นี้ มีเพียงลูกหนึ่งเท่านั้นที่ถูกบังคับให้ระเบิดขึ้น ส่วนลูกอื่น ๆ อยู่ห่างเกินไปที่จะทำอันตรายแก่เรือฝรั่งเศส หากจะได้บังคับให้ระเบิดขึ้น ดินไดนาไมท์รุ่นใหม่ก็เพิ่งเข้ามาถึงจากสิงคโปร์เมื่อคืนวันก่อน และถึงแม้ว่าฝ่ายเราจะได้รีบเร่งทำการบรรจุทุ่นระเบิดเหล่านั้น แต่ก็ไม่มีเวลาพอที่จะทำการวางได้
                เมื่อปืนป้อมพระจุลจอมเกล้า ไม่สามารถจะยิงไปยังเรือฝรั่งเศสได้อีกแล้วเนื่องจากความมืด.....จึงให้เรือมกุฏราชกุมาร กับเรือมูรธา ฯ แล่นขึ้นไปตามลำแม่น้ำ ให้รออยู่ที่บริเวณสถานีโทรเลขที่สมุทรปราการ เพื่อรับคำสั่งต่อไป
                กระหม่อมได้ขึ้นไปยังป้อมผีเสื้อสมุทร ซึ่งได้สั่งให้ร้อยเอก เกิตส์เช รื้ออาคารบ้านเรือนซึ่งอยู่ด้านหลังของป้อมเสีย สิ่งเหล่านี้จะกีดขวางการยิงของป้อมขึ้นไปทางเหนือแม่น้ำ หากมีการถูกโจมตีทางด้านนี้ ได้พบกระสุนหลายนัดและลูกปรายเป็นอันมากตกสู่ป้อมผีเสื้อสมุทร กระสุนระเบิดดินเมลิไนท์นัดหนึ่งได้ระเบิดที่ริมเขื่อนทำให้ดินกระเด็นขึ้นไปบนป้อม
                .....กระหม่อมได้ขึ้นไปยังสถานีโทรเลขเพื่อสอบสวนดูว่าเรือรบฝรั่งเศสนั้นเป็นอย่างไรบ้าง เรือฝรั่งเศสเพิ่งจอดทอดสมออยู่ที่บริเวณศุลกสถาน..... จึงได้สั่งให้เรือมกุฏราชกุมาร และเรือมูรธา ฯ ออกเดินทางสู่กรุงเทพ ฯ ด้วยกัน ด้วยความเร็วเต็มที่ และดับไฟในเรือทั้งลำ เมื่อมาถึงกรุงเทพ ฯ แล้ว ณ ตำบลที่เรือฝรั่งเศสจอดอยู่ให้เข้าชนด้วยกำลังแรง กระหม่อมจะเดินทางไปกรุงเทพ ฯ ด้วยรถไฟซึ่งตัวรถจักรมีกำลังไอน้ำอยู่แล้ว เพื่อนำเรือพระที่นั่งมหาจักรีลงมาชนเรือฝรั่งเศสเช่นเดียวกัน..... คาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองชั่วโมงครึ่ง กว่าเรือฝ่ายเราจะถึงกรุงเทพ ฯ การเดินทางโดยรถไฟเสียเวลาเพียง ๓๐ นาทีเท่านั้น เชื่อแน่ว่าเรือพระที่นั่งมหาจักรรีจะมีกำลังไอน้ำพอ และคิดว่าการเข้าชนเรือฝรั่งเศสในเวลากลางคืนเดือนมืด ฝ่ายเราอาจมีโชคดีในการทำลายเรือฝรั่งเศสได้ ความมืดจะทำให้การใช้ปืนของเรือฝรั่งเศสไม่ได้ผล เมื่อมาถึงกรุงเทพ ฯ ได้ทราบว่าแผนการณ์นี้ไม่ได้รับความเห็นชอบจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้ลงเรือกลไฟเล็กล่องลงไปตามลำแม่น้ำทันที และพบเรือของฝ่ายเรากำลังขึ้นมาที่ตำบลบางคอแหลม จึงได้สั่งให้เรือจอดทอดสมอ ณ ที่นั้น และรอฟังคำสั่งต่อไป แต่ให้ออกเรือได้ทันทีที่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น ทางตอนเหนือของแม่น้ำ
                การตีฝ่าเข้ามาในแม่น้ำของเรือฝรั่งเศสนั้น เป็นไปตามคาดการณ์อย่างถูกต้อง และกระทำอย่างกล้าหาญ ทั้งสามารถเลือกเวลาได้เหมาะ ด้วยการใช้ประโยชน์จากทวนหัวเรือและความมืด เรือเหล่านี้ก็สามารถทำให้อำนาจของป้อมลดน้อยลงไปถึงที่สุด และด้วยการที่มีนำร่องรู้จักทางเดินเรือในแม่น้ำเป็นอย่างดี เรือเหล่านี้จึงสามารถแล่นผ่านเครื่องกีดขวางเข้ามาได้.....
    ประกาศทางราชการเรื่องการรบที่ปากน้ำ
                มีพระบรมราชโองการ ฯ ให้ประกาศแก่พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าทูลละอองธุลีพระบาท และราษฎรทั้งปวงทราบทั่วกันว่า
                ในการที่ฝรั่งเศสกับกรุงสยามทุ่มเถียงกันด้วยเขตแดนทางฝั่งโขงคราวนี้ แต่แรกฝรั่งเศสก็ได้ส่งเรือรบลำหนึ่งเข้ามารักษาคนในบังคับช้านานมาแล้ว บัดนี้อ้างเหตุว่าเรือรบฝ่ายประเทศอังกฤษ จะเข้ามารักษาผลประโยชน์ของชาตินั้นอีก ฝ่ายฝรั่งเศสจึงจะขอเอาเรือรบเข้ามาอีก ๒ ลำ เพื่อรักษาผลประโยชน์บ้าง
    ราชฑูตฝรั่งเศสกรุงเทพ ฯ ได้นำความมาบอกขออนุญาตให้เรือทั้งสองนี้ขึ้นมาแล้ว ฝ่ายเราเห็นว่าเวลานี้เป็นสมัยที่ยังไม่ควรจะมีเรือรบต่างประเทศเข้ามาจอดในลำแม่น้ำอีกกว่าประเทศละหนึ่งลำขึ้น จึงได้ปรึกษาด้วยราชฑูตฝรั่งเศส และมีโทรเลขไปยังรัฐบาลฝรั่งเศสที่กรุงปารีสแล้ว ก็ได้ตอบทางโทรเลขรับรองตกลงว่า จะสั่งเลิกการที่จะส่งเรือเข้ามาในแม่น้ำอีกนั้นแล้ว และข้างฝ่ายราชฑูตฝรั่งเศสในนี้ ก็ได้ตกลงยอมไม่ให้เรือรบขึ้นมา และขอเรือไฟให้นายทหารเรือออกไปห้ามแล้ว แต่เรือทั้งสองก็ยังขืนเข้ามาในปากน้ำ ถึงที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า เจ้าพนักงานทหารเรือจึงได้ยิงห้ามนัดหมายตามธรรมเนียม เรือรบไม่ฟังกับยิงโต้ตอบบ้าง จึงเกิดยิงโต้กันขึ้น แล้วเรือรบทั้งสองก็ได้ขึ้นมาทอดสมออยู่ในลำน้ำหน้าสถานฑูตฝรั่งเศส การที่เป็นไปแล้วทั้งนี้ ยังเชื่อว่าจะมีเหตุการณ์ที่เข้าใจผิดอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะในคำโทรเลขแต่ปารีสบอกความชัดว่า เสนาบดีต่างประเทศฝรั่งเศสแสดงถ้อยคำว่า ไม่ได้หมายจะทำภัยอันตรายอันใด ต่อความเป็นใหญ่เป็นเจ้าของกรุงสยาม เพราะเหตุฉะนี้ อย่าให้ชนทั้งหลายวิตกตื่นไปว่า จะมีการรบพุ่งอันตรายอันใดในกรุงเทพ ฯ นี้เลย และเรือรบที่เข้ามาใหม่ประสมกับลำเก่า รวมเป็น ๓ ลำด้วยกันนี้ แม้ว่าจะคิดอันตรายอันใด ก็ไม่อาจทำได้จริงให้เป็นผลแก่ฝรั่งเศสได้ กำลังในเรือรบทั้ง ๓ ลำนี้มีเพียง ๓๐๐ คนเท่านั้น ไหนเลยจะสามารถขึ้นมารุกรานเข้าตีในหมู่กลางประชุมทหารนี้ได้  แต่เหตุสำคัญที่ควรจะป้องกันแก้ไขบัดนี้ มีอยู่ที่ชนทั้งหลายจะพากันวิตกตื่นเต้นไปต่าง ๆ โดยความที่ไม่ได้ทราบความหนักเบา จึงได้ดำรัสเหนือเกล้าฯ ให้กรมนครบาลจัดการป้องกันระวังรักษาทรัพย์สมบัติ และพลเมืองให้พ้นจากคนพาลเบียดเบียน อนึ่งได้เสด็จพระราชดำเนินออกทอดพระเนตรตรวจตรา พลทหารประจำซองกรุงเทพ ฯ ทั่วไปแล้ว เป็นที่ทรงยินดีต้องพระราชหฤทัยยิ่งนัก ว่าจะระงับเหตุการณ์ในบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย และป้องกันรักษาอาณาประชาชนให้พ้นจากภัยอันตรายต่าง ๆ ได้ และในการครั้งนี้ ก็ยังไม่ได้มีการโต้ตอบปรึกษาหารือกับด้วยรัฐบาลฝรั่งเศสทั้งที่กรุงเทพ ฯ และที่กรุงปารีส ดังปรากฏในหนังสือในเรื่องนี้ ซึ่งได้ตีพิมพ์ประกาศมาให้ทราบแล้วด้วย ขอให้ชนทั้งหลายพิเคราะห์เหตุผลตามกระแสพระราชดำริ ที่ได้ชี้แจงมาแล้วนี้ อย่าให้หวาดหวั่นวิตกตื่นไปกว่าเหตุนั้น จงรักษาความสงบเรียบร้อยตามปกติของตนทั่วกันเถิด

    ประกาศมา ณ วันที่ ๑๓ กรกฎาคม ร.ศ.๑๑๒


    • Update : 28/5/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch