หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    สารานุกรมไทยฉบับย่อ/145
     ๔๘๓๑. เลย   จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอาณาเขตทิศเหนือตกแม่น้ำเหือง และแม่น้ำโขง ซึ่งกั้นพรมแดนประเทศไทยกับประเทศลาว ทิศตะวันออก ติดต่อ จ.หนองคาย และ จ.อุดรธานี ทิศใต้ ติดต่อ จ.ขอนแก่น และจ.เพชรบูรณ์  ทิศตะวันตก ติดต่อกับ จ.พิษณุโลก ภูมิประเทศมีทิวเขาเตี้ย ๆ ประกอบด้วย ภูเขา และสันเขายอดราบ ตั้งกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป เป็นแหล่งการท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด เช่น ภูกระดึง ภูเรือ และภูหลวง ทางซีกตะวันออกของจังหวัด มีแม่น้ำไหลจากทิศใต้ไปทิศเหนือ ลงสู่แม่น้ำโขง เป็นบริเวณที่ราบขนาดใหญ่ของจังหวัด
                        จ.เลย  เดิมเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ขึ้น เวียงจันทน์ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ฯ ได้โปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งเป็นเมือง มีที่ว่าการอยู่ที่บ้านแฮ่ ต่อมาย้ายไปตั้งที่ ต.กุดป่อง ริมแม่น้ำเลย จนบัดนี้        ๒๕/๑๖๓๔๕
                ๔๘๓๒. เลาขวัญ  อำเภอ ขึ้นจ.กาญจนบุรี แรกตั้งเป็นกิ่งอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๔ ขึ้น อ.พนมทวน ยกฐานะเป็นอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๙       ๒๕/๑๖๓๔๖
                ๔๘๓๓. เล่าจื้อ หรือเหลาจื้อ  เป็นศาสดา แห่งลัทธิเต๋า เดิมชื่อ เหลาตัน เกิดเมื่อประมาณ ๖๐ ปี ก่อน พ.ศ. คำว่า  เล่าจื้อ แปลว่า อาจารย์ ผู้เฒ่า ปรัชญาเมธี หรือเด็กแก่  ท่านได้รับการศึกษาจากธรรมชาติมากกว่าจากครูอาจารย์ เป็นผู้เฉลียวฉลาด มาตั้งแต่เด็ก
                        เล่าจื้อ  เกิดในตระกูลลี้ ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในมณฑลเหอหนาน (เดิมเรียกว่า รัฐฌ้อ) เคยรับราชการเป็นบรรณารักษ์ใหญ่แห่งหอพระสมุดของราชสำนักราชวงศ์จิว หรือเจา อยู่เป็นเวลานาน ต่อมาได้เห็นความเสื่อมโทรมของราชวงศ์จิว เลยลาออกจากตำแหน่งเดินทางไปทางทิศตะวันตก ได้แต่งคัมภีร์ขึ้นเล่มหนึ่งชื่อ เต้าเต็กเก็ง มีสองภาค ว่าด้วยคุณธรรมต่าง ๆ รวมประมาณกว่า ๕,๐๐๐ ตัวอักษร
                        ครั้งหนึ่ง ท่านได้มีโอกาสพบกับขงจื้อ เมื่อได้สนทนากัน ขงจื้อได้ถามถึงระบบประเพณีเก่า ๆ แต่โบราณ และเล่าจื้อได้มอบสคติธรรม ให้เป็นที่ประทับใจขงจื้อมาก
                        คัมภีร์เต้าเต็กเก็ง สอนปรัชญาการปกครอง และวิถีชีวิตสำหรับชนชั้นปกครอง
                        คำสอนของเล่าจื้อเป็นคำสอนที่ลึกซึ้งละเมียดละไม จึงอาจตีความหมายไปได้ต่าง ๆ นานา และอาจเข้าถึงได้ในระดับที่แตกต่างกันอย่างมากมาย นอกจากนี้ยังมีหลักคำสอนความบริสุทธิ์อันยิ่งใหญ่ในโลกสามประการ ซึ่งถือดุจเป็นรัตนตรัยของลัทธิเต๋าคือ
                        ๑. สาระ หรือรากฐานเดิม (ชิง) ซึ่งหมายถึง ฟ้าหรือสวรรค์ ซึ่งเป็นหลักการที่สูง หมายถึงพระเจ้าหรือมหาเทพที่อยู่เหนือฟ้า และดิน ไม่มีรูป สถิตอยู่ในอาณาจักรแห่งความบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งนักปราชญ์โดยเฉพาะ
                        ๒. พลังชีวิต หรือพลัง (จี) แห่งสติปัญญา สถิตในอาณาจักรแห่งความบริสุทธิ์อันสูงส่ง ปราศจากมูลเดิมคือทรงเป็นมหาเทพองค์หนึ่ง อุบัติขึ้นมาพร้อมกับจักรวาล มีหน้าที่ในการจัด แบ่งเวลาเป็นวันคืนและฤดูของโลก เป็นเจ้าแห่งธรรมชาติคู่โลกสองชนิดคือ หยางกับหยิน
                        หยาง หมายถึงพลังในทางบวก มีเพศเป็นชาย จะพบในสิ่งต่าง ๆ เช่นความสว่าง ความอบอุ่น ความมั่งคั่ง ความเข้มแข็ง แสงอาทิตย์ ดวงไฟ ส่วนหยินหมายถึง พลังในทางลบ มีเพศเป็นหญิง ซึ่งจะพบในสิ่งต่าง ๆ โดยลักษณะทางธรรมชาติเป็นไปในทางลบเช่น ความหนาว ความมีด ความอ่อน ความชื้นแฉะ ความลึกลับ และสิ่งต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงได้ง่ายเช่น น้ำและลม
                        ๓. วิญญาณ หมายถึง เจ้าแห่งวิญญาณทั้งปวง ซึ่งสถิตอยู่ในอาณาจักรอันเป็นอมตะ และเป็นผู้มีความบริสุทธิ์สูงสุดหรือเป็นมหาเทพ นับว่าเป็นจุดหมายปลายทางของลัทธิเต๋า ที่จะบำเพ็ญพรตเป็นนักบวชเพื่อชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ผู้ที่เป็นนักบวชในลัทธิเต๋า ผู้ปฏิบัติจนสำเร็จเรียกว่า เซียน
                ๔๘๓๔. เล่าปี่  เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งในเรื่องสามก็ก ซึ่งเป็นเรื่องราวระหว่างปี พ.ศ.๗๑๐ - ๘๒๓ เมื่อครั้งประเทศจีนแตกเป็นสามก๊ก ก๊กของเล่าปี่ได้เป็นใหญ่ในแคว้นตะวันตกมีเมืองหลวงอยู่ที่เสฉวน ซุนกวนเป็นใหญ่ในแคว้นตอนใต้ มีเมืองหลวงอยยู่ที่แคว้นกังตั๋ง และโจโฉเป็นใหญ่ในแคว้นภาคเหนือ มีเมืองฮูโต๋เป็นเมืองหลวง
                        เล่าปี่ เป็นชาวเมืองตุ้นก้วน เป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าฮั่นเกงเต้ เป็นคนเข็ญใจไร้ทรัพย์ ทอเสื่อขายเลี้ยงชีวิต เมื่ออายุได้ ๒๕ ปี แผ่นดินจีนเดือดร้อนวุ่นวายทั่วไปเพราะเกิดโจรโผกผ้าเหลือง เที่ยวตีชิงปล้นสะดมราษฎรทั่วแคว้นในภาคเหนือ เล่าปี่คิดจะไปช่วยราชการปราบโจร ได้พบกวนอูและเตียวหุยสาบานตนเป็นพี่น้องกัน แล้วเกลี้ยกล่อมผู้คนให้เป็นพรรคพวก แล้วไปสมทบเจ้าเมืองใหญ่น้อยช่วยกันปราบโจรโพกผ้าเหลือง เมื่อปราบโจรได้แล้วปรากฎว่าทางเมืองหลวงเกิดจลาจลวุ่นวาย เพราะพระเจ้าเลนเต้สิ้นพระชนมม์ ตั๋งโต๊ะ เมืองซีหลงได้ยกทัพมาปราบจลาจลสำเร็จ แล้วตั้งตนเป็นใหญ่ แต่หัวเมืองต่าง ๆ รวม ๑๘ หัวเมือง ได้ร่วมมือกันยกทัพมาปราบตั๋งโต๊ะได้สำเร็จ แล้วแย่งชิงความเป็นใหญ่กัน ในที่สุดเหลือแต่ก๊กของอ้วนเสี้ยว อ้วนสุด พี่น้อง ก๊กของโจโฉ ก๊กของซุนเซ็กเมืองกังตั๋ง โจโฉกับเล่าปี่ปราบอ้วนเสี้ยวกับอ้วนสุดได้ พระเจ้าเหียนเต้จึงตั้งเล่าปี่เป็นขุนนาง ที่เสนาบดีใหญ่ฝ่ายกรมวัง หลังจากนั้นเล่าปี่ก็แตกจากโจโฉ เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ระหกระเหินอยู่กว่ายี่สิบปีจึงได้พบขงเบ้ง และได้ขงเบ้งเป็นที่ปรึกษาใหญ่และได้จูล่งมาเป็นทหารเอก
                        ต่อมาโจโฉได้ยกทัพเรือมาปราบซุนกวน ที่เมืองกังตั๋งกับเล่าปีที่เมืองกังแฮ แต่พ่ายแพ้กลับไป เสร็จศึกครั้งนี้แล้วเล่าปี่จึงตั้งตัวเป็นก๊กใหญ่ ครองเมืองเอกสามหัวเมืองคือเกงจิ๋ว ซงหยง และลำกุ๋น แล้วยกทัพไปตีแคว้นตะวันตก อันมีเมืองเสฉวนเป็นเมืองหลวงได้เมืองสำคัญคือฮันต๋อ ตั้งตัวเป็นพระเจ้าฮันต๋ง แล้วยกทัพเข้าตีเมืองเสฉวนสำเร็จ แต่ยังไม่ได้ราชาภิเษกเป็นกษัตริย์
                        ถึงปี พ.ศ.๗๖๓ โจโฉตาย บุตรช่ายคนโตชื่อโจผี บังคับพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ตั้งตนเองเป็นกษัตริย์ ขุนนางในเมืองเสฉวนจึงเชิญเล่าปี่เป็นกษัตริย์ราชวงศ์ฮั่น มีนามว่าพระเจ้าเล่าปี่ เมื่อปี พ.ศ.๗๖๔
                        พระเจ้าเล่าปี่ยกทัพไปตีเมืองกังตั๋ง แต่ถูกลกซุน แม่ทัพของซุนกวนเอาไฟเผาค่ายเสียหาย ต้องหนีไปอยู่เมืองเป๊กเต้ มอบราชสมบัติให้ลูกคนโตชื่อเล่าเสี้ยน ตั้งขงเบ้งเป็นมหาอุปราช สำเร็จราชการเมืองเสฉวน พระเจ้าเล่าปี่สิ้นพระชนม์ เมื่อปี พ.ศ.๗๖๖       ๒๕/๑๖๓๕๔
                ๔๘๓๕. เลิงนกทา  อำเภอขึ้น จ.ยโสธร แรกตั้งเป็นกิ่งอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๐ ยกฐานะเป็นอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๐         ๒๕/๑๖๓๕๖
                ๔๘๓๖. เลียง - ไม้  เป็นไม้ต้นขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ ผลัดใบ ที่เป็นไม้เถามีเพียงชนิดเดียวเท่านั้น
                        เลียง มีชื่อเรียกอื่น ๆ เช่น เลียงนา ปอเลียง เป็นไม้ต้นสูงถึง ๒๐ เมตร ใบเดี่ยวออกเรียง
    สลับกัน รูปป้อม หรือรูปหัวใจ ดอกสมบูรณ์เพศ มีขนาดเล็กสีขาวหรือสีเหลืองอ่อน ออกรวมกันเป็นช่อโตตามปลายกิ่งหรือใกล้ปลายกิ่ง ผลเป็นชนิดผลแห้งแตกมีสามพู เนื้อไม้สีน้ำตาลอมแดง ลายสวย เนื้อเหนียว แข็งแรง ทนทาน แปรรูปได้ง่าย นิยมใช้ทำสิ่งปลูกสร้างที่ต้องรองน้ำหนักมาก       ๒๕/๑๖๓๕๗
                ๔๘๓๗. เลียงผา  ดูโครำ - ลำดับที่ ๑๑๙๖        ๒๕/๑๖๓๖๖
                ๔๘๓๘. เลี่ยน - ต้น  เป็นไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ อาจสูงได้ถึง ๓๐ เมตร ผลัดใบ ลำต้นเปลาตรง ใบประกอบแบบขนนกปลายดีสองชั้น เรียงสลับใกล้ปลายกิ่ง ใบย่อยรูปไข่กว้างหรือรูปใบหอกแกมรูปไข่ ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกที่ง่ามใบใกล้ปลายกิ่ง ดอกบานจากปลายช่อมาสู่โคนช่อ กลิ่นหอม ก้านช่อดอกยาว กลีบดอกสีม่วงอ่อน
                        เลี่ยนนิยมปลูกเป็นไม้ประดับริมถนนหรือเป็นไม้ให้ร่มเงา มีรูปทรงและใบสวย ไม้เลี่ยนเป็นไม้มีค่า กระพี้มีสีขาวปนเหลือง แก่นสีแดง มีความคงทน นิยมใช้ทำเครื่องเรือน และเครื่องดนตรี ในหลายประเทศนิยมนำเปลือก ผล และใบ ต้มกับน้ำแล้วมาดื่มเป็นยาถ่ายพยาธิไส้เดือน และพยาธิปากขอ ใบเปลือก ผล และเมล็ดเป็นยาไล่แมลง       ๒๕/๑๖๓๖๖
                ๔๘๓๙. เลือด  เป็นของเหลวที่ไหลเวียนอยู่ในหัวใจ หลอดเลือดแดง หลอดเลือดฝอย และหลอดเลือดดำ ของคน และสัตว์ส่วนใหญ่ โดยมีหัวใจสูบฉีด เลือดทำหน้าที่นำสารอาหาร และออกซิเจน ไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และนำคาร์บอนไดออกไซด์ รวมทั้งของเสียออกไป นอกจากนั้น เลือดยังทำหน้าที่ให้ภายในร่างกายอยู่ในภาวะธำรงดุล อีกด้วย
                        เลือดได้รับออกซิเจน เมื่อไหลผ่านปอด เหงือก หรืออวัยวะอื่น ๆ ของระบบหายใจ แล้วแต่ชนิดของสัตว์ ในเลือดมีสารอาหารที่ได้จากการดูดซึม จากทางเดินอาหาร เช่น พวกเกลือแร่ วิตามิน กรดแอมิโน น้ำตาล นอกจากนี้ ยังมีสารปรุงแต่ง หรือสารสังเคราะห์จากเซลล์ตับ ต่อมไร้ท่อ หรือเซลล์อื่น ๆ เป็นสารพวกโปรตีน เอนไซม์ สารภูมิต้านทานต่าง ๆ และฮอร์โมน เป็นต้น และมีของเสียหรือของที่เกิน ที่ขับจากเซลล์ปนอยู่ เช่น น้ำ คาร์บอนไดออกไซด์ ยูเรีย และเมแทบอไลต์ อื่น ๆ แล้วนำไปยังปอด ไต และต่อมเหงื่อ เพื่อขับออกนอกร่างกายต่อไป
                        เลือด ในคนมีประมาณ ๗๐ มล. ต่อน้ำหนักตัว ๑ กก. หรือประมาณ ๑ ใน ๑๔ ส่วนของน้ำหนักตัว น้ำเลือดประกอบด้วย น้ำกว่าร้อยละ ๙๐ และส่วนที่เป็นสารละลายอยู่อีกร้อยละ ๑๐            ๒๕/๑๖๓๖๘
                ๔๘๔๐. เลือดไม้  ดู เรือดไม้ - ลำดับที่ ๔๗๓๒       ๒๕/๑๖๓๗๐
                ๔๘๔๑. เลือดออก ไข้  เป็นกลุ่มอาการไข้เลือดออกเฉียบพลัน มีไข้สูงอย่างเฉียบพลัน  มีเลือดออกตามอวัยวะต่าง ๆ ร่วมกัน และมีอาการอื่นประกอบด้วย เช่น ปวดเมื่อย ตามลำตัว คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด อาจมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะน้อย บวมตามตัว
                        กลุ่มอาการไข้เลือดออก ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส มีเชื้อไวรัสมากกว่า ๑๐ ชนิด เป็นตัวก่อโรค         ๒๕/๑๖๓๗๐
                ๔๘๔๒. แลง  มีบทนิยามว่า " แมงในคำว่า แลงกินฟัน แลงกินฟัน ชื่อโรค ซึ่งเข้าใจผิดว่า มีแมงชนิดหนึ่งเกาะกินรากฟัน ทำให้ฟันผุ       ๒๕/๑๖๓๗๖
                ๔๘๔๓. แลง - หิน  ดู ลูกรัง - ลำดับที่ ๔๙๒๕        ๒๕/๑๖๓๘๐
                ๔๘๔๔. แลนทานัม  เป็นธาตุลำดับที่ ๕๗  มีผู้ค้นพบธาตุนี้ เมื่อปี พ.ศ.๒๓๘๒ ธาตุนี้มีปรากฎในธรรมชาติ โดยมีปนอยู่ในแร่หายากหลายชนิด
                        ธาตุแลนทานัม  เป็นของแข็งมีลักษณะค่อนข้างอ่อน จนใช้มีดตัดได้ รอยตัดใหม่มีสีเงินแวววาว ซึ่งจะคล้ำลงอย่างรวดเร็ว สามารถตีแผ่เป็นแผ่นบาง ๆ หรือดึงให้เป็นเส้นลวดได้ เป็นโลหะสีเทาเงิน โลหะนี้จะผุกร่อนอย่างรวดเร็ว เมื่อทิ้งไว้ในบรรยากาศชื้น โดยเกิดสะเก็ดของแลนทานัมออกไซด์ขึ้นที่ผิว และจะหลุดร่วงออกไป จึงต้องเก็บรักษาธาตุนี้ไว้ในกาซเฉื่อย ธาตุนี้ว่องไวต่อปฎิกิริยามาก
                        ประโยชน์ของธาตุแลนทานัม คือ ใช้ประโยชน์ส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมทำแก้ว ทำเลนซ์ถ่ายรูปที่มีคุณภาพสูง ใช้ทำโลหะเจือกับธาตุโคบอลต์ ซึ่งไปทำแม่เหล็กที่มีกำลังมาก ใช้ในอุตสาหกรรมสารเรืองแสง ใช้ในงานสร้างอุปกรณ์บางชนิด ทางอีเล็กทรอนิกส์       ๒๕/๑๖๓๘๐
                ๔๘๔๕. โล่  เป็นเครื่องกำบังปิดป้องกันศัสตราวุธชนิดหนึ่ง ลักษณะเป็นแผ่นแบน รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้าเกลี้ยงเรียบ ด้านหลังติดหูสำหรับถือ ใช้กำบังตัว เป็นยุทโธปกรณ์ชนิดหนึ่ง สำหรับกองทัพจ่ายให้ทหารราบ หรือพลเดินเท้า ถือประจำมือ เป็นเครื่องป้องกันตัว ในการรบพุ่ง
                        ปัจจุบันหลายประเทศใช้โล่ในหน่วยงานปราบจลาจล เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้ป้องกันตัว ให้พ้นจากการขว้างปาในระยะไกล หรือป้องกันการทุบตีในระยะใกล้ จากผู้ชุมนุมก่อความไม่สงบ       ๒๕/๑๖๓๘๓
                ๔๘๔๖. โลก   เป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง ในระบบสุริยะ ซึ่งมีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของโลก เมื่อเปรียบเทียบกับดาวเคราะห์อื่น ๆ ในระบบสุริยะ จะอยู่ในอันดับที่สี่ ขนาดเส้นรอบโลกที่ศูนย์สูตร ยาวประมาณ ๔๓,๐๐๐ กม. เส้นผ่าศูนย์กลางของโลก ที่ศูนย์สูตรประมาณ ๑๒,๗๕๗ กม. ส่วนตามแนวแกนจากขั้วโลกเหนือ ถึงขั้วโลกใต้ ประมาณ ๑๒,๗๑๔ กม.
                        ผิวโลก เป็นพื้นน้ำร้อยละ ๗๑ ส่วนที่เป็นพื้นดินร้อยละ ๒๙  โครงสร้างของโลก ส่วนนอกสุดเรียกว่า เปลือกโลก มีความหนาต่างกัน ส่วนที่เป็นพื้นทวีปหนา ๒๔ - ๔๘ กม. ส่วนที่เป็นพื้นมหาสมุทรหนา ๘ - ๑๖ กม.  ถัดจากเปลือกลงไปเป็นชั้นที่เรียกว่า แมนเทิล มีลักษณะหนืดคล้ายพลาสติก ซึ่งเคลื่อนไหวหมุนเวียนในลักษณะที่ส่วนบนลงไปข้างล่าง และข้างล่างลอยขึ้นมาแทน ชั้นของเปลือกโลกลอยอยู่บนชั้นนี้ จึงทำให้เปลือกโลกเคลื่อนที่เรียกว่า ทวีปเลื่อน ชั้นนี้หนาประมาณ ๒,๘๙๕ กม. ถัดจากชั้นนี้ไปเป็นแก่นโลก แบ่งออกเป็นสองชั้น ได้แก่ แก่นโลกชั้นนอก สันนิษฐานว่า เป็นของเหลวประกอบด้วยแร่เหล็ก และนิเกิล มีอุณหภูมิประมาณ ๒,๒๐๐ - ๒,๗๕๐ องศาเซลเซียส ชั้นนี้หนาประมาณ ๒,๒๒๐ กม. และแก่นโลกชั้นใน สันนิษฐานว่า เป็นของแข็ง เพราะมีแรงกดจากภายนอกมาก และน่าจะเป็นแร่เหล็ก ชั้นนี้หนาประมาณ ๑,๒๕๕ กม.
                        ปัจจุบันเชื่อกันว่า เปลือกโลก บางบริเวณมีรอยปริแยกจากกัน เกิดการดันตัวของหินละลาย เป็นภูเขาไฟ          ๒๕/๑๖๓๙๑
                ๔๘๔๗. โลกธรรม  พระพุทธเจ้าได้ตรัสเรื่องโลกธรรมไว้ รวมแปดประการคือ การได้ลาภ การเสื่อมลาภ การได้ยศ การเสื่อมยศ สรรเสริญ นินทา สุข และทุกข์
                        โลกธรรมทั้งแปดประการนี้ ย่อลงเป็นอารมณ์ได้สองประการคือ
                        ๑. อิฎฐารมณ์  คือ อารมณ์ที่น่าปรารถนา ได้แก่ การได้ลาภ การได้ยศ การได้รับสรรเสริญ และสุข
                        ๒. อนิฎฐารมณ์  คือ อารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนา ได้แก่ การเสื่อมลาภ การเสื่อมยศ การถูกนินทา และทุกข์         ๒๕/๑๖๓๙๘

    • Update : 27/5/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch