หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    สารานุกรมไทยฉบับย่อ/73

    ๒๘๖๒. นารายณ์สิบปาง ๑ - หนังสือ  ฉบับภาษาไทยมีอยู่หลายสำนวนด้วยกัน นารายณ์สิบปางที่ปรากฏเป็นภาษาไทยอยู่ในปัจจุบัน จัดลำดับปางไม่ตรงกันเพราะเรื่องพระนารายณ์ในยุคปุราณะมีองค์ต่างอยู่มากมายหลายสิบปาง
                    นารายณ์สิบปางฉบับโรงพิมพ์หลวงนั้น ปางที่หนึ่งเริ่มต้นด้วยปางวราหาวดาร คือพระนารายณ์องดารเป็นหมูสังหารหิรันตยักษ์ ซึ่งตรงกับพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ในรัชกาลที่หนึ่ง
                   เนื้อเรื่องนารายณ์สิบปางโดยทั่วไป เป็นเรื่องที่กล่าวด้วยพระวิษณุนารายณ์เสด็จมาปราบยุคเข็ญ และยังความสงบสุขแก่โลกเป็นคราว ๆ            หน้า ๙๖๓๐
                ๒๘๖๓. นารายณ์สิบปาง ๒  คือ การอวตารมาเกิดในโลกรวมสิบครั้งของพระนารายณ์เพื่อปราบยุคเข็ญ และยังความสงบสุขแก่โลก
                        ๑. มัตสยาวตาร  อวตารมาเป็นปลาในสมัยกฤดายุค หรือสัตยยุค (สมัยต้นอายุของโลกซึ่งศีลธรรมของชาวโลกยังบริบูรณ์ ครบถ้วนอยู่)
                ครั้งนั้นจะเกิดน้ำท่วมโลก พระนารายณ์อวตารมาเกิดเป็นปลาศผริ เตือนพระมนูไววัสวัตให้ต่อเรือใหญ่บรรทุกสัตว์ อย่างสาคู่ ต้นไม้นานาพันธุ์และเชิญฤาษีทั้งเจ็ดลงเรือ พอถึงเวลาพระพรหมบรรทมก็เกิดน้ำท่วมโลก มนุษย์และสัตว์จมน้ำตายสิ้น เหลือแต่พระมนู และผู้ที่อยู่ในเรือใหญ่ เมื่อน้ำลดแล้วพระมนู และฤาษีทั้งเจ็ดก็ออกจากเรือ เริ่มต้นสร้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ขึ้นใหม่ พระมนูองค์นี้เป็นพระมนูองค์ที่เจ็ดถือกันว่า เป็นมนุษย์คนแรก และเป็นกษัตริย์องค์แรกในมันวันตระที่เจ็ด (สมัยที่เจ็ดของโลก) นี้ซึ่งมีระยะเวลา ๔,๓๒๐,๐๐๐ ปี
                        ๒. กูรมาวตาร  อวตารมาเป็นเต่า อยู่ในสมัยกฤดายุค ครั้งนั้นบรรดาเทวดาประสบความเดือนร้อน เพราะความกำเริบของพวกอสูร เนื่องจากพระอินทร์และเทวดาถูกฤาษีทุรวาสสาบให้แพ้อสูร พระอินทร์และเทวดาไปขอความช่วยเหลือจากพระนารายณ์ พระนารายณ์จึงแนะให้กวนน้ำอมฤต เพื่อว่าเทวดากินแล้วจะไม่ตาย ในการกวนน้ำอมฤตนั้น ได้ใช้ภูเขามันทรมาตั้งลงในเกษียรสมุทร ใช้ต่างไม้กวนขณะกวนภูเขานั้นได้เจาะแผ่นดินโลกลึกลงไปทุกที พระนารายณ์เกรงว่าพื้นโลกจะแตกทำลายเสีย จึงแบ่งภาคเป็นเต่าใหญ่ลงไปนอนรองรับอยู่ใต้ภูเขา
                        ๓. วราหาวตาร  อวตารมาเป็นหมูในสมัยกฤดายุค ครั้งนั้นอสูรชื่อหิรันยากษะ ได้ลากเอาแผ่นดินลงไปไว้ก้นมหาสมุทร พระนารายณ์จึงแบ่งภาคมาเกิดเป็นหมูใหญ่ตามลงไปใต้ทะเลได้สู้รบกันถึงหนึ่งพันปี ในที่สุดหมูฆ่าหิรันยากษะตายแล้วช้อนแผ่นดินขึ้นมาตั้งไว้บนผิวน้ำตามเดิม
                        ๔. นรสิงหาวตาร  อวตารมาเป็นนรสิงห์ในสมัยกฤดายุค เรื่องมีว่ามีอสูรชื่อหิรัณยกศิปุน้องหิรัณยากษะ ได้บำเพ็ญตบะจนพระพรหมต้องประทานพรให้ตามที่ขอ คือขอไม่ตายด้วยอาวุธใด ๆ ไม่ตายในเวลากลางวันหรือกลางคืน ไม่ตายในเรือนหรือนอกเรือน เมื่อได้พรแล้วก็มีความกำเริบใจ ก่อความเดือดร้อนแก่เทวและมนุษย์ ยกทัพไปตีได้เมืองสวรรค์ แล้วตั้งตัวเป็นเจ้าแห่งโลกทั้งสาม ต่อมาพระนารายณ์ในรูปนรสิงห์ได้ออกมาจับพญาอสูรลากออกไปที่กึ่งกลางระหว่างประตูปราสาทกับชานชาลา เวลานั้นเป็นเวลาสนธยา แล้วนรสิงห์ก็ฆ่าพญาอสูรตายด้วยกรงเล็บอันแหลมคม หิรัญยกศิปุ ตายลงด้วยลักษณะที่ไม่เข้ากับพรที่ตนได้รับ
                        ๕. วามนาวตาร  อวตารมาเป็นพราหมณ์เตี้ยในสมัยไตรคายุคอันเป็นสมัยที่ศีลธรรมของชาวโลกลดลงไปหนึ่งในสี่ ในครั้งนั้นพญาอสูรชื่อพลี ได้รับความช่วยเหลือจากบรรดาพราหมณ์เหล่าภารควะในการประกอบยัญพิธีมีผลทำให้เป็นผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ สามารถปราบได้สามโลก แล้วตั้งตนเป็นเจ้าสวรรค์แทนพระอินทร์ พวกเทวดาไปทูลขอความช่วยเหลือจากพระนารายณ์ พระนารายณ์จึงอวตารมาเป็นพราหมณ์เตี้ย แล้วได้มาสู่สำนักของท้าวพลี ในขณะที่ท้าวพลีกำลังประกอบยัญกิจอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำบรรทม พลีได้ตอบรับเป็นอย่างดีและกล่าวว่าตนยินดีที่จะถวายทุกสิ่ง พราหมณ์เตี้ยจึงขอแผ่นดินชั่วสามก้าวย่าง พลีก็ยอมพราหมณ์เตี้ยจึงกลายรูปเป็นพระนารายณ์ย่างก้าวที่หนึ่งตลอดสิ้นแดนสวรรค์ ก้าวที่สองตลอดแผ่นดินโลก พลีทราบว่าเป็นพระนารายณ์จึงทูลขอโทษ และขอให้เหยียบพระบาทลงบนศรีษะตนเป็นก้าวที่สาม พระนารายณ์จึงให้พลีไปครองบาดาล ครั้นต่อมาพลีประพฤติดีจึงให้ขึ้นมาครองแดนสุตล ซึ่งเป็นแดนหนึ่งในบาดาลที่วิเศษสุด แล้วสัญญาว่าวันหนึ่งในภาย๑๕/จะให้พลีได้ครองสวรรค์อีก
                        ๖. ปรศุรามาวตาร  อวตารมาเป็นพราหมณ์ชื่อ ราม ถือขวานเพชรในสมัยไตรคายุคเรื่องมีว่ากษัตริย์องค์หนึ่งชื่ออรชุน ได้รับพระแห่งฤาษีทัตตะไตรยให้มีเดชานุภาพเหนือราชาทั้งหลาย และมีแขนถึงสองพันสามารถปราบศัตรูได้ทุกหนทุกแห่ง อรชุนมีความกำเริบเที่ยวรุกรานฤาษีให้เดือดร้อน ฤาษีวสิษฐ์ผู้เป็นหัวหน้าฤาษีเหล่าหนึ่งจึงไปฟ้องพระนารายณ์ พระนารายณ์อวตารมาเป็นพราหมณ์ชื่อราม ได้รับขวานเพชรจากพระศิวะจึงได้นามว่าปรศุราม แปลว่ารามผู้ถือขวาน และได้ฆ่าอรชุนเสีย
                        ๗. รามจันทราวตาร  อวตารมาเป็นพระราม หรือรามจันทร์ในสมัยไตรดายุค การอวตารครั้งนี้ก็เพราะท้าวราพณ์ (ทศกัณฐ์) ผู้ครองกรุงลงกาเบียดเบียนมนุษย์ และเทวดาให้เดือดร้อน เรื่องราวรายละเอียดหาดูได้จากกาพย์สันสกฤตเรื่องรามายณะ บทประพันธ์ของฤาษีวาลมิกิ และฉบับภาษาอินดีของกาลิทาส ในพาทย์ไทยคือเรื่องรามเกียรติ์ พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่หนึ่ง
                        ๘. กฤษณาวตาร  อวตารมาเป็นพระกฤษณะ กษัตริย์จันทรวงศ์แห่งกรุงทวารกาในสมัยทวาบรยุคซึ่งศีลธรรมของชาวโลก ลดลงเหลือเพียงหนึ่งในสอง เรื่องราวรายละเอียดหาดูได้จากบทที่สิบของคัมภีร์ภาควตะปุราณะและบทปลีกย่อย บางตอนในเรื่องมหาภารตะ
                        ๙. พุทธาวตาร  อวตารมาเป็นพระพุทธเจ้า ในสมัยกลียุคเรื่องนี้เกิดขึ้นเนื่องจากพวกพราหมณ์ไม่สามารถเอาชนะ
    พระพุทธศาสนาได้ ยอมยกให้พระพุทธเจ้าเป็นอวตารปางที่เก้า แต่บิดเรื่องไปเป็นอย่างหนึ่งว่า การอวตารครั้งนี้เพื่อสั่งสอนลัทธิต่าง ๆ ให้คนบาปหยาบช้าประพฤติตามจะได้พากันไปสู่อบาย
                        ๑๐. กัลกยาวตาร  อวตารมาเป็นพระกัลกี ในตอนจะสิ้นกลียุคนี้เป็นปางที่จะมีมาในอนาคตเป็นบุรุษขี่ม้าขาวถือดาบที่เป็นประกายรุ่งโรจน์ดังแสงดาวหาง ปราบเหล่าร้ายให้สิ้นไปและสถาปนาสันติสุขขึ้นใหม่ในโลก           ๑๕/ ๙๖๓๖
                ๒๘๖๔. นาลันทา เป็นชื่อเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งในสมัยพระพุทธกาลตั้งอยู่ในแคว้นมคธ อยู่ห่างจากเมืองราชคฤห์ นครหลวงของแคว้นมครประมาณ ๖ กม. บริเวณที่ตั้งเมืองในสมัยก่อนตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟนาลันทา ของทางรถไฟสายปักเตียร์ปูร - พิหาร แห่งการรถไฟสายตะวันออกของอินเดีย
                    ในสมัยพุทธกาลเมืองนาลันทาเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรือง มีผู้คนอยู่อาศัยคับคั่ง ชื่อเมืองนี้ปรากฏในพระสูตรต่าง ๆ ของพระพุทธศาสนา ในเวลาที่พระพุทธเจ้าเสด็จจาริกมาสู่แคว้นมคธ ได้เสด็จมาพักแรมที่นาลันทานี้บ่อยครั้ง ที่ปาวาริกัมพวัน คือสวนมะม่วงของปาวาริกเศรษฐี พระสูตรที่ทรงแสดงที่นาลันทามี เช่น พรหมชาลสูตร เกวัฎสูตร อุปาลิวาทสูตร
                    เมื่อพระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว เมืองนาลันทาก็ได้เสื่อมโทรมลงและจางหายไปจากประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา เป็นเวลาหลายร้อยปี และเริ่มปรากฏชื่อเสียงโด่งดังอีกครั้งหนึ่งในสมัยมหาวิทยาลัยนาลันทาซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนา เกิดขึ้นเป็นแหล่งกลางการศึกษาและเผยแพร่ พระพุทธศาสนาอยู่หลายศตวรรษ
                    ประวัติมหาวิทยาลัยนาลันทา มีปรากฏอยู่ในบันทึกของพระภิกษุจีนเหี้ยนจัง (พระถังซัมจั๋ง) พระเจ้าศกราทิตย์ (พระเจ้ากุมารคุปตะที่ ๑) แห่งราชวงศ์คุปตะ ผู้ครองราชย์ระหว่างปี พ.ศ.๙๕๘ - ๙๙๘ ได้ทรงสร้างวัดหนึ่งในสวนมะม่วงที่เมืองนาลันทา ต่อมาวัดนี้ได้เป็นศูนย์กลางการเจริญเติบโตขึ้นเป็นมหาวิทยาลัยนาลันทา กษัตริย์ราชวงศ์คุปตะต่อ ๆ มาได้ทรงสร้างวัดขึ้นอีกสี่วัด และมีกษัตริย์ไม่ปรากฏพระนามองค์หนึ่งแห่งอินเดียกลาง ได้สร้างขึ้นอีกวัดหนึ่ง แล้วสร้างกำแพงสูงขึ้นล้อมรอบวัดทั้งหมด โดยมีประตูใหญ่เข้าออกเพียงประตูเดียว รวมเรียกว่า นาลันทามหาวิหาร
                    ภิกษุชาวจีนองค์แรกที่เดินทางไปสืบพระศาสนาที่อินเดียองค์แรกที่เดินทางไปอินเดีย ระหว่างปี พ.ศ.๙๔๓ - ๙๕๔ คือท่านฟาเหียน ซึ่งเมื่อตอนที่ท่านดินทางไปมหาวิทยาลัยนาลันทายังไม่เกิดขึ้น จดหมายเหตุของท่านจึงไม่ได้กล่าวถึงมหาวิทยาลัยนี้ไว้เลย
                    ในปี พ.ศ.๑๑๘๐ ที่หลวงจีนเหี้ยนจังไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยนาลันทาและได้เขียนบันทึกไว้นั้น เป็นตอนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้กำลังรุ่งโรจน์เต็มที่ มีนักศึกษาอยู่ประมาณ ๑๐,๐๐๐ คน มีอาจารย์อยู่ ๑,๕๐๐ คน พระเจ้าหรรษวรรธนะทรงให้การอุปถัมภ์บำรุงอย่างเต็มที่ ตอนที่มหาวิทยาลัยจะรับนักศึกษาจะต้องผ่านการสอบสัมภาษณ์อย่างเข้มงวด ผู้ที่เข้าศึกษาถือว่าเป็นผู้มีศักดิ์ศรีและมีเกียรติได้รับการยกย่องอย่างสูง
                    มหาวิทยาลัยนาลันทามีหอสมุดใหญ่อยู่สามหลัง เป็นที่เก็บรวบรวมคัมภีร์ทางศาสนาและต้นฉบับนิพนธ์ของคณาจารย์ คนสำคัญของฝ่ายมหายานไว้เป็นจำนวนมาก
                    สาเหตุสำคัญที่ทำให้มหาวิทยาลัยนาลันทาค่อย ๆ เสื่อมโทรมลงโดยสำคัญในรัชสมัยของราชวงศ์ปาละนั้น ได้แก่การขึ้นของนิกายตันตระ แห่งพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ในอินเดียได้นำเอาวิธีการแบบกามสุขัลลิกานุโยค หรือการหมกมุ่นมัวเมาในกาม มาเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติของภิกษุ นิกายนี้สอนวิถีทางแห่งความหลุดพ้นแบบหนามยอกเอาหนามบ่ง คือถ้าต้องการความหลุดพ้นจากกามก็ต้องเสพกามให้เบื่อแล้วจะหลุดพ้นได้เอง ภิกษุฝ่ายตันตระ หรืออีกชื่อหนึ่งว่า มนตรยาน จึงหมกมุ่นอยู่กับสุราและนารี
                    พระพุทธศาสนาในอินเดียถูกซ้ำเติมโดยกองทหารมุสลิมที่ยกมาทำลายฆ่าพระภิกษุนักศึกษาและอาจารย์ตายเกือบหมด แล้วจุดไฟเผาพลาญมหาวิทยาลัยหมดสิ้น    ๑๕/ ๙๖๔๔
                ๒๘๖๕. นาวิกโยธิน  เป็นชื่อพรรคเหล่าของทหารเรือพรรคหนึ่ง ที่ปฏิบัติหน้าที่คล้ายทหารบก คำนี้มีขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.๒๔๖๒ โดยกระทรวงทหารเรือได้ตราข้อบังคับทหารเรือว่าด้วยการจำแนก พรรค เหล่า จำพวกและประเภททหารเรือขึ้น ให้ทหารเรือพลเรือรบ แบ่งออกเป็นสามพรรค คือ พรรคนาวิน (ทหารประจำปากเรือ) พรรคกลิน (ทหารประจำท้องเรือ) และพรรคนาวิกโยธิน (ทหารเรือฝ่ายบก)     คำว่านาวิกโยธินในสมัยรัชกาลที่สี่เรียกทับศัพท์ภาษาอังกฤษว่า “ทหารมะรีน”

    ทหารมะรีนของต่างประเทศนั้นเริ่มมาจากประทศอังกฤษตั้งแต่บยุคเรือใบ ต้องลงมาประจำอยู่ในเรือรบ ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเรือ ป้องกันการลักขโมยจากพวกมิจฉาชีพ เมื่อเรือจอดทอดสมอในอ่าวหรือเทียบท่า ตลอดจนการป้องกันการปล้นสะดมจากพวกโจรสลัด และเมื่อเรือต้องเข้าทำการรบประชิด ทหารมะรีนต้องมีหน้าที่ต้องเข้าตลุมบอนกับข้าศึก โดยมีดาบและมีดสั้นเป็นอาวุธ ต่อมาในยุคเรือกลไฟ ปีนประจำเรือได้เปลี่ยนเป็นปืนป้อม อาวุธประจำกายของทหารมะรีนเปลี่ยนมาเป็นปืนเล็กยาว ทหารมะรีนได้รับหน้าที่เพิ่มให้ประจำยิงปืนป้อมท้ายเรืออีกหนึ่งป้อม ประเทศใมหาอำนาจทางนาวีชาติอื่น ๆ ในยุโรปขณะนั้นก็ใช้ทหารมะรีนประจำเรือ เช่นเดียวกับอังกฤษ ส่วนในสหรัฐอเมริกานั้น นอกจาะจะใช้ทหารมะรีนประจำเรือเช่น้เดียวกับอังกฤษแล้ว ได้ใช้ทหารมะรีนรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญและสถานที่สำคัญอย่างกว้างขวาง ตามฐานทัพนอกประเทศและสถานทูตในประเทศต่าง ๆ เป็นหน้าที่ของทหารมะรีนทั้งสิ้น      ๑๕/ ๙๖๕๐
                ๒๘๖๖. นาวี   เป็นนามรวมเรียกทั่วไปของกองทัพเรือ หรือเรือรบ ได้ปรากฏมีคำว่าราชนาวีใช้เป็นทางการครั้งแรกในพระราชหัตถเลขา ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้า ฯ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๗ ต่อมากระทรวงทหารเรือได้ตราข้อบังคับทหารเรือว่าด้วยระเบียบการใช้คำ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๘ กล่าวว่า "....นามรวมทั่วไปใช้ราชนาวี ถ้าเขียนเป็นอักษรย่อใช้ ร.น. ...)    

    “นาวี” ได้เกิดขึ้นเป็นเวลานานมาแล้วในทะเลเมดิเตอเรเนียน ตั้งแต่ ๘๕๐ ปีก่อนพุทธศักราช    

    “นาวี” อาจแบ่งได้เป็นสามยุคตามประเภทของเรือคือยุคเรือกรรเชียง ยุคเรือใบ และยุคเรือกลไฟ    ๑๕/ ๙๖๕๓
                ๒๘๖๗. นาสวน  คือนาข้าวที่ปลูกในพื้นที่ซึ่งมีระดับน้ำลึก ตั้งแต่ ๑ เมตรลงมาไม่ว่าจะปลูกโดยวิธีปักดำ หรือหว่านก็ตาม ข้าวพวกนี้บางพันธุ์จะสามารถยึดตัวหนีน้ำได้เล็กน้อย           ๑๕/ ๙๖๕๖
                ๒๘๖๘. นาหว่าน  คือนาที่ใช้ปลูกข้าวโดยวิธีหว่าน แบ่งออกเป็นสองชนิดคือ
                        ก.หว่านสำรวย  เป็นการหว่านข้าวในลักษณะข้าวแห้ง ส่วนใหญ่ใช้กับข้าวขึ้นน้ำ หรือข้าวนาสวนที่พื้นที่มีความลาดเทมาก หรือที่ซึ่งหาน้ำตกกล้าปักดำไม่ได้
                        ข.หวานน้ำตม หรือหว่านเทือก คือการทำนาหว่านในลักษณะข้าวออกโดยทว่าการไถดะ ไถแปร และคราดเช่นเดียวกับนาดำทุกประการ หลังจากหว่านข้าวปล่อยทิ้งไว้ ๕ - ๗ วัน เพื่อให้รากข้าวจับดินและเริ่มตั้งตัวแล้ว หลังจากนั้นก็จะระบายน้ำเข้าแปลง เพื่อหล่อเลี้ยงต้นข้าว และเพิ่มระดับขึ้นตามขนาดของต้นข้าว ตอนที่ข้าวจะออกดอกประมาณ ๔๐ วัน ถ้าเป็นไปได้ให้ระบายน้ำออกให้หมดปล่อยให้ดินแตกระแหงประมาณ ๓ - ๔ วัน แล้วจึงเอาน้ำเข้าใหม่           ๑๕/ ๙๖๕๖
                ๒๘๖๙. นาแห้ว  อำเภอขึ้น จ.เลย มีอาณาเขตทิศเหนือจดประเทศลาว ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา มีที่ราบประมาณ ร้อยละ ๒๐
                    อ.นาแห้ว แรกตั้งเป็นกิ่งอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๓ ขึ้น อ.ด่านซ้าย ยกฐานะเป็นอำเภอ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๙          ๑๕/ ๙๖๕๙
                ๒๘๗๐. นาฬิกา  เป็นสิ่งประดิษฐ์ชนิดหนึ่งที่ใช้วัดเวลาหรือบอกเวลา ณ ขณะใดขณะหนึ่งได้ ตามความต้องการ โดยกำหนดเวลาออกเป็นช่วงเท่า ๆ กัน ในรอบของวัน ด้วยตามมาตรฐานสากล เดิมทีเดียวการบอกเวลาอาศัยปรากฏการณ์จากธรรมชาติ ตำแหน่งต่าง ๆ ของดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าจึงบอกเวลา เช้า สาย เที่ยง บ่าย เย็นของวัน ซึ่งวนเวียนเช่นนี้ตลอดไป ส่วนการหมุนของโลกรอบดวงอาทิตย์ทำให้เกิดฤดูกาลต่าง ๆ ทยอยกันไปโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบก็นับเป็นเวลาหนึ่งปี
                    นาฬิกาสามารถใช้บอกหรือวัดเวลาได้โดยตรง จึงต้องทำให้สะดวกต่อการใช้
                    เชื่อกันว่าชาวอียิปต์ริเริ่มประดิษฐ์นาฬิกาแดด โดยสังเกตจากเงาแสงของแสงแดดในระยะที่ใกล้เคียงกันนี้
    ยังมีนาฬิกาทรายและนาฬิกาน้ำ ต่อมาจึงมีการประดิษฐ์นาฬิกาที่มีกลไกแทน         ๑๕/ ๙๖๕๙
                ๒๘๗๑. น้ำ  ในสมัยโบราณประมาณสองพันปีมาแล้ว ถือกันว่าน้ำเป็นธาตุหนึ่งในบรรดาธาตุทั้งสี่คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม ในปี พ.ศ.๒๓๒๔ เฮนรี่ คาเวนดิช เป็นนักวิทยาศาสาตร์คนแรกที่พิสูจน์โดยวิธีสังเคราะห์ว่าน้ำเป็นสารประกอบซึ่งประกอบด้วยธาตุสองธาตุ คือโฮโดรเจน และออกซิเจน
                    น้ำเป็นสารประกอบที่มีปรากฏอยู่เป็นปริมาณมากที่สุดในโลก และอยู่ในสภาพอิสระทั้งในสถานะที่เป็นของเหลว ของแข็งและเป็นไอ มีปรากฏอยู่ในสารประกอบอื่นมากมาย น้ำจึงเป็นสารประกอบที่สำคัญที่สุดต่อการดำรงชีวิตของสิ่งที่มีชีวิตทั้งหมด
                    น้ำเป็นของเหลวง ณ อุณหภูมิปรกติ เมื่อบริสุทธิ์ไม่มีสีไม่มีกลิ่นไม่มีรส น้ำเป็นสารประกอบที่มีธาตุไฮโตรเจนและออกซิเจน เป็นองค์ประกอบด้วยอัตราส่วนของจำนวนอะตอมเป็น ๒:๑ น้ำเป็นตัวทำละลายที่ดีที่สุด สามารถละลายสารต่าง ๆ  ได้มากมายแม้แต่แก้ว น้ำช่วยเร่งปฏิกิริยาเคมี ระหว่างสารได้มาก สารให้เป็นไปโดยเร็ว และสะดวกขึ้น
                    น้ำบริสุทธิ์ไม่มีในธรรมชาติเพราะน้ำเป็นตัวทำละลายที่ดีที่สุด  

    น้ำฝนเป็นน้ำธรรมชาติชนิดเดียวเท่านั้นที่สะอาดที่สุดและเป็นน้ำเกือบบริสุทธิ์ สารที่ละลายอยู่ในน้ำฝนก็คือก๊าซที่มีปรากฎอยู่ในบรรยากาศ

    น้ำทะเลคือน้ำที่มีเกลือเคมีละลายอยู่ประมาณร้อยละ ๓.๖ ในจำนวนนี้มีเกลือแกงซึ่งมีรสเค็มประมาณร้อยละ ๒.๖    ๑๕/ ๙๖๖๑
                ๒๘๗๒. น้ำกระด้าง  เป็นน้ำเมื่อมีปฏิกิริยากับสบู่แล้วเกิดตะกอนขึ้น ซึ่งเรียกว่า ไคลสบู่ และไม่มีฟองสบู่เกิดขึ้นหรือมีน้อย ทั้งนี้เพราะน้ำกระด้างมีเกลือของแคลเซียม และแมกนิเซียมละลายอยู่จึงทำปฏิกิริยากับสบู่เกิดเป็นตะกอนของสารประกอบแคลเซียมและแมกนิเซียมขึ้น น้ำกระด้างแบ่งออกเป็นสอบชนิดคือ
                        ๑. น้ำกระด้างชั่วคราว  คือน้ำกระด้างที่มีเกลือแคลเซียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต หรือแมกนีเซียมโฮโดรเจนคาร์บอเนต หรือทั้งสองละลายอยู่ สารประกอบทั้งสองนี้ เป็นสาเหตุให้น้ำเกิดความกระด้างชั่วคราว เราทำให้น้ำกระด้างชั่วคราวหายกระด้างได้ง่ายโดยการนำมาต้ม
                        ๒. น้ำกระด้างถาวร  คือน้ำกระด้างที่มีเกลือซัลเฟต หรือคลอไรด์ของแคลเซียม หรือแมกนีเซียมหรือทั้งหมดละลายอยู่ เป็นเหตุให้น้ำเกิดความกระด้างถาวร          ๑๕/ ๙๖๖๗
                ๒๘๗๓. น้ำกาม  คือน้ำเชื้อของเพศชายที่เคลื่อนออกมาจากอวัยวะสืบพันธุ์เมื่อเกิดความกำหนัด มีลักษณะเป็นของเหลว ข้น เหนียว สีขาวเหลือง แข็งตัวเมื่อถูกลมโดยตอนแรกจะมีลักษณะคล้ายวุ้นแล้วจะกลับเป็นน้ำใสถ้าเติมน้ำลงไป น้ำกามจะมีการแยกตัวเป็นฝอยใส เมื่อตั้งทิ้งไว้นาน ๆ จะเกิดผลึกฟอสเฟตของสเปอร์มิน
                    น้ำกามประกอบด้วยส่วนที่เป็นน้ำและตัวเชื้อเพศชาย ซึ่งมีราว ๑๐๐ ล้านตัวต่อ ๑ มิลลิลิตรตัวเชื้อเพศชายในน้ำกาม
    มีส่วนสำคัญในการสืบพันธุ์ จะเป็นตัวไปผสมกับไขในหญิง เกิดเป็นทารกขึ้นในครรภ์มารดา          ๑๕/ ๙๖๗๑
                ๒๘๗๔. น้ำแข็ง  คือน้ำที่อยู่ในสภาพของแข็ง เป็นสารที่โปร่งแสง ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส เมื่ออุณหภูมิที่ผิวโลกลดลงถึง ศูนย์องศาเซลเซียส น้ำที่ผิวโลกจะกลายเป็นน้ำแข็ง แต่น้ำทะเลจะแข็งตัวเมื่ออุณหภูมิลดลงประมาณ ลบ ๑.๙ องศาเซลเซียส ขณะที่อุณหภูมิลดลงน้ำจะหดตัวจนอุณหภูมิ ๓.๙๘ องศาเซลเซียส แล้วจึงจะเริ่มขยายตัว เมื่อน้ำกลายเป็นเป็นน้ำแข็ง จะมีปริมาณใหญ่กว่าเดิม ประมาณร้อยละ ๘ น้ำแข็งมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำ เป็นตัวความร้อนที่เลว และเป็นสื่อไฟฟ้าที่เลวด้วย          ๑๕/ ๙๖๗๓
                ๒๘๗๕. น้ำคร่ำ  คือของเหลวที่มีอยู่ในถุงน้ำคร่ำซึ่งทารกลอยตัวอยู่ขณะอยู่ในครรภ์ (มดลูก) ของมารดา น้ำคร่ำเกิดขึงจากเยื้อของถุงน้ำคร่ำที่ปกคลุมรก และสายสะดือของทารก หลังจากไข่ที่ถูกผสม (กับเชื้อเพศชาย) แล้วไปฝังตัวที่ผนังของมดลูก น้ำคร่ำจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนมารที่สุดคือ ๑,๐๐๐ - ๑,๕๐๐๐ มิลลิลิตร ตอนระยะแรกของเดือนที่เจ็ด จากนั้นจะค่อย ๆ ลดลงจนคลอด           ๑๕/ ๙๖๗๔
                ๒๘๗๖. น้ำคาวปลา คือของเหลวที่ถูกขับออกมาทางช่องคลอดภายหลังการคลอด ซึ่งจะหมดไปภายในเวลาสิบวันถึงหกสัปดาห์           ๑๕/ ๙๖๗๘
                ๒๘๗๗. น้ำดอกไม้ ๑  เป็นชื่อชมพู่ชนิดหนึ่ง เรียกว่าชมพู่น้ำดอกไม้ มีลำต้นตรง แตกกิ่งก้านสาขาสูงราว ๖ ใบค่อนข้างแคบปลายเรียวปลายใบมน กว้าง ๒ - ๖ ซม. ยาว ๖ - ๒๐ ซม. ดอกออกเป็นช่อรวมเป็นกระจุกอยู่ปลายกิ่ง ดอกใหญ่สีขาวหรือสีครีมอ่อน ๆ กลิ่นหมอ ขนาดดอกกว้าง ๕ - ๖ ซม. ผลรูปเกือบกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔ - ๕ ซม. ผลสุกสีเขียว หรือเหลืองขุ่น ๆ อมชมพูเนื้อสีขาวค่อนข้างแห้งและแข็งมีกลิ่นหอมเหมือนดอกกุหลาบ           ๑๕/ ๙๖๗๙
                ๒๘๗๘. น้ำดอกไม้ ๒  เป็นชื่อมะม่วงพันธุ์หนึ่ง เรียกว่า มะม่วงน้ำดอกไม้ ขนาดของผลมีตั้งแต่ขนาดปานกลาง ถึงขนาดใหญ่ รูปร่างค่อนข้างยาว หัวใหญ่ปลายแหลม เมื่อแก่ผิวจะมีสีนวล และเนื้อมีรสมันผลสุกผิวเปลือกสีเหลืองนวลถึงเหลืองทอง เนื้อสีเหลืองรสหวานเย็น กลิ่นหอม           ๑๕/ ๙๖๘๐
                ๒๘๗๙. น้ำดอกไม้ ๓ - ปลา  รูปร่างค่อนข้างยาวเกล็๋ดเล็ก หัวแหลม เป็นปลากินเนื้อค่อนข้างดุร้าย มีอยู่หลายชนิดด้วยกัน ตั้งแต่ขนาดใหญ่ยาว ๑.๕๐ เมตร และขนาดเล็กยาวราว ๓๐ ซม.           ๑๕/ ๙๖๘๐
                ๒๘๘๐. น้ำดับไฟ เป็นชื่อพันธุ์ไม้ชนิดหนึ่งซึ่งเรียกกันว่า หญ้าน้ำดับไฟ เป็นไม้ล้มลุกสูงได้ถึง ๑ เมตร ลำต้นแตกกิ่งก้านสาขาใบออกตรงข้ามเป็นคู่ ๆ ใบรูปรีหรือรูปไข่ ขอบใจจักแหลมเหมือนฟันเลื้อยปลายใบแหลม ขนาดใบกว้าง ๑.๕ - ๓ ซม. ยาว ๒.๕ - ๖ ซม. ดอกออกเป็นช่อยาว มีดอกแน่นสีเหลือง ผลแห้งแก่แล้วแตกภายในมีเมล็ดเล็ก ๆ จำนวนมาก
                    หญ้าน้ำดับไฟนี้มีสรรพคุณเป็นสมุนไพร ใบใช้พอกฝีแก้ปวดบวม พอกแผลถูกไฟหรือน้ำร้อนลวก และรักษาโรคผิวหนัง          ๑๕/ ๙๖๘๒
                ๒๘๘๑. น้ำตก  คือน้ำที่ไหลจากที่ที่มีระดับสูง ผ่านหน้าผาลงมาสู่ที่มีระดับต่ำกว่าทันที น้ำตกเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ประเทศไทยมีน้ำตกที่มีชื่อเสียงในด้านความสวยงามและความน่าดูอยู่หลายแห่ง เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้           ๑๕/ ๙๖๘๒
                ๒๘๘๒. น้ำตะไคร้  เรียกเต็มว่าน้ำมันตะไคร้ น้ำหอมชนิดหนึ่งเป็นน้ำมันหอมระเหยมีลักษณะใส สีเหลืองอ่อน หรือสีน้ำตาลแกมแดง มีกลิ่นหอมคล้ายตะไคร้ สกัได้จากต้นและใบตะไคร้ใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมหลายชนิด เช่น สบู่ ผงซักฟอก สเปรย์ ยาฆ่าแมลง เป็นต้น           ๑๕/ ๙๖๘๓


    • Update : 27/5/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch