หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    สารานุกรมไทยฉบับย่อ/18

    ๑๑๗๖. โคตมี  พระเถรีผู้เป็นอรหันต์ ได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะคือ ยอดเยี่ยม ในทางรัตตัญญู นับเป็นพระเถรีผู้ใหญ่องค์ที่หนึ่งในจำนวนพระเถรีผู้ใหญ่ ๑๓ องค์
                           พระเถรีโคตมีมีนามเต็มว่ามหาปชาบดีโคตมี เป็นพระราชธิดาองค์ที่สองของพระเจ้าอัญชนะและพระนางยโสธรา เป็นพระกนิษฐภคินี ของพระนางสิริมหามายาพุทธมารดา เมื่อสิทธัตถะราชกุมารประสูติได้เจ็ดวัน พระนางสิริมหามายาเสด็จสวรรคต พระเจ้าสุทโธทนะ ได้ทรงยกขึ้นเป็นพระเทวีในพระองค์ และทรงมอบให้รับภาระเลี้ยงดูสิทธัตถกุมารต่อมา พระนางเองมีพระราชโอรสคือ นันทกุมาร และมีพระราชธิดาคือ รูปนันทา
                           พระนางมหาปชาบดียอมรับครุธรรมแปดประการ พระพุทธเจ้าจึงทรงอนุญาตให้บวช         ๗/ ๓๙๘๖
                ๑๑๗๗. โคตร  คือผู้ที่มีเชื้อสายเผ่าพันธุ์หรือเหล่ากอเดียวกัน เรียกว่าอยู่ในวงศ์สกุลหรือโคตรเดียวกัน โคตรเป็นคำสันสกฤต เดิมหมายความว่าคอกวัว           ๗/ ๓๙๙๐
                ๑๑๗๘. โคตรตะบอง  ในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่าเล่าเรื่องพระยาโคตรตะบองไว้ว่า มีกษัตริย์องค์หนึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ของพระลือ ครองเมืองนครสวรรค์บุรี ในครั้งนั้นมีพวกทำป่าไม้คนหนึ่งกินข้าวที่ตนหุงโดยใช้ไม้งิ้วดำท่อนหนึ่งคนข้าว เมื่อกินแล้วเกิดมีพละกำลังมากดังช้างสาร เกียรติศัพท์เล่าลือกันต่อ ๆ ไป  เมื่อกษัตริย์ผู้ครองนครสวรรคต เสนาอำมาตย์จึงเชิญบุรุษผู้นั้นขึ้นครองเมืองสืบแทนและได้พระนามว่าพระยาโคตรตะบอง ต่อมาเกิดแผ่นดินไหว โหรทำนายว่าผู้มีบุญ
    มาเกิด พระยาโคตรตะบองเกรงว่าผู้นั้นจะมาชิงราชสมบัติ จึงให้จับหญิงมีครรภ์มาฆ่าเสียสิ้น มีผู้หนีรอดไปได้ แต่ถูกไฟลวกมือเท้าจนพิการเดินไม่ได้ นายป่าช้านำไปเลี้ยงไว้จนอายุได้ ๑๕ ปี ภายหลังเรียกว่า พระยาแกรก
                            ต่อมาวันหนึ่ง ผู้คนโจษขานกันว่าผู้มีบุญจะมา ผู้คนแตกตื่นไปดูกัน เด็กพิการก็ไปดูด้วย พระอินทร์ได้แปลงร่างมาพบเด็กนั้นเอาม้า อาหาร น้ำมันทา และเครื่องราชกกุธภัณฑ์มาให้ เมื่อเด็กพิการกินอาหารนั้นแล้วก็เกิดกำลังวังชา เอาน้ำมันทาตัวร่างกายก็หายพิการ เมื่อแต่งองค์ทรงเครื่อง ขี่ม้าเหาะไปเหนือนครสวรรค์บุรี พระยาโคตรตะบองเห็นก็ตกพระทัย เอาตะบองขว้างไปก็ไม่ถูก แต่กลับไปถูกช้างตายถึงล้านตัว จึงคิดหนีและตกลงใจว่าจะไปสร้างเมือง ณ ที่ช้างตายล้านตัว ครั้นแล้วพระยาโคตรตะบองก็ทิ้งเมืองไปสร้างเมืองล้านช้าง ซึ่งเรียกภายหลังว่านครศรีสัตนาคนหุต           ๗/ ๓๙๙๒
                ๑๑๗๙. โคตรบูร  เป็นชื่อเมืองและอาณาจักรอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ปรากฏในกฎมณเฑียรบาลสมัยแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ.๑๙๙๑ - ๒๐๓๑) ว่าเป็นเมืองท้าวพระยาประเทศราชในจำนวน ๒๐ เมืองที่ถวายราชบรรณาการดอกไม้เงินดอกไม้ทองแก่กรุงศรีอยุธยา
                            จากตำนานและพงศาวดารปรากฏว่าโคตรบูรได้ย้ายฐานที่ตั้งธานีอยู่ ๓ - ๔ คราวคือ
                            ครั้งที่หนึ่ง  ตั้งเมืองอยู่ที่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงบริเวณเมืองท่าแขกเก่าในประเทศลาวปัจจุบัน มีกษัตริย์ทรงพระนามว่า พระยาศรีโคตรบูรณ์ เมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว พระยานันทเสนผู้เป็นราชอนุชาได้ขึ้นครองราชย์ พระองค์ได้ร่วมสร้างพุทธเจดีย์เป็นที่บรรจุพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้า
                            ครั้งที่สอง  หลังพระยานันทเสนสิ้นพระชนม์แล้ว นครโคตรบุรเกิดโรคระบาดใหญ่ ต้องย้ายข้ามแม่น้ำโขงมาสร้างเมืองใหม่ ที่ป่าไม้รวกทางฝั่งขวาแม่น้ำโขงเรียกชื่อว่า มรุกขนคร อนุชาของพระยานันทเสนได้ขึ้นครองราชย์ ทรงพระนามว่า พระยาสมิตตธรรมิกราช ในรัชกาลนี้มีแคว้นน้อยใหญ่มานอบน้อมเป็นเมืองขึ้นมากหลาย พระองค์ได้ร่วมสร้างเสริมพระอุรังคธาตุเจดีย์ให้สูงขึ้นกว่าเมื่อแรกสถาปนา ต่อมาได้ย้ายไปครองเมืองสาเกดนคร (เมืองร้อยเจ็ดประตูก็เรียก) ส่วนเมืองมรุกขนคร มีผู้ครองเมืองต่อมาอีกสามองค์ องค์สุดท้ายมีพระนามว่า พระยานิรุฏฐราช เป็นมิจฉาทิฐิ ไม่เลื่อมใสในพระบวรพุทธศาสนา เกิดอุทกภัยท่วมเมืองมรุกขนครถล่มกลายเป็นบึงร้างไป
                            ครั้งที่สาม  ปรากฎในพงศาวดารเมืองหลวงพระบางว่า เมื่อพระยาฟ้างุ้มได้ขึ้นครองราชย์ประเทศล้านช้าง ณ เมืองดงเชียงทอง (ประมาณปี พ.ศ.๑๘๘๔) แล้ว ได้ยกกองทัพมาปราบปรามหัวเมืองฝ่ายใต้เช่น เวียงจันทน์ เมืองไผ่หนาม เมืองห้วยหลวง เป็นต้น มีชื่อเมืองโคตรบุรหรือโคตรบองรวมอยู่ในกลุ่มหัวเมืองที่ถูกปราบปรามด้วย
                            เมื่อพระยาไชยเชษฐาธิราช ย้ายราชธานีจากเมืองดงเชียงทอง (หลวงพระบาง) ลงมาตั้งอยู่ที่เมืองเวียงจันทน์ ได้สร้างเจดีย์ไว้ที่เมืองโคตรบุรองค์หนึ่งเรียกพระธาตุศรีโคตรบุร ต่อมาพระยานครหลวงพิชิต ฯ ได้เป็นผู้ครองเมือง และทำการปฏิสังขรณ์พระอุรังคธาตุเจดีย์ เมื่อปี พ.ศ.๒๑๕๗ และปรากฎชื่อเมืองนครพนมขึ้นในปี พ.ศ.๒๑๙๗ พระอุรังคธาตุเจดีย์นั้นก็คือ พระธาตุพนม
                            อาณาจักรโคตรบูรโบราณ จะมีมาแต่สมัยใดไม่ทราบชัดเจน แต่ลวดลายในแผ่นอิฐยังมีลักษณะศิลปอมรวดีอย่างยิ่ง
                            ที่ตั้งของโคตรบุรในจดหมายเหตุจีน  สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงกล่าวไว้ในหนังสือ แสดงบรรยายพงศาวดารสยามว่า โคตรบุรหรือพนม เป็นอาณาจักรหนึ่ง ตั้งราชธานีอยู่ ณ เมืองนครพนม ประชาชนพลเมืองเป็นพวกลาวเดิม และคำ "พนม" มีเชิงอรรถอธิบายว่าจีนเรียก "ฟูนัน"
                            ในพงศาวดารสมัยราชวงศ์จิ้น (พ.ศ.๘๐๘ - ๙๖๒) กล่าวว่า ฟูนันเป็นอาณาจักรหนึ่ง ตั้งอยู่ที่อ่าวใหญ่แห่งหนึ่ง ไกลจากอาณาจักรจามปา ไปทางตะวันตกไม่น้อยกว่า ๓,๐๐๐ ลี้ และมีอาณาเขตกว้างกว่า ๓,๐๐๐ ลี้ แม่น้ำใหญ่ของอาณาจักรนี้ไหลมาจากทิศตะวันตกหรือทิศตะวันตกเฉียงเหนือไปลงทะเล
                            ต่อมาในสมัยราชวงศ์เหลียง (พ.ศ.๑๐๔๕ - ๑๐๘๘) กล่าวว่านครหลวงฟูนัน อยู่ห่างทะเล ๕๐๐ ลี้ เข้าไปในแม่น้ำใหญ่ไหลมาแต่ตะวันตก ต่อมาประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๓ ฟูนันได้พ่ายแพ้แก่ประเทศราชของตนคือ เจนละ ต่อมาอีกประมาณ ๒ - ๓ ศตววรรษชื่อของฟูนันก็สูญหายไป
                            ฟูนันตามภูมิศาสตร์โบราณ  ตำนานอุรังคธาตุ กล่าวเนื้อความตอนหนึ่งว่า "สวนสุกขรนาคหัตถีนั้นอยู่ที่เวินหลอด (บริเวณที่ตั้งธาตุโพนแพง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย) พวกนาคที่กลัวผียิ่งกว่านาคทั้งหลายเหล่านั้นพากันไปสู่ที่อยู่ธนะมูลนาคใต้คอยกัปบนคีรีคือ ภูกำพร้า ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุพนมทุกวันนี้ หนีไปจนถึงน้ำสมุทร แต่นั้นไปเรียกน้ำลี่ผี"
                            เมื่อกำหนดว่าฝั่งทะเลอยู่แถวลี่ผีหรือดอนโขง ระยะ ๕๐๐ ลี้ (๑๖๐ กม.) ตามหมายเหตุจีนขึ้นไปตามน้ำโขงจะไปถึงปากน้ำมูลที่ อ.พิบูลมังสาหาร ณ จุดนี้จะพบแม่น้ำใหญ่ซึ่งเป็นลำน้ำร่วมสองสายคือแม่น้ำมูลกับแม่น้ำชี ในพงศาวดารจีนกล่าวว่าฟูนันอยู่ห่างจามปามาทางทิศตะวันตก ๓,๐๐๐ ลี้ (๙๖๐ กม.) อาณาจักรจามปา ตอนนั้นมีนครหลวงอยู่แถวเมืองดองหอย (กวางบิน) หรือเมืองเว้ (หื่อเทียน) พบเส้นทางสายหนึ่งจากเมืองเว้ถึงเมืองร้อยเอ็ด มีระยะ ๙๕๐ - ๙๖๐ กม. ฉะนั้นเมืองโบราณร้างแห่งใดแห่งหนึ่งใกล้ ๆ เมืองร้อยเอ็ดปัจจุบัน เช่นที่ตำบลดงข้าวสาร อาจจะเป็นราชธานีของอาณาจักรโครบุรหรือฟูนัน
                            ที่ตั้งของโคตรบุรในจดหมายเหตุกรีก  จดหมายเหตุภูมิศาสตร์ฉบับหนึ่งอายุประมาณปี พ.ศ.๖๕๐ - ๗๕๐ คือจดหมายเหตุปโตเลอมี ชาวเมืองอเล็กซานเดรีย กล่าวถึงดินแดนแคว้นหนึ่ง มีอาณาเขตตั้งแต่ราวอ่าวไทย เหยียดตรงไปทางทิศตะวันออกถึงประเทศเขมร และปากแม่น้ำโขงที่เมืองไซ่ง่อน กับภูมิภาคทางเหนือขึ้นไป ดินแดนนี้เรียกว่าเลสไท เลสไทกับฟูนัน หรือโคตรบูร เป็นอาณาจักรในรุ่นราวคราวเดียวกัน และมีอาณาเขตทับรอยกัน
                            วัฒนธรรมและศาสนาในโคตรบูร  จดหมายเหตุจีนเล่าว่า มีเงิน ทองคำ และแพร เป็นสินค้า ชนชั้นสูงมีเครื่องนุ่งห่ม ทอด้วยไหมยกเงินยกทอง คนจนมีผ้านุ่ง พวกผู้หญิงใช้ผ้าคลุมศีรษะ ภาชนะต่าง ๆ ทำด้วยเงิน กษัตริย์ประทับอยู่ในพลับพลาหลายชั้น มีเสาระเนียดกั้นล้อม  บ้านเรือนอยู่ยกสูงจากพื้นดิน กษัตริย์ทรงใช้ช้างเป็นพาหนะ เรือสำหรับใช้ ยาว ๘๐ - ๙๐ ฟุต กว้าง ๖ - ๗ ฟุต หัวท้ายเรือทำรูปหัวและหางปลา
                            ประชาชนนับถือเทวะ รูปเทวะเหล่านั้นหล่อสร้างด้วยสำริด มีสอง๗/สี่มือบ้าง มีสี่๗/แปดมือบ้าง ในมือถือวัตถุต่าง ๆ           ๗/ ๓๙๙๔
                ๑๑๘๐. โคตาน  เป็นชื่อเมืองอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของแคว้นซินเกียงในประเทศจีน เมืองนี้มีความสำคัญในสมัยโบราณ โดยที่ตั้งอยู่ในเส้นทางค้าไหม ที่เชื่อมจีนกับยุโรป ผ่านตอนกลางของทวีปเอเซีย มาร์โคโปโล เคยเดินทางมาที่เมืองนี้เมื่อประมาณปี พ.ศ.๑๘๑๘ จีนเรียกเมืองนี้ว่าโฮเตียน          ๗/ ๔๐๐๗
                ๑๑๘๑. โคทาวารี  เป็นแม่น้ำสำคัญของอินเดียสายหนึ่ง ยอดน้ำเกิดจากเขาพรหมคีรี ไหลผ่านแดนทักขินาบท (เดกคาน) จากตะวันตกมาตะวันออก ลงสู่ทะเลในอ่าวเบงกอล ยาวประมาณ ๑,๔๔๐ กม. แม่น้ำสายนี้เป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาฮินดูสายหนึ่ง           ๗/ ๔๐๐๘
                ๑๑๘๒. โคนันทวิศาล  เรื่องโคนันทวิศาล เป็นเรื่องดึกดำบรรพ์ น่าจะมีมาก่อนสมัยพุทธกาล ปรากฎในคัมภีร์ในพุทธศาสนาหลายคัมภีร์ แห่งหนึ่งมาในนิทานอิสป มีเค้าเรื่องอย่างเดียวกัน
                        ในอรรถกถาชาดกอ้างว่า พระพุทธเจ้าทรงยกเรื่องนี้มาตรัสในที่ประชุมภิกษุบริษัทจบลงแล้ว จึงตรัสเตือนภิกษุทั้งหลายว่า ควรพดูแต่คำที่นุ่มนวลเท่านั้น ไม่ว่าเวลาใด ๆ ไม่ควรพูดคำที่ไม่นุ่มนวลเลย           ๗/ ๔๐๐๙
                ๑๑๘๓. โคบัลต์  เป็นธาตุมีน้ำหนักอะตอม ๕๘.๙๔ โคบัลต์เป็นธาตุที่มนุษย์รู้จักใช้สินแร่ของมัน ในการผสมทำเครื่องเคลือบดินเผา และอุตสาหกรรมแก้วมาหลายพันปีแล้ว
                            โคบัลต์ เป็นโลหะที่มีสีเหมือนเหล็กกล้า แต่มีสีเหลือบแดง ๆ เป็นโลหะที่แม่เหล็กดูดติดอย่างดี เป็นโลหะที่ทนทานต่ออากาศและด่าง  แต่ละลายได้ดีในกรดดินประสิว ละลายได้ช้า ๆ ในกรดเกลือและกรดกำมะถัน
                            ประโยชน์ของโคบัลต์ที่สำคัญที่สุดคือในโลหะวิทยาคือใช้ในการโลหะผสม สำหรับทำเครื่องตัดโลหะอื่น ๆ ด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้ยังมีที่ใช้ในการทำสีน้ำเงินของแก้ว และเครื่องเคลือบดินเผาต่าง ๆ ด้วย           ๗/ ๔๐๑๓
                ๑๑๘๔. โคบุตร  ๑. เป็นชื่อหนังสือที่แต่งเป็นกลอนแปด นับถือกันว่าเป็นวรรณคดี แต่งได้อรรถรสดี
                             ๒. เป็นลูกพระอาทิตย์กับนางฟ้าในเรื่องโคบุตร            ๗/ ๔๐๑๗
                ๑๑๘๕. โคบูร์ก  เป็นเมืองในแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมัน เป็นเมืองชุมทางรถไฟ และเมืองอุตสาหกรรม ในทางประวัติศาสตร์ เป็นเมืองที่ตั้งขึ้นตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๑๗ มีปราสาทและป้อมปราการเก่า ๆ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ ๒๐
                ๑๑๘๖. โคปุระ  ซุ้มประตูเมืองหรือประตูใหญ่ของเทวาลัย ทางอินเดียตอนใต้เรียกโคปุรัม           ๗/ ๔๐๑๘
                ๑๑๘๗. โคเป็นเฮเกน  เป็นเมืองหลวงของประเทศเดนมาร์ก ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของเกาะซีแลนด์ ติดกับช่องแคบเออเรซัน เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของเดนมาร์ก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการค้าอุตสาหกรรม และการคมนาคมขนส่ง ตั้งอยู่ในทำเลที่เหมาะสมควบคุมเส้นทางเดินเรือติดต่อระหว่างทะเลบอลติกกับทะเลเหนือ จึงกลายเป็นเมืองท่า ที่มีความสำคัญมากในยุโรปภาคเหนือ
                             เมืองโคเป็นเฮเกน ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๑๙๘๗ นับว่าเป็นเมืองที่งดงามมากเมืองหนึ่งของยุโรป
                ๑๑๘๘. โคเปอร์นิคัส, นิโคลัส (พ.ศ.๒๐๑๖ - ๒๐๘๖) เป็นนักดาราศาสตร์คนสำคัญของโลก ผู้ได้เปลี่ยนแปลงทรรศนะสำคัญทางดาราศาสตร์ จากแนวความคิดของกรีกมาเป็นดาราศาสตร์ปัจจุบัน
                            โคเปอร์นิคัส เป็นชาวโปแลนด์ ได้ศึกษาวิชาศาสนศาสตร์ ดาราศาตร์ คำนวณ ปรัชญา กฎหมาย แพทยศาสตร์ และอื่น ๆ นับว่าเป็นผู้รอบรู้คนหนึ่งในยุคนั้น
                            ข้อสรุปของทฤษฎีเกี่ยวกับระบบสุริยะ ซึ่งโคเปอร์นิคัสให้ไว้คือ
                            ๑. โลกเป็นทรงกลม หมุนรอบแกนซึ่งผ่านขั้วเหนือและใต้ ด้วยอัตราวันละหนึ่งรอบ
                            ๒. โลกโคจรไปรอบดวงอาทิตย์ โดยวงโคจรเป็นวงกลมในอัตราปีละหนึ่งรอบ ดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของเอกภพ และเป็นสิ่งที่อยู่นิ่ง โลกเป็นบริวารดวงหนึ่งของดวงอาทิตย์ เช่นเดียวกับดาวเคราะห์อีกห้าดวง ซึ่งมองเห็นด้วยตาเปล่า และเป็นที่รู้จักกันนดีตั้งแต่สมัยกรีก
                            ๓. การที่ดาวเคราะห์ปรากฎแนวโคจรบนท้องฟ้าเป็นวงห่วงนั้น เป็นผลจากการเคลื่อนที่ของโลกไปรอบดวงอาทิตย์ รวมกับการโคจรของดาวเคราะห์นั้น ๆ ไปรอบดวงอาทิตย์ด้วย           ๗/ ๔๐๒๐
                ๑๑๘๙. โคมลอย  เป็นชื่อเครื่องตามไฟชนิดหนึ่งที่จุดแล้วปล่อยให้ลอยไปในอากาศ การจุดโคมลอยเป็นการเล่นไฟชนิดหนึ่งของชาวไทยในสมัยก่อน           ๗/ ๔๐๒๓
                ๑๑๙๐. โคมีเนียส, จอฮันน์ เอมอส  (พ.ศ.๒๑๓๓ - ๒๒๑๓)  เกิดในแคว้นมอราเวีย ซึ่งปัจจุบันเป็นภาคหนึ่งของประเทศเชโกสโลวาเกีย ต่อมาได้เป็นพระราชคณะมอราเวีย ได้อุทิศเวลาเพื่อส่งเสริม แพร่วิชาความรู้ และคริสศาสนาแก่คนทั่วไป เขาเป็นผู้เสนอความเห็นใหม่หลายข้อในการศึกษา เช่น แต่งหนังสือสอนภาษาลาตินชุดหนึ่ง และหนังสือการสอนที่ยิ่งใหญ่           ๗/ ๔๐๒๔
                ๑๑๙๑. โคร่ง - เสือ  บางครั้งเรียกว่า เสือลายพาดกลอน หรือเสือใหญ่ เป็นเสือที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ในบรรดาเสือทั้งหลายในประเทศไทย
                            เสือโคร่งขาว  พบในอินเดียมากกว่าที่อื่น
                            เสือโคร่งดำ  มีพบเห็นไม่มาก ยังไม่เคยมีหนังเสือโคร่งดำ ในพิพิธภัณฑ์ใดเลย
                            เสือโคร่งเป็นสัตว์ที่มีอยู่ในทวีปเอเชีย แยกออกเป็นชนิดย่อยได้ ๙ ชนิดย่อย           ๗/ ๔๐๒๘
                ๑๑๙๒. โครแมนยอง  นับเนื่องอยู่ในพวกเดียวกับมนุษย์ปัจจุบันเหมือนกัน เพราะมีรูปพรรณสัณฐานคล้ายกันมาก เป็นมนุษย์อยู่ในสมัยหินเก่าโบราณคันบน เป็นสมัยที่เข้าใจกันว่าเกาะอังกฤษยังมีผืนแผ่นดิน ติดอยู่กับแผ่นดินใหญ่ของยุโรป ทะเลบอลติกยังเป็นทะเลน้ำจืดใหญ่ ทวีปยุโรปและทวีปอัฟริกาติดต่อกันทางพื้นดิน ที่ทอดข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นสมัยที่ผืนน้ำแข็งผืนสุดท้ายเกือบจะสิ้นสุด อากาศคลายความหนาวลง
                            ขณะนี้ถือว่ามนุษย์พวกโครแมนยองได้เข้ามาแทนที่ พวกนีแอนเดอร์ธัลและทำให้พวกหลังนี้สูญพันธุ์ไปจากโลก            ๗/ ๔๐๓๘
                ๑๑๙๓. โครเอเชีย  เป็นสาธารณรัฐหนึ่งในจำนวนหกสาธารณรัฐ ที่ประกอบขึ้นเป็นประเทศยูโกสลาเวีย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ เมืองหลวงชื่อ ซาเกรบ ทางด้านตะวันตกอยู่ติดต่อกับทะเลอาเดรียติก มีชายฝั่งเว้าแหว่งมาก และเต็มไปด้วยหมู่เกาะมากมาย
                            เดิมที่เดียวโครเอเชีย เป็นดินแดนส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมัน ต่อมาในพุทธศตวรรษที่ ๑๒ ได้มีชาวโครตส์ ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของพลเมืองปัจจุบัน เข้ามาตั้งหลักแหล่งอยู่ จนกระทั่งตั้งเป็นอาณาจักรอิสระขึ้น ในพุทธศตวรรษที่ ๑๕ ขยายอาณาเขตไปปกครองดินแดนใกล้เคียง หลังจากนั้นต้องตกไปอยู่ใต้อำนาจของประเทศอื่น เช่น ฮังการี และตุรกี จนถึงปี พ.ศ.๒๔๖๑ จึงรวมเข้ากับยูโกสลาเวีย ที่ตั้งขึ้นเป็นประเทศใหม่           ๗/ ๔๐๔๓
                ๑๑๙๔. โครักขปุระ  เป็นเมืองหนึ่งในมัธยมประเทศ อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ของเมืองพาราณสี ทางเหนือจดประเทศเนปาล เป็นต้น ทางถนนรถยนต์ไปสู่เมืองกุสินารา ชาวฮินดูที่มาอยู่ในประเทศไทย โดยเฉพาะผู้มีอาชีพเป็นคนเฝ้ายาม ขายนมวัว ส่วนใหญ่เป็นชาวเมืองนี้           ๗/ ๔๐๔๕
                ๑๑๙๕. โคราช  ๑. เป็นชื่อที่ชาวบ้านเรียกจังหวัดนครราชสีมา ชื่อนครราชสีมานั้นรวมมาจากชื่อเมืองเก่า สมัยขอมสองเมือง ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอสูงเนิน เรียกว่า เมืองโคราช ตั้งอยู่ทางฝั่งเหนือลำตะคองเมืองหนึ่ง (บัดนี้เป็นเมืองร้าง)  อีกเมืองหนึ่งเรียกว่า เมืองเสมา (บัดนี้เป็นเมืองร้าง)
                           ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ฯ ได้ทรงสร้างเมืองสำคัญใกล้ชายแดนเป็นป้อมปราการ สำหรับป้องกันพระราชอาณาเขตหลายเมือง ในครั้งนั้นให้ย้ายเมืองโคราชจากเมืองเดิม ซึ่งอยู่ชายดงไปสร้างเป็นป้อมปราการขึ้นใหม่ ในที่เมืองปัจจุบัน และได้เอานามเมืองเก่าทั้งสองมารวมกัน ผูกเป็นนามเมืองใหม่ว่า นครราชสีมา
                            ๒. เป็นเชื่อเพลงอย่างหนึ่งที่แต่งและร้อง เป็นทำนองกลอนของชาวโคราช           ๗/ ๔๐๔๕
                ๑๑๙๖. โครำ หรือเลียงผา  เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมที่มีลักษณะคล้ายกับแพะ ทั้งตัวผู้ตัวเมียมีเขากลม ตั้งตรงไปข้างบน ตรงปลายแหลมโค้งไปข้างหลังเล็กน้อย บนสันคอมีขนแผงยาว ชอบอยู่ตามเขาหิน ตั้งแต่เขาเตี้ย ๆ ไปจนถึงยอดเขาสูง           ๗/ ๔๐๕๑
                ๑๑๙๗. โคล  เป็นชนชาติชาวชาวเขา จำพวกหนึ่งในประเทศอินเดียตอนกลาง อยู่ทางตะวันตกและตะวันตกเฉียงใต้ ของแคว้นเบงกอล เป็นพวกที่มีความเจริญล้าหลังที่สุด ในบรรดาชนชาวต่าง ๆ ของอินเดีย ภาษาที่ใช้พูดเรียกว่า โคลาเรียน อันมีรูปภาษาใกล้ไปทางภาษาตระกูลมอญ - เขมร           ๗/ ๔๐๕๕
                ๑๑๙๘. โคลง  คือ กลอนมีเอก โท ตามข้อบังคับ มีข้อสังเกตว่าโคลงโบราณแต่งก่อนโคลงที่มีเอกโทตามข้อบังคับ เพราะข้อบังคับมีขึ้นในชั้นหลัง กาพยสารวิลาสินี คือ ตำราแต่งกลอนในภาษาบาลี อาจจะแปลถอดรูปกาพย์ มาเป็นโคลงโบราณก็ได้ โคลงโบราณซึ่งถอดแบบมาจากกาพยสารวิลาสินี เป็นต้นตอของพวกโคลงสี่ ทั้งดั้นและสุภาพ
                            โคลงสี่สุภาพ  บทหนึ่งมีสี่บาท บาทที่ ๑ ที่ ๒ ที่๓ มี ๗ คำ บาทที่ ๔ มี ๙ คำ  เขียนบาทละสองวรรค วรรคหน้า ๕ คำ วรรคหลัง ๒ คำ ทั้งสามบาท  ส่วนบาทที่ ๔ เขียนวรรคหน้า ๕ คำ วรรคหลัง ๔ คำ แต่บาทที่ ๑ และที่ ๓ ให้เติมสร้อยที่ท้าย วรรคหลังได้อีก ๒ คำ รวมทั้งหมดมี ๓๐ คำ เป็นเสียงสุภาพ ๑๙ คำ เสียงเอก ๗ คำ เสียงโท ๔ คำ
                            โคลงกลบท  แต่งผิดกับโคลงธรรมดา ที่บังคับให้ใช้คำซ้ำ หรืออักษรซ้ำในบาท หรือคาบบาทกันได้บ้าง แต่บางบทเป็นกล ต้องถอดออกอ่านจึงได้ความ โคลงแบบนี้มักเรียกกันเป็นสามัญว่า กลบท หรือกลอักษร มีอยู่หลายอย่างต่างกลกลอน โคลงกลอนมีบัญชีดังนี้
                            (กลอักษรสลับ  กลนิกรเก็บบัว  กลวัวพันหลัก  กลช้างประสานงา  กลนาคบริพันธ์ (พื้นโคลงดั้น)  กลครอบจักรวาล  กลก้านต่อดอก  กลสิงโตเล่นหาง  กลสารถึชักรถ  กลบุษบาร้อยรัก นาคพันธ์ นาคเกี่ยว นาคสองชั้น อักษรล้วน อักษรล้วนสลับ สารถีชักรถ (พื้นโคลงสุภาพ)  บกสังขยา ทวารประดับ โองการแช่งน้ำ นาคบริพันธุ์ (พื้นโคลงสุภาพ)  กลอักษรล้วน  กลนาคโสณฑิก  กลตรีพจนบท  กลอักษร  กลโก่งศร ฯลฯ)
                            โคลงกระทู้  เป็นโคลงแต่งอธิบายความหมายของกระทู้ ตัวกระทู้ หรือกระทู้ยืน ท่านมักแต่งเป็นกลอน           ๗/ ๔๐๕๖
                ๑๑๙๙. โคลโรฟอร์ม  เป็นของเหลวไม่มีสี มีกลิ่นฉุน มีรสหวานร้อน จะทำขึ้นได้ทางเคมี จากแอลกอฮอล์กับปูน คลอรีน เป็นต้น ค้นพบเมื่อปี พ.ศ.๒๓๗๔ และนำมาใช้เป็นยาสลบ เมื่อปี พ.ศ.๒๓๙๐    

    โคลโรฟอร์มใช้เป็นวัตถุกันเสีย ในการสกัดตัวยาจำพวกพืชต่าง ๆ ด้วยน้ำโดยกรรมวิธีทางเภสัชกรรม      ๗/ ๔๐๗๘
                ๑๒๐๐. โคลอมเบีย  เป็นประเทศสาธารณรัฐอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ของทวีปอเมริกาใต้ เมืองหลวงขื่อ โบโกตา ทิศเหนือติดต่อกับทะเลแคริบเบียน ทิศตะวันออกติดต่อกับประเทศเวเนซูเอลา และประเทศบราซิล ทิศใต้ติดต่อกับประเทศเปรู และเอกวาดอร์ ทิศตะวันตกติดต่อกับมหาสมุทรแปซิฟิก และคลองปานามา
                           โคลอมเบีย เป็นอาณานิคมของสเปน มาเป็นเวลากว่า ๓๐๐ ปี จึงได้ตั้งเป็นประเทศเอกราช ในปี พ.ศ.๒๓๖๒ โดยชั้นแรกรวมอยู่กับเวเนซูเอลา เอกวาดอร์และปานามา เป็นสาธารณรัฐโคลอมเบียใหญ่ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๓๘๒ - ๒๓๘๓  เวเนซูเอลา และเอกวาดอร์ แยกตัวออกต่างหาก คงเหลือโคลอมเบียกับปานามา เรียกชื่อว่า นิวกรานาดา แล้วเปลี่ยนมาเป็นโคลอมเบีย ในปี พ.ศ.๒๔๒๙ ปานามาได้แยกตัวออกไป เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๖
                ๑๒๐๑. โคลัมบัส คริสโตเฟอร์ (พ.ศ.๑๙๙๔ - ๒๐๔๙)  เป็นนักสำรวจยิ่งใหญ่ ผู้ค้นพบทวีปอเมริกา เกิดที่นครเยนัว ในแหลมอิตาลี ต่อมาได้มาตั้งถิ่นฐานอยู่ ณ กรุงลิสบอน และได้รับราชการอยู่กับพระเจ้าแผ่นดินโปร์ตุเกส  ได้รับคำสั่งให้เดินทางไปแคว้นโกลด์โคสต์ ทางอัฟริกาตะวันตก จึงมีความคิดว่า น่าจะไปถึงเอเซียตะวันตกได้ด้วย เพราะเป็นที่เชื่อกันว่าโลกกลม
                           ในที่สุดโคลัมบัสได้เดินเรือออกจากประเทศสเปน ในปี พ.ศ.๒๐๓๕ โดยได้รับความอุปถัมภ์จากพระเจ้าเฟอร์ดินันด์ และพระนางอิสาเบลลา แห่งสเปน ได้เดินทางมาถึงเกาะคานารีส์ แล้วเดินทางต่อไปในมหาสมุทรแอตแลนติก จนไปพบแผ่นดินใหญ่ใหม่ ได้รับนามว่า ซานซัลวาดอร์ ส่วนชาวพื้นเมืองโคลัมบัสเข้าใจว่า เป็นชาวประเทศอินเดียจึงเรียกว่า พวกอินเดียน แล้วโคลัมบัสก็ยึดเกาะต่าง ๆ ที่ค้นพบไว้ในนามของพระเจ้าแผ่นดินสเปนคือ เกาะคิวบา และซานโคมิงโก หรือฮิวปานิโอลา
                            โคลัมบัสได้เดินทางไปทวีปอเมริกาอีกสามครั้ง ระหว่างปี พ.ศ.๒๐๓๖ - ๒๐๓๙  และ พ.ศ.๒๐๔๕ - ๒๐๔๗           ๗/ ๔๐๘๑
                ๑๒๐๒. โคลัมโบ  เป็นเมืองหลวงของประเทศลังกา ตั้งอยู่ริมทะเลฝั่งตะวันตกของเกาะลังกา เป็นเมืองท่า และศูนย์กลางการค้าที่สำคัญที่สุดของประเทศด้วย มีท่าเรือทันสมัย
                            เมืองนี้มีกล่าวถึงเป็นครั้งแรกเมื่อประมาณปี พ.ศ.๑๘๘๓ เรียกชื่อว่ากาลัมบู ต่อมาโปร์ตุเกสเรียกใหม่ว่า โคลัมโบ เพื่อให้เป็นเกียรติแก่โคลัมบัส นักเดินเรือสำคัญ โปร์ตุเกสได้เข้ามาสร้างสถานีการค้าขึ้นที่เมืองนี้ในพุทธศตวรรษที่ ๒๑ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๑๙๙ ฮอลันดายึดเมืองท่านี้จากโปร์ตุเกส และต่อมาในปี พ.ศ.๒๓๓๙ ก็เปลี่ยนไปอยู่ในปกครองของอังกฤษ จนกระทั่งลังกาได้รับเอกราชในปี พ.ศ.๒๔๙๑           ๗/ ๔๐๘๔
                ๑๒๐๓. โคโลญ  เป็นเมืองในประเทศเยอรมัน เป็นเมืองท่าบนฝั่งแม่น้ำไรน์ ในมณฑลเวสฟาเลีย เป็นเมืองโบราณที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และเป็นเมืองศูนย์กลางการค้า และอุตสาหกรรมต่าง ๆ
                            เมืองนี้สร้างในสมัยโรมัน เมื่อปี พ.ศ.๕๙๓ เพื่อให้เป็นเมืองชายแดนป้องกันการรุกรานของพวกอนารยชน มีป้อมปราการที่โรมันสร้างไว้          ๗/ ๔๐๘๔
                ๑๒๐๔. โคโรเดียน  (เว้น)           ๗/ ๔๐๘๖
                ๑๒๐๕. โคโลราโด  เป็นรัฐหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ได้ชื่อว่ารัฐภูเขา รัฐนี้ตั้งอยู่ที่ภูเขารอกกี้ ทางตะวันออกเป็นรัฐเนบราสก้า และแคนซัส ทางใต้เป็นรัฐนิวเมกซิโก และโอกลาโฮมา ทางตะวันตกเป็นรัฐยูดาห์ ทางเหนือเป็นรัฐไวโอมิง และเนบราสกา
                           โคโลราโด ได้ชื่อว่าเป็นหลังคาของสหรัฐอเมริกา เพราะอยู่สูงที่สุดของประเทศ เป็นที่เกิดของแม่น้ำสำคัญสี่สายด้วยกัน
                           โคโลราโด  เคยเป็นที่อยู่ของมนุษย์ที่มีความเจริญต่ำคือ พวกที่อยู่ตามถ้ำ อยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐ ชาวผิวขาวที่เข้ามาพบโคโลราโด คนแรกเป็นชาวสเปน เมื่อปี พ.ศ.๒๐๘๔ และได้มีการจับจองโคโลราโดเป็นอาณานิคมของเสเปน เมื่อปี พ.ศ.๒๒๔๙ ในปี พ.ศ.๒๓๔๐ โคโลราโดตกเป็นของฝรั่งเศส ต่อมาในปี พ.ศ.๒๒๔๓ สหรัฐอเมริกาได้ซื้อรัฐนี้ทางด้านตะวันออก ทางตะวันตกไปรวมกับเม็กซิโก จนถึงปี พ.ศ.๒๓๖๔ จึงกลับมาเป็นของสหรัฐ และมีฐานะเป็นรัฐหนึ่งของสหรัฐ ฯ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๙           ๗/ ๔๐๘๘
                ๑๒๐๖. โควตา  เป็นคำในภาษาอังกฤษ ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาลาตินแปลว่า เสมอหรือเท่ากัน   เดิมใช้การค้าระหว่างประเทศโดยตรงวิธีหนึ่ง  เป็นมาตรการอย่างหนึ่ง ที่ใช้จำกัดปริมาณ (อาจจำกัดมูลค่าด้วย) ของสินค้าที่จะนำเข้ามา หรือส่งออกไปจำหน่าย ณ ต่างประเทศ          ๗/ ๔๐๙๑
                ๑๒๐๗. โควรรธนะ  เป็นชื่อภูเขาในวฤนทาวัน ซึ่งพระกฤษณ์ชักชวนชาวโคบาลให้บูชาพระองค์แทนบูชาพระอินทร์ พระอิทร์ทรงทราบก็กริ้ว บรรดาลให้ฝนตกลงมาอย่างหนัก เพื่อให้ท่วมทำลายภูเขาโควรรธนะและบรรดาฝูงชนในถิ่นวฤนทาวัน พระกฤษณ์เอานิ้วก้อยช้อนเขาโควรรธนะขึ้นบังฝน ป้องกันประชาชนไว้ให้พ้นอันตราย จากน้ำท่วมเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน ในที่สุดพระอินทร์ยอมแพ้และมาเคารพบูชาพระกฤษณ์ เหตุนี้พระกฤษณ์จึงมีพระนามหนึ่งว่า พระโควรรธนะ           ๗/ ๔๐๙๒
                ๑๒๐๘. โควินทจริยา เรื่องนี้มาในคัมภีร์จริยาปิฎก ขุททกนิกาย สุตตันปิฎก แสดงจริยาของพระพุทธเจ้า ครั้งยังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ในพระชาติหนึ่งเรียกว่า โควินทจริยา เป็นชื่อการบำเพ็ญพุทธการกธรรม         

             คำว่า โควินทะ เป็นชื่อตำแหน่งปุโรหิต ของพระเจ้าแผ่นดินองค์หนึ่ง และคำว่า โควินทะ มีความหมายสองประการ ประการแรก หมายความว่า มีอานุภาพมาก ประการที่สอง หมายความว่า พระเจ้าแผ่นดินทรงอภิเษกไว้ ในตำแหน่งโควินทยาภิเษก                                          ๗/ ๔๐๙๒
                ๑๒๐๙. โควินทสิงห์ - คุรุ  เป็นคุรุองค์ที่สิบของลัทธิศาสนาพวกศิข หรือที่เรียกกันว่า แขกซิก ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ.๒๒๐๙ เป็นผู้จัดตั้งคณะพวกซิก ให้อยู่ในฐานะนักรบ เพื่อต่อสู้กับชนชาวอิสลามที่เข้ามารุกรานแดนของพวกซิก โดยจัดการปกครองทางศาสนาอย่างเป็นกองทัพ
                           คุรุโควินทสิงห์เกลียดชังพวกอิสลามยิ่งนักถึงกับตั้งกฎไว้ว่า ผู้ใดแสดงความเคารพที่ฝังศพของพวกอิสลาม แม้ศพที่ฝังนั้นเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ต้องถูกปรับครั้งละ ๑๒๕ รูปี และมีภาษิตติดปากพวกซิกว่า "๗/ที่ซิกแท้ต้องทำสงครามกับพวกอิสลามเสมอ ให้ฆ่ามันให้ต่อสู้กับมันจนสุดกำลัง"
                           ก่อนคุรุโควินทสิงห์จะตายได้สั่งว่าเมื่อท่านตายแล้วให้ถือ คัมภีร์อาทิครัมถ์ เป็นคุรุแทนทุกประการ          ๗/ ๔๑๐๕
                ๑๒๑๐. โคเวนทรี  เป็นชื่อเมืองในประเทศอังกฤษ อยู่ในมณฑลวอริก ซึ่งอยู่ในภาคกลางของประเทศ  ตั้งอยู่ในย่านอุตสาหกรรมใหญ่ของอังกฤษ ที่มีชื่อว่า มิคแลนด์        ๗/ ๔๑๐๗
                ๑๒๑๑. โคศัพท์  เป็นชื่อวิธีการหารเลขไทยในสมัยโบราณ ถ้าจะเรียกอย่างปัจจุบันคือสูตรคูณ มีอยู่เก้าแม่ (สมัยต่อมาเพิ่มขึ้นเป็น ๑๒ แม่) สูตรทั้งเก้าแม่นี้มักเรียนวิชาเลข จะต้องท่องจำให้ขึ้นใจ อาจารย์จึงจะสอนให้รู้จักวิธีลบหรือยืม แล้วยังต้องให้ท่อง และทำนพพลจนคล่องเสียก่อน จึงจะขึ้นวิชาหารเลขคือโคศัพท์               ๗/ ๔๑๐๘
                ๑๒๑๒. ไคเภ็ก  เป็นชื่อหนังสือพงศาวดารจีน ไทยแปลมาเป็นภาษาไทย เมื่อปี พ.ศ.๒๔๒๐
                            พงศาวดารจีนเรื่องนี้กล่าวแต่ปฐมเหตุสร้างโลก อ้างกันว่าเป็นเรื่องที่นักปราชญ์แต่โบราณแต่งไว้ มีความว่า มีพระองค์หนึ่งเป็นใหญ่ในโลก พระนามว่า เชกเกียมองนี่ฮุด มีศิษย์ชื่อพระออ พระองค์ทรงพิจารณาเห็นว่าโลกนี้มีสี่ทวีป แต่ใต้ทวีปทั้งสี่มืดมนนัก จึงประสงค์จะช่วยให้ทวีปทั้งสี่เปิดเป็นฟ้าดินขึ้น
                            กวนนิมไต้สือ  เป็นศิษย์องค์หนึ่งของพระองค์ ทูลขอให้เปิดทวีปทั้งสี่เป็นฟ้าดิน แต่พระองค์วิตกว่าเป็นการใหญ่นัก เปิดฟ้าเปิดดินขึ้นแล้ว สืบไปภาย๗/จะได้ใครเป็นผู้รักษา
                            คุนตอเป็งชาน้า อาสาเป็นผู้ไปเปิดโลกให้มีฟ้าและดินที่ทิศใต้ก่อนทวีปทั้งสี่ แล้วเรื่องก็ดำเนินไปเป็นวิวัฒนาการไปสู่การสร้างมนุษย์คู่แรก แล้วเกิดพืชพันธุ์เป็นมนุษย์ และสัตว์ต่าง ๆ แล้วเกิดกษัตริย์ ผู้วิเศษสามองค์เป็นหนแรก ได้ตั้งกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ขึ้นมา เพื่อกำหนด๗/ที่ต่าง ๆ ให้กับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลก
                            แนวทางของไคเภ็ก เป็นความเข้าใจของคนทั้งหลายในยุคนั้น ที่เข้าใจว่าสรรพสิ่งทั้งหลายต้องมีผู้สร้างให้เกิดขึ้น และเป็นที่น่าสังเกตุว่า ผู้แต่งคงเป็นผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา จึงยกให้พระพุทธเจ้าเป็นผู้สร้างโลก พระนามเซกเกียมองนีฮุดนั้นก็คือ พระศากยมุนีพุทธ           ๗/ ๔๑๑๔


    • Update : 25/5/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch