|
|
สมุนไพรไทยรักษาโรคได้จริงหรือ/39
กลุ่มยาขับประจำเดือน
|
ว่านชักมดลูก
|
|
|
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Curcuma xanthorrhiza Roxb.
|
วงศ์ : ZINGIBERACEAE
|
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุก สูงได้ถึง 1 เมตร หัวใต้ดินขนาดใหญ่ อาจยาวถึง 10 ซม. เนื้อสีส้มถึงสีส้มแดง ใบเดี่ยว เรียงสลับ ออกเป็นกระจุกเหนือดิน รูปวงรีหรือรูปวงรีแกมใบหอกกว้าง 15 - 20 ซม. ยาว 40 - 90 ซม. มีแถบสีม่วงกว้างได้ถึง 10 ซม. บริเวณกลางใบ ดอกช่อเชิงลด ออกที่บริเวณกาบใบ ก้านดอกยาว 15 - 20 ซม. กลีบดอกสีแดงอ่อน ใบประดับสีม่วง เกสรตัวผู้ที่เป็นหมัน แปรรูปคล้ายกลีบดอกสีเหลือง ผลแห้ง แตกได้
ส่วนที่ใช้ : เหง้า ราก
สรรพคุณ :
|
กลุ่มยาขับประจำเดือน
|
ว่านสากเหล็ก
|
|
|
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Molineria latifolia Herb. ex Kurz
|
วงศ์ : HYPOXIDACEAE
|
ชื่ออื่น : จ๊าลาน มะพร้าวนกคุ่ม (เชียงใหม่) พร้าวนก พร้าวนกคุ่ม (นครศรีธรรมราช) ละโมยอ (มาลายู-นราธิวาส)
|
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุก ลักษณะคล้ายพืชพวกปาล์ม ใบ เรียงสลับติดกันที่โคนต้น แผ่นใบรูปขอบขนานแกมรูปหอก พับเป็นร่อง ๆ ตามยาว คล้ายใบปาล์ม กว้างประมาณ 4 – 6 เซนติเมตร ยาวประมาณ 30 – 40 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลมโคนใบสอบแคบ ก้านใบยาว 25 – 30 เซนติเมตร โคนแผ่กว้างหุ้มลำต้น ดอก มี 6 กลีบ สีเหลือง โคนเชื่อมติดกัน เส้นผ่าศูนย์กลาง 2 – 2.5 เซนติเมตร ดอกออกรวมกันแน่น เป็นช่อรูปทรงกระบอกปลายแหลม ยาว 5 – 7 เซนติเมตร กว้าง ประมาณ 4 – 5 เซนติเมตร ผล ผลแก่สีขาวถึงแดง ขนาดยาวประมาณ 4 – 5 เซนติเมตร ส่วนที่ด้านขั้วป่อง ออกเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 เซนติเมตร และค่อย ๆ เรียวไปทางปลายผล ขยายพันธุ์ โดยการใช้เมล็ด
ส่วนที่ใช้ : ราก
|
สรรพคุณ :
วิธีใช้ : นำรากมาหั่นบางๆ ตากแห้ง ดองกับสุรารับประทานเป็นยาชักมดลูก
|
กลุ่มยาขับประจำเดือน
|
ตาเสือ
|
|
|
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Amoora culcullata Roxb.
|
วงศ์ : MELIACEAE
|
ชื่ออื่น : แดงน้ำ (ภาคใต้) ตาเสือ, โกล (ภาคกลาง) เซ่ (แม่ฮ่องสอน)
|
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : เปลือกต้น เนื้อไม้ ผล ใบไม้ยืนต้นขนาดเล็ก-กลาง อาจสูงถึง 18 เมตร ไม่ผลัดใบ เปลือกเรียบ สีชมพูอมเทา มีรากหายใจรูปคล้ายหมุด ยาว 30-50 ซม. จากผิวดิน หนาแน่นบริเวณโคนต้น ใบ เป็นใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียว ยาว 20-40 ซม. ขอบใบรูปขอบขนานแกมรูปไข่ ไม่สมมาตรกัน ขนาด 3-6 x 8-17 ซม. ปลายใบแหลมถึงมน ฐานใบมน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน ผิวใบด้านบนเป็นมัน ดอก ออกเป็นช่อ เพศผู้เป็นแบบช่อแยกแขนง ช่อดอกห้อยลง แต่ละดอกมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.3-0.4 ซม. สีเหลือง ดอกเพศเมียเป็นแบบช่อกระจะ มีดอกจำนวนน้อย วงกลีบเลี้ยงแยกเป็น 3 แฉก กลีบดอก 3 กลีบ ผล ค่อนข้างกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 5-7 ซม. มี 3 พลู ผลแก่แห้งแตกกลางพลู เมล็ด มีเยื่ออ่อนนุ่มสีแดงหุ้ม
เป็นพรรณไม้ที่ขึ้นอยู่ด้านในของป่าชายเลน บริเวณน้ำกร่อยตามริมชายฝั่งของแม่น้ำที่ได้รับอิทธิพลจากการขึ้น-ลงของน้ำทะเล
ส่วนที่ใช้ :
สรรพคุณ :
-
เปลือกต้น - รสฝาด กล่อมเสมหะ ขับโลหิต
-
เนื้อไม้ - รสฝาด แก้ธาตุพิการ แก้ท้องเสีย
-
ผล - แก้ปวดตามข้อต่างๆ ในร่างกาย
-
ใบ - แก้บวม
|
กลุ่มยาขับประจำเดือน
|
เปราะหอมขาว, เปราะหอมแดง
|
|
|
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Kaempferia galanga L.
|
ชื่อสามัญ : Sand Ginger, Aromatic Ginger, Resurrection Lily
|
วงศ์ : ZINGIBERACEAE
|
ชื่ออื่น : หอมเปราะ (ภาคกลาง) ว่านตีนดิน ว่านแผ่นดินเย็น ว่านหอม (ภาคเหนือ)
|
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : พืชล้มลุก อายุปีเดียว มีลำต้นเป็นหัวอยู่ใต้ดิน เรียกว่า เหง้า เนื้อภายในสีเหลืองอ่อน มีสีเหลืองเข้มตามขอบนอก มีกลิ่มหอมเฉพาะตัว ใบเป็นใบเดี่ยว แทงขึ้นจากเหง้าใต้ดิน 2-3 ใบ แผ่ราบไปตามพื้นดิน หรือวางตัวอยู่ในแนวราบเหนือพื้นดินเล็กน้อย ใบมีรูปร่างค่อนข้างกลมหรือรูปไข่ป้อม ปลายใบแหลม โคนใบมนหรือเว้าเล็กน้อย มีขนอ่อนบริเวณท้องใบ บางครั้งอาจพบขอบใบมีสีแดงคล้ำ เนื้อใบค่อนข้างหนา ตัวใบมีขนาดกว้าง 5-10 ซม. ยาว 7-15 ซม. ก้านใบเป็นกาบยาว 1-3 ซม.ดอกออกรวมกันเป็นช่อ ยาว 2-4 ซม.มี 4-12 ดอก ออกตรงกลางระหว่างใบ ดอกมีสีขาว หรือสีขาวอมชมพูแต้มสีม่วง แต่ละดอกมี กลีบประดับ 2 กลีบรองรับอยู่ ซึ่งใบและต้นจะเริ่มแห้งเมื่อมีดอก ผลเป็นผลแห้ง แตกได้ พบมากทางเหนือ ใบอ่อนม้วนเป็นกระบอกออกมาแล้วแผ่ราบบนหน้าดิน ต้นหนึ่งๆ มักมี 1 – 2 ใบ ใบมีรูปร่างทรงกลมโตยาว ประมาณ 5 – 10 ซม. หน้าใบเขียว เปราะหอมแดงจะมีท้องใบสีแดง เปราะหอมขาวจะมีท้องใบสีขาว มีกลิ่นหอม หัวกลมเหมือนหัวกระชาย ใบงอกงามในหน้าฝน และจะแห้งไปในหน้าแล้ง
ส่วนที่ใช้ : ดอก ต้น หัว ใบทั้งสด หรือ แห้ง
|
สรรพคุณ : เปราะหอมขาว
-
ดอก - แก้เด็กนอนสะดุ้งผวา ร้องไห้ตาเหลือก ตาช้อนดูหลังคา
-
ต้น - ขับเลือดเน่าของสตรี
-
ใบ - ใช้ปรุงเป็นผักรับประทานได้
-
หัว
- แก้โลหิต ซึ่งเจือด้วยลมพิษ
- ปรุงเป็นเครื่องเทศสำหรับแกง สุมศีรษะเด็ก แก้หวัด คัดจมูก รับประทานขับลมในลำไส้
สรรพคุณ : เปราะหอมแดง
-
ใบ - แก้เกลื้อนช้าง
-
ดอก - แก้โรคตา
-
ต้น - แก้ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ
-
หัว - ขับเลือด และหนองให้ตก แก้ลมพิษ แก้ผื่นคัน แก้ไอ แก้บาดแผล
-
หัวและใบ - ใช้ในการปรุงเป็นอาหารได้
วิธีและปริมาณที่ใช้ :
-
ทั้งเปราะหอมขาว และเปราะหอมแดง ใช้เปราะหอมสด 10-15 กรัม หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หัวสดใช้ 1/2-1 กำมือ ต้มกับน้ำ 1 ถ้วยแก้ว ดื่ม 1-2 ครั้ง
-
เปราะหอมขาวและแดง เป็นไม้ลงหัว จำพวกมหากาฬ ใบหนาแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน ม้วนๆ คล้ายๆ หูม้า หน้าใบเขียว เปราะหอมขาว ท้องใบมีสีขาว เปราะหอมแดง ท้องใบมีสีแดง ใบยาวราว 3-4 นิ้วฟุต ใบมีกลิ่นหอม ลงหัวกลมๆ เป็นไม้เจริญในฤดูฝนพอย่างเข้าฤดูหนาว ต้นและใบก็โทรมไป เปราะหอมทั้งสองรสเผ็ดขม แก้เสมหะ เจริญไฟธาตุ แก้ลมทิ้ง
|
กลุ่มยาขับประจำเดือน
|
ส้มเสี้ยว
|
|
|
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bauhinia malabarica roxb.
|
วงศ์ : LEGUMINOSAE-CAESALPINIODIDEAE
|
ชื่ออื่น : คังโค (สุพรรณบุรี) แดงโค (สระบุรี) ป้าม (ส่วย-สุรินทร์) ส้มเสี้ยว (ภาคเหนือ) เสี้ยวส้ม (นครราชสึมา) เสี้ยวใหญ่ (ปราจีนบุรี)
|
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ใบ เปลือกต้นไม้ต้นขนาดกลาง สูงถึง 15 เมตร เปลือกต้นสีเทา เปลือกแตกเป็นสะเก็ดยาวตามลำต้น ใบ ทรงกลมเว้า ปลายเป็นพูกลมตื้นๆ ใบแก่เหนียว เรียบ ท้องใบมีนวล สีเขียวออกเทา ดอก ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบหรือตามง่ามใบ สีขาวออกเขียวหรือเหลืองอ่อน เป็นช่อเล็กๆ ออกดอกเดือน พฤษภาคม - มิถุนายน ผล เป็นฝักแบนยาว โค้งงอ ฝักอ่อนสีเขียว ฝักแก่แห้งสีน้ำตาล เมล็ดแบน ผิวเรียบมัน มี 8-12 เมล็ด ออกผลเดือนกรกฏาคม - กันยายน แหล่งที่พบ ป่าเต็งรัง
ส่วนที่ใช้ :
|
สรรพคุณ :
-
ใบ
- มีรสเปรี้ยวฝาด เป็นยาขับโลหิตระดู และขับปัสสาวะ
- แก้แผลเปื่อยพัง
ใช้ใบส้มเสี้ยวร่วมกับยาระบาย ทำให้ขับเมือกเสมหะตกทางทวารหนักได้ดี
ใช้ร่วมกับยาบำรุงโลหิตระดูที่เป็นลิ่มเป็นก้อนมีกลิ่นเหม็นให้ปกติดีขึ้น
-
เปลือกต้น - รสเปรี้ยวฝาด แก้ไอ ฟอกโลหิต
|
|
Update : 24/5/2554
|
|