|
|
สมุนไพรไทยรักษาโรคได้จริงหรือ/38
กลุ่มยาขับประจำเดือน
|
กระบือเจ็ดตัว
|
|
|
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Excoecaria cochinchinensis Lour. var.cochinchinensis
|
วงศ์ : EUPHORBIACEAE
|
ชื่ออื่น : กำลังกระบือ, ลิ้นกระบือ (ภาคกลาง) ใบท้องแดง (จันทบุรี)
ส่วนที่ใช้ : ใบ ยางจากต้น
|
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พุ่ม สูงได้ถึง 1.5 ม. มียางขาว ใบเดี่ยว มีทั้งเรียงตรงข้ามและเรียงสลับ รูปรี รูปไข่ หรือรูปไข่กลับ กว้าง 1.5-4 ซม. ยาว 4-12 ซม. ปลายแหลม โคนสอบ ขอบจักฟันเลื่อย แผ่นใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านล่างสีม่วงแดงหรือม่วงน้ำตาล เส้นแขนงใบข้างละ 7-12 เส้น ก้านใบยาว 0.5-1.5 ซม. ดอกแยกเพศ อยู่ต่างต้น ออกตามง่ามใบ ข้างใบ หรือปลายยอด ยาว 1-2 ซม. ช่อดอกเพศผู้มีดอกเล็กๆ จำนวนมาก โคนก้านดอกมีใบประดับเล็กๆ ก้านดอกสั้น กลีบเลี้ยง 3 กลีบ เล็กมาก เกสรเพศผู้เล็กมาก มี 3 อัน ช่อดอกเพศเมียสั้นกว่าช่อดอกเพศผู้และมีดอกเล็กๆ 3-6 ดอก ก้านดอกยาว 2-5 มม. โคนก้านดอกมีใบประดับเล็กๆ และมีต่อมเล็กๆ สีเหลือง กลีบเลี้ยงเล็ก มี 3 กลีบ รูปไข่ รังไข่เล็ก สีเขียวอมชมพู มี 3 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียมี 3 อัน ผลเล็ก ค่อนข้างกลม มี 3 พู
|
สรรพคุณ :
วิธีใช้ : นำใบมาตำกับสุรา คั้นเอาน้ำรับประทาน
|
กลุ่มยาขับประจำเดือน
|
แก้ว
|
|
|
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Murraya paniculata (L.) Jack.
|
ชื่อสามัญ : Andaman satin wood, Chinese box tree, Orange jasmine
|
วงศ์ : RUTACEAE
|
ชื่ออื่น : กะมูนิง (มลายู-ปัตตานี) แก้วขาว (ภาคกลาง) แก้วขี้ไก่ (ยะลา) แก้วพริก ตะไหลแก้ว (ภาคเหนือ) แก้วลาย (สระบุรี) จ๊าพริก (ลำปาง)
|
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ต้นขนาดเล็ก สูงได้ถึง 10 เมตร ไม่ผลัดใบ ใบ เป็นใบประกอบ ผิวใบมันเข้ม และเป็นมันทั้งสองด้าน ดอก ช่อ ออกเป็นกระจุก สีขาว ร่วงง่าย มีกลิ่นหอมมาก ผล สดกลมรี หรือรูปไข่ ปลายสอบเล็กน้อย ที่เปลือกมีต่อมน้ำมันเห็นได้ชัด กว้าง 5-8 มม. ยาว 0.8-1 ซม. ผลอ่อนสีเขียว ผลสุกสีส้มแดง เมล็ดรูปไข่ปลายสอบ มีขนสั้นๆ อยู่รอบเมล็ด กว้าง 4-6 มม. ยาว 6-9 มม. สีขาวขุ่น มีจำนวน 1-2 เมล็ดต่อผล
ส่วนที่ใช้ : ราก ใบ
|
สรรพคุณ : :
ใช้รากแห้ง 10-15 กรัม (สด 30-60 กรัม) ต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว เคี่ยให้เหลือ 1 ถ้วยแก้ว รับประทานวันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร เช้า-เย็น
เป็นยาขับประจำเดือน
วิธีและปริมาณที่ใช้
|
กลุ่มยาขับประจำเดือน
|
เจตมูลเพลิงขาว
|
|
|
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Plumbago zeylanica L.
|
ชื่อสามัญ :
|
วงศ์ : PLUMBAGINACEAE
|
ชื่ออื่น : ตอชุวา, ตั้งชูอ้วย (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ปิดปิวขาว (ภาคเหนือ)
|
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พุ่มเตี้ยหรือไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง 1-3 เมตร กิ่งก้านมักทอดยาว ใบรูปไข่ ยาว 3-13 ซม. ปลายใบแหลมยาว ตอนปลายเป็นติ่ง โคนในรูปลิ่มหรือมน ใบบาง ช่อดอกแบบช่อกระจะเชิงลด ดอกจำนวนมาก แกนกลางและก้านช่อดอกมีต่อมไร้ก้าน (เจตมูลเพลิงแดงไม่มี) ช่อดอกยาวได้ประมาณ 15 ซม. ก้านช่อยาว 1.5-2 ซม. ใบประดับรูปไข่ ยาว 0.4-0.8 ซม. ใบประดับย่อยรูปแถบ ยาวประมาณ 0.2 ซม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบ ยาวประมาณ 1 ซม. มีต่อมหนาแน่น กลีบดอกสีขาวหรือสีฟ้าอ่อน หลอดกลีบดอกยาวประมาณ 2 ซม. กลีบดอกรูปไข่กลับหรือรูปขอบขนานแกมรูปใบหอก ยาวประมาณ 0.7 ซม. ปลายแหลมหรือเป็นติ่ง อับเรณูสีน้ำเงิน ยาวประมาณ 0.2 ซม. รังไข่รูปรี เป็น 5 เหลี่ยม ก้านเกสรเพศเมียเกลี้ยง ผลแบบแคปซูล
ส่วนที่ใช้ : ราก ต้น ใบ
|
สรรพคุณ :
ข้อห้ามใช้ : ห้ามใช้ในหญิงท้อง จะทำให้แท้งได้ เพราะมีฤทธิ์ร้อนและบีบมดลูกเหมือนรากเจตมูลเพลิงแดง (Plumbago indica L.) แต่ฤทธิ์อ่อนกว่า
ข้อควรระวัง : เมื่อทาเจตมูลเพลิงขาวแล้ว ให้สังเกตว่าโรคผิวหนังอาการดีขึ้นหรือไม่ ถ้ามีอาการปพุพองมากขึ้นให้รีบหยุดยา เพราะยาตัวนี้ ถ้าใช้มากจะทำให้เป็นแผลพุพองได้
ตำรับยาและวิธีใช้
-
ปวดข้อหรือเคล็ดขัดยอก
ใช้รากแห้ง 1.5-3 กรัม ต้มน้ำหรือแช่เหล้า รับประทานครั้งละ 5 ซี.ซี. วันละ 2 ครั้ง
-
ขับประจำเดือน
ใช้รากแห้ง 30 กรัม และเนื้อหมูแดง 60 กรัม ต้มน้ำดื่ม
-
แก้กลากเกลื้อน
ใช้รากสด 1-2 ราก ตำให้ละเอียด ผสมกับน้ำหรือเหล้าหรือน้ำมันพืชเล็กน้อย ทาบริเวณที่เป็ฯ
-
แก้ไข้มาเลเรีย
ใช้ใบสด 7-8 ใบ ตำละเอียด พอกบริเวณชีพจรตรงข้อมือ 2 ข้าง ก่อนจะเกิดอาการ 2 ชั่วโมง (พอกจนกระทั่งบริเวณที่พอกรู้สึกเย็นจึงเอาออก)
-
ฝีคัณฑสูตร ฝีบวม เต้านมอักเสบ ไฟลามทุ่ง
ใช้ใบสดพอประมาณ ตำให้ละเอียด ใช้ผ้าก๊อส 2 ชั้นห่อพอกบริเวณที่เป็นจนกระทั่งหาย
-
ฟกช้ำ ใช้ใบสด 1 กำมือ ตำให้ละเอียด ใส่เหล้าเล็กน้อย ทาบริเวณที่เป็น
สารเคมี ราก มี plumbagin 3.3-bilumbagin, 3-chloroplumbagin
|
กลุ่มยาขับประจำเดือน
|
เจตมูลเพลิงแดง
|
|
|
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Plumbago indica L.
|
วงศ์ : PLUMBAGINACEAE
|
ชื่ออื่น : คุยวู่ (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี) ตั้งชู้โว้ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ปิดปิวแดง (ภาคเหนือ) ไฟใต้ดิน (ภาคใต้) อุบะกูจ๊ะ (มลายู-ปัตตานี)
|
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง 0.5-2 เมตร กิ่งก้านมักทอดยาว ใบเดี่ยว เรียงสลับ รูปรีแกมรูปไข่ ยาว 3-13 ซม. โคนใบมนหรือกลม ปลายใบแหลม ใบบาง ดอกออกเป็นช่อแบบช่อกระจะเชิงลด ยาว 20-90 ซม. ก้านช่อดอกยาว 1-3 ซม. มีดอกจำนวนมาก ใบประดับและใบประดับย่อยรูปไข่ขนาดเล็ก ยาว 0.2-0.3 ซม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปใบหอก ยาว 0.8-0.9 ซม. มีต่อมทั่วไป ดอกสีแดงหรือม่วง หลอดกลีบดอกยาว 2-2.5 ซม. ปลายแยกเป็น 5 แฉก รูปไข่กลับ ยาวประมาณ 2 ซม. ปลายกลีบกลม เป็นติ่งหนามตอนปลาย เกสรเพศผู้ 5 อัน ติดตรงข้ามกลีบดอก อับเรณูยาวประมาณ 2 มม. รังไข่รูปรี ก้านเกสรเพศเมียมีหลายขนาด มีขนยาวที่โคน
ส่วนที่ใช้ : ราก
สรรพคุณ : เป็นยาขมเจริญอาหาร แก้ธาตุพิการ เป็นยาบำรุง เป็นยาขับประจำเดือน เป็นยาฆ่าเชื้อโรค
วิธีใช้
-
เป็นยาขมเจริญอาหาร
ใช้รากแห้งผสมกับ ผลสมอพิเภก ดีปลี ขิง อย่างละเท่าๆ กัน บดเป็นผงรวมกัน รับประทานกับน้ำร้อน ครั้งละ 2.5 กรัม ประมาณ 1 ช้อนแกง
ข้อควรระวัง - สตรีที่ตั้งครรภ์ไม่ควรใช้ยานี้
-
เป็นยาขับประจำเดือน
ใช้รากแห้ง 1-2 กรัม ต้มกับน้ำ 2 ถ้วยแก้ว รับประทานครั้งละ 1/4 ถ้วยแก้ว
|
กลุ่มยาขับประจำเดือน
|
ฝ้ายตุ่น
|
|
|
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Gossypium herbaceum L.
|
ชื่อสามัญ : White cotton
|
วงศ์ : MALVACEAE
|
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พุ่ม ลำต้น มีสีน้ำตาลแดงอาจเป็นเหลี่ยม ใบ เดี่ยว รูปไข่กว้าง ปลายใบแหลม ขอบใบหยัก 3-5 หยัก ฐานใบเป็นรูปหัวใจ ก้านใบค่อนข้างยาว ดอก เดี่ยว มีใบประดับ 5 กลีบติดกัน กลีบดอกสีเหลือง ผล กลมปลายยาวแหลม เมล็ด รูปไข่ มีขนสีขาวยาว 3.7-5 เซนติเมตร รอบๆ
ส่วนที่ใช้ : เปลือกต้น ราก
|
สรรพคุณ :
|
|
Update : 24/5/2554
|
|