หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    “วังบางปะอิน-วัดไชยฯ-วัดแม่นาค” 3 สถานที่แห่งตำนาน
    พระราชวังบางปะอิน
           วาเลนไทน์ วันสำคัญวันหนึ่งสำหรับคนมีความรัก โดยเฉพาะในวัยรุ่นหนุ่มสาวที่เมื่อถึงวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ คู่รักจะนิยมบอกความในใจของกันและกัน โดยอาจจะส่งการ์ด มอบดอกไม้ ช็อคโกแลต ตุ๊กตา ให้กันอย่างหวานชื่น
           
           เรื่องราวของวันวาเลนไทน์ในตำนาน เล่าไว้ว่า วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเสียชีวิตของนักบุญวาเลนไทน์ หรือเซนต์วาเลนไทน์ นักบุญแห่งความรัก
           
           นักบุญวาเลนไทน์เป็นผู้ริเริ่มการจัดงานแต่งงานในยุคที่ไม่นิยมให้แต่งงานกัน เหตุเพราะในช่วงนั้นโรมต้องประสบกับสงคราม จักรพรรดิคลอดิอุสที่สองต้องการเกณฑ์คนไปรบ แต่มีบุคคลจำนวนมากที่มีครอบครัว มีภรรยา มีคนรัก ต่างไม่อยากจะทิ้งครอบครัวไป ทำให้จักรพรรดิคลอดิอุสที่สองตัดสินใจให้ยกเลิกการแต่งงานและการหมั้นทั้งหมดของชาวโรมันในยุคนั้นไปหมด
           
           แต่นักบุญวาเลนไทน์กลับสวนกระแสของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง โดยชักชวนคู่รักมาแต่งงานหลายต่อหลายคู่ จนตัวเองโดนจับไปขัง และในคุกที่คุมขังนักบุญวาเลนไทน์นั้นเอง เขาได้พบรักกับสาวตาบอดนางหนึ่ง แต่เมื่อโดนจับได้ นักบุญวาเลนไทน์จึงถูกนำตัวไปประหารในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ วันดังกล่าวจึงกลายมาเป็น “วันวาเลนไทน์” วันที่ผู้คนจะรำลึกถึงนักบุญผู้อุทิศตนให้ความรักนั่นเอง

    อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเรือล่ม
           สำหรับในพื้นที่กรุงเทพฯและรอบกรุง(ตามคอนเซ็ปต์ของคอลัมน์)นั้น มีสถานที่ท่องเที่ยวที่เกี่ยวกับตำนานรักอยู่หลายแห่งด้วยกัน และเนื่องในเทศกาลแห่งความรักนี้ ยังขอเลือก 3 สถานที่เที่ยวเกี่ยวกับความรัก เด่นๆมาบอกเล่าสู่กันฟัง
           
           สถานที่แรก“พระราชวังบางปะอิน” จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งภายในพระราชวังนี้มีอนุสรณ์แห่งความรักของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5 ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระอัครมเหสีในรัชกาลที่ 5
           
           ตามตำนานเล่าว่าเมื่อครั้งพ.ศ. 2423 รัชกาลที่ 5 ทรงมีพระบรมราชโองการให้จัดเรือพระที่นั่งเพื่อเสด็จประพาสพระราชวังบางปะอินพร้อมพระมเหสีทุกพระองค์ แต่เนื่องจากพระองค์ทรงติดพระราชกิจ ไม่อาจเสด็จพระราชดำเนินไปตามกำหนดได้ จึงโปรดฯ ให้เรือพระที่นั่งของพระมเหสีเคลื่อนขบวนไปก่อน ระหว่างทางนั้น เรือของพระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ประสบอุบัติเหตุล่มที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ทำให้พระองค์เจ้าสุนันทากุมารีรัตน์พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ พระราชธิดา และเจ้าฟ้าในพระครรภ์สิ้นพระชนม์ จึงเป็นที่มาของพระนาม “พระนางเรือล่ม”
           
           เหตุการณ์คราวนั้นนำความเศร้าโศกเสียพระทัยมาสู่พระพุทธเจ้าหลวงเป็นอย่างมาก เนื่องจากในบรรดาพระมเหสีและเจ้าจอมทั้งหลายนั้น สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ทรงเป็นที่รักและโปรดปรานยิ่ง ภายหลังการสิ้นพระชนม์ พระองค์ทรงได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ พระบรมราชเทวี ดำรงพระฐานันดรศักดิ์พระอัครมเหสีพระองค์แรกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเป็นอนุสรณ์แห่งความรักขึ้น ณ พระราชวังบางปะอิน เพื่อระลึกถึงสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ซึ่งสวรรคตในระหว่างการเสด็จแปรพระราชฐานมายังพระราชวังบางปะอิน

    วัดไชยวัฒนาราม
           อนุสาวรีย์แห่งความรักและอาลัยนี้ ตั้งอยู่ด้านตะวันออกของพระราชวังบางปะอิน ถัดจากหอวิฑูรทัศนา มีลักษณะเป็นฐานรูปทรงสี่เหลี่ยมและยอดหกเหลี่ยมทรงสูง สร้างด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี ด้านทั้ง 4 ประกอบด้วย ด้านทิศตะวันตก แกะสลักคำไว้อาลัยของร.5เป็นภาษาไทย ด้านทิศตะวันออกแกะสลักคำไว้อาลัยของร.5เป็นภาษาอังกฤษ ทางด้านทิศใต้ประดิษฐานพระนามาภิไธยย่อของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ (ส ภายใต้พระมงกุฏ)
           
           ส่วนด้านทิศเหนือประดิษฐานรูปช่อดอกไม้ล้อมรอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นโบราณมงคลนพรัตนราชวราภรณ์ของสมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ อีกทั้งพระองค์ยังได้เสด็จพระราชดำเนินเปิดอนุสาวรีย์เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2426 ซึ่งตรงกับวันที่สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์เสด็จทิวงคตครบรอบ 3 ปี พอดี
           
           จากอนุสรณ์แห่งความรักพระนางเรือล่มแล้ว ฉันจะพาไปดื่มด่ำกับตำนานแห่งความรักกันต่อที่ “วัดไชยวัฒนาราม” จ.พระนครศรีอยุธยาเช่นกัน ตามตำนานเล่าว่า เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐสุริวงศ์ หรือเจ้าฟ้ากุ้ง พระราชโอรสในสมเด็จพระบรมโกศกับกรมหลวงอภัยนุชิต พระมเหสีใหญ่ เจ้าฟ้ากุ้งทรงพระปรีชาสามารถในเรื่องนิพนธ์การกวีเป็นอย่างมาก ถือเป็นกวีเอกสมัยอยุธยาตอนปลายเลยก็ว่าได้

    เจดีย์ทรงกลมบรรจุอัฐิเจ้าฟ้ากุ้ง
           เมื่อครั้งพระองค์ยังทรงเป็นหนุ่ม เจ้าฟ้ากุ้งทรงรักใคร่ชอบพอกับเจ้าฟ้านิ่ม หรือหม่อมเจ้าสังวาลย์ แต่ต่อมาเจ้าฟ้านิ่มกลับได้รับการแต่งตั้งเป็นพระมเหสีฝ่ายซ้ายของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เชื่อกันว่าด้วยความรักที่ยังทรงตัดกันไม่ขาดจึงได้ทรงลักลอบติดต่อกัน
           
           ต่อมาพระอนุชาต่างพระมารดา 3 พระองค์ หรือเจ้าสามกรม ที่ไม่ทรงถูกกันเลยกับเจ้าฟ้ากุ้ง ไปกราบทูลสมเด็จพระบรมโกศว่า เจ้าฟ้ากุ้งลักลอบเป็นชู้กับเจ้าฟ้านิ่ม สมเด็จพระบรมโกศจึงถอดเจ้าฟ้ากุ้งลงเป็นไพร่ แล้วลงอาญาเฆี่ยนด้วยหวายและเอาเหล็กเผาไฟนาบพระนลาภหรือหน้าผากจนสิ้นพระชนม์คาหลักเฆี่ยน ส่วนเจ้าฟ้านิ่มถูกลงอาญาเฆี่ยนเช่นเดียวกันแล้วนำไปจองจำอยู่ได้เพียง 3 วัน ก็สิ้นพระชนม์ตามไป
           
           พระศพของเจ้าฟ้ากุ้งและเจ้าฟ้านิ่มมิได้รับการถวายพระเพลิงตามโบราณราชประเพณี แต่ถูกฝังเอาไว้ที่วัดไชยวัฒนาราม ในเจดีย์สร้างอย่างหยาบๆคู่กับเจ้าฟ้าสังวาลย์ เชื่อกันว่าภายหลังได้มีการนำพระศพขึ้นมาถวายพระเพลิง แล้วนำพระอัฐิบรรจุลงในพระเจดีย์ทรงระฆังกลมองค์ใหญ่ ด้านข้างของระเบียงคด และบรรจุอัฐิของเจ้าฟ้าสังวาลย์สนมของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศในองค์เล็ก

    ศาลย่านาค
           จากตำนานของชนชั้นสูงศักดิ์ เรามาดูตำนานของชาวบ้านอย่างเราๆกันบ้างที่ “วัดมหาบุศย์” เขตสวนหลวง หรือที่ชาวบ้านเรียกติดปากกันว่า “วัดแม่นาคพระโขนง” ที่ภายในวัดมี“ศาลย่านาค”หรือ “ศาลแม่นาค” ตั้งอยู่คู่กับตำนานรักอมตะแฝงความลี้ลับสะพรึงกลัวอันลือลั่นของแม่นาคกับนายมาก ที่แม้แม่นาคตัวจะตายแต่ใจรักที่มีต่อนายมากหาได้ตายตามไม่

    ผู้คนนิยมมาบ่นบานที่ศาลแม่นาค
           สำหรับตำนานรักแม่นาคฉันขอเล่าเพียงคร่าวๆสั้นๆ เพราะเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีการนำเรื่องแม่นาคมาสร้างเป็นหนังอยู่บ่อยครั้ง โดยเรื่องมีอยู่ว่า นางนาคอยู่กินกับนายมากจนท้องอ่อนๆ แต่นายมากกลับถูกหมายเรียกไปเป็นทหารอยู่นานจนนางนาคครบกำหนดคลอด แต่ไม่สามารถคลอดออกมาได้จึงตายทั้งกลมพร้อมลูกในท้อง และกลายเป็นผีเห่กล่อมลูกอย่างโหยหวน
           
           จนเมื่อนายมากกลับมาก็มาอยู่กินกับเมียและลูกตามปกติ และตามหลอกหลอนผู้ที่มาบอกความจริงกับผัวของตน จนกระทั่งวันหนึ่งนายมากเห็นนางนาคหย่อนมือที่ยาวเฟื้อยผิดจากปกติลงไปเก็บมะนาวที่ใต้ถุนบ้านอย่างรวดเร็ว นายมากตกใจมากวิ่งหนีไปพึ่งวัด จนพระผู้ทรงบารมีได้เจาะเอากระดูกหน้าผากของนางมาลงยันต์ และทำเป็นปั้นเหน่งคาดเอว ผีนางนาคก็ไม่ออกมาอาละวาดอีกเลย

    ศาลแม่นาคตั้งอยู่ในวัดมหาบุศ
           ปัจจุบันก็ยังมีผู้คนนิยมไปกราบไหวขอพรที่ศาลย่านาคในวัดมหาบุศย์กันอย่างไม่ขาดสาย นี่คือตำนานความรักเลื่องชื่อของเมืองไทยเรา ไม่ว่าความรักจะสุข เศร้า เหงา หรือสมหวัง แต่ฉันก็คิดว่าการมีความรักให้แก่กันเป็นสิ่งที่ดี ความรักช่วยให้โลกนี้มีความสุข ขอให้ทุกท่านสุขสันต์วันวาเลนไทน์ครับพี่น้อง

    ที่ขายของถวายแม่นาคด้านหลังเป็นต้นตะเคียน

     

    ข้อมูลจาก กะฉ่อนพาเที่ยว


    • Update : 21/5/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch