หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    ไหว้พระบรมสารีริกธาตุเสริมมงคลที่ “วัดสร้อยทอง”
    ภายในวัดสร้อยทอง
           สวัสดีเดือนแห่งความรัก ที่ฉันกล่าวเช่นนี้เพราะวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเป็นวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรักของชาวคริตศาสนิกชน และในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ที่เพิ่งผ่านไปก็เป็นวันแห่งความรักของชาวพุทธศาสนิกชนอย่างฉันซึ่งก็คือ “วันมาฆบูชา”
           
           ทำไมวันนี้จึงเป็นวันแห่งความรักของชาวพุทธ ? เพราะวันมาฆบูชาเป็นวันที่พระพุทธเจ้าโปรดประทานความรักนั้นแก่สัตว์โลกทั้งปวงไม่ว่าจะเป็นพรหมเทพ หรือมนุษย์สัตว์ โดยทรงแสดงโอวาทปาฏิโมกข์อันเป็นหลักการทางพระพุทธศาสนาแก่ภิกษุสงฆ์จำนวน 1,250 องค์ที่มาประชุมพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เมื่อครั้งพระองค์ประทับจำพรรษาที่ วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ

    พระประธานในโบสถ์
           และหลักธรรมโอวาทปาฏิโมกข์อันได้แก่ ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ นี้เอง ถือเป็นความรักอันใหญ่หลวงที่ยิ่งกว่าความรักทุกรูปแบบ เป็นความรักที่ไม่ให้ทุกข์ไม่ให้โทษไม่ให้ภัยแก่ชีวิตจิตใจใดทั้งนั้น
           
           ในเดือนนี้ฉันจึงอยากชวนพี่น้องร่วมปฏิบัติธรรม ทำดี ละชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ โดยเริ่มจากการไปกราบไหว้ขอพรพระบรมสารีริกธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตที่ “วัดสร้อยทอง” เขตบางซื่อ กรุงเทพฯของเรานี่เอง โดยวัดสร้อยทองแห่งนี้ เดิมชื่อว่า “วัดซ่อนทอง” เป็นวัดเก่าแก่ สัญนิฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อราวพ.ศ.2394 โดยลูกหลานของสมเด็จเจ้าพระยาศรีพิพัฒน์ (แพ บุนนาค)

    องค์หลวงพ่อเหลือ
           มีตำนานเล่าว่า ท้าวอู่ทอง เป็นหัวหน้าอพยพหนีภัยสงครามได้นำทองคำจำนวนมากมาด้วย เพื่อเดินทางสู่แม่น้ำเจ้าพระยาโดยเดินทางมาทางลำคลอง แต่มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นจึงทำให้ต้องนำทองคำจำนวนมากนั้นฝังไว้บริเวณที่ตั้งวัดสร้องทอง วัดนี้จึงได้ชื่อว่าวัดซ่อนทอง ต่อมาจึงเปลี่ยนมาเป็นวัดสร้อยทองดังในปัจจุบัน
           
           ถัดมาในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้มีการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่โดยคหบดีและชาวบ้านในละแวก ได้นำโลหะทอง ทองเหลืองจำนวนมาก มาร่วมกันหล่อพระประธานในโบสถ์ และพระพุทธรูปปางเลไลย์ที่ประดิษฐานไว้หน้าโบสถ์ ภายหลังมีเศษทองเหลืองเหลือจำนวนมากจึงได้นำมาหล่อเป็นพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่ง

    ผู้คนนิยมปิดทองหลวงพ่อเหลือ
           และบรรจุพระธาตุของพระอรหันตสาวก 5 พระองค์ คือ พระธาตุของพระสารีบุตรเถระ พระธาตุของพระโมคคัลลานเถระ พระธาตุของพระสีวลีเถระ พระธาตุของพระองคุลิมาลเถระ และพระธาตุของพระภิกษุณีพิมพาเถรี แล้วเสร็จชาวบ้านจึงพากันเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “หลวงพ่อเหลือ” แล้วประดิษฐานไว้ภายในวิหารหลังคามุงแฝก
           
           ต่อมาเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เครื่องบินฝ่ายพันธมิตรทิ้งระเบิดทำลายสะพานพระรามหก แต่เกิดผิดพลาดจนทำให้ลูกระเบิดเกือบ 20 ลูกตกมาถล่มใส่พื้นที่วัดสร้อยทอง ได้รับความเสียหายอย่างหนักจนมีสภาพเป็นวัดร้าง หลงเหลือศาสนวัตถุที่รอดพ้นจากภัยลูกระเบิดเพียง 3 สิ่งคือ พระเจดีย์ 1 องค์ หอระฆัง และพระพุทธรูปหลวงพ่อเหลือ

    พระมหาธาตุเจดีย์ศรีสร้อยทอง
           โดยพระเจดีย์เดิมตั้งอยู่ริมคลองบางซ่อนทางทิศใต้ของวัด เป็นพระเจดีย์องค์ใหญ่สร้างขึ้นเมื่อครั้งบูรณะปฏิสังขรณ์ แม้จะรอดพ้นจากลูกระเบิดแต่ภายหลังก็ได้ถูกรื้อถอนไปในปี พ.ศ.2526 เพื่อสร้างวิหารจัตุรมุขประดิษฐานองค์หลวงพ่อเหลือจนปัจจุบัน
           
           ภายในวิหารหลวงพ่อเหลือมักจะมีผู้คนแวะเวียนไปกราบไหว้บูชาขอพร และปิดทององค์หลวงพ่อกันอย่างไม่ขาดสาย เนื่องจากเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเหลือที่รอดพ้นจากภัยพิบัติในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

    ภายในพระมหาธาตุชั้นที่2
           ส่วนหอระฆัง เป็นหอระฆังที่สูงใหญ่ลักษณะการสร้างแบบก่ออิฐถือปูน หลังคาจัตุรมุขทรงไทย แต่เมื่อครั้งสงครามได้ถูกขโมยระฆังไป ต่อมาจึงได้รื้อลงใช้สร้างเป็นเมรุเผาศพแทน และในปัจจุบันเมรุเผาศพก็ได้ถูกรื้อไปแล้วเช่นกัน
           
           อีกจุดหนึ่งที่ถือเป็นจุดเด่นของวัดสร้อยทองก็คือ “พระมหาธาตุเจดีย์ศรีสร้อยทอง” ที่เป็นเจดีย์สีทองอร่ามสูงใหญ่ สร้างขึ้นเมื่อปลายปี 2548 ประกอบพิธียกฉัตรเมื่อปี พ.ศ.2552 และมีพิธีเปิดป้ายเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา พระมหาธาตุเจดีย์องค์นี้เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กสูง 5 ชั้น เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระเกษาธาตุ และใช้เพื่อเป็นสถานที่ประกอบกิจในทางพุทธศาสนาต่างๆ

    บุษบงพระบรมสารีริกธาตุ
           โดยหากเข้าไปภายในพระมหาธาตุเจดีย์บริเวณชั้นที่ 2 เราจะเจอกับพระพุทธรูปสีทองสดใส เมื่อกราบไหว้ขอพรแล้วก็สามารถเดินขึ้นบันไดต่อไปยังชั้นบนสุดของพระมหาธาตุเจดีย์เพื่อกราบไหว้ขอพรพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งชาวพุทธเราถือว่าเป็นมหามงคลสูงสุดในชีวิต และระหว่างชั้นต่างๆก็ประดิษฐานพระพุทธรูปให้ได้กราบไหว้และถือเป็นการพักเหนื่อยกันทุกชั้นเลยทีเดียว
           
           ส่วนทางด้านริมน้ำ หากใครที่สัญจรทางเรือผ่านระหว่างช่วงบางซื่อกับสะพานพระราม7แล้วละก็ จะต้องคุ้นหน้าคุ้นตากับหอนาฬิกาสูงเด่นที่สร้างในปี พ.ศ.2543 และยอดพระมหาเจดีย์ศรีสร้อยทองงามอร่ามตาเป็นแน่แท้ และที่ท่าน้ำก็สามารถปล่อยปลาหรือให้อาหารปลาริมเจ้าพระยากันได้

    ระฆังรายล้อมรอบพระมหาธาตุเจดีย์
           นอกจากนี้ที่วัดสร้อยทองแห่งนี้ ยังเฟื่องฟูทางด้านการศึกษาพระอภิธรรมและวิปัสสนากรรมฐานมาช้านาน จนปัจจุบันถือเป็นสถานที่เรียนพระปริยัติธรรมของสงฆ์ซึ่งมีทั้งแผนกธรรมและแผนกบาลีที่มีคุณภาพจนได้รับการแต่งตั้งเป็นสำนักเรียนวัดสร้อยทองที่มีชื่อเสียง
           
           และในวันหยุดนี้ ใครที่ยังไม่มีที่หมายจะไปที่ไหน จะแวะมากราบไหว้พระบรมสารีริกธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคลในวันพระใหญ่ก็พึงกระทำด้วยประการทั้งปวง เพราะการสวดมนต์ไหว้พระเข้าวัดทำบุญ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ล้วนเพิ่มกุศลแด่ผู้ทำทั้งสิ้น

    วิววัดสร้อยทองเมื่อมองจากทางน้ำ
           * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
           
           “วัดสร้อยทอง” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณปากคลองบางซ่อน ถนนประชาราษฏร์สาย1 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ โทร.0-2912-7553

           

    รายงานสดจากพื้นที่ข่าว

    เดินทางไปที่นี่
    Latitude: 13.81489424 Longitude: 100.5200413

     

    ข้อมูลจาก กะฉ่อนพาเที่ยว


    • Update : 21/5/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch