คําภีร์มหาศาสตราคม ดาบฟ้าฟื้นของขุนแผน ลุประมาณปีพุทธศักราช 167 เมื่อขุนแผนได้กุมารทองแล้ว
เกิดความคิดตีดาบไว้ปราบศรัตรู จึงไปหาเหล็กสําหรับทํามีดตามที่ระบุไว้ ในคําภีร์มหาศาสตราคมมาจน
ครบถ้วนคือ เอาเหล็กยอดพระเจดีย์มหาธาตุ ยอดประสาททวารามาประสม เหล็กขนันผีพรายตายทั้งกลม
เหล็กตรึงโลงตรึงปั้นลมสลักเพชร หอกสําฤทธิ์กริชทองแดงพระแสงหัก เหล็กปฏักสลักประตูตาปูเห็ด
พร้อมเหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด เหล็กบ้านพร้อมเสร็จทุกสิ่งแท้ เอาเหล็กไหลเหล็กหล่อบ่อพระแสง
เหล็กกําแพงนําพี้ทั้งเหล็กแร่ ทองคําสําฤทธิ์นากอะแจ เงินที่แท้ธาตุเหล็กทองแดงคงยังได้รวมด้วยเหล็ก
สารพัดบิ่น สารพัดหักอีก108ชนิดมาร่วมด้วย เมื่อได้เหล็กมาพร้อมแล้ว จึงตั้งมณฑลพิธีล้อมด้วย
ราชวัฏฉัตรธงทั้ง4มุม ตรงกลางตั้งพิธีดาดด้วยผ้าขาว ลงยันต์เพดานทั้งหน้าหลัง แล้วหาเครื่องกระยาสังเวย
สําหรับบูชาเทพยดาอารักษ์และครูบาอาจารย์ ผู้ประสิทธิ์ประสาทอันประกอบด้วย มัจฉะมังษาหาร
6ประการ พร้อมเครื่องกระยาบวช ขนมแห้ง ขนมหวานอีกผลไม้9 อย่าง เทียนเงินเทียนทองหนัก4บาท 1 คู่
เมื่อได้วันดีคือวันเสาร์ขึ้น 15 คํา จึงบูชาครูบาอาจารย์และเทพยดาฟ้าดิน จึงเริ่มพิธีตีดาบขึ้นทันที
เอาสูบทั่งตั้งไว้ในพิธี เอาถ่านที่ต้องย่างวางในนั้น ช่างเหล็กมีฝีมือลือทั้งกรุง ผ้าขาวนุ่งผ้าขาวห่มดูคมสัน
วงสายสิญจ์เศกลงเลขยันต์ คนสําคัญคอยดูซึ่งฤกษ์ดี ครั้นได้พิชัยฤกษ์ราชฤทธิ์ พระอาทิตย์เที่ยงฤกษ์ราชสีห์
ขุนแผนสูบเหล็กให้แดงดี นายช่างตีรีดรูปให้เรียวปลาย ที่ตรงกลางกว้างงามสามนิ้วกึ่ง ยาวหนึ่งศอกกํามา
หน้าลูกไก่ เผาชุบสามแดงแทงตะไบ บัดเดี๋ยวใจเกลี้ยงพลันเป็นมันยับแล้วลงกั่นดาบข้างแบน ด้วยคาถา
บารมีพระพุทธเจ้าคือ อายันตุโภนโต อิธะทานะ สีละเนกขัมมะ ปัญญา สะหะวิริยะขันติ สัจจาธิฎฐานะเมตตุ
เปกขา ยุทธายะโว คัณหะถะอาวุธานิ/ ลงกั่นดาบด้านสัน ด้วยพระคาถาหัวใจพระยาสมาสดังนี้ นานามุสะระ
หะระ บัพพะตะคะรุ กะลิงคะระ สะระธนู คะทาสิโต มาระหัตถา มาระคะนาเอาทองแดงที่ใช้สําหรับห่อหุ้มกั่น
ดาบมาลงถมด้วยพระคาถา นวหรคุณ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ 108 ครั้ง แล้วลงถมด้วยพระคาถาต่างอีก
พระคาถาพุทธนิมิตร์ ลงถม9ครั้ง พุทธัสสะ อิธิพุทธัสสะ พุทธะนิมิตตัง ปฏิมานะพุทโธ ธาตุพุทโธ นิมิตตะพุทโธ
กายะพุทโธ สูญญะพุทโธ เอคะตานัง กายะรูปะสูญยัง พุทธะนิมิตตัง อิทธิฤทธิ์พุทธะ นิมิตตังลงถมอีก9ครั้งด้วย
คาถา อะสิสัตติ ธนูเจวะ สัพเพเตอาวุทธานิจะ ภัคคะภัคคา วิจุณณานิ โลมังมาเมนะผุสสันติ/ ตามด้วยคาถา
พรหมสี่หน้าลงถมอีก9ครั้งว่า สหัสสะสีเส ปิเจโปโส สีเสสีเส สะตังมุกขา มุกเข มุกเข สะตังชิวหา
ชีวะกัปโป มหิทธิโก นะสักโกติ จะวัณเณตุง/ ตามด้วยคาถาลงถมอีก9ครั้งบารมี30ทัศน์ ว่าอิติปารมิตาติงสา
อิติสัพพัญญูมาคะตา อิติโพธิมนุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโมลงถมด้วยคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า9ครั้งว่า อิติปิโส
วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะตังโสอิอิโสตังพุทธะปิติอิ/ และตามด้วยอรหันต์8ทิศ9ครั้งว่า
อิระชาคะตะระสา ติหังจะโตโรถินัง ปิสัมระโลปุสัตพุท โสมาณะกะริถาโธ ภะสัมสัมวิสะเทภะ คะพุทปันทูทัม
วะคะ วาโธโนอะมะมะวา อะวิสุนุสานุติ/ แล้วตามด้วย พุทธังกันตัง ธัมมังกันตัง สังฆังกันตัง พุทธังสิทธิ
ธัมมังสิทธิ สังฆังสิทธิ/9ครั้ง แล้วลงถมตามด้วยคาถา นะผุด ผัดผิด ปฏิเสวามิ 9 ครั้งแล้วจึงลงประทับด้วย
คาถานี้อีกครั้งหนึ่งว่า สัตถาธะนุง อากัตถิตุง ทัตวา วิสัชเชตุง นาทาสิ ( บทนี้เมื่อลงให้ผ่อนลมหายใจออก
ลงจบเดียว ) กัณหะเนหะ หายใจเข้า พุทธังปัจจุขาด ธัมมังปัจจุขาด สังฆังปัจจุขาด ( หายใจเข้าออก สลับกัน
ไปทีละบท ) สําหรับแผ่นทองแดงด้านหลังนั้นลงประทับด้วยพระคาถานี้ อะระหัง สุคะโต ภะคะวา
ลงถม9ครั้ง แล้วตามด้วย นะโมพุทธายะ อิติปาระมิตาติงสา โนวะปะตานุภาเวนะ มาระเสนา อะติกกันตา
มาระนิทรา ทัสสะปาระมิตา ทะมาระนิทรา ปาระชังฆานิทรา ทัสสะปาระมิตา โลหะกันตา นามะเตนะโม
มาตาปิตุพุทธะคุณัง สัพพะสัตรูวิธังเสนตุ อะเสสะโต เอวังทัสสะวัณโณ ปฏิฐิตัง จักรวาฬะ สัพพะสัตตานุ
ภาเวนะ มาราโมระอะติกกันตา ทัสสะพรหมมานุภาเวนะ สัพพะสัตรูวินาสสันติเมื่อลงทองแดงห่อกั่นดาบแล้ว
จึงเอาเกษร108 และยามุกใหญ่มาบดให้ละเอียด เพื่อบรรจุในด้าม (ยามุกใหญ่คือยาสารพะดอย่าง ) หินซึ่ง
ใช้บดยานั้นลงด้วยพระคาถา มหาโสฬสมงคล ลงถม9ครั้ง ตามด้วยคาถาหัวใจพระธรรมเจ็ดคําภีร์9ครั้ง
คาถาพรหมสี่หน้า9ครั้ง คาถาพุทธนิมิต9ครั้ง คาถาพระเจ้า16พระองค์9ครั้ง คาถาอะระหันต์8ทิศ9ครั้ง
คาถาบารมี30ทัศน์9ครั้ง คาถาหัวใจสนธิ งะญะนะมะ 9ครั้ง คาถาพระกรณีย์ จะภะกะสะ 9ครั้งขณะบดยา
ให้ภาวนาพระคาถานี้ งะญะนะมะ จะภะกะสะ อะระหังสุคะโตภะคะวา นะมะพะทะ อิกะวิติ อิสวาสุ นะโม
พุทธายะ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ ปะติลิยะติ พุทธังสิทธิ ธัมมังสิทธิ สังฆังสิทธิ จนกว่าจะบดยาเสร็จด้ามมีดให้
ใช้ไม้ ชัยพฤกษ์ แกะเป็นรูปท้าวเวสสุวรรณ เขียนคาถาเป็นตัวเลข ลงที่องค์ท่าน ลงเลข3ตรีนิสิงเหที่ปาก
ท้าวเวสสุวรรณ ว่าด้วยสูตรคือ มะอะอุตรีนิสิงเห ลงเลข7ที่ตาทั้งสองของท่านว่าสูตรสะธะวิปิปะสะอุ
สัตตะนาเค ลงเลข5ที่อกของท่านว่า อาปามะจุปะปัญจะเพชรฉลูกัญเจวะ ลงเลข4ที่หัวไหล่ทั้งสองของท่านว่า
นะมะพะทะจัตตุเทวา ลงเลข6 ที่ขาทั้งสองของท่านว่า อิสวาสุฉอวัชชะราชา ลงเลข5ที่ด้านหลังท่านว่า
ทีมะสังอังขุปัญจะ อินทรานะเมวะจะ ลงเลข1 ที่ตาตุ่มทั้งสองข้างว่า มิเอกะยักขา ลงเลข9 ที่ศรีษะท่านว่า
อะสังวิสุโลปุสะพุภะนวะเทวา ลงเลข5 ที่แขนซ้ายว่า สหะชะตะตรีปัญจะพรหมาสะหะบดี ลงเลข5 ที่แขนขวาว่า
นะโมพุทธายะ ปัญจะพุทธานะมามิหัง ลงเลข2 ที่ศอกทั้งสองข้างว่า พุทโธทะเวราชา ลงเลข8 ที่สะโพกทั้งสองข้าง
ว่า เสพุเสวะเสตะอะเส อัฏฐะอะระหันตาใช้พระคาถาท้าวเวสสุวรรณลงด้ามมีดให้ทั่วว่า
เวสสุวรรโณมหาราชา สัพเพเทวาเสเจวะ อาฬะวะกาทะโย ปิจะขัคคัง ตาละปัตตัง ทิสวา สัพเพยักขา
ปะลายันติ เวสสุวรรโณมหาราชา จัตตุโลกะปาลายัสสะสิโน อิติภูตา มหาภูตา สัพเพยักขาปะลายันติ
ลงกระบองท้าวเวสสุวรรณด้วย นะโมพุทธายะ
สิทธิการิยะ ผู้ใดได้มีวาสนามีศาสตราวุธเล่มนี้แล้ว จะประเสริฐทุกประการ ปราบปรามศัตรูและภูติผีปิศาจ
ได้ทุกชนิด แม้เข้าผจญสงครามก็ได้ชัยชนะต่อข้าศึก ใช้สะกดคนเป็นมหาจังงังอย่างแท้จริง ติดตัวไว้สารพัด
คงกะพันชาตรีจากอาวุธทั้งปวง เรียกได้ว่าเป็นมีดมหาปราบ/ อนึ่งยาที่เหลือจากการบรรจุด้ามมีดนั้น เอามา
ผสมกับรักปั้นเป็นองค์พระภควัมบดี(พระปิดตา) ไว้ติดตัวเป็นมงคลอย่างประเสริฐ/ อนึ่งตํารามีดมหา
ศาสตราคมนี้เป็นของจริง ผู้ที่จะสร้างต้องเป็นสาธุชนคนดี จึงจะมีความเจริญ ถ้าเป็นมิจฉาชนคนชั่ว
แล้วก็ไม่จักเกิดประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น โบราญจารย์ผู้เป็นเจ้าของตํารานี้ได้สาปแช่งไว้อย่างรุนแรงถ้าผู้มีมีด
นี้ทําชั่ว
ลงไว้เป็นวิทยาทานแก่อนุชนรุ่นหลัง
แว่นวัดอรุณ
ข้อมูลจาก กะฉ่อนพระเครื่อง