ทีมแพทย์เฝ้าจับตา 30 วันอันตรายอาการ "พ่อคูณ" แจงต้องประเมินชั่วโมงต่อชั่วโมง ปัดติดเชื้อในกระแสเลือดแทรกซ้อน
กรณีพระเทพวิทยาคมหรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เข้ารับการรักษาอาการอาพาธ เนื่องจากอาพาธติดเชื้อวัณโรคปอด ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา และแพทย์ได้ให้ยาฆ่าเชื้อ จนเกิดอาการข้างเคียง ฉันอาหารไม่ได้ และมีตับอักเสบแทรกซ้อน จนทำให้มีอาการอ่อนเพลีย และต้องให้อาหารเหลวทางสายยางผ่านโพรงจมูกลงไปยังกระเพาะอาหาร และเฝ้าประเมินอาการทุกชั่วโมง ท่ามกลางความห่วงใยของลูกศิษย์ลูกหาทั่วประเทศ เนื่องจากห่วงใยหลวงพ่อคูณ ที่นอนรักษาอาการอาพาธที่โรงพยาบาลมานาน 13 วันแล้ว แต่อาการกลับยังไม่ดีขึ้น ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 16 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา หลวงพ่อคูณ ยังคงนอนหลับพักผ่อนอยู่บนเตียงคนไข้ ภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ 9821 ชั้น 8 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.มหาราชนครราชสีมา โดยมีลูกศิษย์ใกล้ชิดหลายคนคอยสับเปลี่ยนหมุนเวียนเฝ้าปรนนิบัติตลอดเวลา จนกระทั่งช่วงเช้าหลวงพ่อคูณ ได้ตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ยังไม่สามารถลุกจากเตียงคนไข้ได้ เนื่องจากมีอาการอ่อนเพลีย แต่ยังรู้สึกตัวดี และต้องปฏิบัติกิจวัตรประจำวันอยู่บนเตียงคนไข้ แต่ไม่พูดคุยทักทายกับใคร
จากนั้นลูกศิษย์ได้พาหลวงพ่อคูณ ทำกายภาพบำบัด โดยการยกแขนและขาขึ้นลงประมาณ 5 นาที ขณะที่บุรุษพยาบาลที่มาเฝ้าดูแลได้ถวายอาหารเหลว และอาหารเสริมทางสายยาง โดยหลวงพ่อคูณ รับอาหารได้มาก จนรู้สึกอิ่มท้อง ก่อนฉีดยาเข้าทางเส้นเลือดดำ และให้ยาเม็ดฉันอีกหลายขนาน ก่อนจะนอนหลับพักผ่อนอยู่ตามลำพัง
ต่อมาเวลา 09.20 น. นพ.สุรินทร์ แซ่ตั้ง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบสมอง หนึ่งในทีมแพทย์ผู้ให้การรักษาหลวงพ่อคูณ ได้เข้ามาตรวจร่างกายอาการหลวงพ่อคูณ โดยมีกลุ่มผู้สื่อข่าวจากหลายสำนัก ที่มาเฝ้ารอรายงานข่าวความคืบหน้าอาการอาพาธของหลวงพ่อคูณ อย่างใกล้ชิด แต่คณะลูกศิษย์ได้แจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า ทางผอ.รพ.มหาราชนครราชสีมา และพล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ ประธานคณะกรรมการวัดบ้านไร่ ได้สั่งห้ามสื่อมวลชนบันทึกภาพของหลวงพ่อคูณ เนื่องจากการรายงานข่าวที่ปรากฏภาพออกสู่สาธารณะ เป็นภาพที่ไม่สวยงาม ดูคล้ายกับว่าหลวงพ่อคูณ มีอาการทรุดหนัก และอ้างว่ามีผู้ไม่หวังดีสร้างข่าวลือว่าหลวงพ่อคูณมรณภาพแล้ว จนทำให้สร้างความสับสนแก่ประชาชนทั่วไป จึงสั่งห้ามผู้สื่อข่าวไม่ให้เข้าไปภายในห้องพักของหลวงพ่อคูณ พร้อมปิดประตูปิดม่านไว้อย่างมิดชิดกันผู้สื่อข่าวถ่ายภาพ
จากนั้น นพ.พินิศจัย นาคพันธ์ แพทย์ประจำตัวหลวงพ่อคูณ ได้เข้ามาตรวจผลการรักษาทางรายงานในคอมพิวเตอร์ ก่อนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า อาการโดยรวมของวันนี้ถือว่าดีขึ้น เมื่อเทียบกับเมื่อ 2 วันก่อน ที่หลวงพ่ออาการแย่ลง เนื่องจากผลข้างเคียงจากการให้ยาฆ่าเชื้ออย่างเข้มข้น และจากตัวของวัณโรค อีกทั้งยังมีตับอักเสบเล็กน้อย จนทำให้ดูแย่ลง ทางแพทย์จึงเปลี่ยนตัวยาสูตรใหม่ จากเดิมเป็นยาฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพสูง แต่มีอาการข้างเคียงค่อนข้างมาก ส่วนยาสูตรใหม่เป็นยาฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพลดลงมา แต่ผลข้างเคียงน้อยกว่า และหลังจากนี้อีก 3-4 วัน จึงจะประเมินได้ว่าหลวงพ่อคูณ ตอบสนองต่อยาตัวใหม่มากน้อยแค่ไหน
"ที่ผ่านมาหลังตรวจพบเชื้อวัณโรคและให้ยามาแล้ว 1 สัปดาห์ อาการทั่วไปดูไม่ค่อยดี ซึ่งอยู่ในช่วง 30 วันอันตราย ที่ต้องเฝ้าระวังและดูแลอย่างใกล้ชิด ต้องประเมินอาการทุกชั่วโมง แต่แนวทางการรักษาโดยรวมแล้วถือว่า เรายังรับมือได้ ไม่จำเป็นต้องส่งตัวไป รพ.ศิริราช เพราะตอนนี้เราก็ปรึกษากับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากศิริราชและรามาธิบดีตลอด วันนี้เท่าที่ดูอาการรวม ๆ แล้ว ดูท่านดีขึ้น รับอาหารเหลวได้มากทำให้ดูสดชื่นกว่าทุกวัน ส่วนระบบร่างกายอื่น ๆ ทั้งระบบหายใจ ระบบขับถ่าย และการรู้สึกตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเป็นปกติ ตอนนี้เริ่มทำกายภาพบำบัด ซึ่งหลวงพ่อก็ให้ความร่วมมือดี และจากการเอกซเรย์ปอดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ปรากฏว่าปอดเริ่มดีขึ้น น้ำในปอดลดลง" นพ.พินิศจัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่าหลวงพ่อคูณมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดแทรกซ้อนเข้ามาอีก นพ.พินิศจัย กล่าวยืนยันว่า เป็นข่าวสับสน ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ส่วนประเด็นการห้ามถ่ายภาพ เพราะว่าหลวงพ่อคูณอาการหนักนั้น จะต้องเข้าใจความรู้สึกของหลวงพ่อด้วยว่า ท่านอยากให้ภาพแบบนั้นออกไปหรือไม่.