|
|
รามเกียรติ์ 15
ศึกแสงอาทิตย์
- รุ่งขึ้นทศกรรฐ์ให้แสงอาทิตย์ลูกพระยาขร ที่มีแว่นแก้วสุรกานต์ส่องผู้ใดต้องตาย ยกทัพไปรบพร้อมกับจิตรไพรีผู้เป็นพี่เลี้ยง แต่แว่นนั้นอยู่ที่พระพรหม พิเภกทูลพระรามว่า เมื่อแสงอาทิตย์มารบก็จะให้จิตรไพรีขึ้นไปเอาแว่น พระรามได้ให้องคตแปลงเป็นจิตรไพรีไปเอาแว่นมา เมื่อแสงอาทิตย์รบกับพระราม เพลี่ยงพล้ำคิดว่า อาวุธทั้งหลายคงใช้ไม่ได้ ให้จิตรไพรีขึ้นไปเอาแว่นวิเศษจากพระพรหม พระพรหมว่ามาเอาไปแล้ว เหตุใดจึงขึ้นมาเอาอีก จิตไพรีกลับมาบอก แสงอาทิตย์รู้ว่าเสียทีแก่ศัตรู ภายหลังต้องศรพรหมมาสตร์ของพระรามตาย
|
- ทศกรรฐ์เกิดความมานะขึ้นว่า ตนก็มีฤทธิ์ปราบได้ถึงสวรรค์จะคอยพึ่งแต่ญาติก็อดสูใจ จึงยกทัพไปรบกับพระราม ไม่แพ้ไม่ชนะ
- เมื่อกลับเข้ากรุงลงกาแล้วก็คิดว่า แม้ว่าตนจะยกทัพไปรบกับพระรามเป็นครั้งที่สอง จนญาติวงศ์ยักษ์ที่อาสาการศึกตายไปเป็นจำนวนมาก แต่เอาชนะศัตรูไม่ได้ก็ท้อใจ นางมณโฑทูลให้ ท้าวสัตลุง และตรีเมฆลูกพระยาตรีเศียรไปรบ ท้าวสัตลุงถูกฆ่าตาย ส่วนตรีเมฆหนีไปบาดาล แต่พระยากาลนาคไม่ยอมให้อยู่ที่บาดาล ให้ไปอยู่ที่ท้องสมุทรเนินเขาจักรวาล โดยซ่อนอยู่ในเม็ดทราย
|
ทศกรรฐ์ทำพิธีอุโมงค์
|
- พระรามให้หนุมานตามไปฆ่าตรีเมฆ ทศกรรฐ์เสียใจมาก นางมณโฑทูลให้ทศกรรฐ์ส่งนางสีดาคืน ทศกรรฐ์ไม่ยอม
- รุ่งขึ้นทศกรรฐ์ได้ให้เปาวนาสูรขุดอุโมงค์ใต้เขานิลกาฬ เพื่อทำพิธีชุบตัว ขณะทำพิธีให้เอาหินปิดปากอุโมงค์ และเอาทรายกลบไว้ เมื่อครบเจ็ดวันจึงค่อยเปิดปากอุโมงค์
|
- ฝ่ายพระรามไม่เห็นยักษ์ยกทัพมา และรู้ว่าทศกรรฐ์ชุบตัวให้เป็นเพชรอยู่ยงคงกระพัน เอานิ้วชี้ใครต้องตาย ก็ให้สุครีพ หนุมาน นิลนน ไปทำลายพิธี เมื่อมาถึงอุโมงค์ไม่สามารถเปิดอุโมงค์ได้ กลับไปถามพิเภก พิเภกให้เอาน้ำล้างเท้าสตรีมาราด หนุมานไปหานางเบญจกาย เพื่อเอาน้ำล้างเท้าราดเปิดปากอุโมงค์ได้ ทศกรรฐ์ตกใจลืมตาขึ้นรู้ว่าถูกทำลายพิธี แต่ทศกรรฐ์สะกดใจไม่โกรธตอบ ทำพิธีต่อ หนุมานจึงไปอุ้มนางมณโฑมา แล้วแกล้งเย้าหยอกต่อหน้าทศกรรฐ์ ทศกรรฐ์ตบะแตกเลิกพิธี สามวานรก็เหาะกลับไปเขามรกต
ศึกสัทธาสูร และวิรุญจำบัง
|
- ทศกรรฐ์ให้สัทธาสูรและวิรุญจำบัง ลูกพระยาทูษณ์ไปรบ หนุมานออกอุบายให้การขออาวุธจากเทวดาของสัทธาสูรไม่เป็นผล ผลที่สุดสัทธาสูรถูกหนุมานฆ่าตาย ส่วนวิรุญจำบังสู้ไม่ได้ จึงทำอุบายเพื่อจะหนี ได้เอาผ้ามาทำเป็นพยนต์ขี่ม้ามาต่อสู้แทนและตนหนี ต่อมาพระรามรู้ว่าวิรุญจำบังที่รบอยู่ไม่ใช่ตัวจริง ก็แผลงศรพาลจันทร์เป็นข่ายเพชรล้อมผ้าพยนต์ แล้วให้หนุมานตามไปฆ่า พบนางวานรินทร์ นางบอกทางให้
|
หนุมานเหาะไปสุดเขาสัตภัณฑ์พบฟองน้ำใหญ่จึงจับไว้ วิรุญจำบังกลายเป็นรูปเดิมเข้าต่อสู้ แต่แพ้ได้แหวกน้ำไปอยู้ใต้ดินดาล หนุมานตามจนพบจับวิรุญจำบังฟาดกับเขาตาย
ท้าวมาลีวราชว่าความ
|
- ทศกรรฐ์แค้นใจมาก คิดถึงท้าวมาลีวราชผู้เป็นปู่ ซึ่งมีวาจาประกาศิต และมีความเที่ยงธรรม ที่ภูเขายอดฟ้า ควรจะเชิญมาลงกาและกล่าวโทษพระรามพระลักษมณ์ เมื่อท้าวมาลีวราชเชื่อพระรามพระลักษมณ์จะแพ้ พร้อมกับให้นนยวิกและวายุเวกไปเชิญท้าวมาลีวราชมา ท้าวมาลีวราชมีความสงสัย จึงถามนนยวิกวายุเวก ว่า
|
"....... |
|
อันลักษมณ์รามพี่น้องเป็นไฉน |
เขาอยู่ถิ่นฐานเมืองใด |
|
สุริยวงศ์พงศ์ไหนจึงอาจนัก |
อันว่าทศเศียรอสุรี |
|
ฤทธีปราบได้ทั้งไตรจักร |
ถึงเทวินอินทรพรหมยมยักษ์ |
|
ก็เกรงศักดาเดชกุมภัณฑ์ |
ทั้งกรุงลงกามหานิเวศน์ |
|
พระสมุทรเป็นเขตคูกั้น |
กว้างลึกล้อมรอบเป็นขอบคัน |
|
ข้าศึกนั้นข้ามมาอย่างไร |
หรือเขารู้เดินน้ำดำดิน |
|
เหาะบินมาได้หรือไฉน |
สาเหตุเพทพาลประการใด |
|
จึงตั้งใจเคี่ยวฆ่าราวี " |
- นนยวิกและวายุเวก จึงเล่าตามคำเสี้ยมสอนของทศกรรฐ์ พร้อมกับว่าทั้งสองคนเป็นมนุษย์มีฤทธิ์อำนาจด้านการใช้ศร ได้คุมพลลิงจองถนนข้ามไปลงกา แล้วอ้างเป็นสามีนางสีดามาฆ่าเหล่ายักษ์
|
- ท้าวมาลีวราชจึงรู้ว่าพระรามและพระลักษมณ์ เป็นโอรสท้าวทศรถและท้าวอัชบาลก็เคยเป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อน และได้ก่อสงครามขึ้นเพราะ ผู้หญิง ควรจะไปเกลี้ยกล่อมให้เป็นมิตรทั้งสองฝ่าย จึงยกทัพมาพักบริเวณสมรภูมิเพื่อตัดสินความ
|
" ....... ใกล้ถึงลงกากรุงไกร |
|
ภูวนัยถวิลจินดา |
แม้นกูจะเข้าไปยังเมืองยักษ์ |
|
พระรามพระลักษมณ์จะกังขา |
ถ้าไปเข้าข้างทัพอยุธยา |
|
ทศพักตร์ยักษาจะน้อยใจ |
จำจะหยุดอยู่แต่ในที่รบ |
|
ตามขนบตัวกูเป็นผู้ใหญ่ |
จะไปหาที่สมรภูมิชัย |
|
อย่าให้นินทาเป็นราคี " |
- แม้ว่าทศกรรฐ์จะยกทัพมาเชิญเสด็จเข้าเมืองก็ไม่ยอมเข้า เพราะเกรงจะเป็นข้อครหาว่าเข้าข้างฝ่ายทศกรรฐ์ แล้วเชิญเหล่าเทพยดามาประชุมเป็นสักขีพยาน
- ทศกรรฐ์ชี้แจงว่า ได้ไปเที่ยวป่าพบกับนางสีดา ไม่มีบิดามารดาและคู่ครอง จึงรับมาเลี้ยงที่สวนขวัญ ต่อมามีมนุษย์ชื่อรามและลักษมณ์ คุมวานรสร้างถนนข้ามมาลงกา อ้างตัวว่าเป็นผัวและฆ่าเหล่ายักษ์ตายลงเป็นอันมาก ท้าวมาลีวราชฟังทศกรรฐ์กล่าวโทษอีกฝ่ายหนึ่ง จึงให้พระวิศณุกรรมไปเชิญพระรามกับพระลักษมณ์ ชี้แจงด้วยความยุติธรรม
- พระรามได้เล่าให้ฟังตามความเป็นจริง ท้าวมาลีวราชฟังแล้วไม่รู้ว่าใครถูกใครผิด จึงให้ไปตามนางสีดามาไต่สวนด้วย ท้าวมาลีวราชเห็นนางสีดาก็ประจักษ์แก่ใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
- เมื่อนั้น
|
|
ท้าวมาลีวราชรังสรรค์ |
เห็นนางสีดาวิลาวัณย์ |
|
งามดั่งดวงจันทร์ไม่ราคี |
มาตรแม้นถึงองค์พระอุมา |
|
นางสุชาดาโฉมศรี |
นางสุจิตราเทวี |
|
สุนันทานารีอรทัย |
ทั้งสุธรรมานงคราญ |
|
จะเปรียบปานเยาวมาลย์ก็ไม่ได้ |
ทั่วสวรรค์ชั้นฟ้าสุราลัย |
|
ไกลกันกับโฉมนางสีดา |
กระนี้แหละหรือทศกรรณฐ์ |
|
จะไม่ผูกพันเสน่หา |
พาทั้งโคตรวงศ์ในลงกา |
|
แสนสุรีโยธาวายปราณ |
แต่กูผู้ทรงทศธรรม์ |
|
ยังหวาดหวั่นเคลิ้มไปด้วยสงสาร |
หากมีอุเบกขาญาน |
|
จึงประหารเสียได้ไม่ไยดี |
- เมื่อเห็นว่าคำให้การของพระรามและนางสีดาสอดคล้องกัน รวมทั้งเหล่าเทวดาในที่นั่นก็ยืนยันว่าเป็นสัตย์จริง แต่ทศกรรฐ์ได้ทูลว่า เหล่าเทวดาทั้งหลายเกลียดชังตน และที่พระรามมาก่อสงครามที่เมืองยักษ์นั้น พระอินทร์ยังประทานรถเวชยันต์พร้อมพระมาตุลีให้ เมื่อมาเป็นพยานก็คงจะต้องดลใจให้นางสีดาพูดตามพระราม ท้าวมาลีวราชโกรธทศกรรฐ์ที่โกหก จึงให้ส่งนางสีดาคืน
" ซึ่งเอ็งกล่าวหาทุกข้อ |
|
ล้วนแกล้งติดต่อให้เหมาะมั่น |
สืบสวนก็ไม่ได้เป็นสัตย์ธรรม |
|
สารพันทรลักษณ์อัปรีย์ |
เห็นจริงว่าตัวบังอาจ |
|
ไปลอบลักอัครราชมเหสี |
ขององค์พระรามจักรี |
|
อสุรีเร่งส่งนางสีดา " |
- ทศกรรฐ์ไม่ยอมคืนนางสีดา ยกทัพกลับลงกาโดยไม่ไหว้ลาท้าวมาลีวราช ด้วยความแค้นที่ได้กล่าวประจานตนให้อับอาย
|
Update : 17/5/2554
|
|