|
|
รามเกียรติ์ 11
กำเนิดมัจฉานุ
|
- ทศกรรฐ์รู้ข่าวการจองถนน คิดถึงภัยข้างหน้า จึงให้นางสุพรรณมัจฉาบุตรี นำเหล่าบริวารปลาขนหินไปทิ้งกลางทะเลลึกไม่ให้ถนนเสร็จได้ จนเป็นที่ผิดสังเกตของสุครีพว่า ทิ้งหินลงไปมาก แต่ยุบหายไปหมด ให้หนุมานลงไปดูก็พบนางสุพรรณมัจฉาและได้นางเป็นเมีย นางจึงช่วยขนหินกลับมาตามเดิม ถนนจึงเสร็จ ต่อมานางสุพรรณมัจฉาคลอดลูกเป็นมัจฉานุ
|
- ฝ่ายไมยราพที่ครองเมืองบาดาล ฝันว่ามีเทวดา นำแก้วใสสว่างมาให้ โหรทำนายว่าจะได้บุตรบุญธรรมผู้มีฤทธิ์ ต่อมาเทวดาดลใจให้ออกไปประพาสป่าพบมัจฉานุ จึงได้พามัจฉานุไปเลี้ยงไว้ที่เมืองบาดาล
- เมื่อถนนเสร็จ พระราม พระลักษมณ์ ก็นำทัพไปลงกา ทศกรรฐ์รู้ว่าพระรามยกทัพมา จึงสั่งให้ภานุราช ไปเนรมิตชัยภูมิที่เหมาะแก่การตั้งทัพ หากพระรามยกมาตั้งที่นั่น ก็ให้พลิกแผ่นดินเสีย
|
|
|
- ฝ่ายพระราม เมื่อถึงลงกา ได้ให้ประคนธรรพ์ดูเลตั้งทัพ เห็นป่าเนรมิตก็ชอบ พระรามสงสัยจึงถามพิเภก พิเภกทูลว่าที่กรุงลงกาไม่มีป่าอย่างนี้ น่าจะเป็นอุบาย พระรามให้หนุมานไปดู หนุมานดูแล้วก็รู้ว่าเป็นกลของยักษ์ เพราะในป่ามีผลไม้สุกแต่ไม่มีนก น่าจะมีศัตรูอยู่ใต้พื้นดิน จึงแทรกแผ่นดินไปพบภานุราช เอามือแบกแผ่นดินไว้ ได้ต่ดสู้กัน ถูกหนุมานฆ่าตาย พระรามโกรธ ไล่ประคนธรรพ์ไปเนื่องจากเสียรู้ข้าศึก
|
องคตสื่อสาร- ฝ่ายพิเภกได้ทูลว่า เขามรกต มีชัยภูมิเหมาะแก่การตั้งทัพ ด้วยไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองลงกา และยังถูกต้องตามตำราพิชัยสงคราม แต่มียักษ์กุมภาสูรเฝ้าอยู่ พระรามให้หนุมานไปปราบ แล้วเคลื่อนทัพไปที่เขามรกต แล้วทรงปรึกษาพระยาวานรว่า ควรจะยกกำลังเข้ารบเหล่ายักษ์เลยหรือไม่ สุครีพและเหล่าวานรจึงทูกว่า น่าจะส่งทูตเข้าไปเจรจากับทศกรรฐ์ก่อน หากไม่ยอมส่งนาสีดามา จึงจะยกทัพเข้าโจมตี
|
พระรามให้องคตผู้ซึ่งมีสติปัญญารอบคอบ และมีลิ้นการทูต ถือสาสน์ไปหาทศกรรฐ์ เมื่อไปถึงเมือง พลยักษ์ไม่ยอมเปิดประตูรับ องคตจึงร่ายเวทเนรมิตตนให้สูงใหญ่ เอามือปิดดวงอาทิตย์มืดครึ้มไปทั้งเมือง ทศกรรฐ์รู้ว่าเป็นลูกนางมณโฑกับพระยาพาลี แต่จะไม่ต้อนรับก็ไม่ได้ ขณะที่อยู่ต่อหน้าทศกรรฐ์ไม่ไหว้ แล้วม้วนหางให้สูงเท่ากับบัลลังก์ทศกรรฐ์ แล้วว่าพระรามให้ถือสาสน์มาให้ทศกรรฐ์คืนนางสีดา |
ทศกรรฐ์จึงว่า พระรามฆ่าพ่อตายยังไปเป็นข้ารับใช้ องคตจึงกล่าววาจายอกย้อนเกี่ยวกับเรื่องในอดีต ทศกรรฐ์โกรธให้เหล่ายักษ์จับองคต แต่ถูกองคตฆ่าตาย แล้วจึงเหาะกลับมาหาพระราม
สุครีพหักฉัตร
- ทศกรรฐ์แค้นใจมากที่องคตฆ่าเสนาตาย และยังกล่าวประจานตนไว้มาก จะติดตามฆ่าก็ทำไม่ได้ เพราะไพร่พลวานรมีมากมาย จึงให้ยกฉัตรขึ้นบังดวงอาทิตย์ ทำให้เมืองลงกามืดมิด จะได้ฆ่าพลวานรได้สะดวก ส่วนพระรามได้ยินเสียงไพร่พลวานรร้องกันอื้ออึง ทั้งยังมืดมิดก็แปลกใจ ถามพิเภกจึงรู้ว่า เป็นเพราะทศกรรฐ์ยกฉัตรขึ้นบังแสงอาทิตย์ ฝ่ายพระรามมองไม่เห็น แต่ฝ่ายทศกรรฐ์มองเห็น พระรามจึงให้สุครีพไปหักฉัตร พร้อมกับเอามงกุฎของทศกรรฐ์กลับมาถวายพระราม
|
|
ศึกไมยราพ - ฝ่ายทศกรฐ์อับอายและแค้นใจมาก คิดจะให้ไปลอบฆ่าพระรามและพระลักษมณ์เสีย จะได้ไม่ต้องยกทัพไปรบ เปาวนาสูร จึงทูลว่า ควรไปเชิญไมยราพซึ่งชำนาญในการล่องหนหายตัวและมีมนต์สะกด มาช่วยให้เข้าไปลอบฆ่าทศกรรฐ์ให้ได้ นนยวิกวายุเวก ไปเชิญไมยราพมาช่วย ไมยราพได้มาเฝ้าทศกรรฐ์ที่ลงกา แล้วรับปากกับทศกรรฐ์ว่าจะไปฆ่าพระรามและพระลักษมณ์ ให้
|
- ไมยราพได้ตั้งพิธีหุงยาขึ้นที่เขาสุรกานต์ ได้ยาที่มีคุณลักษณะเป็นสัตว์ร้ายชนิดต่าง ๆ หากเอายาทาทั่งร่างกายก็จะหายตัวได้ ต่อมาไมยราพได้ฝัน เมื่อโหรทำนายว่า ไวยวิกผู้เป็นญาติจะได้ครองเมืองบาดาล ไมยราพจึงให้ขังไวยวิกและนางพิรากวนผู้เป็นแม่ไวยวิกไว้ เมื่อเสร็จศึกก็จะกลับมาฆ่า
|
- ส่วนพระรามก็ฝันเช่นเดียวกัน พิเภกทำนายว่าพระรามจะถูกไมยราพหลานทศกรรฐ์ ลักพาไปยังเมืองบาดาล แต่จะไม่ได้รับอันตราย หนุมานจึงขออาสาป้องกันด้วยการมายืนกลางกองทัพ แปลงกายให้ใหญ่เท่าเขาจักรวาล หยั่งลึกลงถึงพื้นมหาสมุทร ใช้หางพันไว้เป็นปราการล้อมกองทัพไว้ แล้วอมพลับพลาพระราม และพระลักษมณ์อยู่ที่อก ใช้ปากเป็นช่องประตู ลิ้นเป็นบานประตู บรรดาทหารเอกก็แบ่งหน้าที่กันรักษาพระราม
|
Update : 17/5/2554
|
|