ประวัติปลัดขิกของพระคณาจารย์ดังในอดีต
พระคณาจารย์ที่สร้างปลัดขิกอันมีชื่อเสียง ในสมัยสงครามเอาเชียบูรพาคือ หลวงพ่อเหลือวัดสาวชะโงก แห่งจังหวัดฉะเชิงเทรา มีผู้เล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งท่านลงมาทำธุระในกรุงเทพฯได้พักอยู่ที่วัดปทุมคงคาราม มีคนไปนมัสการกราบไหว้ท่านมากเพราะได้ยินกิตติศัพท์กิตติคุณทางของขลังของท่าน ในวาระหนึ่งมีผู้ขอปลัดขิกอันมีชื่อที่ท่านสร้าง แต่ก่อนที่ท่านจะมอบปลัดขิกนั้นให้ ท่านได้นำเอาปลัดขิกใส่ลงในบาตรน้ำมนต์ของท่านสักครู่หนึ่ง ปลัดขิกวัตถุอาถรรพณ์นั้นจะวิ่งไปรอบ ๆ บาตรน้ำมนต์ตัวปลัดขิกดิ้นกระทบกับบาตรน้ำมนต์ด้วยเสียงอันดังได้เห็นกันหลายคน เมื่อท่านเห็นว่าปลัดขิกของท่านปลุก “ขึ้น” เป็นอย่างดีแล้วท่านจึงจะมอบให้กับผู้ที่ขอนั้นต่อไป
นอกจากหลวงพ่อเหลือ แห่งวัดสาวชะโงก ในคัมภีร์อาถรรพณ์เวทของพระคณาจารย์ทางไตรเพทศาสตร์ท่านกล่าวถึงวิธีการทำปลัดขิกไว้เป็นหลายอย่างหลายแบบ “ปลัดขิก” แต่ละแบบ ๆ มีคุณภาพผิดแผกแตกต่างกันไป เช่น มีสรรพคุณทางป้องกันเสนียดจัญไรโรคภัยไข้เจ็บ มีสรรคุณทางเสน่ห์เมตตาชนิดที่ถ้าใช้แตะต้องตัวผู้ใดแล้ว เป็นต้องเกิดรักใคร่ผู้เป็นเจ้าของท่านปลัดทันที และมีสรรพคุณทางแคล้วคลาดทางหนีทีไล่ไม่จนมุม ฯลฯ
ตำราการสร้างปลัดขิกของอาจารย์หนึ่งท่านว่าให้เอาแก่นคูณ (คูณเป็นชื่อเรียกไม้ชนิดหนึ่งของจังหวัดภาคเหนือ มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า CASSLA FISTULA, LINN, เนื้อไม้สีแดงแกมเหลือง รสฝาดใช้กินแทนสีเสียดและใช้ฟอกหนัง) มาแกะเป็นรูปปลัดขิก เมื่อแต่งเป็นรูปปลักขิกเมื่อแต่เป็นอันดีแล้วจึงลง อะ, อุ, มะ ตรง ประธานปลัดขิก (อะ, อุ, มะ ประกอบเป็นเสียงว่า “โอม” ใช้เป็นคำที่นมัสการพระผู้เป็นเจ้าทั้งสามคือ พระพรหม พระวิษณุนารายณ์ และพระศิวะอิศวร) ต่อมาจึงลงหัวใจโจรคือ กันหะเนหะ ที่ตัวปลัดขิก เสร็จแล้วท่านมีวิธีกรรมให้ตั้งจิตเป็นสมาธิ เสกด้วยพระคาถาตามคัมภีร์มีกำหนดเสกกี่เที่ยวกี่หนตามกำลังวันที่ทำปลัดขิกนั้น
เมื่อปลัดขิกสำเร็จตามตำรับนี้แล้วจะมีสรรพคุณทางป้องกันโรคภัยไข้เจ็บแล้ว ยังปรากฏพระคณาจารย์เจ้าอีกรูปหนึ่งคือหลวงพ่ออี๋แห่งวัดสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ปลัดขิกของหลวงพ่ออี๋มีทหารเรือหลายคนได้ประสบอภินิหารมาแล้ว คือสามารถป้องกันภัยจากฉลามเสือร้ายของทะเลได้โดยเจ้าปลาผู้ชอบบริโภคเนื้อมนุษย์นั้น ไม่กล้าย่างกรายเข้ามาใกล้ผู้มีปลัดขิกของหลวงพ่ออี๋เลย ปัจจุบันเป็นที่นิยมหากันมากทั้งของสองอาจารย์ดังกล่าวนั้น
การที่เกจิอาจารย์ท่านกำหนดเอาอักขระหัวใจโจรคือ กันหะ เนหะ เป็นคาถาจำหลักลงบนตัววัสดุอาถรรพณ์ปลัดขิกนั้น สันนิษฐานว่าท่านจะถือเป็นเคล็ดว่าโจรนั้นเป็นผู้ฆ่าเป็นผู้ทำลายแต่ฝ่ายเดียว การที่จะแก้อาถรรพณ์ทางเจ็บป่วย และเสนียดจัญไรที่มองไม่เห็นตัวที่จะมาสู่ด้านต่าง ๆ ทุกทางนั้น ต้องอาศัยการฆ่า การทำลายสิ่งนั้นด้วยหัวใจของโจร ประกอบกับการปลูกเสกด้วยอาคมอันมีถ้อยคำพิสดารหลายอย่างหลายวิธีด้วยกัน วัสดุอาถรรพณ์หรือท่านปลัดขิกนั้นจึงมีสรรพคุณขลังเป็นที่นิยมของชนทั่วไปปรากฏว่าปลัดขิกของหลวงพ่ออาจารย์ผู้มีชื่อเสียงที่ออกนามข้างต้นนั้นซื้อหากันด้วยราคาสูง