หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    เหรียญกษาปณ์ของไทย
    เหรียญกษาปณ์ของไทย


    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระมหากษัตริย์ไทย พระองค์แรกที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิรูปเงินตราไทย จากที่เคยใช้เงินพดด้วง หรือเงินกลมที่ใช้มาแต่โบราณกาลให้มาใช้เงินเหรียญหรือเงินแบน แบบประเทศทางตะวันตก
    เงินเหรียญ    ได้โปรดเกล้าฯ ให้ประเทศใช้เงินเหรียญนอกครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๓๙๙ ครั้งที่สองเมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๐๐ และได้ประกาศพิกัดเงินเหรียญนอก เมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๐๗ จนถึงปี พ.ศ.๒๔๔๕ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ จึงได้ยกเลิกการใช้เหรียญนอก
    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ได้ทรงสั่งเครื่องทำเหรียญกษาปณ์จากอังกฤษมาผลิตเหรียญกษาปณ์ในไทย ติดตั้งเครื่องใช้งานได้เมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๐๓ พระราชทานชื่อว่า โรงกษาปณ์ สิทธิการตั้งอยู่หน้าพระคลังมหาสมบัติตรงมุมถนนออกประตูสุวภาพบริบาลด้านตะวันออก ได้ผลิตเหรียญบาท เหรียญสองสลึง เหรียญสลึง และเหรียญเฟื้อง แต่ผลิตได้น้อยไม่พอแก่ความต้องการ
    เงินเหรียญนี้ หน้าหนึ่งมีตรารูปพระมหาพิไชยมงกุฎอยู่กลาง มีฉัตรกระหนาบอยู่สองข้าง มีกิ่งไม้เป็นเปลวแซก อยู่ในท้องลาย อีกหน้าหนึ่งเป็นรูปกงจักร กลางใจจักรมีรูปช้างประจำแผ่นดิน รอบวงจักรชั้นนอกเหรียญบาทมีดาวอยู่แปดทิศ แสดงว่าแปดเฟื้อง เหรียญสองสลึงมีดาวอยู่สี่ทิศ แสดงว่าสี่เฟื้อง เหรียญสลึงมีดาวอยู่ข้างบนและข้างล่างสองดวง แสดงว่าสองเฟื้อง และเหรียญเฟื้องมีดาวอยู่ด้านบนดวงเดียว
    นอกจากนี้ยังมีเหรียญ หนึ่งตำลึง กึ่งตำลึง และกึ่งเฟื้อง แต่ไม่ได้นำออกใช้
    ตามแจ้งความกระทรวงพระคลังมหาสมบัติเมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๓๘ พบว่ามีเหรียญตรามงกุฎดังกล่าวให้แลกอยู่ ๖ ราคา ด้วยกัน คือ ราคา สองบาท หนึ่งบาท สองสลึง หนึ่งสลึง หนึ่งเฟื้อง และ สองไพ
    กะแปะอัฐและโสฬส    เมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๐๕ ได้มีประกาศให้ใช้กะแปะอัฐ และโสฬสขึ้นใหม่ ด้วยว่าสมัยโบราณไทย และลาวใช้หอยชนิดหนึ่งที่เรียกว่าเบี้ย ใช้แทนเงินปลีก โดยคิดอัตราแปดร้อยเบี้ยต่อหนึ่งเฟื้อง สำหรับกะแบะอัฐและโสฬสเมื่อนำมาแลกเปลี่ยนขอรับเงินจากพระคลังมหาสมบัติ กำหนดอัตราไว้ ๘ อัฐต่อเฟื้อง และ ๑๖ โสฬสต่อเฟื้อง โดยไม่ลดหย่อนแม้เนื้อโลหะที่ทำจะสึกกร่อนไปเพราะการใช้งาน แต่ถ้าเนื้อโลหะขาดบิ่น มูลค่าจะลดลงตามน้ำหนักที่หายไป
    เบี้ยหอย    นับแต่โบราณมามีการใช้เบี้ยหอยเป็นเครื่องแลกเปลี่ยนกับทวีราชอาณาจักร มาถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ใช้เบี้ยดีบุกและเบี้ยทองแดงแทนเบี้ยหอย มีขนาดและชื่อเรียกกันต่าง ๆ ดังนี้
    เหรียญทองชิ้นแรก    สร้างจากโรงกษาปณ์ เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ประทับตราจักรทุกมุม น้ำหนัก ๒๐ บาท ทำด้วยทองคำเนื้อดี ตามมูลค่าทองคำหนัก ๑ บาท เท่ากับเงิน ๑๖ บาท เหรียญนี้จึงมีมูลค่า ๓๒๐ บาท
    เหรียญทองแปทศ ทองแปพิศ และทองแปพัดดึงส์    ประกาศใช้เมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๐๖ ทำด้วยทองคำเนื้อแปดเศษสองมี ๓ ขนาด ราคา ๘ บาท ๔ บาท ๑๐ สลึง เรียกว่า ทศ แปลว่า ๑๐ แป เป็นเงิน ๑ ชั่ง พิศ แปลว่า ๒๐ แปเป็นเงิน ๑ ชั่ง และพัดดึงส์ แปลว่า ๓๒ แปเป็นเงิน ๑ ชั่ง
    เหรียญทองและเหรียญเงินหนัก ๔ บาท   
    เบี้ยซีก เบี้ยเสี้ยว    สร้างเมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๐๘ ทำด้วยทองแดง ที่มีตราเหมือนเบี้ยอัฐ และเบี้ยโสฬสอย่างใหญ่เรียกว่า ซีก มีค่า สองอันต่อหนึ่งเฟื้อง อีกชนิดหนึ่งมีขนาดเล็กเรียกว่าเสี้ยว มีค่าสี่อันต่อหนึ่งเฟื้อง
    มาตราเงินไทย    เหรียญเมกซิโก ตีตราจักร และมงกุฎ   

    เหรียญเปรู ตีตรา   

    เหรียญมงกุฎ   
    มีเหรียญ ๑ บาท กึ่งบาท ๑ สลึง เฟื้อง และกึ่งเฟื้องหรือ ๒ ไพ เริ่มสร้างเมื่อไป พ.ศ.๒๔๐๓ เหรียญกึ่งตำลึงสร้างปี พ.ศ.๒๔๐๖ เหรียญตำลึงสร้างปี พ.ศ.๒๔๐๗

    เหรียญบรรณาการ   
    ลักษณะเช่นเดียวกับเหรียญมงกุฎ ต่างกันที่ขนาดของมงกุฎและช้างซึ่งใหญ่กว่า มีอยู่ ๒ ชนิด คือ ชนิดราคา ๑ บาท และชนิดราคา ๑ เฟื้อง
    กะแปะดีบุก   
    ลักษณะเช่นเดียวกับเหรียญมงกุฎ มีชนิดราคาแปดอัฐเป็นเฟื้อง และชนิดราคาสิบหกอันเป็นเฟื้องมีอักษรจีน และอักษรอังกฤษ กำกับราคาอยู่ด้วย

    เบี้ยทองแดง   
    ลักษณะเช่นเดียวกับกะแปะดีบุก มีสองชนิดคือ เบี้ยทองแดงซีกสองอันเป็นเฟื้อง และเบี้ยทองแดงเสี้ยวสี่อันเป็นเฟื้อง มีอักษรอังกฤษและอักษรจีนกำกับราคาอยู่ด้วย

    เหรียญทองทศ ทองพิศ และทองพัดดึงส์   
    มีลักษณะเหมือนเหรียญเงินและเหรียญทองมงกุฎ มี ๓ ชนิด คือ ราคา ๘ บาท ๔ บาท และ ๑๐ สลึง

    เหรียญกษาปณ์ รัชกาลที่ ๕   
    สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๑ - ๒๔๕๓ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ได้มีการสร้างเหรียญเงิน ดีบุก ทองแดง และนิเกิล อีกหลายชนิด มี ๓ ราคา คือ ๑ บาท ๑ สลึง และ ๑ เฟื้อง เรียกกันว่าเหรียญตราพระเกี้ยว

    กะแปะดีบุกตราพระเกี้ยว   
    ลักษณะคล้ายเหรียญบาท มีภาษาอังกฤษและภาษาจีนกำกับราคาอยู่ อันละ ๑ โสฬส โดยเขียนไว้ว่า ๑๖ อันเฟื้อง

    ปี้   
    ใช้เป็นตัวนับคะแนนในโรงบ่อนเบี้ย ทำด้วยโลหะ แก้ว และกระเบื้องอย่างใดอย่างหนึ่งมีชนิดราคา ๑ สลึง และ ๒ ไพ มีใช้กันมากกว่า ๕๐๐๐ ชนิด ทางการได้ประกาศเลิกใช้เมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๘

    เหรียญทองแดง จ.ป.ร.   
    มี ๔ ชนิด ราคา คือ ๑ ซีก ๑ อัฐ และ โสฬส

    เหรียญเงินรัชกาลที่ ๕ ตราแผ่นดิน   
    มีชนิดราคาเดียวกัน คือ ๑ บาท

    เหรียญบาทจุฬาลงกรณ์สยามมินทร์   
    สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๖ ทำจากฝรั่งเศษ มีชนิด ราคาเดียว คือ ๑ บาท

    เหรียญสลึงและเหรียญเฟื้อง รัชกาลที่ ๕ ตราแผ่นดิน   
    เริ่มสร้างเมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๑๙ รุ่นสุดท้ายปี พ.ศ.๒๔๕๑

    เหรียญทองคำตราพระรูป   
    ลักษณะเช่นเดียวกับเหรียญเงินรัชกาลที่ ๕ ตราแผ่นดิน ทำด้วยทองคำเนื้อแปด มีชนิดราคาและน้ำหนัก ๑ เฟื้องและ ๑ สลึง

    เหรียญเงินรูปถ้วย   
    เรียกกันว่าเหรียญเงินงอ มีลักษณะเช่นเดียวกับเหรียญเงินตราแผ่นดิน รัชกาลที่ห้า ใช้กันตามโรงบ่อนเบี้ย
    เหรียญทองแดงรัชกาลที่ห้า พระสยามเทวาธิราช   
    ลักษณะเช่นเดียวกับเหรียญเงินรัชกาลที่ห้า ตราแผ่นดิน มีสามชนิดราคาคือ ๑ เสี้ยว ๑ อัฐ และ ๑ โสฬส สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๐ ถึง พ.ศ.๒๔๓๘

    เหรียญทองแดง(นิเกิล) รัชกาลที่ห้า ช้างสามเศียร   
    สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๐ เลิกใช้เมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๑ มี ๔ ชนิด ด้วยกันคือ ชนิดราคา ๒๐ สตางค์ ๑๐ สตางค์ ๕ สตางค์ และสองสตางค์ครึ่ง

    เหรียญสตางค์รัชกาลที่ห้า   
    มีรูตรงกลางเริ่มใช้พุทธศักราชแทน ร.ศ. มี ๓ ชนิด คือ ชนิดราคา ๑๐ สตางค์ ๕ สตางค์ และ ๑ สตางค์ ทำด้วยนิเกิล หรือเหล็กชุบในราคา ๑๐ และ ๕ สตางค์ และทำด้วยทองแดงในราคา ๑ สตางค์

    เหรียญกษาปณ์รัชกาลที่หก   
    ได้มีการออกแบบเหรียญใหม่มี ๓ ชนิด คือ ชนิดราคา ๑ บาท ๒ สลึง และ ๑ สลึง มีลักษณะคล้ายเหรียญบาทจุฬาลงกรณ์สยามมินทร์ สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๖ ถึง ปี พ.ศ.๒๔๖๑

    สตางค์รัชกาลที่หก   
    ลักษณะเช่นเดียวกับสตางค์รัชกาลที่ ๕ มี ๓ ชนิด คือ ชนิดราคา ๑๐ สตางค์ ๕ สตางค์ และ ๑ สตางค์ สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๔๕๖ ถึง ปี พ.ศ.๒๔๖๔ ชนิดราคา ๑๐ สตางค์ และ ๕ สตางค์ ทำด้วยนิเกิ้ล ชนิดราคา ๑ สตางค์ ทำด้วยทองแดง จึงเรียกกันว่าสตางค์แดง
    เหรียญกษาปณ์รัชกาลที่เจ็ด   
    สร้างระหว่างปี พ.ศ.๒๔๖๘ - ๒๔๗๒ มีเหรียญเงิน ชนิดราคา ๕๐ สตางค์ และ ๒๕ สตางค์ สตางค์ทองขาว ชนิดราคา ๕ สตางค์ และสตางค์ทองแดงราคา ๑ สตางค์

    เหรียญกษาปณ์รัชกาลที่แปด   
    มีการสร้างเหรียญทองแดงชนิดราคา ครึ่งสตางค์เป็นครั้งแรกมีการสร้างเหรียญ ๕๐ สตางค์ ๒๕ สตางค์ ๑๐ สตางค์ และ ๕ สตางค์ด้วยดีบุก คนทั่วไปเรียกเหรียญชนิดหัวโต เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๙ สร้างสตางค์ชนิดราคา ๑๐ สตางค์ และ ๕ สตางค์ด้วยนิเกิล เมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๗๘ และ ๒๔๘๐ สร้างสตางค์ชนิดราคา ๒๐ สตางค์ ๑๐ สตางค์ และ ๕ สตางค์ ด้วยเงิน ในปี พ.ศ.๒๔๘๔ สร้างสตางค์ชนิดราคา ๒๐ สตางค์ ๑๐ สตางค์ และ ๕ สตางค์ ด้วยดีบุก ในปี พ.ศ.๒๔๘๔ สร้างสตางค์ชนิดราคา ๑ สตางค์ และ ครึ่งสตางค์ ด้วยทองแดง เมื่อ ปี ๒๔๗๒ - ๒๔๘๒ และสตางค์ทองแดงชนิดราคา ๑ สตางค์ ที่มีลวดลายเหมือนสตางค์เงิน เมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๘๔


    สตางค์ดีบุกรัชกาลที่แปด   
    มีลักษณะเช่นเดียวกับสตางค์เงินรัชกาลที่แปด ขนาดเล็ก และไม่มีรู สร้างเมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๘๕ ชาวบ้านพากันกล่าวว่า "สตางค์ไม่มีรู ศัตรูไม่มีรัง สตางค์ออกใหม่น่าใช้น่าดู" นับว่าเป็นสตางค์ที่ไม่มีรูครั้งแรก เป็นของแปลกสำหรับสมัยนั้น
    จากนั้นเป็นต้นมา เราก็ไม่ได้พบเหรียญกษาปณ์ไนราคา ๑ สตางค์อีกเลย เพราะค่าเงินได้ตกต่ำลงไปตามลำดับ
    มีชนิดราคา แปดอัฐเป็นเฟื้อง และชนิดราคาสิบหกอันเป็นเฟื้องมีอักษรจีน และอักษรอังกฤษ กำกับราคาอยู่ด้วย

    เหรียญกษาปณ์รัชกาลที่เก้า   
    เริ่มสร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๐ ชนิดราคา ๑ บาท ทำด้วยนิเกิล ต่อมาสร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๔ ในโอกาสเสด็จนิวัตพระนคร ในปี พ.ศ.๒๕๐๕ และ ปี พ.ศ.๒๕๐๖ ในโอกาสเฉลิมพระชนมายุ ๓ รอบ สร้างเหรียญเงิน ชนิดราคา ๒๐ บาท ในโอกาสเดียวกัน

    เหรียญโลหะสีทอง สีนากและสีเงิน รัชกาลที่เก้า   
    ลักษณะเช่นเดียวกับเหรียญทองขาวรัชกาลที่เจ็ด ครั้งแรกสร้างเมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๙๓ เป็นสีเงิน และสีทอง ชนิดราคา ๕๐ สตางค์ ๒๕ สตางค์ ๑๐ สตางค์ และ ๕ สตางค์ ครั้งที่สองสร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๐ เป็นสีทอง สีนาก และสีเงิน ชนิดราคาเดียวกัน


    ๑. เบี้ยโพล้ง    ๒. เบี้ยแก้    ๓.เบี้ยจั่น    ๔. เบี้ยนาง   
    ๕. เบี้ยหมู    ๖. เบี้ยพองลม    ๗. เบี้ยบัว    ๘. เบี้ยตุ้ม   
    สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๔๐๗ เนื่องในงาน เฉลิมพระชนม์พรรษา ๖๐ พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ เป็นเหรียญตราพระมหาพิชัยมงกุฎหนัก ๔ บาท มี ๒ ชนิด ทำด้วยทองคำ และทำด้วยเงิน ใช้ประดับได้อย่างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ชาวจีนแต้จิ๋วเรียกเหรียญแต้เหม็ง
    จากภาพจะเห็นว่า ตำลึงอยู่บนเฟื้อง
                                         บาทอยู่บนสลึง
                                         ไพอยู่ใต้ชั่ง
    เมื่อเรียงตามมูลค่าจะเป็น ชั่ง ตำลึง บาท สลึง เฟื้อง ไพ
    มีพิกัดอัตรา ดังต่อไปนี้
    ๘๐๐ เบี้ย เป็น เฟื้อง        
    ๕๐ เบี้ย เป็น โสฬส(สิบหก) ๑๖ โสฬส เป็น  เฟื้อง
    ๒ 
    โสฬส เป็น อัฐ(แปด) อัฐ เป็น เฟื้อง
    อัฐ เป็น เสี้ยวหรือไพ อัฐ เป็น เฟื้อง
    เสี้ยวหรือไพ เป็น ซีก เสี้ยวหรือไพ เป็น เฟื้อง
    ซีก เป็น 1 เฟื้อง เฟื้อง เป็น บาท
    เฟื้อง เป็น สลึง สลึง เป็น บาท
    มายนหรือมะยง เป็น กึ่งบาท หรือ ๒ สลึง        
    บาท เป็น ตำลึง        
    ๒๐ ตำลึง เป็น ชั่ง        
    ๘๐ ชั่ง เป็น หาบ        

    • Update : 15/5/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch