หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พันธุ์ไม้ดอกนานาพรรณของไทย 7
    พลอง
    เป็นไม้ต้นสูงประมาณ ๖ เมตร ลำต้นตรง  ใบออกตรงกันข้าม  แผ่นใบหนาสีเขียวเข้ม ผิวใบเป็นมัน ใต้ใบสีอ่อน  ใบขอบขนาน ปลายและโคนใบแหลม ยาวประมาณ ๑๒ เซนติเมตร
    ออกดอกตามข้อเป็นกระจุก ดอกขณะตูมมีสีชมพู เมื่อดอกบานจะเป็นสีม่วงน้ำเงิน ดอกมี ๔ กลีบ บานเกือบพร้อมกันทั้งต้น  ผลเมื่อสุกสีม่วงแดงดำ พบตามป่าเบญจพรรณ
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    พะยอม
    เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ผลัดใบ สูงประมาณ ๒๕ เมตร เปลือกลำต้นสีเทาเข้มแตกเป็นร่อง เรือนยอดทึบทรงรูปไข่ ใบรูปขอบขนาน หรือรูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบป้าน
    ออกดอกเป็นช่อ กระจายที่ปลายกิ่งหรือกิ่งข้าง ดอกสีขาวออกข้างเดียว มีกลิ่นหอม กลีบรองดอกเจริญเป็นปีก ๓ ปีกใหญ่ และ ๒ ปีกเล็กของผล ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน พบตามป่าเบญจพรรณ และป่าดงดิบที่มีดินทราย
              "กลิ่นแก้มนางหอม                     พะยอมเปรียบเทียบเนื้อนวล "

    พิกุล
    เป็นไม้ต้นสูงประมาณ ๑๒ เมตร เรือนยอดแน่นทึบเป็นพุ่มกลม  เปลือกสีเทาอมน้ำตาลมักมีรอยแตกตามแนวยาวของลำต้น ใบเป็นประเภทใบเดี่ยว ทรงรูปไข่หรือรูปหอกแคบ  ออกเวียนสลับกัน
    ดอกสีขาวมีกลิ่นหอม  ออกเป็นกระจุกตามปลายกิ่งหรือตามง่ามใบ กลีบรองดอกมี ๒ วง ๆ ละ ๔ กลีบ กลีบดอกมี ๒๔ กลีบ  เรียงซ้อนกัน ๒ วง โคนกลีบเชื่อมกัน ผลทรงรูปไข่ยาวประมาณ ๓ เซนติเมตร เมื่อผลสุกจะมีสีแดง เนื้อเหลือง  รสหวาน  เมล็ดแข็ง
    ออกดอกเกือบตลอดปี  พบตามป่าดงดิบภาคใต้  ภาคกลางและภาคตะวันออก
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด
            พิกุลบุนนาคบาน                     กลิ่นหอมหวานซ่านขจร
    แม้นนุชสุดสายสมร                     เห็นจะวอนพี่อ้อนชาย

    พี้จั่น
    เป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดกลางสูงประมาณ ๑๒ เมตร  โคนต้นเป็นพูพอนเล็กน้อย เรือนยอดเป็นพุ่มกลมทึบ เปลือกลำต้นสีดำแตกเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ ใบเป็นแบบใบประกอบแบบขนนกเรียงตัวเป็นคู่ ๆ ปลายช่อใบจะมีใบย่อย ๑ ใบ
    ออกดอกเป็นช่อตามกิ่งข้าง หรือออกพร้อมกับใบที่ผลิใหม่  กลีบรองดอกสีม่วงเข้มเกือบดำ  เมล็ดกลมแบน  ออกดอก    เดือนธันวาคมถึงมกราคม  ขึ้นในป่าเบญจพรรณและป่าแดงทั่วไป
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    พุดน้ำ
    เป็นไม้ต้นผลัดใบสูงประมาณ ๑๐ เมตร กิ่งเมื่อยังอ่อนจะมีขน ใบสีเขียวผิวเป็นมัน ยาวประมาณ ๑๒ เซนติเมตร
    ดอกไม่มีก้าน ออกที่ปลายกิ่งหรือกิ่งข้าง ดอกสีขาว เมื่อออกได้ ๑ วัน จะเป็นสีเหลือง กลิ่นหอม กลีบรองดอกรูปทรงกระบอกสีเขียวอ่อนผิวเป็นมันและบาง  กลีบดอกตอนโคนติดกันเป็นหลอดยาว ๕-๑๐ เซนติเมตร ผิวเกลี้ยงและมีสันตื้น
    ดอกบานในเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม
    ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดหรือการตอน

    ยี่เข่ง
    เป็นไม้พุ่มหรือไม้ต้นผลัดใบสูงประมาณ ๖ เมตร  ทรงต้นโปร่ง  เปลือกลำต้นสีน้ำตาลเป็นมัน ใบออกเยื้องกันเล็กน้อย  เกือบตรงกันข้าม  ทรงรูปไข่  ปลายแหลม
    ดอกมีหลายสี เช่น สีขาว สีชมพู และสีม่วง ขนาดกว้างประมาณ ๓ เซนติเมตร กลีบดอกบาง และเป็นคลื่นดูคล้ายย่นมี ๖ กลีบ โคนกลีบเรียวเป็นก้านเล็ก ๆ เกสรสีเหลืองมีจำนวนมาก ผลเมื่อแก่จะมีเปลือกแข็ง ภายในมีเมล็ดเล็ก ๆ จำนวนมาก
    ออกดอกในเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    รวงผึ้ง
    เป็นไม้ต้นขนาดเล็กสูงประมาณ ๕ เมตร แตกกิ่งก้านเป็นพุ่ม  ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวยาวประมาณ ๗ เซนติเมตร ใบสีเขียว  ใต้ใบเป็นสีอ่อน  และเป็นเกล็ดเล็ก ๆ
    ดอกสีเหลืองกลิ่นหอม  ออกเป็นกระจุกตามกิ่งข้าง และมักจะบานพร้อมกัน กลีบรองดอกมี ๕ กลีบ เหมือนรูปดาว ไม่มีกลีบดอก มีเกสรตัวผู้เป็นจำนวนมาก
    ดอกบานในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม เป็นไม้พื้นเมืองของไทยทางภาคเหนือ นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
    ขยายพันธุ์ด้วยการตอน

    ราชพฤกษ์
    เป็นไม้ต้นขนาดกลางสูงประมาณ ๑๓ เมตร เปลือกลำต้นเรียบเกลี้ยงสีเทาอ่อน ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยประมาณ ๑๐ คู่
    ออกดอกเป็นช่อ  ออกตามกิ่งข้างและห้อยลง ช่อดอกโปร่งยาวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร ดอกมี ๕ กลีบ สีเหลืองสด  หรือสีเหลืองแกมเขียว  เกสรตัวผู้มี ๑๐ อัน ขนาดไม่เท่ากัน ผลเป็นฝักกลามยาวประมาณ ๕๐ เซนติเมตร ผิวเกลี้ยง เมื่อฝักแก่  จะเป็นสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ เมล็ดรูปมนแบนสีน้ำตาลผิวเป็นมัน
    ออกดอกระหว่างเดือนกุมภาพันธุ์ถึงพฤษภาคม ขึ้นทุกภาคตามป่าเญจพรรณหรือป่าแดง นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    ลั่นทมขาว
    เป็นไม้ต้นขนาดเล็กสูงประมาณ ๕ เมตร ลำต้นและกิ่งก้านอวบ สีน้ำตาลปนเทา ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวรูปร่างคล้ายใบหอก  ยาวประมาณ ๒๕ เซนติเมตร
    ดอกสีขาวมีกลิ่นหอม  ออกเป็นช่อใหญ่ที่ปลายกิ่ง ดอกรูปทรงกรวยปลายแยกเป็น ๕ กลีบ ผลเป็นฝักยาวประมาณ  ๑๒ เซนติเมตร ติดกันคล้ายผลแฝด เมล็ดมีขน
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด การตอน และการปักชำ
            "หอมเอยลั่นทมฉมไกล                     กลิ่นซึ้งตรึงใจดอกไม้อื่นใดไม่ปาน
    หอมอวลใจซึ้งอยู่ในฤทัยวิญญาณ                     หอมจะคงตลอดกาลสิ้นปรานยังฝันใฝ่"

    ลั่นทมแดง
    เป็นไม้ต้นสูงประมาณ ๕ เมตร คล้ายลั่นทมขาว
    ดอกสีแดง  ก้านดอกสีม่วงแดง  เป็นไม้ปลูก
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และกิ่งตอน
    ลำดวน
    เป็นไม้ต้นสูงประมาณ ๑๕ เมตร ลำต้นโปร่งตรง  เรือนยอดทึบรูปกรวยทรงต่ำ ใบดอกออกเดี่ยวสีเขียวเข้ม  หลังใบสีนวล
    ดอกสีนวล  ชั้นนอกมี ๓ กลีบ แผ่แบนออก ชั้นในหุ้มเข้าหากัน มีลักษณะรูปทรงคล้ายสายเหลี่ยม กลีบชั้นในเป็นคลื่น  เริ่มส่งกลิ่นหอมเวลาเย็นถึงเข้าวันรุ่งขึ้น  ผลเมื่อสุกจะเป็นสีดำ มีรสหวานอมเปรี้ยว
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และกิ่งตอน
            ลำดวนหวลหอมตระหลบ                     กลิ่นอายอบสบนาสา
    นึกถวิลกลิ่นบุหงา-                     รำไปเจ้าเศร้าถึงนาง

    ศรีตรัง
    เป็นไม้ต้นขนาดกลางสูงประมาณ ๑๐ เมตร  ทรงต้นโปร่ง  ใบเป็นประเภทใบประกอบรูปขนนก ใบย่อยรูปทรงรี  ปลายแหลม
    ดอกสีน้ำเงินปนม่วง  ออกเป็นช่อ  แต่ละดอกเป็นรูปกรวย  ปลายแยกเป็น ๕ กลีบ  ดอกยาวประมาณ ๓ เซนติเมตร
    ออกดอกในเดือนธันวาคม  อาจจะออกในเดือนอื่นบ้างประปราย เมื่อออกดอกมักจะทิ้งใบหมดทั้งต้น  ผลรูปทรงกลม แบน และบาง  เมื่อผลแก่จะแตกออกทั้ง ๒ ด้าน เมล็ดขนาดเล็ก มีปีกและเบามาก
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพราะเมล็ด

    สารภี
    เป็นไม้ต้นขนาดกลางสูงประมาณ ๑๓ เมตร  ไม่ผลัดใบ  เรือนยอดเป็นพุ่มทึบ  เปลือกลำต้นสีเทาปนดำ  แตกล่อนเป็น สะเก็ด  แผ่นใบหนาทรงรูปไข่กลับแกมรอบขนาน ปลายมน
    ดอกมีกลีบสีขาว  กลิ่นหอม  เกสรสีเหลืองมีจำนวนมาก  ผลรูปทรงกระสวย  เมื่อผลสุกจะออกสีเหลือง  เมล็ดเดี่ยวแข็ง
    ออกดอกระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์  เป็นต้นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในไทย  ขึ้นในป่าเบญจพรรณและป่าดิบใน ภาคเหนือ  ภาคตะวันออก  และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    ส้านใหญ่
    เป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดใหญ่สูงประมาณ ๓๕ เมตร  ใบรูปไข่กลับยาวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร  ปลายป้าน  ใบเรียวเป็นครีบจนถึงโคนใบ
    ดอกสีเหลืองออกตามกิ่งข้าง  เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑๕ เซนติเมตร  เกสรตัวผู้เรียง ๒ ชั้น ดอกมักจะออกขณะผลัดใบ หมดต้น หรือกำลังแตกใบอ่อน  ผลสีเหลืองอมส้ม  ทรงกลม  เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๔ เซนติเมตร  ภายในมีเมล็ดมาก  ขึ้นตามป่าเบญจพรรณหรือชายป่าดงดิบภาคใต้
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    สุพรรณิการ์
    เป็นไม้ต้นผลัดใบสูงประมาณ ๑๒ เมตร  กิ่งก้านคดงอ  ใบรูปหัวใจ  แผ่นใบแยกเป็น ๕ แฉก  ปลายแฉกทั้ง  ๕  แหลม  ขอบในเป็นคลื่น
    ดอกสีเหลืองกลิ่นหอม กลีบบาง  เกสรสีเหลือง รังไข่มีขน
    ออกดอกเป็นช่อกระจายที่ปลายกิ่งบานทีละดอก ผลทรงกลม เมื่อผลแก่จะแตกออกเป็นหลายพู ภายในมีเมล็ดรูปไตสีน้ำตาล  หุ้มด้วยปุยขาวคล้ายปุยฝ้าย
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และการปักชำกิ่ง

    เสลา
    เป็นไม้ต้นผลัดใบสูงประมาณ ๑๒ เมตร เรือนยอดกลม ใบดก กิ่งน้อมลงรอบ ๆ ทรงพุ่มเปลือกลำต้นสีดำ  แตกเป็นร่องเล็ก ๆ ตามแนวยาวของลำต้น ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวออกตรงกันข้ามมีขนทั้งสองด้าน ใบรูปไข่ถึงรูปขอบขนาน ปลายใบแหลม
    ดอกสีม่วงอมชมพูหรือม่วงและขาว  ขนาดประมาณ ๓ เซนติเมตร  ออกดอกเป็นช่อใหญ่ที่ปลายกิ่งและกิ่งข้าง ผลทรงกลมรี  เมื่อผลแก่ออกสีน้ำตาลดำแตกเป็นหลายพู เมล็ดสีน้ำตาลเข้มมีปีก
    ออกดอกระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึง มกราคม พบตามป่าเบญจพรรณทั่วไป
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    หางนกยูงไทย
    เป็นไม้ต้นขนาดเล็กสูงประมาณ ๓ เมตร ทรงพุ่มกลม ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบขนนกสองชั้น ประกอบด้วย ๔-๑๐ ช่อใบ ใบย่อยมีประมาณ ๑๐ คู่ อยู่ตรงกันข้ามใบย่อยยาวประมาณ ๒ เซนติเมตร
    ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่งหรือกิ่งข้าง กลีบดอกมีขนาดไม่เท่ากัน มีหลายสีได้แก่ สีเหลือง แดง และชมพู ผลเป็นฝักมี ๔-๘ เมล็ด  ออกดอกตลอดปี

    อโศกน้ำ
    เป็นไม้ต้นสูงประมาณ ๒๐ เมตร เรือนยอดกลมทึบ เปลือกสีดำ ใบเป็นประเภทใบประกอบมี ๑-๗ คู่ ใบทรงรูปไข่ หรือรูปหอก ปลายใบแหลม โคนใบมน ผิวใบเกลี้ยง
    ออกดอกเป็นช่อ กลีบรองดอกมี ๔ กลีบ รูปไข่กลับ แกมขอบขนาน แต่ไม่มีกลีบดอก  เกสรตัวผู้มี ๖-๘ อัน ผลเป็นฝักรูปขอบขนานถึงรูปหอกยาวประมาณ ๒๐ เซนติเมตร กว้างประมาณ ๕ เซนติเมตร
    ออกดอกระหว่างเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ มักขึ้นริมน้ำตามป่า ปลูกเป็นไม้ประดับ
    ขยายพันธ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    อโศกเหลือง
    เป็นไม้ต้นสูงประมาณ ๑๐ เมตร เรือนยอดกลมทึบ  ใบยาวรูปขอบขนานหรือรูปหอก  ปลายแหลม ผิวใบเกลี้ยง
    ดอกสีเหลือง ช่อดอกใหญ่ประมาณ ๓๐ เซนติเมตร กว้างประมาณ ๖ เซนติเมตร ผลเป็นฝัก เมื่อฝักแก่จะแตกออก ภายในมีเมล็ดสีแดงคล้ำ  ดอกบานระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    อินทนิลน้ำ
    เป็นไม้ต้นกึ่งผลัดใบขนาดกลาง สูงประมาณ ๑๒ เมตร เรือนยอดแผ่กว้างเป็นพุ่มกลม เปลือกลำต้นหนาสีเทา ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวออกตรงกันข้าม  ใบยาวทรงรูปไข่กึ่งขอบขนาน ผิวใบเรียบเป็นมัน
    ดอกสีม่วงสด ม่วงปนชมพู ชมพู หรือขาว ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่งและกิ่งข้างช่อยาวประมาณ ๑๐-๕๐ เซนติเมตร ดอกขนาดใหญ่มีกลีบดอก ๖ กลีบ ขนาดประมาณ ๗ เซนติเมตร มีเกสรตัวผู้เป็นจำนวนมาก ผลทรงรูปไข่ เมื่อผลแก่จะออกสีน้ำตาล  แตกเป็น ๖ พู เมล็ดมีปีก
    ออกดอกระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม ชอบขึ้นตามริมน้ำในป่าดิบหรือป่าเบญจพรรณ
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

          ....ลมรำเพยพัดโชยมาระรื่น                     ชุ่มชื่นเร้าใจให้เริงอารมณ์
    พันธุ์ดอกไม้ดูน่าชิดชม   เคล้ามาตามลมพาให้ชื่นชู ....
          ....ลมเย็นเย็นพัดโชยมาชื่นฉ่ำ                     ใกล้ค่ำหอมชื่นกลิ่นพันธุ์บุปผา
    ชื่นยิ่งนักเมื่อลมพัดมา   แสนชื่นอุราพาใจเบิกบาน

    • Update : 15/5/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch