หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พันธุ์ไม้ดอกนานาพรรณของไทย 5
    ไม้ยืนต้นที่ให้ดอกแก้วเจ้าจอม
    เป็นต้นไม้สูงประมาณ 10-15 เมตร เรือนยอดกลม ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบขนนก  มี 3 คู่ ใบย่อยมีขนาดไม่เท่ากัน ใบคู่ปลายจะยาวที่สุด ยาวประมาณ 4 เซนติเมตร ใบย่อยรูปรีปลายมน
    ดอกสีฟ้าดอกเป็นกระจุกมี 5 กลีบ เกสรสีเหลือง  มี 8-10 อัน ผลสีเหลือง ออกดอกเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดหรือการตอน

    แก้ว
    เป็นไม้พุ่มหรือไม้ต้นขนาดเล็กสูงประมาณ 5 เมตร ใบเป็นประเภทในประกอบแบบขนนก ชนิดที่มีใบยอด 1 ใบ มีใบย่อย 7-8 ใบ ใบย่อยยาวประมาณ 3 เซนติเมตร มีสัญฐานรีหรือรูปขอบขนาน ปลายแหลมยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร
    ดอกสีส้มอมแดงไม่มีก้านดอก มักอยู่ติดกัน 3-5 ดอก ดอกเป็นหลอดแคบ ๆ มีเกสร 5 อัน  อยู่ในหลอดดอก  ผลกลมเมื่อสุก จะออกสีดำ ภายในมีเมล็ด ออกดอกเกือบตลอดปี
    ขยายพันธุ์ด้วยการตอน
              ไม้แก้วกลิ่นแก้วกราย                     หอมบ่วายวังเวงใจ
    ทุกข์ลืมปลื้มอาไลย ว่ากลิ่นแก้วแล้วเรียมหา

    เขล็ง
    เป็นไม้ต้นขนาดกลางถึงขนาดใหญ่สูงประมาณ 15-25 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลมสีเขียวเข้ม  เปลือกสีเทาหรือสีน้ำตาล แตกเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ ใบเป็นประเภทใบประกอบ มีใบย่อย 5-9 ใบ ออกสลับกัน ปลายใบป้านหรือแหลมเรียว โคนใบกลม
    ออกดอกเป็นช่อใหญ่ยาวประมาณ 10-30 เซนติเมตร ดอกมีขนาดเล็ก เมื่อดอกตูมอยู่จะเป็นรูปไข่ เมื่อดอกบานจะออกสีขาว เกสรมี 2 อัน ผลเป็นรูปไข่ ภายในมีเมล็ด 1 เมล็ด มีเนื้อหุ้มบาง ๆ เรียกว่า ลูกหยี

    แคฝรั่ง
    เป็นต้นไม้ผลัดใบสูงประมาณ 15 เมตร เรือนยอดโปร่ง เปลือกลำต้นสีกระดำกระด่าง ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบขนนก  ชนิดที่มีใบย่อยที่ปลาย ใบย่อยยาวประมาณ 4 เซนติเมตร มี 7-17 ใบ
    ออกดอกเป็นช่อยาวประมาณ 12 เซนติเมตร ดอกมี 2 สี คือ สีขาวและสีชมพู ดอกเล็กขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร ฝักแบนมีเมล็ด 2-6 เมล็ดต่อฝัก ออกดอกเดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดหรือการปักชำกิ่ง
    แคแสด
    เป็นต้นไม้สูงประมาณ 20 เมตร ถ้าอยู่ในที่แห้งแล้งจะผลัดใบ ใบประกอบแบบขนนก  มีใบย่อย 4-7 คู่
    ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ช่อดอกตั้งตรงดอกสีแสดเป็นรูประฆังขนาดใหญ่  กลีบดอกร่วงง่ายออกดอกตลอดปี แต่จะออกมากในฤดูหนาว ระหว่างเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ ผลแบบคล้ายฝัก ปลายผลแหลม เมื่อผลแก่จะออกสีน้ำตาลดำ เมล็ดมีขนาดเล็กรูปร่าง แบนมีปีก
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    งิ้ว
    เป็นต้นไม้สูงประมาณ 15 เมตร ลำต้นและกิ่งมีหนาม เรือนยอดแผ่กระจายหรือรูปทรงกลมโปร่ง  ใบเป็นแบบใบประกอบ แบบนิ้วมือ ประกอบด้วยใบย่อย 5-7 ใบ
    ดอกสีแดงหรือสีเหลือง ผลกลมยาวสีเขียวขนาดประมาณ 20 เซนติเมตร เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลและแตกออก ภายในมีเมล็ดสีน้ำตาล ออกดอกระหว่างเดือนธันาวาคมถึงกุมภาพันธ์
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    จิกน้ำ
    เป็นไม้ต้นขนาดกลางสูงประมาณ 15 เมตร ทรงต้นแผ่กว้าง ใบรูปไข่กลับ ใต้ใบสีอ่อน
    ดอกเล็กกลิ่นหอม ออกเป็นช่อที่ ปลายกิ่งห้อยลงมายาวประมาณ 30 เซนติเมตร กลีบดอกมี 4 กลีบ สีชมพู เกสรขาว มีอยู่เป็นจำนวนมากเรียง 3 ชั้น เกสรร่วงง่าย ผลรูปรีเหลี่ยมยาวประมาณ 5 เซนติเมตร ปลายตัด พบขึ้นมากตามริมฝั่งแม่น้ำ ลำคลอง หนองบึง ป่าชายเลน
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    จามจุรี
    เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่สูงประมาณ 20 เมตร เปลือกลำต้นสีดำแตกล่อนได้ง่าย เรือนยอดเป็นรูปร่มกว้าง ใบเป็นประเภท ใบประกอบขนนกสองชั้น  ใบประกอบมีช่อใบ 4 คู่ ใบย่อย 2-10 คู่ ต่อช่อใบ   ใบมีสัญฐานรูปไข่หรือรูปขนมเปียกปูนเบี้ยว ผิวใบเป็นมัน มีขนใต้ใบเล็กน้อย
    ออกดอกรวมเป็นกระจุก ช่อดอกมีก้านช่อ กลีบดอกเล็กมาก  เกสรสีชมพู มีจำนวนมาก ฝักกลมแบนยาวประมาณ 15 เซนติเมตร เมื่อฝักแก่จะสีดำ แต่ละฝักมีเมล็ดประมาณ 20 เมล็ด  ออกดอกเดือนสิงหาคมถึงกุมภาพันธ์
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    จันทน์กระพ้อ
    เป็นต้นไม้ขนาดกลางสูงประมาณ 15 เมตร เปลือกลำต้นเกลี้ยงสีน้ำตาลปนเทา ใบรูปขอบขนาน โคนใบเยื้องกันเล็กน้อย เส้นใบชัดทั้ง 2 ด้าน กลีบรองดอกเป็นรูปสามเหลี่ยม
    ดอกสีเหลืองนวล กลิ่นหอม มีขนสีน้ำตาลด้านนอก  ออกดอกเดือน พฤศจิกายนถึงมีนาคม
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด
              ทองกวาวคราวดอกแดง                    เชิงจำแจงแดงเหียงหัน ....
    ชงโค
    เป็นไม้พุ่มหรือไม้ต้นสูงประมาณ 10 เมตร ใบเคือบกลมแยกเป็น 2 แฉกลึก  ปลายแฉกกลม
    ออกดอกเป็นช่อ  ช่อดอกออกข้าง ๆ หรือที่ปลายกิ่งช่อละ ๒-๑๐ ดอก  กลีบของดอกตะแคงข้าง กลีบดอกสีชมพูถึงม่วงเข้ม กลีบดอกแคบ เกสรตัวผู้มี ๓ อัน รังไม่มีขน ฝักยาวประมาณ ๒๐ เซนติเมตร เมล็ดกลมมี ๑๐ เมล็ดออกดอกเดือนกันยายนถึงกุมภาพันธ์
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด หรือการตอนกิ่ง
                   ชงโคเทียบชงฆา นุชนาถ เหมือนฤา....

    จำปี
    เป็นต้นไม้สูงประมาณ 15 เมตร เรือนยอดเป็นรูปทรงเจดีย์ ใบเป็นประเภทใบเดียวรูปรี ปลายเรียวแหลม ผิวใบเกลี้ยง
    ดอกสีขาว ออกตามซอกกิ่งเป็นดอกเดียว มีกลิ่นหอม ออกดอกตลอดปี
    ขยายพันธุ์ด้วยการตอน

    จำปา
    เป็นต้นไม้สูงประมาณ 15 เมตร เรือนยอดรูปทรงเจดีย์ ใบเป็นประเภทใบเดี่ยว สีสัญฐานรูปไข่หรือรูปหอก  แบบใบมีขนอ่อนด้านล่าง
    ดอกสีเหลืองส้ม เป็นดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบ ผลเป็นช่อยาว ประกอบด้วยผลย่อย ๆ รูปร่างกลม เปลือกเขียวประจุขาว
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด
               จำปาหนาแน่นเนือง                     คลี่กลีบเหลืองเรืองอร่าม
    คิดคนึงถึงนงราม   ผิวเหลืองกว่าจำปาทอง

    ชัยพฤกษ์
    เป็นไม้ต้นผลัดใบ สูงประมาณ ๑๕ เมตร เรือนยอดเป็นรูปร่ม เปลือกสีน้ำตาล ใบเป็นประเภทใบประกอบมีใบย่อย ผิวใบเกลี้ยง
    ออกดอกเป็นช่อคาบกิ่งเป็นช่อสั้น ๆ กลีบรองดอกทรงรูปไข่ปลายแหลมสีแดง กลีบดอกรูปไข่กลีบ สีชมพู  เกสรตัวผู้มี ๑๐ อัน ขนาดไม่เท่ากัน ฝักกลมยาวสีดำ ผิวเกลี้ยงยาวประมาณ ๕๐ เซนติเมตร มีเมล็ดประมาณ ๖๐ เมล็ด ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน
    ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด

    ตะลิงปริง
    เป็นไม้ต้นขนาดเล็กสูงประมาณ ๑๐ เมตร ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบขนนกที่มีใบเดี่ยวอยู่ตอนปลาย มีใบย่อยประมาณ ๒๕ - ๔๕ ใบ ใบย่อยรูปขอบขนานแถบรูปหอก ปลายใบแหลมยาวประมาณ ๖ เซนติเมตร
    ออกดอกตามกิ่งข้างและตามลำต้นบนช่อดอกสั้น ๆ กลีบดอกสีม่วงแดง ผลยาวประมาณ ๕ เซนติเมตร รอบผลเป็นร่องมี ๕ ร่อง  เมื่อสุกจะออกสีเขียวอมเหลือง ฉ่ำน้ำ เมล็ดแบนมีรสเปรี้ยว
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และการทาบกิ่ง

    ตะแบกนา
    เป็นไม้ต้นผลัดใบสูงประมาณ ๒๕ เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลม เปลือกลำต้นเกลี้ยงผิวนวลเป็นมัน ใบเดี่ยวรูปหอก ยาวประมาณ ๑๕ เซนติเมตร
    ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง เมื่อดอกบานจะมีขนาดประมาณ ๒ เซนติเมตร กลีบดอกบานย่นสีม่วงอมชมพูแล้วเปลี่ยนเป็นสีชัด ผลรูปไข่ เมื่อผลแก่ออกสีน้ำตาล แตกอ้าออกเป็นหลายกลีบ เมล็ดแบนสีน้ำตาลมีปีก ออกดอกระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม ขึ้นตามป่าเบญจพรรณแทบทุกภาค และตามทุ่งนาทั่วไป
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    ตันหยง
    เป็นไม้ต้นขนาดเล็กสูงประมาณ ๔ เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกว้าง กิ่งโน้มลงใบเป็นประเภทใบประกอบ มีขนาดเล็กมาก
    ดอกเล็กขนาดประมาณ ๕ มิลลิเมตร ออกรวมเป็นกระจุกอยู่ตามโคนใบ ดอกสีขาวอมเหลือง กลิ่นหอมแรง ฝักแบนบิดงอออกเป็นกระจุกออกดอกมากในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม เป็นไม้ปลูก
    ขยายพันธ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    ตีนเป็ดน้ำ
    เป็นไม้ต้นสูงประมาณ ๑๕ เมตร ทรงร่ม ใบออกเป็นกระจุกแน่นที่ปลายกิ่ง ผิวใบมันรูปไข่กลับ
    ออกดอกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ช่อหนึ่งมีหลายดอก ดอกมีขนาดใหญ่ประมาณ ๔ เซนติเมตร สีขาวตรงกลางเหลือง โคนดอกติดกันเป็นหลอด กลีบดอกแยกกันมี ๕ กลีบ ผลสีเขียวเมื่อสุกดอกสีแดงเป็นมัน ชอบขึ้นตามริมฝั่งแม่น้ำลำคลอง และที่ลุ่มซึ่งน้ำท่วมถึงโดยทั่วไป ออกดอกตลอดปี
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง

    แต้ว
    เป็นไม้ต้นผลัดใบสูงประมาณ ๒๕ เมตร ทรงต้นโปร่ง เปลือกลำต้นสีน้ำตาลเข้ม ล่อนเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ ใบออกตรงข้ามเป็นคู่  รูปขอบขนาน บางดอกมีกลิ่มหอมอ่อน ๆ
    ดอกเป็นกระจุกเล็ก ๆ หรือเป็นช่อสั้น ๆ ช่อละประมาณ ๕ ดอก ออกตามกิ่งตรงโคนใบที่ร่วงไปแล้ว กลีบรองดอกสีเขียวมี ๕ กลีบ กลีบดอกสีชมพูอ่อนมี ๕ กลีบ ปลายกลีบมีครุยเป็นฝอยยาว ๆ ผลรูปไข่ยาวประมาณ ๑ - ๕ เซนติเมตร เมื่อผลแก่จะแตกออกเป็น ๓ แฉก เมล็ดขนาดเล็กมีปีกออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน พบตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไป ขณะที่แตกใบอ่อนใบจะเป็นสีแดง
    ขยายพันธ์ด้วยการเพาะเมล็ด
              เต็งแต้วแก้วกาหลง                     บานบุษบงส่งกลิ่นอาย
    หอมอยู่ไม่รู้หาย   คล้ายกลิ่นผ้าเจ้าตราตรู

    ทองกวาว
    เป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดกลางสูงประมาณ ๑๕ เมตร ทรงพุ่มรุปทรงกลมหรือทรงกระบอก ปลายกิ่งห้อยกิ่งมักคดงอ ใบเป็นประเภทใบประกอบชนิดชนิดที่มีใบย่อย ๓ ใบ ใบใหญ่และหนามีใบย่อยอยู่กลางรูปมนกว้างเกือบกลม
    ออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่งและด้านข้าง ดอกยาวประมาณ ๗ เซนติเมตร กลีบเลี้ยงสีเขียวเข้มคล้ายกำมะหยี่มีขนคลุม กลีบดอกสีแดงสด ผลเป็นฝักสีเขียวอ่อน เมื่อผลแก่สีเปลี่ยนเป็นน้ำตาลอมเหลือง
    ฝักแบนรูปขอบขนานยาวประมาณ ๑๕ เซนติเมตร รูปร่างคล้ายปีกมีเมล็ดอยู่ตอนปลายฝัก ๑ เมล็ด ดอกบานระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน กระจายพันธุ์ตามป่าเบญจพรรณและป่าแดงทั่วประเทศ
          ....พฤกษชาติคลี่ใบขยายกลิ่น                     ระรื่นรสรวยรินประทินหวาน
    ขจรอบอวลไปในพนา   ซาบซ่านนาสาน่ารื่นรมย์
              ที่สูงโลดโดดเด่นเห็นจังก้า                     แผ่กิ่งก้านสาขาสง่าสม
    ระบัดใบพลิกพลิ้วละลิ่วลม   ชื่นพนมชมพนาอ่าวิไล
              ไม้ดอกออกสพรั่งตาดารดาด   ตฤณชาติเขียวขจีสดสีใส
    ดุจผืนพรมอันสะอาดปูลาดไป                     ประดับไว้ด้วยพฤกษานานาพันธุ์
              ต่างชนิดต่างสีต่างขนาด                     ที่แดงชาดช่อเชิดดูเฉิดฉัน
    ม่วงเหลืองส้มชมพูฟ้าวิลาวัณย์                     สลับพรรณแลลานตระการตา
                                 
          .... งามมวลหมู่ผกาลดาชาติ                     วิไลวิลาสมากมีหลากสีสรรค์
    ส่งกลิ่นหอมตลบไปทั่วไพรวัน                     พาใจฉันปลาตทุกข์สุขสราญ
                                 
          .... ตามริมฝั่งข้างธารสำราญชื่น                     ระรวยรื่นรสรินกลิ่นเกสร
    ดอกพิกุลบุนนาคหลากพุดซ้อน                     ผึ้งภมรวิหคเหิรเพลินชมไพร ....

    กระดังงา
    เป็นไม้ต้นสูงประมาณ 8-15 เมตร ลำต้นเปลาตรง เรือนยอดรูปกรวยแหลม โปร่ง กิ่งเกือบตั้งฉากกับลำต้น ปลายกิ่ง ลู่ลงดิน
    ดอกสีเหลือง มีกลิ่นหอม ออกตามซอกใบ ออกดอกตลอดทั้งปี  ผลเป็นผลกลุ่ม เมื่อผลแก่จะเปลี่ยนสีจากสีเหลือง อมเขียว เป็นสีเหลืองและสีดำ ผลหนึ่งมี 4 - 5 เมล็ด เมล็ดกลมแบน
    ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดหรือกิ่งตอน

    กระทุ่มนา
    เป็นไม้ต้นผลัดใบสูงประมาณ 5 เมตร เรือนยอดแหลม ใบใหญ่ค่อนข้างกลม ออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน เนื้อใบค่อนข้างหนา
    ออกดอกเป็นช่อกลมตามปลายกิ่ง แต่ละช่อมีกาบรองดอกใหญ่อยู่ 1 คู่ กลีบรองดอกเป็นหลอดปลายแยกกันเป็น 5 แฉก กลีบดอกโคนกลีบติดกันเป็นหลอดปลายหลอดแยกเป็น 5 แฉก  เกสรตัวผู้มี 5 อัน ติดที่กลีบดอกด้านใน ผลเล็ก  ผิวแข็ง อัดรวมกันกลม เมล็ดมีปีก ออกดอกในเดือนสิงหาคมกึงกันยายน
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    กฤษณา
    เป็นไม้ต้นขนาดกลางสูงประมาณ 10-15 เมตร ลำต้นเปลา ตรง เรือนยอดเป็นพุ่มทรงเจดีย์ต่ำ เปลือกเรียบสีเทา ใบเป็นประเภทใบเดี่ยว มีสัญฐานรี แถบขอบขนาน ปลายใบแหลม ออกเรียงสลับกัน ผิวใบเป็นมัน
    ดอกสีเหลืองมีกลิ่นหอม ออกเป็นช่อเล็ก ๆ เป็นกระจุกตามง่ามใบและปลายกิ่ง ผลรูปทรงรีกลมแบน  เปลือกแข็งมีขนสีเทา  เมื่อผลแก่จะแตกกลีบรองดอกเจริญติดอยู่กับผล
    ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด

    กาฬพฤกษ์
    เป็นต้นไม้ผลิดใบสูงประมาณ 20 เมตร โคนต้นมีพูพอน เรือนยอดเป็นพุ่มกลม เปลือกสีดำแตกเป็นร่องลึก ใบเป็นประเภทใบประกอบ จำนวน 10-20 คู่ ใบออ่นจะออกสีแดง ผิวใบเกลี้ยงเป็นมัน หลังใบมีขนนุ่ม โคนและปลายใบมนกลม
    ออกดอกเป็นช่อตามกิ่งข้าง ช่อหนึ่งมีประมาณ 20 ดอก ดอกมีขนาดเล็ก กลีบรองดอกกลมมีขน ขณะที่ดอกบานกลีบจะกระดกกลับ กลีบดอกรูปไข่ เมื่อดอกบานใหม่ ๆ จะเป็นสีแดง จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีชมพูและสีส้ม เกสรตัวผู้มี 10 อัน ขนาดไม่เท่ากัน ฝักแข็ง กลม ผิวขรุขระสีดำ ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร กว้างประมาณ 3 เซนติเมตร มีเมล็ดอยู่ประมาณ 30 เมล็ด ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    กันเกรา
    เป็นไม้ต้นสูงประมาณ 10-15 เมตร เปลือกหยาบสีน้ำตาลเข้ม แตกเป็นร่องลึก ใบมีสัญฐานรูปรี ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร ปลายและฐานใบแหลม ใบหนา
    ออกดอกเป็นกระจุกบนก้านช่อสั้น ๆ เมื่อดอกเริ่มบานออกสีขาวแล้วเปลี่ยนเป็นสีเหลือง กลิ่มหอม ผลกลมเล็กสีส้ม เมื่อผลสุกจะออกสีแดง เมล็ดขนาดเล็ก ออกดอกเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม กันเกราจะขึ้นตามป่าเบญจพรรณชื้น และตายที่ใกล้น้ำ
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    กัลปพฤกษ์
    เป็นไม้ต้นผลัดใบขนาดกลางสูงประมาณ 12 เมตร เปลือกสีเทา เรือนยอดแผ่กว้างทุกส่วนมีขนปกคลุมหนาแน่น ใบเป็นประเภทในประกอบมีใบย่อย 5-7 คู่ ใบย่อยรูปขอบขนาน มีขนอ่อนทั้งหน้าและหลังใบ
    ดอกสีชมพูเข้มออกเป็นช่อ ตามกิ่งแล้วเปลี่ยนเป็นสีขาว จะออกดอกหลังการผลัดใบพร้อมผลิใบใหม่ ผลเป็นฝักเมื่อฝักแก่จะออกสีน้ำตาลเข้ม ฝักยาวประมาณ 30-40 เซนติเมตร มีเมล็ดอยู่ประมาณ 30-40 เมล็ดต่อฝัก
    ออกดอกเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน ชอบขึ้นตามป่าเขาหินปูน และป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไป เป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    กุ่มน้ำ
    เป็นต้นไม้สูงประมาณ 5-12 เมตร เรือนยอดแผ่กระจาย หรือรูปทรงกลม ใบเป็นประเภทใบประกอบแบบนิ้วมือ ประกอบด้วยใบย่อย 3 ใบ ปลายใบย่อยแหลมเรียว ใบจะร่วงหมดต้นขณะมีดอก ดอกสีเหลืองนวล เกสรสีม่วง ผลรูปกลม หรือรูปไข่สีเทา ผิวนอกแข็งและสาก พบตามริมน้ำทั่วไป
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    กุ่มบก
    เป็นต้นไม้สูงประมาณ 5-12 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มทึบหรือรูปทรงกลม ใบเป็นแบบใบประกอบแบบนิ้ว  มือประกอบด้วย ใบย่อย 3 ใบ  ปลายใบย่อยป้าน ใบจะร่วงหมดต้นขณะมีดอก
    ดอกสีเหลือง เกสรสีม่วง ผลรูปกลมรี พบตามป่าเบญพรรณทั่วไป หรือตามที่ดอน
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด

    • Update : 15/5/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch