หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พันธุ์ไม้ดอกนานาพรรณของไทย 3
    พุทธรักษา
    เป็นไม้ล้มลุกหลายฤดู มีเหง้าอยู่ใต้ดินชอบขึ้นในที่มีความชื้นสูง ใบมีขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายใบตอง แต่ขนาดเล็กกว่าโคนและปลายใบแหลม
    ออกดอกเป็นช่อดอกมีขนาดใหญ่สีสวยสดมีหลายสี เช่น เหลือง ชมพู แสด และแดง ดอกมีกลีบเลี้ยง 3 กลีบ และกลีบดอก 3 กลีบ แต่มีขนาดเล็ก ส่วนที่เห็นเป็นกลีบใหญ่สีสวยสด ประมาณ 5-6 กลีบนั้นคือ เกสรตัวผู้ที่เป็นหมัน แล้วเปลี่ยนรูปร่างเป็นคล้ายกลีบดอก  ผลกลมผิวขรุขระ  เมื่อผลแก่แตกออกภายในจะมีเมล็ดสีดำ
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดหรือแยกหน่อ

    พุทธชาด
    เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย ใบออกตรงกันข้าม ยาวประมาณ 2 เซนติเมตร แผ่นใบมีขนเล็กน้อยทั้งด้านบนและด้านล่าง ปลายใบทู่
    ดอกออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง มีลักษณะเป็นช่อกระจาย ดอกสีขาวขนาดเล็กกว่าดอกมะลิ โคนดอกเป็นหลอด ปลายดอกเป็นกลีบแยกจากกัน มีประมาณ 7 กลีบ กลีบมีขนาดเล็กและแคบกว่าดอกมะลิดอกกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร
    ขยายพันธุ์ด้วยการตอน
          หอมเอ๋ยชวนเชยดอกพุทธชาด                     ขาวงามสะอาดสะอางสดสีชวนชื่น
    หอมหวลอวลมาเมื่อยามค่ำคืน   หอมรวยระรื่นสดชื่นอื่นไหนมาปาน...

    พู่ชมพู
    เป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 2 เมตร ทรงพุ่มโปร่ง ใบเป็นประกอบแบบขนนก มีอยู่เพียงคู่เดียว ใบย่อยมี 6-10 คู่
    ดอกเป็นช่อมีสัณฐานกลม เมื่อดอกบานจะเป็นพู่กลม ตัวดอกประกอบด้วยเกสรตัวผู้เส้นเล็กยาวจำนวนมาก เป็นสีชมพูหรือสีแดงฝักแบบภายในมีเมล็ด 5-6 เมล็ด ออกดอกตลอดทั้งปี
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดหรือการตอน

    พลับพลึง
    เป็นไม้ล้มลุกหลายฤดู มีลำต้นอยู่ใต้ดิน ส่วนที่อยู่เหนือดินประกอบด้วยกาบสีขาวหุ้มซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ใบอวบหนา  กว้างประมาณ 10 เซนติเมตร ยาวประมาณ 1 เมตร ปลายแหลม
    ดอกพลับพลึงมีขนาดใหญ่สีขาว และมีกลิ่นหอมดอกออกเป็นช่อด้านช่ออวบใหญ่ มีดอกออกเป็นกระจุกที่ปลายก้านดอก ประมาณ 20 ดอก ดอกจะทะยอยกันบาน ส่วนโคนดอกเชื่อนกันเป็นหลอด ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร  ปลายดอกเป็นกลีบแคบ ๆ กว้างประมาณ 1 เซนติเมตร ยาวประมาณ 7 เซนติเมตร มีจำนวน 6 กลีบ เกสรตัวผู้ 6 อัน
    ขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อ
          "พลับพลึงไพร                     งามวิไลยิ่งล้ำเกินคำขาน
    บริสุทธิ์ผุดผ่องก่องตระการ   กลิ่นซาบซ่านนาสาน่าชื่นใจ
    ดอกพลับพลึงสีขาวสกาวเด่น   ใครได้เห็นชวนจิตพิศมัย
    ประดุจดังดอกฟ้าอ่าอำไพ   แสนสดใสพราวเพริศเลิศมาลี"

    พลับพลึงแดง
    เป็นไม้ล้มลุกหลายฤดู เช่นเดียวกับพลับพลึงดอกขาวทุกประการ แต่ดอกเป็นสีม่วงแดงและมีขนาดใหญ่กว่า ดอกพลับพลึงดอกขาวเล็กน้อย กลีบดอกด้านในออกสีขาวอมชมพู ด้านนอกตรงกลางกลีบเป็นสีม่วงแดงตามขอบกลีบเป็นสีขาว เกสรตัวผู้สีม่วงแดง

    เฟื่องฟ้า
    เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย ใบเป็นประเภทใบเดี่ยวออกสลับกันมีก้านใบ สัณฐานของใบเป็นรูปไข่ ปลายแหลม
    ดอกมีขนาดเล็กอยู่ภายในใบประดับ ซึ่งมีสีสวยมีหลายสีด้วยกัน เช่น สีขาว สีชมพู สีส้มสีแดง และสีม่วง คอทั้งสามมีก้านดอกเล็ก ๆ ติดอยู่กลางแผ่นของใบประดับหลอดดอกสีเขียวที่ปลายหลอดดอกคล้ายกลีบมีชั้นเดียวเป็นสีชมพูเหลือง หรือขาว เกสรตัวผู้มี 10 อัน ขนาดไม่เท่ากันและอยู่ในหลอดดอกออกดอกเกือบตลอดปีเฟื่องฟ้ามีหลายชนิด หลายสี
    ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำ เสียบกิ่ง และการตอน

    มะลิซ้อน มะลิลา
    เป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 1.5 เมตร มีอยู่หลายพันธุ์บางพันธุ์เป็นไม้รอเลื้อย ใบเป็นแบบใบเดี่ยวออกตรงข้ามสีเขียวอมเหลือง สัณฐานของใบเป็นรูปไข่ปลายใบแหลม
    ดอกมีทั้งดอกซ้อนและดอกลา  ออกเป็นช่อเล็ก ๆ ดอกที่อยู่กลางจะบานก่อน กลีบดอกสีขาวโคนดอกติดกันเป็นหลอดสีเขียวอมเหลือง มีกลิ่นหอมชื่นใจและค่อนข้างจัด เกสรตัวผู้มี 2 อัน ออกดอกมากในฤดูร้อนและฤดูฝน
    ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำและการตอน
      "...มะลิหอมฟุ้งจรุงรื่น..."

    มุจลินทร์
    เป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 2 เมตร กิ่งก้านสีเทา ใบเป็นใบประกอบมีอยู่ 3 ใบ ใบยาว โคนและปลายใบมีลักษณะมนสีใบ เป็นสีเขียวแก่ ผิวใบเป็นมันและมีกลิ่น
    ดอกสีชมพูแก่ออกเป็นช่อมี 2-5 ดอก ตามง่ามใบหรือตามยอด ดอกมี 5 กลีบ มีเส้น สีแดงพาดอยู่กลางกลีบ1 เส้น ผลเมื่อแก่จะแตกออก มีเมล็ดเล็ก ๆ อยู่ภายใน
    ขยายพันธุ์ด้วยการตอน

    ยี่โถ
    เป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 2 เมตร ใบเดี่ยวหนาแข็งและแคบยาวประมาณ 15 เซนติเมตร
    ดอกออกเป็นช่อที่ปลายยอด มีทั้งชนิดดอกซ้อนและดอกลา ชนิดดอกซ้อนมีขนาดดอกโตกว่าและมีกลิ่นหอม สีชมพูแก่ส่วนชนิดดอกลามีหลายสี  ตั้งแต่สีขาว เหลืองนวล ชมพูอ่อน ชมพูแก่ แดงอ่อนแดงแก่และแดงดำ ออกดอกตลอดปี
    ขยายพันธุ์ด้วยการตอน
    ราชาวดี
    เป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 2.5 เมตร ทรงพุ่มโปร่ง ใบสีเขียวด้าน มีลายเล็กน้อย ขอบใบจัก ใบยาวประมาณ 3 เซนติเมตร
    ดอกออกเป็นช่อยาว ช่อดอกประกอบด้วยดอกเล็ก ๆ เรียงอยู่บนก้าน สีดอกขาว มีกลิ่นหอม
    ขยายพันธุ์ด้วยการตอน

    ราตรี
    เป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 3 เมตร แตกกิ่งก้านออกเป็นพุ่ม ใบขอบขนาน ยาวประมาณ 15 เซนติเมตร ปลายใบแหลม
    ดอกออกเป็นช่อสีเขียวอ่อน ตัวดอกเป็นหลอดแคบยาว ปลายกลีบแยกออกเป็น 5 แฉก เรียวแหลม ดอกยาวประมาณ 2.5 เซนติเมตร ดอกราตรีจะบานตอนกลางคืนจนถึงเช้า ขณะที่ดอกบานเต็มที่ตัวดอกจะเป็นสีนวล
    ขยายพันธุ์ด้วยการตอน
          "ดอกเอ๋ยดอกราตรี                     ไม่มีสีสดงดงามหรู
    จึงมิใคร่มีใครใฝ่ใจดู   หรืออยากรู้ว่าแฝงอยู่แห่งใด
    ครั้นค่ำคืนชื่นชมอารมณ์ฉ่ำ   กลิ่นเจ้าพร่ำเตือนจึงนึกถึงได้
    โอ้ราตรีนี่หนาน่าเห็นใจ   กลิ่นกล่อมให้นอนชื่นทุกคืนเอย
          ลมพระพายชายชื่นในคืนนี้   กลิ่นราตรีหอมชื่นรื่นใจแสน
    ดอกไม้อื่นดื่นไปในดินแดน   ไม่เหมือนแม้นราตรีไม่มีเลย
    เจ้าโชยกลิ่นต่อเมื่อสิ้นแสงอาทิตย์   เหมือนให้คิดปริศนาราตรีเอ๋ย
    คิดคำนึงถึงราตรีที่เราเคย   ได้ชมเชยชื่นชวนรัญจวนใจ"

    ราตรีสีทอง
    เป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 2 เมตร ใบรูปใบหอกแคบ โคนและปลายใบแหลม ยาวประมาณ 10 เซนติเมตร
    ดอกออกเป็นช่อใหญ่ที่ปลายยอด ตัวดอกเป็นหลอดยาว ปลายหลอดแยกเป็น 5 กลีบ มีลักษณะแหลม สีดอกเป็นสีทอง หรือสีเหลืองอมส้ม กลิ่นหอมเวลากลางคืน
    ขยายพันธุ์ด้วยการตอน

    รำเพย
    เป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 3 เมตร ทรงพุ่มกลมและโปร่ง ใบเดี่ยวหนาแต่ไม่แข็งนัก ใบยาวประมาณ 10 เซนติเมตร
    ดอกออกเป็นช่อ แต่ละช่อมี 3-4 ดอก  ออกที่ปลายกิ่ง ดอกเป็นหลอดปลายแยกเป็น 5 กลีบ ลักษณะทรงกรวย สีดอกมีทั้งขาว เหลือง และส้ม ผลเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมสีเขียว มีเมล็ด 1-2 เมล็ดในแต่ละผล ออกดอกในฤดูฝนถึง ฤดูหนาว
    ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และการตอน

    แววมยุรา
    เป็นไม้ล้มลุกพุ่มเตี้ยสูงประมาณ 30 เซนติเมตร ลำต้นสี่เหลี่ยม 2 ใบรูปไข่ ขอบใบจัก ยาวประมาณ 4 เซนติเมตร
    ดอกออกตามซอกใบตอนบน ทำให้เกิดเป็นช่อที่ปลายกิ่ง กลีบรองดอกโป่งคล้ายมี 5 ปีก ดอกติดกันเป็นหลอด ปลายหลอด  แยกออกเป็นกลีบ 2 กลีบ หลอดดอกสีม่วงกลีบดอกอันบนสีม่วงอ่อน ปลายกลีบแยกเป็น 2 แฉก กลีบล่างมี 3 แฉก สีฟ้าปนม่วง ตอนกลางมีแต้มสีเหลือง
    ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด

    สะแกวัลย์
    เป็นไม้พุ่มรอเลื้อยขนาดใหญ่ กิ่งอ่อนมีขน ใบเป็นประเภทใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ สัณฐานของใบเป็นรูปไข่หรือรูปรี โคนใบมน ปลายใบเรียวแหลม ด้านล่างของใบมีขนสีน้ำตาลปนเหลืองขึ้นอยู่หนาแน่น
    ดอกสีเขียวอมเหลือง ออกเป็นช่อกระจาย ที่ปลายยอดมีขน ปลายกลีบเลี้ยงแยกเป็น 5 แฉก ไม่มีกลีบดอก เกสรตัวผู้มี 10 อัน ผลเป็นรูปรี กว้างประมาณ 2 เซนติเมตร ยาวประมาณ 7 เซนติเมตร มีกลีบเลี้ยงติดอยู่ภายในผลมีเมล็ด 1 เมล็ด ออกดอกระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคม  พบตามป่าเบญจพรรณและฝั่งน้ำทั่วไป
    ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด หรือการตอนกิ่ง

    สายหยุด
    เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย ใบใหญ่เป็นคลื่นยาวประมาณ 24 เซนติเมตร ใบขอบขนาน ปลายแหลมเรียว ใบสีเขียวเข้มเป็นมัน หลังใบสีอ่อน
    ดอกมีก้านยาวประมาณ 3 เซนติเมตร กลีบบิดงอสีเหลืองทอง เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียติดอยู่บนฐานกลางของดอก มีกลิ่นหอมตอนเช้าและตอนพลบค่ำ ออกดอกตลอดปี
    ขยายพันธุ์ด้วยการตอน
          "หอมเอยหอมกลิ่น      รวยรินสายหยุดยามเช้า       กลิ่นเจ้าอบอวลละมุน
          น้ำค้างยามรุ่ง       ช่วยปรุงกลิ่นรสหอมกรุ่น  หอมเย็นเมื่อแรกอรุณ       รุ่งฟ้าแสงทองรางๆ
          ทิวาฟ้ารุ่ง       จรุงหอมกลิ่นบุปผา       สดชื่นอุรายามสาง
          สายลมพริ้วผ่าน       สะท้านใบดอกสวยสะพรั่ง ถึงโรยร่วงหล่นไปบ้าง       ก็ยังหอมพอตรึงใจ
          ครั้นพอตะวันสาย       แดดร้อนแรงกล้า       แผ่ความร้อนมาปกคลุมทั่วไป
          เหมือนมาเร่งเร้า       ให้เฉาจนสิ้นกลิ่นไอ ไม้พันธุ์นี้แปลกกว่าใคร      หอมซึ้งตรึงใจเมื่อยามเช้าตรู่
          สายหยุดสมชื่อ       ระบือทั่วถิ่นแดนไกล       ผู้ใดก็คงจะรู้
          หอมเพียงยามรุ่ง       แสงทองเยี่ยมฟ้ารุบหรู่ หอมเย็นอบอวลชื่นชู       ก็เพียงฟ้ายามอรุณ"

          "สายหยุดหยุดกลิ่นฟุ้ง                     ยามสาย
    สายบ่หยุดเสน่ห์หาย   ห่างเศร้า
    กี่คืนกี่วันวาย   วางเทวษ ฤาแม่
    ถวิลอยู่ทุกค่ำเช้า   คลาดน้องใครถนอม"

    สร้อยกัทลี
    เป็นไม้ล้มลุก มีลำต้นเป็นเหง้าอยู่ใต้ดิน ส่วนที่อยู่เหนือดินคล้ายต้นกล้วย มีโคนใบแผ่เป็นกาบหุ้มซ้อน  สูงประมาณ 2 เมตร ใบรูปขอบขนานคล้ายใบกล้วย สีใบเขียวเข้า ผิวใบเป็นมัน
    ออกดอกเป็นช่อห้อย ประกอบด้วยใบประดับ อวบหนาแบนและสั้น เรียงสลับถี่แบบเยื้องกัน สีแดงสดแซมด้วยสีเหลืองตอนปลาย ดอกมีขนาดเล็กอยู่ภายในใบประดับ
    ขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อ

    สลัดได
    เป็นไม้อวบน้ำสูงประมาณ 2 เมตร แตกกิ่งก้านสาขาออกไปโดยรอบ กิ่งก้านเป็นสามเหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยม ตามขอบเหลี่ยมจะมีคลื่นโค้งไปมา ตามโค้งจะมีหนามแหลมสีดำอยู่คู่กัน  ดอกสีเหลือง
    ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำกิ่ง
    "สลัดไดไดสลัดน้อง                     แหนงนอน    ใจฤา...."

    โสน
    เป็นไม้พุ่มสูงประมาณ 2 เมตร ลำต้นตั้งตรง ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยขนาดเล็กจำนวนมาก
    ดอกสีเหลือง  ออกตามซอกใบที่ปลายกิ่งเป็นช่อ แต่ละช่อมีประมาณ 10-15 ดอก กลีบดอกมี 5 กลีบ รูปร่างไม่เหมือนกัน กลีบนอกสุด  มีขนาดใหญ่สุด เกสรตัวผู้มี 10 อัน ผลเป็นฝักแบน มีเมล็ดอยู่เป็นจำนวนมาก ออกดอกในช่วงฤดูฝน

    • Update : 15/5/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch