หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    การเรียนหนังสือไทยสมัยก่อน 3

    วรรณคดีไทยประเภทร้อยกรอง

                วรรณคดีไทยที่ใช้เรียนในชั้นประถมและมัธยมในสมัยก่อน เป็นเรื่องที่มีประโยชน์ เป็นที่รู้กันอย่างแพร่หลาย มีความไพเราะ เป็นคติสอนใจ ดังนั้นแต่ละตอนที่เลือกมาเรียนได้เลือกสรรแล้วว่า เป็นตอนที่น่าสนใจมากที่สุด อาจจะเรียกว่าเป็นหัวใจของเรื่องก็ว่าได้ แต่ละตอนดังกล่าว มีความยาวไม่มากนัก เหมาะกับวุฒิภาวะของนักเรียนในชั้นนั้น ๆ จะจดจำและเข้าใจได้โดยง่าย ในแต่ละตอนจะเลือกเหตุการที่สำคัญ มีความไพเราะและมีคติสอนใจ นำมาใช้เป็นอาขยานให้ท่องจำจนขึ้นใจ เริ่มต้นที่ชั้นประถมปีที่ ๔  ไปตามลำดับจนถึงชั้นมัธยม ๘  ตามระบบการศึกษาในครั้งนั้น  ในชั้นประถมและมัธยมต้น จะท่องอาขยานก่อนหรือหลังการท่องสูตรคูณซึ่งจะท่องตั้งแต่แม่สองถึงแม่สิบสอง การท่องอาขยานเป็นการท่องปากเปล่า  ออกเสียงดังให้ชัดถ้อยชัดคำ ถูกต้องตามอักขระวิธี ถูกจังหวะจะโคน ตามแบบคำประพันธ์ และท่องให้พร้อมเพรียงกันทั้งชั้น
                สำหรับความตอนต้นของแต่ละเรื่อง นักเรียนมักจำได้โดยไม่ต้องท่อง มากบ้างน้อยบ้างตามความพอใจ และสนใจของแต่ละคน นับว่าเป็นประโยชน์ทั้งทางตรง และทางอ้อม พอประมวลได้ดังนี้

    สังข์ทองตอนตีคลี (ความตอนต้น)

                มาจะกล่าวบทไป ถึงท้าวสหัสนัยน์ไตรตรึงศา
    ทิพอาสน์เคยอ่อนแต่ก่อนมา กระด้างดังศิลาประหลาดใจ
    จะมีเหตุมั่นแม่นในแดนดิน อมรินทร์เร่งคิดสงสัย
    จึงสอดส่องทิพเนตรดูเหตุภัย ก็แจ้งใจในนางรจนา
    แม้นมิไปช่วยจะม้วยมอด ด้วยสังข์ทองไม่ถอดรูปเงาะป่า
    จำจะยกพหลพลเทวา ลงไปล้อมพาราสามนต์ไว้
    ชวนเจ้าธานีตีคลีพนัน น้ำหน้ามันจะสู้ใครได้
    จะขู่ให้งันงกตกใจ ออกไปหาบุตรสุดท้อง
    พระสังข์ครั้งนี้จะถอดเงาะ งามเหมาะไม่มีเสมอสอง
    พ่อตาจะได้เห็นเป็นรูปทอง ทั้งทำนองเพลงคลีตีต่อยุทธ
                คิดพลางทางมีพจนารถ สั่งมาตุลีเทพบุตร
    จงเตรียมพลเทวาถืออาวุธ นิรมิตเหมือนมนุษย์ชาวพารา
    ทั้งหน้าหลังตั้งตามกระบวนทัพ ให้เสร็จสรรพปีกซ้ายปีกขวา
    เราจะยกพลไกรไคลคลา ไปล้อมพาราท้าวสามนต์
                บัดนั้น มาตลีกราบงามสามหน
    รีบออกมานอกไพชยนต์ เตรียมพลเทวัญมิทันนาน
                เมื่อนั้น อมรินทร์อินทร์องค์สรงสนาน
    สอดใส่เครื่องทรงอลงการ เนาวรัตน์ชัชวาลวาวแวว
    แล้วลีลามาทรงเวไชยันต์ ยกทัพเทวัญเป็นถ้องแถว
    เดินโดยอากาศคลาดแคล้ว รีบขับรถแก้วลงมาพลัน
                ครั้นถึงพาราสามนต์ ขับพลเข้าล้อมเขตขันฑ์
    ตั้งค่ายรายรอบเรียงรัน ปักธงสำคัญทุกหมวดกอง
    แล้วยิงปืนมณฑกนกสับ ปล่อยตับตึงตังดังก้อง
    แกล้งทำสีหนาทฆาตฆ้องกลอง โห่ร้องสำทับให้เกรงกลัว
                บัดนั้น ชาวเมืองทั้งสิ้นได้ยินทั่ว
    ตื่นตระหนกตกใจจวนตัว จะยักย้ายครอบครัวก็ไม่ทัน
    ต่างคนลนลานทุกบ้านช่อง เสลือกสลนขนของเชี่ยนขัน
    หอบที่นอนหมอนฟูกผูกพัน ถามกันว่าจะไปข้างไหนดี
    บ้างอุ้มบุตรฉุดมือเมียมา ไหว้วอนพ่อตาให้พาหนี
    ลูกหลานรุงรังครั้งนี้ ไม่รู้ที่จะแอบแฝงอยู่แห่งไร
    บ้างปีนป่ายแย่งฝาหลังคาเรือน สำคัญฟั่นเฟือนว่าไฟไหม้
    ขนเอาข้าวของมากองไว้ ร้องไห้เรียกหากันอึงอล
    พวกผู้หญิงสาวแก่แม่ค้า ตกใจคิดว่าขโมยปล้น
    เบี้ยข้าวของเททิ้งแล้ววิ่งวน แน่นถนนปนไปกับผู้ชาย
                พวกพระยาพระหลวงทั้งปวงนั้น ต่างตระหนกอกสั่นขวัญหาย
    ไม่รู้เหตุผลต้นปลาย ชวนกันผันผายเข้าวังใน
    ครั้นถึงศาลาหน้าประตู พอเพลาเช้าตรู่ประแจไข
    ร้องเรียกหาเถ้าแก่ออกแซ่ไป เร่งให้ปลุกบรรทมบังคมทูล
    ฯลฯ
    สังข์ทองตอนตีคลี (บทอาขยาน)
                เมื่อนั้น  ท้าวสามนต์สรวลสันต์ไม่ผันผาย  เห็นนางมณฑาว่าวุ่นวาย  จึงซังตายดำเนินเดินมา  เข้าไปในทับเห็นลูกเขย  พ่อเจ้าลูกเอ๋ยงามนักหนา  น้อยหรือรูปร่างเหมือนเทวดา  หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา  ผิวเนื้อเรื่อเรืองเหลืองประหลาด  ดั่งทองคำธรรมชาติหล่อเหลา  ฟ้าผี่เกิดเอ๋ยลูกเขยเรา  งามจริงนะเจ้านางมณฑา  ถึงตัวพี่เมื่อครั้งยังหนุ่มแน่น  รูปร่างก็อ้อนแอ้นโอ้อ่า  ไม่แกล้งอวดซวดทรงหน้าตา  ใส่ชฎาเครื่องประดับก็รับรอง  แต่ไม่เหมาะเหมือนลูกเขยเราคนนี้  เป็นต่อพี่อยู่ราวสักสามสอง  แพ้เขาที่เนื้อไม่เป็นทอง  กระนั้นน้องยังรักว่ารูปงาม  ตรัสพลางแย้มยิ้มพริ้มพราย  แล้วภิปรายปราศัยไต่ถาม  ลูกรักจงแถลงแจ้งความ  เจ้านี้มีนามกรใด  วงศ์วานว่านเครือเนื้อหน่อ  พงศ์เผ่าเหล่ากอเป็นไฉน  อยู่ประเทศธานีบุรีไร  ทำไมจึ่งแกล้งแปลงปลอมมา
                เมื่อนั้น  พระสังข์บังคมก้มหน้า  ยิ้มพลางทางทูลพ่อตา  ตัวข้านี้ชื่อพระสังข์ทอง  เป็นโอรสท้าวยศวิมล  แจ้งความตามต้นที่หม่นหมอง  ที่แปลงมาจะหาคู่ครอง  จงทราบฝ่าละอองบทมาลย์
                เมื่อนั้น  ท้าวสามนต์ตบพระหัตถ์ฉาดฉาน  ลูกเขยกูผู้ดีมีสันดาน  เป็นเผ่าพงศ์วงศ์วานกษัตรา  สมยศสมศักดิ์น่ารักใคร่  ทีนี้ไม่อับอายขายหน้า  พระลูบหลังลูบไหล่ไปมา  จูบซ้ายจูบขวาลูกข้างาม  อ้ายหกเขยยุพ่อให้ขับเจ้า  แค้นใจยายเฒ่าก็ไม่ห้าม  บิดาโฉดเขลาเบาความ  มิรู้เลยว่าจะงามถึงเพียงนี้  อย่าถือโทษโกรธพ่อเลยหนอลูก  ว่าลบหลู่ดูถูกขับหนี  แม้นเจ้ามีชัยชนะคลี  พ่อจะมอบบุรีให้ครอบครอง

    สังข์ทองตอนเลือกคู่ หาเนื้อหาปลา (ความตอนต้น)

                มาจะกล่าวบทไป ถึงท้าวสามนต์เรืองศรี
    เสวยราชสมบัติสวัสดี ในบุรีสามนต์พระนคร
    อันองค์เอกอัครชายา ชื่อมณฑาเทวีศรีสมร
    มีธิดานารีร่วมอุทร ทั้งเจ็ดนามกรก็ต่างกัน
    น้องนุชสุดท้องชื่อรจนา โสภาเพียงนางในสวรรค์
    พรั่งพร้อมพระสนมกำนัล เป็นสุขทุกนิรันดร์วันคืน
    ท้าวคิดรำพึงถึงเวียงชัย นานไปจะเป็นของเขาอื่น
    เห็นจะไม่จีรังยั่งยืน ด้วยลูกเต้าเราแต่พื้นเป็นธิดา
    จำจะคิดปลูกฝังเสียยังแล้ว ให้ลูกแก้วมีคู่เสนหา
    ถ้าเขยคนใดดีมีบุญญา จะยกพารามอบให้ครอบครอง
                คิดพลางทางเรียกมเหสี มาพาทีปรึกษาสองต่อสอง
    เจ้าจงดำริตริตรอง แต่เราครองราชฐานมานานช้า
    ทุกวันนี้ตัวพี่กับตัวเจ้า ไม่เที่ยงแท้แก่เฒ่าลงหนักหนา
    เจ็บป่วยครุ่นไปไข้ชรา ถอยกำลังวังชาลงทุกที
    ยิ่งคิดคิดไปให้ใจสั้น จะตายวันตายพรุ่งมิรู้ที
    พี่ปรารมภ์สมบัติของเรานี้ หากแม้นบุญพี่ไม่จีรัง
    จงช่วยกันดำริตริตรองดู จะหาคู่ให้ลูกไว้ปลูกฝัง
    จะแบ่งปันข้าวของในท้องคลัง ให้ครอบครองเวียงวังเห็นทันตา
    จะจัดแจงแต่งตามอารมณ์เรา เหมือนข่มเขาโคขืนให้กินหญ้า
    กลัวเกลือกทั้งเจ็ดธิดา มันจะไม่เสนหาก็มิรู้
    ลางเนื้อชอบลางยาว่าได้ ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่
    คำบุราณว่าไว้เป็นครู พิเคราะห์ดูให้ต้องทำนองใน
    พี่คิดจะประชุมให้พร้อมพรั่ง กษัตริย์ทั้งร้อยเอ็ดหัวเมืองใหญ่
    ให้บุตรีเราเลือกตามชอบใจ เจ้าจะเห็นอย่างไรจงว่ามา
                เมื่อนั้น นวลนางมณฑาเสน่หา
    จึงทูลสนองพระบัญชา ซึ่งตรัสมานี้ต้องประเพณี
    จะได้เป็นแก่นสารแก่บ้านเมือง ให้ฤาเลื่องไปทั่วทุกกรุงศรี
    ตามแต่ภูวนัยจะเห็นดี อันน้องนี้ไม่ขัดทัดทาน
                เมื่อนั้น ท้าวสามลปรีดิ์เปรมเกษมสานต์
    เสด็จจากแท่นที่มิทันนาน ออกพระโรงชัชวาลทันใด
                ลดพระองค์ลงนั่งเหนือเก้าอี้ ตรัสสั่งเสนีผู้ใหญ่
    แต่บรรดาเมืองขึ้นของเราไซร้ ทั้งร้อยเอ็ดเวียงชัยเคยไปมา
    ผู้ใดมีโอรสรูปงาม อยู่ในยามสามสิบเศษพรรษา
    ที่ยังไม่มีภริยา ให้จัดแจงแต่งมาทุกธานี
    เราจะให้ธิดาทั้งเจ็ดองค์ เลือกดูรูปทรงส่งศรี
    ถ้าลูกเราตั้งใจจะใคร่ดี จะเสกกับบุตรีให้ครองกัน
    จงแต่งตราว่าตามความใน ให้คนเร็วรีบไปทุกเขตขัณฑ์
    กำหนดไว้โดยช้าสิบห้าวัน ให้มาถึงพร้อมกันยังธานี
    ฯลฯ

    สังข์ทองตอนเลือกคู่ หาเนื้อหาปลา (บทอาขยาน)
               เมื่อนั้น  เจ้าเงาะแสนกลคนขยัน  พิศโฉมพระธิดาวิลาวัณย์  ผุดผาดผิวดังดวงเดือน   งามละม่อมพร้อมสิ้นทั้งอินทรีย์  นางในธรณีไม่มีเหมือน  แสร้งทำแลเลี่ยงเบี่ยงเบือน  ให้ฟั่นเฟือนเตือนจิตคิดปอง  พระจึงตั้งสัตย์อธิษฐาน  แม้นบุญญาธิการเคยสมสอง  ขอให้ทรามสงวนนวลน้อง  เห็นรูปพี่เป็นทองต้องใจรัก
               เมื่อนั้น  รจนารีมีศักดิ์  เทพไทอุปถัมภ์นำชัก  นงลักษณ์ดูเงาะเจาะจง  นางเห็นรูปสุวรรณอยู่ชั้นใน  รูปเงาะสวนไว้ให้คนหลง  ใคร ใคร ไม่เห็นรูปทรง  พระเป็นทองทั้งองค์อร่ามตา  ชะรอยบุญเราไซร้จึงได้เห็น  ต่อจะเป็นคู่ครองกระมังหมา  คิดพลางนางเสี่ยงมาลา  แม้นว่าเคยสมภิรมย์รัก  ขอให้พวงมาลัยนี้ไปต้อง  เจ้าเงาะรูปทองจงประจักษ์  เสี่ยงแล้วโฉมยงนงลักษณ์  ผินพักตร์ทิ้งพวงมาลัยไป
               บัดนั้น  พระพี่เลี้ยงหลากจิตคิดสงสัย  อกเอ๋ยนี้เห็นเป็นอย่างไร  มารักใคร่อ้ายเงาะมิเคราะห์กรรม  ทำให้อายขายพักตร์เผ่าพงศ์  ไม่รักองค์เลยนักนิดผิดส่ำ  ไม่ปรึกษาหารือแต่สักคำ  จะมาทำให้พี่นี้พลอยยับ
               เมื่อนั้น  ท้าวสามนต์เสียใจจนลมจับ  นางมณฑาเข้าประคองรองรับ  ขยำขยับไปสักหน่อยจึงค่อยคลาย  ลุกขึ้นกระทืบบาทตวาดอึง  อีรจนาดูดู๋มึงช่างมักง่าย  ทรลักษณ์อัปรีย์ไม่มีอาย  หน่อกษัตริย์ทั้งหลายไม่เอื้อเฟื้อ  มารักใคร่อ้ายเงาะทรชนคนอุบาท์ว  ทุดช่างชั้วชาติประหลาดเหลือ  แค้นนักจักใคร่ให้แล่เนื้อ  แล้วเอาเกลือทาซ้ำให้หนำใจ  ว่าพลางฉวยได้ไม้เรียว  โกรธเกรี้ยวตัวสั่นหมั่นไส้   อีลูกชั่วน่าชังจังไร   เอาไว้ไยตีเสียให้แทบตาย

    รามเกียรติ์ตอนท้าวมาลีวราชว่าความ (ความตอนต้น)

              บัดนั้น ฝ่ายสารัณฑูตยักษี
    เห็นสองพระยาอสุรี สุดสิ้นชีวีบรรลัย
    ทั้งหมู่ม้ารถคชพล จะเหลือแต่สักตนก็หาไม่
    ความกลัวดั่งจะดั้นแผ่นดินไป จึงพากันเข้าไปยังลงกา
    ครั้นถึงจึงกราบบังคมทูล ท้าวราพนาสูรยักษา
    ว่าพระสหายร่วมชีวา กับพระนัดดาฤทธิ์รอน
    ยกพลออกไปรณรงค์ ด้วยองค์พระรามทรงศร
    สองกษัตริย์กับพวกพลากร วานรฆ่าเสียแหลกลาญ
              เมื่อนั้น ทศเศียรสุริยวงค์รังสรรค์
    ได้ฟังถ้อยคำที่รำพัน กุมภัณฑ์นิ่งขึงตลึงไป
    ให้คับแค้นแน่นในอุรา จะหายใจออกมามิใคร่ได้
    ไม่ออกโอษฐ์บรรหารประการใด ก็เข้าไปในพระโรงรัตน์รูจี
    ลดองค์ลงเหนือบรรจถรณ์ พระกรก่ายพักตร์ยักษี
    แสนทุกข์แสนเทวษแสนทวี อนิจจาครานี้จะสุดจาบัลย์
    เสียดายสมเด็จพระสหาย เลิศชายลือชื่อทั่วสวรรค์
    ทั้งนัดดาปานดวงชีวัน ชาญฉกรรจ์ในการชิงชัย
    เสียแรงที่รู้เวทมนตร์ กำบังตาหายตนไปได้
    มาแพ้ฤทธิ์ไพรีกระบี่ไพร ดั่งใช่สุรชาติกษัตรา
    อกเอ๋ยโอ้ว่าแต่วันนี้ แสนทุกข์สิ้นที่จะปรึกษา
    ตัวกูผู้ประกอบด้วยศักดา แต่เอกาในจิตที่คิดการ
    เล็งหาไม่เห็นสุริยวงศ์ ที่อาจองจะออกไปหักหาญ
    สุดหวังดั่งว่ายชลธาร สุดประมาณที่จะหมายพึ่งสิ่งใด
    แต่ผลุดลุกผลุดนั่งไม่นิทรา อสุราทอดถอนใจใหญ่
    จนตราบเท่าแสงอโณทัย เรื่องไรบนพื้นอัมพร
    จึงคิดได้ว่าท้าวมาลี สถิตที่ยอดฟ้าสิงขร
    เป็นพระอัยกาฤทธิรอน ทรงเดชขจรมหิมา
    จะว่าการสิ่งใดก็ประสิทธิ์ ดั่งเหล็กเพชรลิขิตแผ่นผา
    แม้นพระองค์กริ้วโกรธโกรธา จะพรรณาแต่เดิมให้ฟัง
    อันความฉกรรจ์จะสรรใส่ เติมให้เป็นข้อหน้าหลัง
    อันตัวกูผู้ผิดจะปิดบัง ฝังแฝงแจ้งไปให้เห็นดี
    พระองค์ก็จะทรงเชื่อวาจา แช่งด่าลักษณ์รามทั้งสองศรี
    ฝ่ายว่าอริราชไพรี น่าที่จะม้วยชีวัน
    ฯลฯ
    นนยวิกวายุเวกจงรีบไป ยังไศลยอดฟ้าคีรีศรี
    ทูลพระอัยกาธิบดี ว่าบัดนี้ลงกาพระนคร
    มีมนุษย์ชื่อว่ารามลักษณ์ พี่น้องฮึกฮักชาญสมร
    คุมกระบี่โยธาพลากร มาราญรอนรบรุกบุกบัน
    เคี่ยวฆ่าสุริยวงศ์พงศ์มาร บรรลัยลาญสิ้นชีพอาสัญ
    ข้าศึกยิ่งฮึกขึ้นทุกวัน เชิญพระทรงธรรม์เสด็จมา
              บัดนั้น นนยวิกวายุเวกยักษา
    จึงกราบถวายบังคมลา แล้วออกมายังท้องพระโรงชัย
    จึงให้ผูกอนันตสิงหาส อันร้ายกาจดั่งพระยาราชสีห์
    ทั้งเมฆมาลาตัวดี มีพยศดังม้าพระสุริยน
    ยกหูชูหางเริงร้อง เผ่นโผนลำพองคะนองหาญ
    ผูกเครื่องเนาวรัตน์ชัชวาล แคบอานเบาะเอี่ยมสะอาดตา
    ยกเท้าก้าวเหยียบทะยานหยัด ลัดนิ้วลอยไปในเวหา
    เร็วเพียงลมพานพัดพา ตรงไปยอดฟ้าคีรี
    ครั้นถึงจึงลงจากอัสดร บทจรตามกันทั้งสองศรี
    เข้าเฝ้าอัยกาธิบดี ยังที่ปราสาทอันโอฬาร
    จึงน้อมเศียรเกล้าบังคมทูล นเรศูรยอดฟ้ามหาสถาน
    ว่าบัดนี้ทศเศียรขุนมาร ผู้เป็นหลานรักร่วมชีวัน
    ใช้ข้ามาทูลเบื้องบาท พระไอยกาธิราชรังสรรค์
    ว่าข้าศึกพี้น้องชายฉกรรจ์ นามนั้นชื่อว่ารามลักษมณ์
    ยกพวกโยธาพลากร ข้ามมหาสาครหาญหัก
    อาจองทนงใจนัก ฆ่าสุริยวงศ์พงศ์ยักษ์วายชนม์
    ยังเหลือแต่องค์พระนัดดา จะรบราข้าศึกนั้นขัดสน
    ไพร่ฟ้าประชากรก็ร้อนรน เห็นจะอับจนเสียครั้งนี้
    ขอเชิญเสด็จไปปกเกล้า แก่เผ่าพันธุ์พงศ์วงศ์ยักษี
    จะได้เย็นเกศอสุรี ด้วยเดชภูมีอันศักดา
              เมื่อนั้น ท้าวมาลีวราชนาถา
    ได้ฟังทั้งสองกุมารา ผ่านฟ้าฉงนสนเท่ห์นัก
    นิ่งอยู่เป็นครู่แล้วตรัสถาม อันลักษมณ์รามพี่น้องเป็นไฉน
    เขาอยู่ถิ่นฐานบ้านเมืองใด สุริยวงศ์พงศ์ไหนจึงอาจนัก
    อันว่าทศเศียรอสุรี ฤทธีปราบได้ทั้งไตรจักร์
    ถึงเทวินอินทร์พรหมยมยักษ์ ก็เกรงศักดาเดชกุมภัณฑ์
    ทั้งกรุงลงกามหานิเวศน์ พระสมุทรเป็นเขตคูกั้น
    กว้างลึกล้อมรอบเป็นขอบคัน ข้าศึกนั้นข้ามมาอย่างไร
    หรือเขารู้เดินน้ำดำดิน เหาะบินมาได้หรือไฉน
    สาเหตุเภทพาลประการใด จึงตั้งใจเคี่ยวฆ่าราวี
    ฯลฯ

    รามเกียรติ์ตอนท้าวมาลีวราชว่าความ (บทอาขยาน)
                    เมื่อนั้น  ท้าวมาลีวราชเรืองศรี  ได้ฟังคั่งแค้นแสนทวี  ดั่งหนึ่งเอาตรีมาเสียบกัณฑ์  จึ่งว่าเป็นไฉนทศพักตร์  จึงฮึกฮักดื้อดึงดัวยโมหันต์  มาติดใจฝูงเทพเทวัญ  ผูกพันว่านี้ก็ผิดไป  ทำไมกับท้าวโกสีย์  รถของเขามีเขาก็ให้  ว่าเลือกรักมักชังด้วยอันใด  ซ้ำติดใจคนกลางนางสีดา  ครั้นซักไซร้ไต่ถามเอาความจริง  หรือกับติงทุเลาต่อว่า  ตัวกูผู้เป็นอัยกา  พิพากษาลำเอียงหรือว่าไร  เจรจาความสัตย์ก็ไม่มี  ดั่งสตรีเด็กน้อยก็ว่าได้  หรือเทวาสุราลัย  พอใจในจตุราบาย  กูพิจารณาก็ได้ความ  คำพระรามสีดาทั้งสองฝ่าย  ต้องถูกผูกพันเป็นต้นปลาย  ทั้งคำเทพทั้งหลายก็สมกัน  ซึ่งเองกล่าวหาทุกข้อ  ล้วนแกล้งติตต่อให้เหมาะมั่น  สืบสวนก็ไม่ได้เป็นสัทธรรม์  สารพันทรลักษณ์อัปรีย์  เห็นจริงว่าตัวบังอาจ  ไปลอบลักอัคราชมเหสี  ขององค์พระรามจักรี  อสุรีเร่งส่งนางสีดา

    พระอภัยมณีตอนครองเมืองผลึก (ความตอนต้น)

                ฝ่ายพระองค์ทรงโฉมประโลมสวาท บำรุงราษฎร์เจริญจิตทุกทิศา
    คิดคนึงถึงองค์พระธิดา ยังไม่ลาพรตเลยทำเฉยเชือน
    เสียแรงรักฝักฝ่ายหมายสงวน เจ้ากระบวนนี่กระไรใครจะเหมือน
    นิ่งกระนี้มิได้จะไปเตือน แม้นบิดเบือนบาปกรรมก็ทำเนา
    แล้วพระแกล้งแต่งองค์ทรงประดับ เครื่องสำหรับรณรงค์ทรงวันเสาร์
    ทั้งเครื่องนางอย่างทรงของนงเยาว์  ส่งให้เจ้าพนักงานใส่พานทอง
    แล้วห่อหุ้มคลุมปิดผนิดไว้  หวังมิให้ชายหญิงเห็นสิ่งของ
    ครั้นสรรพเสร็จเสด็จมาบนเทียรทอง ถึงห้องน้องศรีสุวรรณจำนรรจา
    พ่อไปด้วยช่วยชวนหลวงชีสึก แม้นสมนึกครั้งนี้ดีหนักหนา
    พระน้องยิ้มพริ้มพักตร์พจนา อุปมาเหมือนหนึ่งไก่อยู่ในมือ
    เมื่อพระพี่นี้กระไรพระทัยอ่อน ให้ปลิ้นปล้อนปละปล่อยมาน้อยหรือ
    เขาลือแล้วแคล้วเคลื่อนไม่เหมือนลือ ฉวยหลุดมือแล้วก็อายเขาตายจริง ๆ
                พระเชษฐาว่าพี่คิดผิดถนัด สารพัดแพ้รู้แก่ผู้หญิง
    แล้วลูกเต้าเล่าก็หวงคอยท้วงติง ต้องยุ่งยิ่งยอดยากลำบากใจ
    พลางแย้มสรวลชวนพระน้องดำเนินนาด มาทรงราชยานรัตน์จำรัสไข
    พรั่งพร้อมด้วยขุนนางพวกข้างใน เสด็จไปเขารุ้งตามทุ่งนา
    ถึงคีรีที่ประทับ ก็ยับยั้ง พร้อมสะพรั่งไพร่นายทั้งซ้ายขวา
    พระชวนเหล่าสาวสรรค์กัลยา ค่อยลีลาเลียบเดินเนินจงกรม ฯ
                ฝ่ายพระนุชบุตรีฤาษีสาว เวลาเช้าออกอยู่หน้าพระอาศรม
    ทั้งพี่น้องสองกุมาร สำราญรมย์ ชวนกันชมนกใต้ต้นไทรทอง
    ฝูงกรอดพรอดเพรียกร้องเรียกคู่ กระจิบดูโลกเต้นเผ่นผยอง
    เสียงหึ่งหึ่งผึ้งภูมรินร้อง อาบละอองอินทนิลแล้วบินจร
    นกตะขาบคาบได้ลูกไทรยอก ฝูงกระรอกไล่กระแตแลสลอน
    พฤกษาดอกออกช่ออรชร หอมขจรจอมผาทั้งตาปี
    นางนั่งชมโสมนัสตรัสประภาษ กับหน่อนาถพี่น้องสองฤาษี
    พอผันแปรแลเห็นพระอภัยมณี เลียบคีรีมากับพระอนุชา
    จึงสั่งสองหน่อไทให้ไปรับ มาหยุดยับยั้งนั่งบัลลังก์ผา
    พระอภัยให้เอาพานพวงมาลา กับพานผ้าถวายองค์นางนงเยาว์
    แล้วว่าโยมโทมนัสประหวัดหวัง ถึงอยู่วังใจมาอยู่ที่ภูเขา
    ไม่คลาดเคลื่อนเหมือนหนึ่งเห็นอยู่เย็นเช้า เหลือจะเล่าแล้วที่จิตคิด อาลัย
    คุณคะนึงถึงโยมอยู่บ้างหรือ หรือเพลินถือธรรมขันธ์ไม่หวั่นไหว
    ตัดสวาทขาดเด็ดสำเร็จไป เจียวหรือใจเจ้าคุณพระมุนี ฯ
                นางฟังรสพจมานโองการเกี้ยว ให้ซาบเสียวเสน่ห์ในใจฤาษี
    แต่มารยามานะกษัตรีย์ ทำพาทีเพทุบายถวายพร
    ได้ตรวจน้ำรำลึกนึกไม่ขาด ถึงเบื้องบาทบพิตรอดิศร

    • Update : 14/5/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch