|
|
พระพุทธไสยาสน์ วัดพระเชตุพนฯ กทม.
คอลัมน์ เดินสายไหว้พระพุทธ
|
วัดโพธิ์ หรือนามทางการว่า "วัดพระ เชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร" เป็นพระอารามหลวงชั้นเอกและเป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดโพธาราม เป็นวัดหลวง ข้างพระบรมมหาราชวัง และที่ใต้พระแท่นประดิษฐานพระพุทธเทวปฏิมากร พระพุทธรูปประธานในพระอุโบสถ เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์ท่านไว้ด้วย
พระอารามหลวงแห่งนี้มีเนื้อที่ 50 ไร่ 38 ตารางวา อยู่ด้านทิศใต้ของพระบรมมหาราชวัง ทิศเหนือจดถนนท้ายวัง ทิศตะวันออกจดถนนสนามไชย ทิศใต้จดถนนเศรษฐการ ทิศตะวันตกจดถนนมหาราช มีถนนเชตุพนฯ ขนาบด้วยกำแพงสูงสีขาวแบ่งเขตพุทธาวาส และสังฆาวาสชัดเจน
มีหลักฐานปรากฏในศิลาจารึกไว้ว่า หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนาพระ บรมมหาราชวังแล้ว มีพระราชดำริว่า มีวัดเก่าขนาบพระบรมมหาราชวัง 2 วัด ด้านเหนือ คือ วัดสลัก (วัดมหาธาตุฯ) ด้านใต้คือ วัดโพธาราม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขุนนางเจ้าทรงกรม ช่างสิบหมู่อำนวยการบูรณปฏิสังขรณ์ เริ่มเมื่อปี พ.ศ.2331
ใช้เวลา 7 ปี 5 เดือน 28 วัน จึงแล้วเสร็จ และโปรดฯ ให้มีการฉลองเมื่อปี พ.ศ.2344 พระราชทานนามใหม่ ว่า "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส"
ทั้งนี้ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ นานถึง 16 ปี 7 เดือน ขยายเขตพระอารามด้านใต้และตะวันตก คือ ส่วนที่เป็นพระวิหารพระพุทธไสยาสน์สวนมิสกวัน สถาปนาขึ้นใหม่ พระมณฑป ศาลาการเปรียญ และสระจระเข้ บูรณปฏิสังขรณ์ใหม่ เป็นโบราณสถานในพระอารามหลวงที่ปรากฏอยู่ทุกวันนี้
ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ได้โปรดฯ ให้เปลี่ยนท้ายนามวัดเป็น "วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม"
แม้การบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งล่าสุด เมื่อฉลองกรุงเทพฯ 200 ปี พ.ศ.2525 เป็นเพียงซ่อมสร้างของเก่าให้ดีขึ้น มิได้สร้างเสริมสิ่งใดๆ
เกร็ดประวัติศาสตร์ของการสถาปนาและการบูรณปฏิสังขรณ์วัดโพธิ์แห่งนี้ บันทึกไว้ว่า รัชกาลที่ 1 และที่ 3 ได้ระดมช่างในราชสำนัก ช่างวังหลวง ช่างวังหน้า และช่างพระสงฆ์ที่อยู่ในวัดต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญงานศิลปกรรมสาขาต่างๆ ได้ทุ่มเทผลงานสร้างสรรค์พุทธสถาน และสรรพสิ่งที่ประดับอยู่ในวัดพระอารามหลวงด้วยพลังศรัทธา ตามพระราชประสงค์ของพระองค์ท่านที่ให้เป็นแหล่งรวมสรรพศิลป์ สรรพศาสตร์ เปรียบเป็นมหาวิทยาลัยแห่งสรรพวิชาไทย (มหาวิทยาลัยเปิดแห่งแรก) ที่รวมเอาภูมิปัญญาไทย ไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานไทยได้เรียนรู้กันอย่างไม่รู้จบสิ้น
นอกจากนี้ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลา ราม ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ คือ "พระพุทธไสยาสน์"
พระพุทธรูปองค์นี้ ประดิษฐาน ณ พระวิหารพระพุทธไสยาสน์ มีพุทธลักษณะ ปางไสยาสน์ ศิลปกรรมสมัยรัตนโกสินทร์ ขนาดยาว 1 เส้น 2 วา 2 ศอก เทียบศอกได้ 90 ศอก วัสดุปูนปั้นปิดทอง ฝ่าพระบาทเรียงซ้อน จำหลักด้วยมุกไฟเลื่อมสวยงาม เป็นลายมงคล 108 ตามตำรามหาปุริสลักษณะ
แต่เดิมพื้นที่พระวิหารพระพุทธไสยาสน์ เป็นวังของเจ้าครอกวัดโพธิ์ กรมหลวงนรินทรเทวี พระองค์เจ้าหญิงกุ พระเจ้าน้องนางเธอในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ครั้นในรัชกาลที่ 3 ไฟไหม้วังหมด พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดฯ ให้ขยายพื้นที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามออกไปเต็มวัง ด้วยทรงพระราชศรัทธาเลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนาอย่างยิ่ง เมื่อบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพน วิมลมังคลารามเป็นงานใหญ่ ทรงมีพระราชดำริว่า ยังมิเคยสร้างพระนอน จึงโปรด ให้สร้างขึ้นบริเวณพื้นที่ว่าง เป็นพระพุทธรูปสูงใหญ่คู่พระนคร ในปี พ.ศ.2373
พระพุทธไสยาสน์ เป็นพระพุทธรูปนอนองค์แรกของกรุงรัตนโกสินทร์ ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระนอนองค์ใหญ่ที่มีความงดงาม
พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ต่างเดินทางมากราบไหว้ ถวายเครื่องสักการะขอพรรับสิริมงคลตามที่ปรารถนาไม่เว้นวัน
|
Update : 6/5/2554
|
|