หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    หลวงพ่อดำ วัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ
    คอลัมน์ เดินสายไหว้พระ




    "หลวงพ่อดำ" เป็นพระพุทธรูปโบราณ ประดิษฐานอยู่ในพระตำหนักสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทโว) วัดสุทัศเทพวราราม เป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสน ปางมารวิชัย วัสดุสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 10 นิ้ว สูง 14 นิ้ว

    มีตำนานกล่าวกันสืบมาว่า หลวงพ่อดำ แต่เดิมนั้นถูกห่อหุ้มอยู่ในหินก้อนเส้าและมีปูนพอกข้างนอกอีกชั้นหนึ่ง วันหนึ่งสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสสเทโว) สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 12 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ อดีตเจ้าอาวาสวัดสุทัศเทพวราราม เสด็จไปวัดไตรมิตรวิทยาราม ทรงเห็นหินก้อนเส้าจากเจ้าสัว จึงนำกลับมายังวัดสุทัศเทพวราราม ทรงอัญเชิญไปที่หอไตร

    ภายหลังจากพรมน้ำมนต์เสร็จแล้ว จึงทรงให้ลูกศิษย์ช่วยกันกะเทาะหินก้อนเส้าออก พบว่าภายในเป็นพระพุทธรูปโบราณ จึงโปรดให้อัญเชิญขึ้นประดิษ ฐานที่พระตำหนักสืบมาจนถึงปัจจุบัน และตั้งพระนามว่า หลวงพ่อดำ

    ทุกครั้งที่มีพิธีสำคัญ อาทิ พิธีพุทธาภิเษก จะอัญเชิญหลวงพ่อดำเป็นพระสำคัญในพิธี

    ทั้งนี้ กรมศิลปากร ได้ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณวัตถุในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 66 ตอนที่ 64 วันที่ 22 พฤศจิกายน 2492

    สำหรับ "วัดสุทัศเทพวรารามราชวรมหาวิหาร" ถือเป็นหนึ่งในหกพระอารามสำคัญที่สุดของเมืองไทย การสร้างวัดดังกล่าวเป็นไปตามตำรับมหาพิชัยสงคราม

    โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ทรงมีพระราชประสงค์ให้เป็นวัดศูนย์กลางของกรุงเทพฯ เริ่มสร้างในปี 2350 พระราชทานนามว่า "วัดมหาสุทธา วาส"

    แต่คนนิยมเรียก "วัดพระโตบ้าง วัดพระใหญ่บ้างหรือวัดเสาชิงช้า"

    ต่อมาในรัชกาลที่ 3 พระองค์ทรงสร้างพระวิหารจนสำเร็จและโปรดให้สร้างพระอุโบสถ หล่อพระประธานในพระอุโบสถขึ้นใหม่ และพระราชทานนามวัดนี้ว่า "วัดสุทัศนเทพธาราม" แล้วจึงโปรดให้ผูกพัทธสีมาพระอุโบสถ เมื่อ พ.ศ. 2376 และบรรจุพระธาตุในพระประธาน

    ต่อมาครั้นสร้างกุฎิสงฆ์เสร็จแล้ว โปรดให้อาราธนาพระธรรมไตรโลกาจารย์ วัดสัมพันธวงศ์ มาครองวัดนี้

    ลุถึงสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ทรงสร้างเพิ่มเติม ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2396 โปรดให้อัญเชิญพระพุทธศาสดา จากวัดประดู่มาไว้วัดสุทัศน์ แล้วถวายพระนามพระประธานในพระอุโบสถว่า "พระพุทธตรีโลกเชษฐ์"

    ต่อมาในรัชกาลที่ 5 สมัยสมเด็จพระวันรัต (แดง) เป็นเจ้าอาวาสโปรดให้จัดการซ่อมพระวิหารพระศรีศากยมุนี ครั้งใหญ่เริ่มลงมือเมื่อ พ.ศ.2438 สำเร็จเมื่อ พ.ศ.2441 ถึงปี พ.ศ.2442 โปรดให้ซ่อมพระอุโบสถ และหลังจากนั้นก็มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดนี้เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

    การก่อสร้างได้สำเร็จตามแผน ผังที่กำหนดไว้ในสมัยรัชกาลที่ 7 จากการวางผังที่ดีตั้งแต่แรกเริ่ม ทำให้ได้รับการยกย่องเป็นวัดที่มีการวางผังได้สัดส่วนสวยงามที่สุด

    พระอุโบสถวัดสุทัศน์ เป็นพระอุโบสถที่ยาวที่สุดในประเทศไทยจิตรกรรมฝาผนังเป็นฝีมือช่างสมัยรัชกาลที่ 3

    วัดสุทัศเทพวราราม มีพระวิหารหลวง จำลองแบบจากวัดมงคลบพิตรที่กรุงศรีอยุธยา บานประตูคู่กลางด้านหน้าเป็นงานฝีพระหัตถ์ของรัชกาลที่ 2 โดยทรงกำหนดลาย แบบวิธีการแกะและทรงเริ่มจำหลัก จากนั้นทรงให้ช่างฝีมือแกะต่อ จิตรกรรมฝาผนังภายในถือเป็นงานที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงรัตน โกสินทร์

    • Update : 6/5/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch