หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    ยิ้มได้เมื่อภัยมา ไม่โศกาเมื่อมีภัย
    ยิ้มได้เมื่อภัยมา ไม่โศกาเมื่อมีภัย

    เรื่องจาก : นิทานธรรมะบันเทิง
    โดย : พระพิจิตรธรรมพาที

            ในอดีตกาลล่วงแล้วนาน ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในเมืองพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดเป็นพราหมณ์ชาวนา ตั้งบ้านอยู่แถบประตูเมืองพาราณสี มีบุตรชาย ๑ บุตรหญิง ๑ บุตรสะใภ้ ๑ ทาสี ๑ ภรรยา ๑ พระโพธิสัตว์สั่งสอนชนทั้ง ๕ ให้ข้อคิดมรณสติอยู่เป็นนิตย์ ชนทั้งห้าก็หมั่นพิจารณา มรณสติเป็นอารมณ์อยู่เสมอ

            วันหนึ่ง พระโพธิสัตว์ออกไปไถนากับบุตร ส่วนบุตรขนหญ้าและมูลฝอยไปเผาไฟใกล้ที่อยู่อสรพิษ ควันไฟไปรมอสรพิษ ๆ โกรธออกมากัดล้มลงตายอยู่กับที่ พระโพธิสัตว์เห็นบุตรล้มก็วางไถวิ่งไปเห็นบุตรตายพิจารณาดูก็รู้ว่าอสรพิษกัดก็มิได้มีความเศร้าโศก เอาผ้าคลุมศพไว้แล้วก็กลับไปไถนา

            เวลานั้นชาวบ้านซึ่งอยู่ใกล้เคียงเดินมาจะกลับบ้านพระโพธิสัตว์ก็สั่งให้ช่วยบอกกับภรรยา ว่าวันนี้ในนางทาสีนำอาหารมาส่งแต่ส่วนเดียว และให้นุ่งผ้าขาวถือเครื่องสักการะมาให้พร้อมกันทุกคนชายนั้นก็ไปบอกกับพราหมณีตามถ้อยคำพระโพธิสัตว์

            นางพราหมณีได้ฟังก็ทราบทางนัยแห่งคำสั่ง รู้แน่ว่าบุตรนั้นตายก็มิได้มีความโศกอาลัย บอกหญิงสะใภ้กับธิดาและทาสีตามคำสั่งพระโพธิสัตว์แล้วก็พากันไปสู่สถานที่นา จะได้มีผู้ใดผู้หนึ่งร้องไห้ก็หาไม่

            พระโพธิสัตว์ก็บริโภคอาหาร ครั้นอิ่มแล้วก็ช่วยกันหาฟืนมาลำดับเป็นเชิงตะกอน ยกศพ ขึ้นตั้งบูชาด้วยดอกไม้และของหอมแล้วก็ช่วยกันเผา

            ขณะนั้น อาสน์ของพระอินทร์ก็บันดาลให้ร้อนด้วยอำนาจ สีลาทิคุณของชนทั้งปวงนั้น พระอินทร์จึงเล็งดูด้วยทิพยจักษุ ก็ทราบว่าชนทั้ง ๕ มีพระโพธิสัตว์เป็นต้น มิได้มีความเศร้าโศกต่างพากันกระทำฌาปนกิจ พระอินทร์คิดจะบูชาด้วยสมบัติทิพย์ จึงแปลงกายเป็นมนุษย์มายืน ณ ที่นั้นแล้วถามว่า ท่านทั้งปวงชวนกันทำอะไร ?

            พระโพธิสัตว์บอกว่าเผาศพ พระอินทร์จึงแกล้งว่า เราสำคัญว่าท่านชวนกันย่างเนื้อ ธรรมดาคนทั้งหลายที่เผาศพย่อมมีความเศร้าโศกอาลัยถึงผู้ตาย นี่ทำอาการเหมือนนายพรานที่ยิงเนื้อ ได้และมีความยินดีช่วยกันอย่างเนื้อฉะนั้นแล้วจึงถามว่า ศพที่เผานั้นเป็นอะไรกับท่าน

            พระโพธิสัตว์บอกว่าเป็นบุตร
            พระอินทร์จึงแกล้งถามว่า บุตรที่ตายเห็นจะไม่เป็นที่รักของท่านหรืออย่างไร?
            พระโพธิสัตว์บอกว่า เป็นบุตรที่รักใคร่ของข้าพเจ้าทีเดียว
            พระอินทร์จึงถามว่า บุตรเป็นที่รัก เหตุใดท่านจึงไม่ร้องไห้เศร้าโศกเล่า ?
            พระโพธิสัตว์ตอบว่า คนตายเหมือนงูลอกคราบได้ชาติใหม่ภพใหม่ก็ไม่อาลัยของเก่า เช่นงูไม่มีอาลัยต่อคราบฉะนั้น ถึงเราจะร้องไห้สักเท่าไร ๆ ก็ไม่มีประโยชน์แก่ผู้ที่ตายแล้ว ผู้ตายก็ไปตามยถากรรมของเขา
            พระอินทร์จึงถามนางพราหมณีผู้เป็นมารดาว่า คนที่ตายเป็นอะไรกับท่าน
            นางพราหมณีบอกว่า เป็นบุตรเกิดแต่อุทร
            พระอินทร์จึงถามว่า ส่วนบิดาเป็นชายมีจิตใจเข้มแข็งไม่ร้องไห้ก็ตามที แต่ท่านเป็นสตรีใจอ่อน เหตุใดจึงไม่ร้องไห้
            นางพราหมณีก็ตอบว่า ผู้ที่ตายแล้ว เวลาเมื่อจะมาเกิด ข้าพเจ้าก็ไม่ได้อ้อนวอนและเชื้อเชิญให้มาเกิด เมื่อเวลาจะตาย ข้าพเจ้าก็ไม่ได้อนุญาตและขับไล่ให้ตาย มาเกิดเองก็ตายไปเอง         ข้าพเจ้าจะร้องไห้ก็ไม่เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ตายไปแล้ว
            พระอินทร์จึงถามน้องหญิงว่า ท่านเป็นอะไรกับผู้ตาย
            น้องสาวบอกว่า เป็นพี่ชาย
            พระอินทร์ถามว่า ท่านไม่รักพี่หรือจึงไม่ร้องไห้
            น้องสาวตอบว่า ถ้าข้าพเจ้าร้องไห้ก็จะซูบผอมเกิดโรคไม่มีความสบาย         การร้องไห้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ตายก็หามิได้
            พระอินทร์จึงถามภรรยาว่า ท่านเป็นอะไรกับผู้ตาย
            ภรรยาบอกว่าเป็นสามี
            พระอินทร์จึงถามว่า ธรรมเนียมสามีกับภรรยาย่อมเป็นที่เสน่หายิ่งนัก สามีตายเหตุไฉนท่านจึงไม่ร้องไห้
            ภรรยาตอบว่า การร้องไห้ถึงคนตาย ก็เหมือนกับทารกร้องไห้ อยากได้พระอาทิตย์พระจันทร์ การร้องไห้ไม่มีประโยชน์ทั้งคนเป็นทั้งคนตาย
            พระอินทร์จึงถามว่า ผู้ตายเห็นจะเคี่ยวเข็ญท่านนักหรือ ? ท่านจึงไม่มีความเสียดายอาลัยรัก
            หญิงทาสีจึงตอบว่า คนตายก็เหมือนหม้อน้ำที่แตกจะกระทำให้คืนดีเป็นปรกติอย่างเดิมไม่ได้ การร้องไห้ถึงคนตายก็เหมือนร้องไห้อาลัยหม้อแตก การร้องไห้ไม่มีประโยชน์อันใด         เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าจึงมิได้ร้องไห้

            เมื่อพระอินทร์ได้สดับถ้อยคำของชนทั้งห้าแล้ว ก็มีความเลื่อมใสปรารถนาจะบูชา จึงมีสุนทรวาจาอันเป็นที่ยินดีว่าตั้งแต่นี้ต่อไปท่านทั้งหลายอย่าพึงกระทำการหว่านไถให้ลำบากเลย จงตั้งใจกระทำแต่กองการกุศลเถิด เราคือองค์อัมรินทราธิราช เราจะให้ทิพยสมบัติแก่ท่านทั้งปวง ครั้นพระอินทร์มีวาจาดังนี้แล้วก็บันดาลให้ทรัพย์สมบัติบริบูรณ์ในเคหสถานของพราหมณ์มีแก้วเจ็ดประการเป็นต้น แล้วก็กลับไปสู่ทิพยพิมานแห่งตน


    • Update : 17/4/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch