สัมภาษณ์สดเสี่ยใหญ่ใจดี หนุ่ย กาแฟโบราณ เจ้าของกาแฟโบราณตรา มังกรบิน
กว่า 7 ทศวรรษแล้วที่กาแฟโบราณตรา 'มังกรบิน' อยู่เคียงข้างสังคมไทย ซึ่งนั่นก็หมายถึงคุณภาพของสินค้าที่ถูกอกถูกใจ บรรดาคอกาแฟทั้งหลาย และหมายถึงความมีมานะอดทนของเจ้าของธุรกิจที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงวันนี้
ทีมงานกะฉ่อนดอทคอมได้มีโอกาสเดินทางไปขอสัมภาษณ์เสี่ยใหญ่ใจดี หนุ่ย กาแฟโบราณ หรือคุณเอนก จิตตขจรเกียรติ เจ้าของโรงงานกาแฟโบราณตรา มังกรบิน ที่โรงงานผลิตกาแฟโบราณตรา มังกรบิน ซึ่งตั้งอยู่ที่ 94 ม.4 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม เสี่ยใหญ่ใจดีหนุ่ย กาแฟโบราณ ก็ให้การต้อนรับดูแลพวกเราทีมงานกะฉ่อนดอทคอมเป็นอย่างดี ทีมงานกะฉ่อนดอทคอมจึงได้เรียนถาม เสี่ยหนุ่ย กาแฟโบราณ เพื่อขอทราบรายละเอียดความเป็นมาของ กาแฟโบราณตรา มังกรบินและผลิตภัณฑ์ภายใต้ยี่ห้อมังการบินว่า มีความเป็นมาอย่างไรและมีผลิตภัณฑ์อะไรบ้างภายใต้ยี่ห้อมังกรบิน ซึ่งได้รับคำตอบจาก เสี่ยหนุ่ย กาแฟโบราณ ว่าทุกวันนี้เราได้ดำเนินกิจการภายใต้ยี่ห้อมังกรบินมากว่า 70 ปีแล้ว ชึ่งในรุ่นของเสี่ยหนุ่ยนั้นเป็นรุ่นที่สาม สินค้าภายใต้ยี่ห้อมังกรบินได้ขยายจากกาแฟและชาชงโบราณเพียงอย่างเดียวในรุ่นของคุณปู่ มาเป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มอีกหลากหลายชนิดในรุ่นของเค้าเช่น ชาเขียวสูตรโบราณ โกโก้สูตรโบราณ ซึ่งสินค้าเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ มังกรบิน ได้คิดค้นและพัฒนาจากรุ่นสู่รุ่นและได้นำเทคโนโลยี่ใหม่ๆมาผนวกเพื่อให้ได้รสชาติและคุณภาพที่ดียิ่งๆขึ้นมาเป็นลำดับ จนทุกวันนี้กลายมาเป็นสินค้าขายดีและส่งออกไปทั่วโลก เสี่ยใหญ่ใจดี หนุ่ย กาแฟโบราณ หรือคุณเอนก จิตตขจรเกียรติ ยังได้กรุณาเล่าประวัติความเป็นมาของ กาแฟโบราณ ยี่ห้อมังกรบิน โดยละเอียดให้พวกเราฟังอีกว่า
ยุคแรก มังกรติดปีก
คุณปู่ของท่าน คุณปู่ขี่ลิ้ม แซ่จิว ก็เป็นดั่งคนจีนคนหนึ่งที่หอบเสื่อผืนหมอนใบจากเมืองจีนมาเมืองไทย เพื่อหาช่องทางทำมาหากิน เขาต่อสู้ชีวิตหากินหลายอย่าง จนปี 2490 คุณปู่ขี่ลิ้มหันเหชีวิตมาขายกาแฟ โดยเข้าหุ้นกับเพื่อนบ้านคนหนึ่งผลิตและจำหน่ายกาแฟแถวซอยจินดาถวิล ถนนสี่พระยา โดยใช้ชื่อยี่ห้อว่า กาแฟตรามังการ แรกๆนั้น คุณปู่ขี่ลิ้มก็ขายสินค้าแค่ในกรุงเทพฯ เวลาไปส่งสินค้าก็ถีบจักรยานไปส่งของหรือบางทีก็ให้ภรรยาท่านนั่งรถเมล์ไปส่งของแทน จนเวลาผ่านไปกว่า 10 ปี กิจการของคุณปู่ขี่ลิ้มเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ ท่านมองเห็นช่องทางและโอกาสในการประกอบธุรกิจนี้ อย่างเป็นล่ำเป็นสันมากขึ้น จึงตัดสินใจซื้อเรือเพื่อทำการส่งสินค้าทางเรือ เมื่อท่านขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างจังหวัดคือ บริเวณเมืองปากน้ำโพ กับ บางปะกง แต่กิจการที่ต่างจังหวัดก็ไม่ได้ง่ายนัก เพราะต้องเจอปัญหาใหญ่นั้นคือ กาแฟเจ้าถิ่นครองตลาดมานานไม่ยอมให้เจาะเข้าไปได้ง่ายๆ แต่ทั้งคุณปู่ขี่ลิ้มและภรรยาก็ยังไม่ละความพยายาม สามารถประคับประคองกิจการมาเรื่อยๆจนกระทั่งปี พ.ศ.2505 คุณปู่ขี่ลิ้มกับหุ้นส่วนได้ตกลงแบ่งลูกค้าและกิจการกัน โดนใช้วิธีเลือกเส้นทางคมนาคมเป็นเกณฑ์ คือ กลุ่มลูกค้าที่ขนส่งทางถนนหุ้นส่วนได้กิจการไป และใช้ตราสินค้าเดิม คือ กาแฟตรามังกร ส่วนคุณปู่ขี่ลิ้มได้ลูกค้าที่ใช้เรือขนส่งสินค้า และย้ายโรงงานไปอยู่ที่ซอย วัดดงมูลเหล็ก ถนนอิสรภาพ และ เป็นเหตุให้ท่านต้องเปลี่ยนตราสินค้าใหม่ โดยใช้รูปมังกรเหมือนเดิมแต่เพิ่มปีกเข้าไป เมื่อติดปีกแล้ว 'มังกรบิน' ก็เริ่มผงาด
คุณพ่อวรเทพ จิตตขจรเกียรติ เมื่อครั้งบุกเบิก กาแฟโบราณ ตรามังกรบิน ในรุ่นของท่าน
ยุคสอง มังกรบินฝ่าคลื่นลม
ปี 2507 ลูกชายของคุณปู่ขี่ลิ้ม คือ คุณพ่อวรเทพ จิตตขจรเกียรติ ซึ่งขณะนั้นมีอาชีพเป็นเซลส์ขายยา ในต่างจังหวัดกลับมารับช่วงกิจการของครอบครัว โดยคุณพ่อวรเทพบุกเบิกการหาลูกค้าเพิ่มเติม โดยขอเช่ารถจากเพื่อนบ้านไปหาลูกค้าทางภาคอีสานกับตะวันออก ในสมัยที่ถนนหนทางไม่สะดวกสบายเหมือนในปัจจุบัน จึงต้องใช่เวลาเป็นเดือนกว่าจะกลับมากรุงเทพฯสักครั้งหนึ่ง พอถึงหน้าฝนทางขาดรถวิ่งไม่ได้ก็ต้องยกรถขึ้นรถไฟเพื่อเดินทางต่อ นี่เป็นการต่อสู้ชีวิตหนึ่งเสี้ยวที่คุณพ่อวรเทพต้องพบเจอปัญหาและอุปสรรคยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะในแต่ละจังหวัดบางครั้งก็จะมีกาแฟเจ้าถิ่นส่งอยู่แล้วก็มักจะเจอปัญหาว่าเข้ามาแย่งลูกค้า แต่คุณพ่อวรเทพก็แก้ไขปัญหาและนำพากาแฟโบราณตรามังกรบินไปอย่างสง่างาม ปี 2513 ย้ายโรงงานไปอยู่ในซอยจรัญสนิทวงศ 31 และปี 2518 เกิดวิกฤตกาแฟ เมื่อร้านกาแฟแบบชงขายปิดกิจการลงอย่างมากเนื่องจากมีการเก็บภาษีร้านกาแฟ อีกทั้งธุรกิจประเภทเครื่องดื่มชูกำลัง และ กาแฟสำเร็จรูปเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น รวมถึงความเข้มงวดของกระทรวงสาธารณสุขในสมัยนั้น เนื่องจากคิดว่ากาแฟโบราณนั้นมีการใส่สีดำ ซึ่งคุณพ่อวรเทพ และเพื่อนในวงการกาแฟได้รวมตัวกันก่อตั้งสมาคมผู้คั่วกาแฟขึ้นมา โดยคุณพ่อวรเทพรับหน้าที่เป็นเลขาธิการสมาคม เพื่อเข้าชี้แจงกับทางกกระทรวงสาธารณสุขว่า กาแฟโบราณที่ใช้ทำโอเลี้ยงนั้นมีสีดำเพราะใช้สีธรรมชาติคือน้ำตาลเคี่ยวมิได้ใช้สารเคมี หรือสีผสมอาหารแต่อย่างใด จึงไม่เป็นอันตรายกับผู้บริโภค ซึ่งในขณะนั้นมีโรงงานคั่วกาแฟในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดอยู่ร่วม 100 โรงงาน ลูกค้าเริ่มหายไป ซึ่งเวลานั้นภรรยาของคุณพ่อวรเทพ คือ คุณแม่สมศรี ปูนพูลโภค เป็นกำลังคนสำคัญคนหนึ่งที่เข้ามาดูแลกิรการ และมีคุณเดชา ตั้งรัตนาพิบูล หรือเฮียฮวด ทำหน้าที่เป็นหลงจู๊เป็นผู้ส่งสินค้าในภาคอีสานซึ่งเหลือเพียงสายเดียวจนผ่านวิกฤตมาได้จนถึงทุกวันนี้ จึงพูดได้ว่า ถ้ากาแฟโบราณตรามังกรบินไม่มีเฮียฮวดที่ส่งกาแฟสายอีสานให้กับโรงงาน คงไม่มีกาแฟโบราณตรามังกรบินในวันนี้
ครอบครัวกาแฟโบราณมังกรบิน คุณแม่สมศรี ปูนพูลโภค - คุณเอนก - คุณอำนาจ - คุณอรุณศรี จิตตขจรเกียรติ
ยุคปัจบัน มังกรบินทะยานฟ้าทั้วทิศ
ทุกวันนี้เรามักเห็นป้ายกาแฟโบราณตรามังกรบินโดยทั่ว ซึ่งได้มาโดยไม่ง่ายนัก ปี 2535 เสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนก จิตตขจรเกียรติ ได้เข้ามาสืบสานธุรกิจต่อจาก คุณพ่อวรเทพ ผู้เป็นพ่อของเขา ขณะนั้นคุณเอนกอายุเพียง 21 ปี ทำงานรับหลอดกาแฟมาขายตามร้าน พร้อมกับหาลูกค้ากาแฟไปในตัว โดยมีคุณพ่อวรเทพเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้ในการส่งกาแฟให้ เสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนกเล่าว่า เขายังจำความรู้สึกในวันแรกได้เป็นอย่างดีจนถึงทุกวันนี้ว่า เขาหาลูกค้าได้เพียงรายเดียวเนื่องจากยังไม่ค่อยกล้า ติดต่อพูดคุยกับลูกค้ามากนัก แต่คุณพ่อวรเทพก็พยายามใช่คำพูดที่สร้างกำลังใจและให้นั่งรถไปด้วยเพื่อดูตลาด ออกรถทุกวัน เข้าตามซอกซอยต่างๆตามตลาดสดไปทุกที่ ซึ่งในขณะนั้นมีร้านกาแฟเปิดขึ้นมากมาย แต่ส่วนมากจะซื้อต่อจากร้านค้าอีกทอดหนึ่ง ยังไม่มีคนมาส่งให้ถึงร้านจึงเป็นโอกาศที่ดีให้เสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนกติดต่อขายกาแฟได้ เมื่อลูกค้ามากรายขึ้น เสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนกจะทำการจัดรวมเป็นสายในการส่งเพื่อความสะดวกรวดเร็ว รวมถึงร้านค้าจะทราบได้แน่นอนว่าจะไปส่งวันใด จะได้ลงกาแฟได้พอดี จนมีลูกค้าอยู่ 3 สายคือ สายนนทบุรี ปทุมธานี สายสุพรรณบุรี และสายตะวันออก ในแต่ละสายที่ไปก็จะมีกาที่อยู่ในท้องถิ่นครองตลาดอยู่แล้ว แต่ไม่ค่อยออกหาลูกค้ามากนัก จึงเป็นโอกาศที่ดีของเสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนก และขยายตลาดออกไปยังภาคอีสานเพิ่มเติม เริ่มจากสระบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น ชัยภูมิ และภาคเหนือ นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ พิจิต พิษณุโลก กำแพงเพชร ขณะนั้นน้องชายคือคุณอำนาจ จิตตขจรเกียรติ เรียนจบพอดี เสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนกจึงให้คุณอำนาจสานต่อลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพฯ ส่วนปริมณฑล เช่น นนทบุรี ปทุมธานี สุพรรณบุรี สมุทรสาคร กาญจนบุรี นครปฐม ฯลฯ และคุณอรุณศรี จิตตขจรเกียรติ น้องสาวเข้ามาช่วยสานกิจการ พร้อมทั้งได้เปลี่ยนชื่อจาก 'โรงงานกาแฟจิตต์เกษม' เพื่อจดทะเบียนในรูปแบบบริษัทเพื่อดำเนินกิจการในชื่อ 'บริษัท ขจรเกียรติกาแฟ จำกัด' ซึ่งยังคงใช้กรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผู้ผลิตกาแฟรายใหญ่ๆ ที่ยังเหลืออยู่ต่างปิดกิจการลงเนื่องจากไม่ค่อยมีใครสืบทอดธุรกิจลักษณะนี้มากนัก การดำเนินงานธุรกิจในช่วงแรก เสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนกยอมรับอย่างไม่อายว่า กิจการของเขาไม่ค่อยราบรื่นมากนัก เนื่องจากต้องนับหนึ่งใหม่ทั้งหมด นั้นคือเริ่มสร้างฐานลูกค้าขึ้นมาใหม่ทั้งหมดโดยเน้นลูกค้าในระดับรากหญ้าก่อนนั้นคือลูกค้าตามร้านกาแฟทั่วไปและรถเข็น โดยในช่วงนั้นคู่แข่งยังน้อย เนื่องจากขายตามท้องตลาด จึงถือได้ว่าเสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนกเป็นผู้ที่พลิกฟื้นธุรกิจกาแฟโบราณให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง ธุรกิจของเขาเริ่มดีขึ้นเรื่อยมา โดยมีอัตราการเติบโตเพิ่มมากขึ้นทุกปีจนกระทั่งปี พ.ศ.2543 เสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนกจึงได้เพิ่มช่องทางการตลาดด้วยการวางจำหนายสินค้าผ่านเอเย่นต์เกือบทั่วประเทศเพราะว่าร้านกาแฟที่เห็นทั่วๆไป ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าของมังกรบิน แต่ยังมีร้านเล็กๆ ตามตรอกซอกซอยต่างๆ ที่เข้าถึงได้ยาก ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้จะนิยมซื้อกาแฟตามร้านในตลาดทำให้เขา ต้องวางสินค้าผ่านเอเย่นต์เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มนี้และเพื่อให้สินค้าของเขา ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ผ่านการจัดรายการโปรโมชั่นมากมายทั้งลดแลกแจกแถมเพื่อให้ลูกค้าทดลองใช้สินค้าและเกิดการซื้อใช้ประจำ "เราจะเข้าไปคุยกับเขาตรงๆและถามเลยว่า ร้านเล็กๆ ที่ขายกาแฟนั้นเขาใช้กาแฟยี่ห้ออะไร ถ้าใช้ยี่ห้ออื่นเราก็จะเสนอสินค้าของเราเลย แต่ถ้าใช่มังกรบินอยู่แล้วเราก็จะแจกป้ายให้ฟรี แต่เราจะหลีกเลี่ยงการส่งสินค้าเองเพราะจะไปทับซ้อนกับร้านค้าของเอเย่นต์เราที่เขาไปซื้อจึงให้เขาไปซื้อยี่ห้อเรากับร้านค้าตามเดิมดีกว่า เราจะไม่เอาเปรียบทั้งผู้บริโภคและลูกค้าของเรา" เสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนก กล่าว
กลยุทธ์เด็ดแจกป้ายกาแฟโบราณ
ความที่เสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนกเข้าไปสัมผัสลูกค้าอย่างใกล้ชิด ทำให้เขาทราบถึงความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง สิ่งหนึ่งที่ลูกค้าต้องการ คือ ป้ายที่บ่งบอกถึงตัวสินค้า คุณเอนกมองว่าการบริการป้ายนี้เป็นการสร้างเอกลักษณ์ให้กาแฟดูมีภาพลักษณ์ดีขึ้น จากเดิมที่ถูกมองว่าเป็นแค่กาแฟปี๊บ กลายเป็นกาแฟโบราณที่ดูคลาสสิค "แรกๆ ใช้ป้ายสีเหลืองแต่ไม่ค่อยดีนัก ก็เปลี่ยนสีมาเรื่อยๆ จนมาลงตัวที่สีน้ำเงินและเขียวในปัจจุบัน ซึ่งสีนี้ได้ผลตอบรับดีมาก คนจำได้เป็นสีของกาแฟโบราณตรามังกรบิน" เสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนกพูดถึงป้ายสินค้าที่แจกลูกค้าหลังจากเริ่มแจกป้ายทำให้มีหลายคนสนใจมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายพุ่งกระฉูดมากกว่าเดิม 10 เท่าตัว และส่งผลให้กิจการของเขาต้องเพิ่มพนักงานจากเริ่มต้นเพียง 5 คน กลับเพิ่มขึ้นเป็นหลายสิบคน จากที่เคยคั่วกาแฟอาทิตย์ละ 2 ครั้ง แต่เดี๋ยวนี้บางช่วงต้องทำตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยการมุ่งทำตลาดแบบลุยไปตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งในแต่ละจังหวัดก็จะมีลูกค้าหลายร้อยราย รวมถึงกลยุทธ์ในการแจกแถมป้ายส่งผลให้แบรนด์มังกรบินติดตลาดอย่างรวดเร็ว มีลูกค้าให้ความสนใจและเปิดใจยอมรับในตัวสินค้ามากขึ้น ทำให้ในตอนนี้เสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนกมีลูกค้าอยู่ในมือมากกว่าหมื่นรายเลยทีเดียว สิ่งสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ธุรกิจของเขาไปได้สวยงาม คือ หลักการดำเนินธุรกิจที่ว่า การขายไม่มีคงเก่งมีแต่คนขยันและต้องตรงต่อเวลาเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะเวลาส่งของให้ลูกค้าต้องตรงต่อเวลาการเก็บเงินก็ง่าย ลูกค้าจะรู้เวลาที่เราจะมาอีกครั้ง และทำให้ลูกค้าได้สินค้าทันต่อความต้องการด้วย ซึ่งหลักการดังกล่าวนี้ เสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนกบอกว่า ยึดคตินี้มาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อของเขาจนปัจจุบัน
กลยุทธ์ขายแบบลูกทุ่ง
ความที่เขาคุ้นเคยกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนระดับล่าง บวกกับนิสัยส่วนตัวก็ชอบความเรียบง่าย สบายๆ จึงพัฒนามาเป็นกลยุทธ์หลักในการทำการตลาด นอกจากลุยเข้าถึงตัวแบบถึงลูกถึงคนแล้วก็คือ การขายแบบลูกทุ่ง ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่รู้จักเขา และอาศัยความเชื่อใจเป็นหลักปี 2543 เสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนกทำกาแฟแบบบรรจุถุงเล็กออกจำหนาย เนื่องจาก จากประสบการณ์ที่ขายกาแฟมักพบว่า ลูกค้าที่มีทุนน้อยไม่สามารถลงสินค้ากับเราได้ มักไปแบ่งซื้อกับร้านค้าปลีก-ส่งตามตลาด ซึ่งเมื่อเขาผลิตเป็นถุงเล็กก็ส่งผลต่อยอดขายของเขาเพิ่มขึ้นด้วย
กลยุทธ์สินค้าคุณภาพ
กาแฟโบราณตรามังกรบิน จุดเด่นอยู่ที่ 'รสชาติดี ราคาถูก' การตรงต่อเวลา ความดำ ความเข้มข้น เวลาส่งลูกค้าจะส่งโดยตรง เอเย่นต์ก็วาง ร้านกาแฟเราก็ส่ง ซึ่งต่างจากผู้ค้าสมัยก่อนที่จะไม่ส่งตามร้านค้า แต่จะส่งกับยี่ปั๊วเท่านั้น สำหรับสินค้าของการแฟโบราณตรามังกรบินจะมีอยู่หลากหลายเกรดแล้วแต่ลูกค้าต้องการ แต่หลักๆ ก็ต้องเป็นการผสมระหว่างกาแฟอาราบิก้ากับโรบัสต้า โดยอาราบิก้านั้นคุณเอนกจะรับซื้อจากจังหวัดเชียงราย ซึ่งอาราบิก้าจะให้กลิ่นที่หอมนุ่มกว่า คอกาแฟจะรู้และเข้าใจเป็นอย่างดี ส่วนโรบัสต้าที่ให้รสชาตเข้มข้นจะรับซื้อจากชาวสวนกาแฟในอำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ที่รับซื้อกันมานาน โดยในแต่ละเดือนจะใช้วัตถุดิบต่างๆล้วนขึ้นราคาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะผลพวงจากราคาน้ำมันแต่ก็ไม่สามารถเพิ่มราคาสินค้าได้สร้างโรงงานใหม่รับ GMP ปี 2547 เมื่อเปิดตลาดทั้งการขายตรงให้ลูกค้า และตลาดค้าส่งสำหรับกาแฟบรรจุถุงไปด้วยซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าทั้ง 2 กลุ่ม เนื่องจากผลการใช้ป้ายเป็นเอกลักษณ์มานานทำให้กำลังการผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า ทั้งยังต้องการให้ถูกต้องตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด คือต้องมี อย. ซึ่งทางโรงงานได้รับมานานแล้ว และต้องได้รับการผ่านมาตรฐาน GMP ทางโรงงานจึงได้ซื้อที่ดินเพิ่มเติมด้านข้าง และก่อสร้างอาคารการผลิตใหม่ ให้ถูกต้องตามเกณฑ์มาตรฐาน ทั้งยังเพิ่มระดับดูดควันเพื่อลดการเกิดมลภาวะกับผู้ที่อยู่อาศัยใกล้เคียง รวมถึงใช้เครื่องจักรที่ทันสมัยขึ้น เช่น ใช้เครื่องอบกาแฟที่นำมาเป็นกาแฟโบราณ ซึ่งยังไม่มีโรงงานที่ผลิตกาแฟโบราณโรงงานไหนใช้เนื่องจากราคาค่อนข้างสูง และเป็นเครื่องที่ใช้สำหรับกาแฟสด ซึ่งทำให้กาแฟของเรามีคุณภาพ กลิ่น รส ดีมากยิ่งขึ้น แต่วิธีการผลิตก็จะยังคงความเป็นโบราณในการผลิตส่วนอื่นอยู่ เช่น ความดำยังใช้สีธรรมชาติจากน้ำตาลเคี่ยว ไม่ใช้สารเคมีหรือสีสังเคราะห์ น้ำตาลที่ใช้เป็นน้ำตาลทรายขาว ไม่ใช่น้ำตาลทรายแดง เนื่องจากเราไม่ได้ใช้สารกันบูด หากใช้น้ำตาลทรายแดงจะเก็บไม่ได้นานและจะมีรสเปรี้ยว เป็นต้น ปัจจุบันทางโรงงานได้ทำการจดทะเบียนเป็นบริษัทเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2548 โดยใช้ชื่อว่า บริษัท ขจรเกียรติกาแฟ จำกัด แต่ยังใช้ตราสินค้าเดิมคือ ตรามังกรบิน ทางบริษัทฯหวังเป็นอย่างยิ่งว่า กาแฟโบราณตรามังกรบิน จะเป็นกาแฟโบราณเจ้าแรกที่ได้รับมาตรฐาน GMP ซึ่งลูกค้าที่ใช้กาแฟของเรามั่นใจได้ว่า กาแฟของเรามีคุณภาพจริง มีโรงงานผลิตเองโดยระบุที่อยู่บรรจุภัณฑ์ทุกขนาด มี อย.รับรอง ยินดีบริการและเปลี่ยนสินค้าเมื่อลูกค้าไม่พอใจ ยังดีกว่ากาแฟที่วางขายอยู่แล้ว ไม่กล้าลงสถานที่ผลิต เนื่องจากไม่ผ่าน อย. หรือไม่มีโรงงานเอง โดยลงทุนในส่วนของตัวอาคารและเครื่องจักร ซึ่งจะมีการสั่งเครื่องคั่วกาแฟขนาด 60 กิโลกรัม ที่ได้สั่งไปแล้วจำนวน 3 เครื่อง ซึ่งจะสามาถรคั่วได้ทั้งเมล็ดกาแฟและส่วนผสมอื่นๆ ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็นหลายตันต่อวัน โดยตั้งงบประมาณไว้ทั้งหมดประมาน 8 ล้านบาท ในการกำเนินการ ซึ่งภายในโรงงานแห่งใหม่นี้จะใช้อุปกรณ์ที่ทำจากสแตนเลสทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย พร้อมระบบกำจัดควันที่ใช้น้ำในการจัดการ นอกจากนี้เมื่อโรงงานแห่งใหม่เริ่มเดินเครื่องผลิตเรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะเปิดในส่วนของการรับจ้างผลิตสินค้าเพิ่มเติมด้วย เพื่อเป็นการขยายรายได้ให้กับบริษัทฯ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน
บุกตลาดกาแฟสด
ความสามารถของเครื่องคั่วกาแฟที่นำมาใช้ ซึ่งสามารถควบคุมคุณภาพของเมล็ดกาแฟได้ตามต้องการด้วยการควมคุมเวลาและอุณหภูมิดังนั้น กาแฟสด จึงเป็นเป้าหมายที่เสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนกต้องทำให้ได้ เพราะเครื่องคั่วดังกล่าวสามารถผลิตกาแฟสดตามสเป็คที่ลูกค้าต้องการได้อย่างมีมาตรฐาน "เมล็ดกาแฟเรากล้าท้าได้เลยว่าไม่แพ้กาแฟที่ขายกิโลกรัมละเป็นพันบาท เราคิดว่าคุณภาพไม่แพ้กันแน่นอน หากใครต้องการซื้อเมล็ดกาแฟสดสามารถมาซื้อได้ที่นี้" เสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนกกล่าว
มารู้จักกาแฟโบราณกัน
กาแฟโบราณจะต่างไปจากกาแฟสำเร็จรูปที่รู้จักกันโดยทั่วไปในปัจจุบัน และต่างจากกาแฟสดที่เป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้เพราะกาแฟสดนั้นเป็นการนำเมล็ดกาแฟดิบมาคั่วแล้วบดก่อนจะนำมาชงผ่านเครืองชงตามสูตรต่างๆ ส่วนกาแฟโบราณจะเน้นกาแฟที่แยกกากออกแล้วใช้ถุงชง บางครั้งอาจจะมีอย่างอื่นผสมลงไปด้วย เช่น ข้าวโพด ถั่วเหลือง งา น้ำตาลทรายขาว เนยเทียม เกลือ เพราะกาแฟนั้นราคากิโลกรัมละเป็นร้อยดังนั้นหากใช้กาแฟอย่างเดียว เป็นส่วนผสมจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นไปมากจะเป็นอย่างนี้ทุกยี่ห้อ ซึ่งการผสมสิ่งต่างๆนั้นในสัดส่วนเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับเกรดและราคาของสินค้า เสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนกกล่าวว่า มีบางยี่ห้อใส่แต่วัตถุดิบชิดอื่น ไม่มีส่วนผสมของกาแฟเลย โดยจะมีส่วนผสมอื่นๆ บดรวมกัน ซึ่งผู้บริโภคจะทราบได้ยาก เพราะดูด้วยตาเปล่าลำบาก แต่สำหรับคนที่อยู่ในวงการผลิตกาแฟด้วยกันจะรู้และลูกค้าบางคนเคยใช้สินค้าประเภทนี้ แต่ไม่เคยได้ลิ้มรสกาแฟแท้ๆ จึงคิดว่าสินค้าที่ใช้อยู่นั้นเป็นกาแฟ ทำให้บางครั้งสินค้าของคุณเอนกจึงเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ได้ยากพอสมควร กาแฟโบราณจะมีความแตกต่างกับกาแฟสดอีกอย่างหนึ่งคือ กาแฟสดคั่วเมล็ดกาแฟแล้วขายเลยส่วนกาแฟโบราณจะต้องน้ำไปผ่านกรรมวิธีให้ดำเสียก่อนโดยใช้น้ำตาลทราย "จะมีหลายยี่ห้อที่ใช้สีผสมเข้าไป แต่ของเราไม่ได้ใส่เวลาเราไปส่งลูกค้ามีหลายรายต่อว่าเราว่าทำไมกาแฟเราไม่ดำเหมือนเจ้าอื่น ก็เพราะว่าเราไม่เล่นสี เราใช้น้ำตาลเคี่ยวผสมทำให้ดำ ซึ่งน้ำตาลเคี่ยวนั้นสาธารณสุขเคยเอาไปตรวจแล้ว บอกว่ากินได้ไม่อันตราย แล้วสินค้าที่เรามีอยู่ เบอร์โทรศัพท์ติดต่อและเครื่องหมายอย. รับรองคุณภาพ" เสี่ยหนุ่ยหรือคุณเอนกย้ำถึงคุณภาพของสินค้า
หากท่านผู้อ่านท่านใดสนใจกาแฟโบราณและเมล็ดกาแฟสำหรับทำกาแฟสด สามารถติดต่อได้ที่ บริษัท ขจรเกียรติกาแฟ จำกัด (โรงงานกาแฟจิตต์เกษม) 94 ม.4 ต.กระทุ่มล้ม อ.สามพราน จ.นครปฐม โทร 0-2814-1059-60 แฟกซ์ 0-2814-1648 ครับ