|
|
ประวัติของวัดอรุณราชวราราม -8
มณฑปพระพุทธบาทจำลอง
• มณฑปพระพุทธบาทจำลอง
ตั้งอยู่ระหว่างพระเจดีย์ย่อเหลี่ยมไม้ยี่สิบ ๔ องค์ กับพระวิหารใหญ่
ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสก่ออิฐถือปูนประดับด้วยกระเบื้องถ้วยสีต่างๆ
มีฐานทักษิณ ๒ ชั้น อยู่ระหว่างพระอุโบสถและพระวิหารใหญ่
ภายในมี รอยพระพุทธบาทจำลอง เป็นหินสลักจากกวางตุ้ง
สร้างในรัชกาลที่ ๓ หลังคาพระมณฑปเดิมเป็นยอดเกี้ยวแบบจีน
ได้พังลงมาเมื่อปีรัตนโกสินทร์ศก ๑๑๔ (พุทธศักราช ๒๔๓๘)
สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระจักรพรรดิพงษ์ ทรงรับจัดการเงินและเรี่ยไรซ่อม
มีพระประสงค์จะเปลี่ยนหลังคาเป็นยอดมงกุฎ ๔ เหลี่ยม
แต่ทำยังไม่ทันแล้วเสร็จ ก็ประชวรสิ้นพระชนม์เสียก่อน
และพระยาราชสงคราม (ทัด หงสกุล) ผู้ปฏิสังขรณ์ก็ถึงอนิจกรรม
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้าฯ ให้
พระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) ขณะเป็นพระราชโยธาเทพ ทำตามรูปเดิม
แต่ในปัจจุบันหลังคาพระมณฑปเป็นของสร้างใหม่ ทำด้วยซีเมนต์
สืบได้ความว่า หลังคาพระมณฑปที่ซ่อมใหม่นี้เป็นของทำขึ้น
ในสมัย พระธรรมเจดีย์ (อุ่ม ธมฺมธโร) เป็นเจ้าอาวาส
รอยพระพุทธบาทจำลอง
มณฑปพระพุทธบาทจำลอง และพระเจดีย์ย่อเหลี่ยมไม้ยี่สิบ
พระเจดีย์ย่อเหลี่ยมไม้ยี่สิบ
• พระเจดีย์ย่อเหลี่ยมไม้ยี่สิบ ๔ องค์
ตั้งอยู่ระหว่างพระระเบียงพระอุโบสถด้านใต้กับมณฑปพระพุทธบาทจำลอง
ซึ่งเรียงเป็นแถวตรงจากทิศตะวันออก ไปทิศตะวันตก ห่างกันพอควร
เป็นพระเจดีย์แบบเดียวกัน และมีขนาดเท่ากันทั้งหมดทั้ง ๔ องค์
คือ เป็นพระเจดีย์ก่อด้วยอิฐถือปูน ย่อเหลี่ยมไม้ยี่สิบ
ประดับกระเบื้องถ้วยและกระจกสีต่างๆ เป็นลวดลายดอกไม้และลายอื่นๆ งดงามมาก
มีฐานทักษัณสำหรับขึ้นไปเดินรอบองค์พระเจดีย์ ๑ ชั้น มีบันไดขึ้นลงทางด้านเหนือ
บริเวณพระเจดีย์ติดกับพระระเบียงพระอุโบสถปูด้วยแผ่นกระเบื้องหิน
พระเจดีย์ทั้ง ๔ องค์นี้ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ คราวปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่
ต่อมาปฏิสังขรณ์อีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ ๕ ขณะที่ปฏิสังขรณ์พระปรางค์นั้น
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง
สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี
และพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏฯ
ขณะดำรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระบรมราชชินีนาถ,
สมเด็จพระบรมราชเทวี, พระราชเทวี และพระอัครชายา โดยลำดับ
ได้ทรงบริจาคเงินองค์ละ ๑,๐๐๐ บาท เพื่อปฏิสังขรณ์พระเจดีย์แต่ละองค์
ซุ้มเสมายอดมณฑป
• ซุ้มเสมายอดมณฑป
องค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งซึ่งส่งผลให้เสมามีความโดดเด่น
และมีความงดงามมากยิ่งขึ้นนั่นคือ ‘ซุ้มเสมา’
ซุ้มเสมาเป็นอีกรูปแบบสถาปัตยกรรมหนึ่งที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม
โดยสืบทอดแบบอย่างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
เป็นแบบแผนที่ยังคงมีให้ศึกษามาจวบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
สำหรับซุ้มเสมาวัดอรุณราชวรารามนั้นเป็น
ซุ้มเสมายอดมณฑป คือซุ้มเสมาที่ทำส่วนยอดซุ้ม
ให้มีลักษณะคล้ายอย่างเรือนยอดพระมณฑปหรือบุษบก
โดยรอบพระอุโบสถจะมี ‘ซุ้มเสมายอดมณฑป’ ทั้งหมด ๘ ซุ้ม
ใบเสมาเป็นหินสลักลวดลายงดงาม มีใบเสมา ๒ ใบ เรียกว่าเสมาคู่
ประดิษฐานอยู่ในซุ้มหินอ่อน ทำเป็นรูปบุษบกยอดเจดีย์ย่อเหลี่ยมไม้สิบสอง
ระหว่างช่องเสมามี สิงโตหิน ตั้งอยู่บนแท่นรอบพระอุโบสถ
หน้าพระระเบียงมี ตุ๊กตาหินทหารจีน ตั้งเรียงเป็นแถวรอบพระอุโบสถ
ซุ้มเสมายอดมณฑป และสิงโตหินจีนขนาดเล็ก
• หอไตร
มีหอไตร ๒ หอ อยู่ทางด้านหน้าของหมู่กุฏิคณะ ๑ ใกล้กับสระเล็กๆ
และรั้วด้านตะวันตกของพระปรางค์ ๑ หลัง ไม่มีช่อฟ้า ใบระกา
ทำเป็นปูนปั้นประดับกระเบื้องถ้วยเป็นชิ้นๆ หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบสี
กรอบหน้าต่างเป็นปูนปั้นลายดอกไม้ ลงรักปิดทอง
และอีกหลังหนึ่งอยู่มุมด้านเหนือหน้าคณะ ๗ มีช่อฟ้า ใบระกา
ลงรักปิดทอง ประดับกระจก บานหน้าต่างเป็นลายรดน้ำรูปต้นไม้
คติเกี่ยวกับที่มีหอไตร ๒ หอ พระเถระผู้ใหญ่ในวัดนี้เล่าว่า
เป็นเพราะวัดแห่งนี้แต่เดิมมีพระราชาคณะได้ ๒ รูป
“พระบรมรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” ภายในโบสถ์น้อย
• โบสถ์น้อย
ตั้งอยู่หน้าพระปรางค์องค์ใหญ่ และใกล้กับวิหารน้อย (พระวิหารเล็ก)
ภายในโบสถ์น้อย มีพระพุทธรูปปูนปั้นลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย
เป็นประธานของอาคาร ส่วนด้านหน้าองค์พระประธานนั้น
ก่ออิฐเป็นลับแลกั้นอยู่เพื่อแบ่งสัดส่วนภายในพระอุโบสถ
ทางด้านข้างของพระประธานเป็นที่ประดิษฐาน ศาล พระบรมรูป
และพระแท่นสำหรับทรงเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน
ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
พระแท่นของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตามพระราชพงศาวดารกล่าวว่า
ครั้นเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชจะสิ้นรัชกาล
ได้ทรงผนวชและเสด็จพระราชดำเนินมาประทับที่โบสถ์
บ้างก็ว่าทรงถูกพวกกบฏบังคับให้ผนวชและจับพระองค์กักขังไว้ที่โบสถ์
พระแท่นนี้นับเป็นงานประณีตศิลป์ที่มีคุณค่ามาก
แต่ตำแหน่งที่ตั้งของพระแท่นในปัจจุบันยังอยู่ในมุมที่ไม่เด่น
ศาลาท่าน้ำรูปเก๋งจีน ๖ หลัง ตั้งอยู่ที่เขื่อนบริเวณหน้าวัด
• ศาลาท่าน้ำรูปเก๋งจีน
มีศาลาท่าน้ำรูปเก๋งจีน ทั้งหมด ๖ หลัง ตั้งอยู่ที่เขื่อนบริเวณหน้าวัด
ตรงมุมเหนือสุดที่ปากคลองวัดแจ้งหลัง ๑ ตรงกับประตูซุ้มยอดมงกุฎ ๓ หลัง
ตรงกับต้นพระศรีมหาโพธิ์หลัง ๑ และตรงกับทางเข้าพระปรางค์ใหญ่อีกหลัง ๑
ที่ศาลาท่าน้ำรูปเก๋งจีนมี สะพาน ยื่นลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา เว้นแต่ด้านเหนือสุด
ส่วนหลังที่ตรงกับทางเข้าพระปรางค์นั้น มีรูปจระเข้หินอยู่ด้านหน้าข้างละตัว
ศาลาเหล่านี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ เหมือนกันหมด คือหลังคาเป็นรูปเก๋งจีน
มียกพื้นสำหรับนั่งพักทำด้วยหินทรายสีเขียว โดยเฉพาะ ๓ หลังตรงประตูซุ้มยอดมงกุฎนั้น
หลังเหนือและใต้มีแท่นหินสีเขียวตั้งอยู่ตรงกลาง เข้าใจว่าจะเป็นที่สำหรับวางของ
และหลังศาลาเก๋งจีน ๓ หลังนี้มีรูปกินรีแบบจีนทำด้วยหินทรายสีเขียวตั้งอยู่ ๒ ตัว
ศาลาท่าน้ำรูปเก๋งจีน
• ภูเขาจำลอง
อยู่หน้าวัดทางด้านเหนือ หลังศาลาท่าน้ำรูปเก๋งจีน ๓ หลัง
กล่าวกันว่า เดิมรัชกาลที่ ๑ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างภูเขาจำลองขึ้นในพระบรมมหาราชวัง
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๓ โปรดให้นำมาไว้ที่วัดนี้
ภูเขาจำลองนี้มีรั้วล้อมไว้เป็นส่วนหนึ่งโดยเฉพาะ
มีตุ๊กตาจีน ๒ ตัวนั่งบนแท่นอยู่นอกรั้วด้านหน้า
ตรงประตูเข้าทำเป็นรูปทหารเรือเฝ้าอยู่ ๒ คน
• อนุสาวรีย์ธรรมเจดีย์
อยู่ด้านใต้ของภูเขาจำลอง มีถนนที่ขึ้นจากศาลาท่าน้ำรูปเก๋งจีน ๓ หลัง
ไปพระอุโบสถคั่นกลาง อนุสาวรีย์แห่งนี้มีกำแพงเตี้ยๆ เป็นรั้วล้อมรอบ
ภายในรั้วนอกจากจะมีโกศหินทรายสีเขียวแบบจีน
ที่ใช้บรรจุ อัฐิของพระธรรมเจดีย์ (อุ่ม ธมฺมธโร)
อดีตเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม รูปที่ ๙ แล้ว
ยังมีประตู มีภูเขาจำลองเตี้ยๆ มีปราสาทแบบจีนเล็กๆ และ
มีตุ๊กตาหินนอนอยู่ภายใน มีภาษาจีนกำกับซึ่งชาวจีนอ่านว่า ฮก ลก ซิ่ว
ตุ๊กตาหินจีนและสิงโตหินจีนขนาดเล็กจำนวนมากรอบๆ พระอุโบสถ
• ตุ๊กตาหินจีน
ตุ๊กตาหินจีนในวัดอรุณฯ นี้ ถือเป็นหนึ่งในสี่วัดที่มีตุ๊กตาหินจีนอยู่มากที่สุด
แต่โดยมากแล้วจะเป็นตุ๊กตาหินขนาดเล็กเสียเป็นส่วนใหญ่
โดยอีก ๓ วัด ที่มีตุ๊กตาหินจีนอยู่เป็นจำนวนมากเช่นกัน ก็คือ วัดโพธิ์
(วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม) วัดสุทัศนเทพวราราม และวัดราชโอรสาราม
เฉพาะที่ลานพระระเบียงคดที่ล้อมรอบพระอุโบสถมีถึง ๓๐๔ ตัว
(ไม่รวมตุ๊กตาหินจีนที่ประดับอยู่รอบๆ) ที่ตั้งเรียงรายอยู่เต็มไปหมด
นับตั้งแต่ระหว่างซุ้มเสมายอดมณฑปทั้ง ๘ ซุ้ม ก็มี สิงโตหินจีนตัวเล็ก
ตั้งอยู่บนแท่นเรียงกัน เว้นไว้แต่ตรงช่องบันไดทางขึ้นพระอุโบสถเท่านั้น
ตุ๊กตาหินจีนในวัดอรุณฯ นี้ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กกว่าที่วัดโพธิ์
นอกจากนี้ยังมีส่วนประกอบของงานสถาปัตยกรรมอื่นๆ อีก
ไม่ว่าจะเป็น ศาลเจ้า ถะ เขามอ และเสามังกร เป็นต้น
ตุ๊กตาหินจีนนั้นสันนิษฐานกันว่ามาโดยพวกที่แล่นเรือสำเภาจีน
เข้ามาค้าขายได้นำเข้ามาด้วย ๒ จุดประสงค์คือ
เพื่อนำมาเป็นราชบรรณาการแด่รัชกาลที่ ๕ และเพื่อถ่วงน้ำหนักเรือ
ให้สามารถแล่นผ่านคลื่นผ่านลมพายุในทะเลมาได้โดยไม่ล่มเสียก่อน
ซึ่งตุ๊กตาเหล่านี้ได้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “เครื่องอับเฉาเรือ”
|
|
Update : 21/9/2554
|
|