|
|
ประวัติของวัดอรุณราชวราราม -7
พระปรางค์ตั้งเป็นสง่าอยู่ด้านหลังพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ ๒
• พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ ๒
ก้าวแรกจากเรือขึ้นสู่เทียบท่าน้ำจะเป็นการเข้าสู่เขตพื้นที่
ของวัดอรุณราชวรารามหรือวัดแจ้ง สิ่งแรกที่มองเห็นคือ
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
รัชกาลที่ ๒ ซึ่งประดิษฐานหันพระพักตร์ไปสู่ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
มีช้างเผือก ๓ เชือก ซึ่งเข้ามาสู่พระบารมีในรัชกาลของพระองค์
ประดับแวดล้อมด้านหลังของฐานพระบรมราชานุสาวรีย์
พระราชประวัติโดยย่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
พ.ศ.๒๓๕๒-๒๓๖๗ ครองราชย์ ๑๕ พรรษา พระชนมายุ ๕๙ พรรษา
เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๓๑๐ พระนามเดิมว่า ฉิม
เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑
ก่อนขึ้นครองราชย์ ทรงดำรงพระยศเป็นเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร
ตำแหน่งพระมหาอุปราช กรมพระราชวังบวรสถานมงคล
พระองค์มีความสามารถทางอักษรศาสตร์เป็นอย่างดี
ทรงร่วมนิพนธ์วรรณคดีกับสมเด็จพระราชบิดาไว้หลายเรื่อง ได้แก่
อุณรุท รามเกียรติ์ อิเหนา และดาหลัง ซึ่งเรียกว่า พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑
นอกจากนี้ยังได้ทรงนำบทละครเก่ามานิพนธ์ขึ้นใหม่
ได้แก่ ไกรทอง คาวี ไชยเชษฐ์ สังข์ทอง มณีพิไชย ฯลฯ
ด้านดนตรี ทรงเป็นเอตทัคคะในทางสีซอสามสาย
ด้านศิลปะ ทรงโปรดการเขียนลวดลายอันวิจิตรงดงาม
ตัวอย่างที่เด่นชัดปรากฏที่บานประตูวัดสุทัศน์เทพวราราม
เมื่อปฐมวัยได้ทรงติดตามสมเด็จพระบรมราชบิดา
ไปในงานสงครามแทบทุกครั้งตั้งแต่พระชมมายุได้ ๘ พรรษา
ทรงผนวชเมื่อพระชนมายุได้ ๒๒ พรรษา ทรงเสด็จจำพรรษา ณ
วัดราชาธิวาส (วัดสมอราย) เป็นเวลา ๑ พรรษา หลังจากลาผนวชแล้ว
ทรงอภิเษกสมรสกับพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้าหญิงบุญรอด
ซึ่งต่อมาได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี
ในรัชสมัยของพระองค์ ประเทศโปรตุเกสและประเทศอังกฤษ
ได้ส่งผู้แทนทางการทูตมาเจริญสัมพันธไมตรีเป็นครั้งแรกในสมัยรัตนโกสินทร์
คือได้ส่งมาเมื่อปีพุทธศักราช ๒๓๖๑ และพุทธศักราช ๒๓๖๓ ตามลำดับ
ด้านกฎหมาย ทรงปรับปรุงและออกกฎหมายต่างๆ ได้แก่
กฎหมายห้ามขายฝิ่น สัญญาเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดิน พินัยกรรม รวมทั้ง
กฎหมายอาญาอื่นๆ เช่น ความผิดเกี่ยวกับการลงโทษทั้งฝ่ายอาณาจักรและพุทธจักร
สุนทรภู่ กวีเอกของไทย มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในรัชกาลนี้
พระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานรอบพระระเบียงคด
• พระวิหารคด (พระระเบียงคด)
พระอุโบสถวัดอรุณราชวรารามแห่งนี้ ไม่มี กำแพงแก้ว
แต่มี พระวิหารคด (พระระเบียงคด) ล้อมรอบแทน
สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
รัชกาลที่ ๒ เช่นกัน ภายในพระวิหารคด (พระระเบียงคด)
มีพระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานอยู่โดยรอบถึง ๑๒๐ องค์
พระระเบียงคดมุงหลังคาด้วยกระเบื้องเคลือบสีทองและสีเขียวใบไม้
มีประตูเข้าออกอยู่กึ่งกลางพระระเบียงคดทั้ง ๔ ทิศ
โดยเฉพาะด้านทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันตก
มีซุ้มจระนำเหนือประตู หน้าบันทำเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ
ประดับด้วยลายกระหนก ลงรักปิดทองอย่างงดงามมาก
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
ช่างเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในสมัยรัชกาลที่ ๒ ทรงชมเชยไว้ว่า
“พระระเบียงมีอยู่ให้ดูได้สมบูรณ์
ทรวดทรงงามกว่าพระระเบียงที่ไหนหมด
เป็นศรีแห่งฝีมือในรัชกาลที่ ๒ ควรชมอย่างยิ่ง”
พระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานรอบพระระเบียงคด
แต่ลายเขียนผนังนั้นเป็นฝีมือในสมัยรัชกาลที่ ๓ ทำเพิ่มเติม
ลายเขียนที่ผนังที่ทรงกล่าวถึงนั้น เขียนเป็นรูปซุ้มเรือนแก้วลายดอกไม้ ใบไม้
มีนกยูงแบบจีนคาบอยู่ตรงกลาง เสาพระระเบียงเป็นเสาอิฐถือปูนย่อเหลี่ยม
บัวหัวเสาที่รับเชิงชายลงรักปิดทองประดับกระจกทุกต้น
ที่ด้านในบานประตูทุกด้าน เป็นภาพสีรูปคนถือหางนกยูงยืนอยู่เหนือ
สัตว์ป่าหิมพานต์ มีราชสีห์ปละคชสีห์ เป็นต้น ด้านนอกเป็นลายรดน้ำ
พระระเบียงคดนี้ได้ปฏิสังขรณ์ครั้งหลังเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๙
โดยเปลี่ยนเป็นกระเบื้องเคลือบใหม่ทั้งหมด ช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์
ตามซุ้มจระนำ ทำใหม่บ้าง ลงรักปิดทองประดับกระจกสวยงาม
บริเวณพระวิหารคด (พระระเบียงคด) มี ช้างหล่อโลหะ
เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
รัชกาลที่ ๒ ซึ่งทรงเฉลิมพระนามาภิไธยว่า ‘พระเจ้าช้างเผือก’
พระพุทธรูปปางมารวิชัยประดิษฐานรอบพระระเบียงคด
|
|
Update : 21/9/2554
|
|