วิธีการผลิตลูกกุ้งก้ามกรามในเชิงธุรกิจมีขั้นตอนปฏิบัติดังต่อไปนี้
1. นำแม่กุ้งก้ามกรามที่มีไข่สีน้ำตาลเข้มจนถึงสีดำมาใส่ในถังไฟเบอร์กลาสหรือบ่อซีเมนต์ในอัตราความหนาแน่นแม่กุ้งน้ำหนักรวม 10 กิโลกรัมต่อถัง หรือบ่อเพาะขนาดความจุ 3 ลูกบาศก์เมตร (ตัน) บรรจุน้ำทะเลความเค็ม 15 พีพีทีที่ผ่านการฆ่าเชื้อและพักไว้เพียงพอแล้ว ให้อากาศอย่างเพียงพอ และให้อาหารเม็ดสำเร็จรูปในตอนเช้า ทำความสะอาดพื้นถังหรือบ่อในตอนเย็นและถ่ายน้ำ
เนื่องจากน้ำที่ขุ่นการฟักออกเป็นตัวจะไม่ดีแม่กุ้งที่ไข่สีดำจะสลัดไข่และฟักออกเป็นตัวอ่อนในวันต่อมา ใช้เวลาประมาณ 3-5 วัน แม่กุ้งจะสลัดไข่ออกมาเป็นตัวอ่อนจนหมดวันแรกที่สลัดออกมาเป็นตัวอ่อนคุณภาพจะไม่ดี มักจะไม่นำมาใช้ แต่ตั้งแต่วันที่ 2 เป็นต้นไปลูกกุ้งวัยอ่อนจะมีคุณภาพดี ลดความแรงของเครื่องให้อากาศลง จะทำให้ลูกกุ้งลอยอยู่บริเวณผิวน้ำ แล้วใช้สวิงรวบรวมลูกกุ้งในถัง
2. นำลูกกุ้งไปใส่ในบ่ออนุบาลในอัตราความหนาแน่น 200,000-300,000 ตัว/บ่อ บรรจุน้ำทะเลความเค็ม 15 พีพีที ปริมาณ 1 ลูกบาศก์เมตร มีเครื่องให้อากาศอย่างพอเพียงเริ่มให้อาหารแก่ลูกกุ้งวันอ่อนในวันที่ 2 คือตัวอ่อนอาร์ทีเมีย ควรใช้น้ำอุ่นลวกอาร์ทีเมียก่อน เพื่อให้อาร์ทีเมียไม่เคลื่อนไหวมาก ลูกกุ้งจะกินได้ง่าย ให้อาหารวันละ 3-4 มื้อเฉพาะในเวลากลางวันเท่านั้น (หลัง 18.00 น. ลูกกุ้งจะไม่กินอาหาร) วันที่ 4 เริ่มใส่สีน้ำวิทยาศาสตร์สีน้ำตาล เพื่อบังแสงไม่ให้น้ำใส ลูกกุ้งจะกินอาหารดีขึ้น ตั้งแต่วันที่ 6 เป็นต้นไป เริ่มเสริมไข่ตุ๋นเป็นอาหารร่วมกับการให้อาร์ทีเมีย
3. ค่อยๆ เพิ่มระดับน้ำเรื่อยๆ ไปถึงวันที่ 10 ปริมาตรน้ำควรจะอยู่ระหว่าง 2.0-2.5 ลูกบาศก์เมตร ตั้งแต่วันที่ 10 เริ่มถ่ายน้ำครั้งละ 50-60 เปอร์เซ็นต์ ประมาณ 3 วัน/ครั้ง ความเค็มของน้ำในบ่ออนุบาลลูกกุ้งยังคงเท่ากับ 15 พีพีที
4. ลูกกุ้งใช้เวลานาน 22-25 วันจึงจะเข้าระยะคว่ำจนหมด ที่อุณหภูมิของน้ำ 28-32 องศาเซลเซียส ถ้าอุณหภูมิต่ำกว่านี้จะใช้เวลานานกว่า 25 วัน ถ้าลูกกุ้งเข้าสู่ระยะคว่ำไม่พร้อมกัน ช้อนเอาตัวที่ยังไม่คว่ำออกไปรวมกับลูกกุ้งจากถุงอื่น ลูกกุ้งเหล่านี้จะใช้เวลาอีก 2-3 วันจึงจะคว่ำจนหมด
5. เริ่มลดความเค็มจาก 15 พีพีที ลงไปที่ 12 พีพีที
วันต่อไปลดจาก 12 พีพีที ให้เหลือ 10 พีพีที
วันที่ 3 ลดลงจาก 10 พีพีที ให้เหลือ 5 พีพีที
6. ก่อนนำลูกกุ้งไปบรรจุในถุงพลาสติกเพื่อขนส่งไปเลี้ยงในบ่อดิน ลดความเค็มลงมาเป็นศูนย์ (แต่ถ้ายังไม่บรรจุในถุงพลาสติก เพื่อนำไปเลี้ยงให้อนุบาลลูกกุ้งต่อในโรงเพาะฟักที่น้ำความเค็ม 5 พีพีที เพราะถ้าอนุบาลที่ความเค็มเป็นศูนย์ อาร์ทีเมียที่ให้เป็นอาหารจะตาย)
ภาพที่ 7.16 โรงอนุบาลลูกกุ้งก้ามกราม
ไข่ตุ๋นที่นำมาเสริมในการอนุบาลจะทำให้ลูกกุ้งลอกคราบได้ดี ตอนเช้าก่อนให้อาหารควรจะใช้สวิงตักคราบออกก่อน
แม่กุ้ง 10 กิโลกรัมที่นำมาเพื่อผลิตลูกกุ้งในแต่ละครั้ง จะผลิตลูกกุ้งได้ประมาณ 2-3 ล้านตัวแม่กุ้งที่ใช้แล้วจะนำออกจากถังไปเลี้ยงในบ่อพ่อแม่พันธุ์ในบ่อดินตามเดิม อีกประมาณ 15 วันสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก แม่กุ้งแต่ละชุดในบ่อพ่อแม่พันธุ์จะใช้ผลิตลูกกุ้งนานประมาณ 4 เดือน หลังจากนั้นต้องเปลี่ยนพ่อแม่กุ้งชุดใหม่
ควรปรับพีเอชของน้ำในถังอนุบาลลูกกุ้งให้อยู่ระหว่าง 7.8-8.2 จะทำให้อัตรารอดดีขึ้น วิธีการปรับพีเอชควรใช้น้ำปูนส่วนที่ใส ค่อยๆ ปรับพีเอชตั้งแต่เริ่มเพิ่มระดับน้ำในปริมาณ 50 มิลลิลิตร/น้ำ 1 ลูกบาศก์เมตร (50 ซีซี/น้ำ 1 ตัน) แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึง 150 ซีซี/น้ำ 1 ตัน เมื่อลูกกุ้งอายุมากขึ้น (การเตรียมน้ำปูนใสโดยใช้ปูนขาวละลายน้ำจนปูนขาวบางส่วนไม่ละลาย รอจนปูนขาวตกตะกอนจนหมด น้ำจะใส นำน้ำส่วนที่ใสไปใช้ปรับพีเอช)
ภาพที่ 7.17 แม่พันธุ์ในถัง ภาพที่ 7.18 กำลังช้อนลูกกุ้ง
ภาพที่ 7.19 กำลังใส่สีน้ำวิทยาศาสตร์ ภาพที่ 7.20 ทำความสะอาดถัง
ภาพที่ 7.21 การเปลี่ยนถ่ายน้ำในถัง ภาพที่ 7.22 น้ำสีน้ำตาลจากสีน้ำวิทยาศาสตร์
ภาพที่ 7.23 ถังน้ำปูนใสสำหรับปรับพีเอช
ภาพที่ 7.24 น้ำใสหลังจากลดความเค็ม ภาพที่ 7.25 การบรรจุลูกกุ้งในถุง