ใน ปัจจุบันนี้มีการพัฒนาสายพันธุ์กุ้งก้ามกรามที่มีขนาดโตกว่าสายพันธุ์ดั้ง เดิมที่เลี้ยงกันมาเป็นเวลาช้านาโดยเฉพาะขนาดของส่วนหัวจะเล็กลงและมีสัดส่วนของลำตัวเพิ่มขึ้นและมีการเจริญเติบโตดีกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมอาจจะมาจากการนำสายพันธุ์กุ้งก้ามกรามจากต่างประเทศเช่นประเทศพม่าหรืออินเดีย เข้ามาและคัดเลือกตัวที่มีลักษณะที่ดีไว้เป็นพ่อแม่พันธุ์แต่ยังไม่มีการวิจัยเพื่อพัฒนาสายพันธุ์กุ้งก้ามกรามกันอย่างจริงจัง ในอนาคตจำเป็นต้องมีการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ที่โตเร็วและมีความเหมาะสมกับการเพาะเลี้ยงในประเทศไทย เพื่อทำให้ผลผลิตสูงขึ้นและสามารถลดต้นทุนในการผลิตได้
พ่อแม่พันธุ์กุ้งก้ามกรามที่ใช้ผลิตลูกกุ้งในขณะนี้มาจากการคัดกุ้งก้ามกรามเพศผู้และเพศเมียอายุประมาณ 6-7 เดือนที่เลี้ยงแยกเพศกันคือบ่อที่เลี้ยงเฉพาะเพศผู้และบ่อที่เลี้ยงเฉพาะกุ้งเพศเมียโดยกุ้งก้ามกรามเพศเมียจะมีขนาดประมาณ 22 ตัว/กิโลกรัมถึงประมาณ 15 ตัว/กิโลกรัม ส่วนเพศผู้จะมีขนาดประมาณ 12-15 ตัว/กิโลกรัมคัดเลือกเฉพาะกุ้งตัวที่สมบูรณ์แข็งแรงเพศผู้ก้ามไม่โตมากส่วนเพศเมียเลือกตัวที่มีขนาดโตและสมบูรณ์แข็งแรงเช่นเดียวกัน
นำกุ้งก้ามกรามที่ผ่านการคัดเลือกไว้แล้วทั้งเพศผู้และเพศเมียไปเลี้ยงรวมกันในบ่อดินเพื่อให้ผสมพันธุ์ประมาณไร่ละ 3,000-5,000 ตัวโดยมีอัตราส่วนเพศผู้ต่อเพศเมีย 1 ต่อ 3 บ่อขนาด 3-4 ไร่จะมีเครื่องให้อากาศ 1 เครื่องใช้เวลาเลี้ยงนานประมาณ 1 เดือนกุ้งก้ามกรามเพศเมียก็พร้อมที่จะนำเข้าไปในโรงเพาะฟักสำหรับผลิตลูกกุ้งโดยเลือกเฉพาะกุ้งก้ามกรามเพศเมียมีไข่ที่สมบูรณ์แข็งแรงมีสีน้ำตาลเข้มจนถึงสีดำเท่านั้น
ภาพที่ 7.12 การลากอวนบ่อพ่อแม่พันธุ์กุ้งก้ามกราม ภาพที่ 7.13 คัดเลือกกุ้งก้ามกรามเพศเมียที่มีไข่แก่