หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    การเลี้ยงปลากดเหลือง-1
    ปลากดเหลืองเป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่งที่มีคุณค่าทางเศรษฐกิจสูง  มีราคาดี  เนื้อมีรสชาติดีเป็นที่นิยมของผู้บริโภคทั้งในรูปสดและแปรรูป  เช่น  แกงเหลือง  ฉู่ฉี่  และย่าง ฯลฯ  มีชื่อสามัญ  Green Catfish  และมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Mytus nemurus  ได้รับการตั้งชื่อครั้งแรกโดย  Cuvier  และ  Valencieness  ในปี  2436  ปลากดเหลืองมีการเรียกชื่อแตกต่างกันไปตามท้องถิ่น  ซึ่งชาวประมงแถบจังหวัดกาญจนบุรี  เรียกว่า  ปลากดกลางหรือปลากลาง  แถบจังหวัดฉะเชิงเทราและชลบุรีเรียกว่า  ปลากดนาหรือปลากดเหลืองแถบจังหวัดสุราษฎร์ธานีเรียกว่า  ปลากดฉลอง  แถบจังหวัดปัตตานีและนราธิวาสเรียกว่า  อีแกบาวง  แต่ปลาชนิดนี้ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศไทย  เรียกว่า  ปลากดเหลือง 
     การแพร่กระจาย
                 ปลากดเหลืองพบแพร่กระจายในแหล่งน้ำจืดทั่วไปของทวีปเอเชียตั้งแต่เอเชียตะวันตก  ได้แก่  อินเดีย  เนปาล  ปากีสถาน  และบังกลาเทศ  เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้แก่  เมียนมาร์  ไทย  สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว  กัมพูชา  เวียดนาม  มาเลเซีย  และอินโดนีเซีย  สำหรับในประเทศไทยพบแพร่กระจายในแหล่งน้ำธรรมชาติและอ่างเก็บน้ำทั่วทุกภาคของประเทศ  เช่นภาคเหนือพบในลำน้ำกก  ปิง  วัง  ยม  น่าน  กว๊านพะเยา  บึงบอระเพ็ด  เขื่อนภูมิพล  เขื่อนสิริกิติ์  และเขื่อนกิ่วลม  ภาคตะวันออกเฉียงเหนือพบในแม่น้ำมูล แม่น้ำโขงและสาขาในเขื่อนอุบลรัตน์  เขื่อนลำปาว  เขื่อนลำตะคอง  ภาคกลาง  พบในแม่น้ำเจ้าพระยา  แม่น้ำท่าจีน  แม่น้ำแม่กลอง  แม่น้ำปางปะกง  แม่น้ำป่าสัก  เขื่อนศรีนครินทร์  เขื่อนวชิราลงกรณ์และแก่งกระจาน  ภาคใต้พบในแม่น้ำตาปี  ปัตตานี  สายบุรี  บางนรา  โก-ลกและสาขาบริเวณปากแม่น้ำย่านน้ำกร่อยบริเวณชายฝั่งก็สามารถพบปลากดเหลืองได้  นอกจากนี้พบในทะเลน้อย  ทะเลสาบ  สงขลาและพรุต่างๆ  เช่น  พรุโต๊ะแดง  จังหวัดนราธิวาส  พรุควนเคร็งในจังหวัดนครศรีธรรมราช
     
     อุปนิสัย 
                ปลากดเหลืองสามารถเจริญเติบโตและอยู่อาศัยได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย  แต่ชอบอาศัยอยู่ตามพื้นท้องน้ำที่เป็นแอ่งหินหรือพื้นดินแข็งน้ำค่อนใสมีกระแสน้ำไหลไม่แรงนักพบอยู่ในระดับความลึกตั้งแต่ 2-40 เมตร  ทั้งยังชอบอาหารบริเวณที่น้ำจากต้นน้ำเหนือเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำไหลมาบรรจบกับบริเวณแนวน้ำนิ่ง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณปากน้ำซึ่งมีน้ำจืดไหลปะทะกับแนวน้ำเค็ม  มีกุ้ง  ปลา  ปู  หอย  ค่อนข้างสมบูรณ์  ชาวประมงมักจับปลากดเหลืองสามารถที่จะปรับตัวให้เจริญโตได้ดีในสภาพน้ำพรุที่มีความเป็นกรดสูงและมีปริมาณสารแขวนลอยมาก
     
     รูปร่างลักษณะ 
                ปลากดเหลืองเป็นปลาน้ำจืดที่ไม่มีเกล็ด  ลำตัวกลมยาว  หัวค่อนข้างแบนและเรียวเป็นรูปกรวย(conical) กระดูกท้ายทอยยาวถึงโคนครีบหลัง ตาไม่มีหนังปกคลุม  ปากกว้าง  ขากรรไกรแข็งแรง  มีฟันซี่เล็กๆสั้นปลายแหลมเป็นกลุ่มหรือแผ่นบนขากรรไกรบน  ขากรรไกรล่างและบนเพดานปากซี่กรองสั้นเล็กปลายแหลม  มี 15 ซี่  มีหมวด 4 คู่คือที่บริเวณจมูก  ริมฝีปากบน  ริมฝีปากล่าง  และใต้คางอย่างละ 1 คู่  ซึ่งหนวดคู่แรกและหนวดคู่สุดท้ายจะมีความยาวสั้นกว่าคู่ที่สองและคู่ที่สาม
                ครีบหลังไม่สูงเป็นครีบเดี่ยวอยู่กลางหลัง  มีก้านครีบแข็ง 1 ก้านและก้านครีบอ่อน 7 ก้าน  ครีบไขมันเจริญดีอยู่บนหลังตามหลังตามส่วนท้ายของลำตัว  และอยู่ตรงข้ามกับครีบก้น  ครีบก้นมีก้านครีบอ่อน 10-11  ก้าน    ครีบหูเป็นครีบคู่อยู่หลังบริเวณเหงือก  มีเงี่ยงแข็งและแหลมคม 1 คู่  มีก้านครีบอ่อนข้างละ 9 ก้าน  ครีบท้องมีก้านครีบอ่อน 6-7 ก้าน  ครีบหางเว้าลึกแฉกบนยาวกว่าแฉกล่างประกอบด้วยก้านครีบอ่อน 16-17 ก้าน
                  ลักษณะสีของลำตัวจะเปลี่ยนไปตามอายุ  ขนาด  และแหล่งที่อยู่อาศัยปลากดเหลืองที่มีขนาดโตเต็มวัย  ลำตัวบริเวณส่วนหลังมีสีน้ำตาลเข้มปนดำ  บริเวณข้างลำตัวมีสีน้ำตาลปนเหลือง  บริเวณท้องมีสีขาว  ฐานครีบอก  ครีบท้อง ครีบก้น  มีสีเทาเจือชมพู  ครีบหลัง  ครีบหางมีสีเขียวซีดจาง  ปลายครีบมีสีเทาปนดำ  ดวงตามีขนาดปานกลาง
                   ปลากดเหลืองที่พบโดยทั่วไปมีขาด 20-25 เซนติเมตร  แต่เคยพบขนาดใหญ่สุดกว่า 60 เซนติเมตร  ปลาชนิดนี้มีกระเพาะลม  ซึ่งมีลักษณะกระเพาะลมตอนเดียวคล้ายรูปหัวใจทำหน้าที่ช่วยในการทรงตัวใช้ปรับความถ่วงจำเพาะของตัวปลาให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย  เพื่อให้สามารถลอยตัวอยู่มนระดับต่างๆได้ตามความต้องการ
     
     การสืบพันธุ์ 
                    1.  ลักษณะความแตกต่างระหว่างปลากดเหลืองเพศผู้กับเพศเมียมีดังนี้
     

    ลักษณะตัวผู้
    ลักษณะตัวเมีย
         1 ลำตัวจะมีลักษณะเรียงยาว
         1 ลำตัวจะมีลักษณะป้อมสั้น
         2. อวัยวะเพศที่เรียกว่า genital papillae  ยื่นออกมาประมาณ 1 เซนติเมตรจะมีลักษณะเป็นติ่งเรียวยาวและแหลมตอนปลาย
         2.  อวัยวะเพศมีลักษณะเป็นรูกลม
     3. ในฤดูผสมพันธุ์  เมื่อรีดจากส่วนท้องจะมีน้ำเชื้อไหลออกมาลักษณะสีขาวขุ่น
        3.ในฤดูผสมพันธุ์จะมีส่วนท้องบวมเป่งนูนออกมาทางด้านข้างทั้งสองข้างและช่องเพศมีสีชมพูเรื่อๆ

                   
                  ปริมาณความดกของไข่ขึ้นกับขนาดของแม่ปลากดเหลือง ปลาเพศเมียที่พบเริ่มมีไข่แก่และสืบพันธุ์วางไข่ได้มีความยาวตั้งแต่ 18 เซนติเมตรขึ้นไป  ความยาวเฉลี่ย  28.56 เซนติเมตร  ส่วนปลาเพศผู้ความยาวเฉลี่ย  28.56 เซนติเมตร
                     แม่ปลาขนาดความยาว 18 เซนติเมตร  มีไข่ประมาณ 12,500 ฟอง
                     แม่ปลาขนาดความยาว 30 เซนติเมตร  มีไข่ประมาณ 40,000 ฟอง
     
       อัตราการปล่อยพ่อแม่พันธุ์ 
                    อัตราส่วนการปล่อยพ่อแม่พันธุ์ปลากดเหลืองเท่ากับอัตรา 1 ตัว/1 ตารางเมตร  โดยจะปล่อยแยกเพศหรือรวมเพศก็ได้
     
     ฤดูกาลวางไข่
                    ปลากดเหลืองสามารถวางไข่ได้เกือบตลอดทั้งปี  ส่วนใหญ่อยู่ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนตุลาคมของทุกปีในแม่น้ำเจ้าพระยา สำหรับภาคใต้ตอนล่างฤดูผสมพันธุ์วางไข่อยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนพฤศจิกายน
                    เป็นที่น่าสังเกตว่า  ฤดูกาลวางไข่ของปลากดเหลืองจะแตกต่างกันไปตามสภาพและที่ตั้งของพื้นที่  เช่น
    ·       อ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์  ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนของทุกปี
    ·       แม่น้ำบางปะกงอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน
    ·       เขื่อนศรีนครินทร์  ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน
    ·       เขื่อนบางลาง  จังหวัดยะลา  ช่วงเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม
    อนึ่ง  ปัจจัยที่เป็นตัวควบคุมความสุกแก่ของรังไข่  ได้แก่  ปริมาณน้ำฝนที่ตกในแต่ละช่วงของรอบปี
     การพัฒนาไข่ปลากดเหลือง 
                    ไข่ปลากดเหลืองเป็นไข่จมและติดกับวัตถุ  เมื่อสัมผัสกับน้ำจะมีสารเมือกเหนียวที่รอบเปลือกไข่ 
    ทำให้ไข่ปลาติดกับวัตถุหรือไข่ติดกันเป็นกลุ่มก้อนไข่แก่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางเฉลี่ย 0.82  มิลลิเมตร  ไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิจะขยายขึ้นเป็นขนาดประมาณ 1 มิลลิเมตร  มีลักษณะกลม  สีเหลืองใสสด  ส่วนไข่ที่ไม่ได้รับการผสมจะมีสีขาวขุ่นหรือบิดเบี้ยว
                    การพัฒนาไข่ปลากดเหลืองเป็นตัว  ที่อุณหภูมิ 26-28 องศาเซลเซียส ภายในเวลา 30 ชั่วโมง  เมื่อมีอายุย่างเข้าวันที่4 ลักษณะลำตัวและครีบต่างๆเริ่มคล้ายกับปลาเต็มวัย  ลูกปลามีขนาดประมาณ 0.8 เซนติเมตร  ลูกปลาอายุ 10 วัน  มีความยาวประมาณ 1.5 เซนติเมตร
     
     นิสัยการกินอาหาร 
                  ปลากดเหลืองมีกระเพาะอาหารที่มีลักษณะเป็นถุงตรงยาว  ผนังหนาสีขาวขุ่น  นิสัยการกินอาหารในธรรมชาติได้แก่  ปลาขาดเล็ก  ตัวอ่อนแมลงหรือแมลงในน้ำ  กุ้งน้ำจืด  เศษพันธุ์ไม้น้ำ  และหอยฝาเดียว  เป็นต้น  จากลักษณะรูปร่างที่ปราดเปรียวของปลากดเหลือง  พบว่า  จะโฉบจับเหยื่อที่อยู่ผิวน้ำหรือกลางน้ำได้อย่างว่องไว  โดยจะหากินในช่วงกลางคืนได้ดีกว่าช่วงกลางวัน
     
     การเพาะพันธุ์ 
                  ปลากดเหลืองที่ใช้ในการเพาะพันธุ์ส่วนใหญ่ได้จากการรวบรวมพันธุ์จากแหล่งน้ำธรรมชาติ  เช่น  แม่น้ำ  ลำคลอง  หรืออ่างเก็บน้ำต่างๆ โดยคัดเลือกพันธุ์ปลาที่แข็งแรง  อวัยวะทุกอย่างครบสมบูรณ์  ขนาดไม่ต่ำกว่า 400 กรัม  นำมาเลี้ยงเป็นพ่อแม่ปลาได้ทั้งในบ่อดินและกระชัง  แต่ควรแยกเพศปลาตัวผู้และตัวเมียออกจากกัน
                    บ่อดิน   ควรมีขนาด  800-1,600 ตารางเมตร  อัตราการปล่อยปลา 1-2 ตัวต่อตารางเมตร
                    กระชัง  ควรเป็นกระชังอวนโพลี  ขนาดตา 2-3 เซนติเมตร  ขนาดกระชังกว้าง 5 เมตร ยาว 5 เมตร  ลึก 2.5 เมตร  อัตราการปล่อยปลา 50-100 ตัว ต่อกระชัง
            การขุนเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์  ให้อาหารจำพวก  ปลาสดสับผสมหัวอาหารและเสริมด้วยอาหารเม็ดปลาดุก  หรือให้อาหารต้มสุกจำพวกปลายข้าว 2 ส่วน รำละเอียด 3 ส่วน  ปลาป่น 1 ส่วน  วิตามินและแร่ธาตุประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์  โดยน้ำหนัก  เสริมด้วยอาหารเม็ดปลาดุกเล็ก 1 ครั้ง  ต่อสัปดาห์  ปริมาณอาหารที่ให้ในแต่ละวันประมาณ 2-3 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักปลา  ควรมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำใหม่ในบ่อประมาณ 1-2 ครั้ง ต่อเดือนปริมาณ 1 ใน 3 ของบ่อ
     
     การคัดเลือกพ่อแม่ปลา 
                   การตรวจสอบพ่อแม่ปลาที่มีความสมบูรณ์ควรทำด้วยความระมัดระวังอาจใช้ผ้าขนหนูปิดหัวปลา  โดยเฉพาะบริเวณตาของพ่อแม่ปลา  แล้วหงายท้องตรวจความพร้อมของปลา  จะป้องกันการบอบช้ำ  และลดความเครียดได้  ปลาเพศเมียที่มีไข่แก่  สังเกตจากส่วนท้องจะบวมเป่งและนิ่ม  ช่องเพศมีสีชมพูเรื่อๆปลาเพศผู้  อวัยวะเป็นติ่งแหลมยื่นยาวออกมาไม่ต่ำกว่า 1 เซนติเมตร
     
                    พ่อแม่ปลาที่ใช้ควรมีน้ำหนักตั้งแต่ 450 กรัม  หรือเป็นปลาที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 เดือนขึ้นไป  โดยปกติแล้วแม่พันธุ์ปลาจะมีน้ำหนักมากกว่าพ่อแม่พันธุ์ปลา
     
     การฉีดฮอร์โมนผสมเทียม 
     
                 ฮอร์โมนที่ใช้ในการฉีดเร่งให้แม่ปลามีไข่แก่  และพ่อปลามีน้ำเชื้อสมบูรณ์ปัจจุบันนิยมใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์ (synthetic  hormore, LHR Ha)  ซึ่งมีชื่อทางการค้าว่า  ซูพรีแฟค (Suprefact) ร่วมกับสารระงับการทำงานของระบบหลั่งฮอร์โมนคือ  โดมเพอริโดน (Domperidone) หรือมีชื่อทางการค้าว่าโมทีเลียม (Motilium)

    • Update : 12/8/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch