หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    นำผลสำเร็จศูนย์ศึกษาฯ ขยายผลสู่เกษตรกร

    นายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กปร. ได้จัดทำ “แผนแม่บทศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ช่วงปี พ.ศ. 2555-2559 ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 6 แห่งไปสู่การทำหน้าที่เป็น “แหล่งองค์ความรู้จากแนวพระราชดำริ ขยายผลสู่ประชาชนอย่างยั่งยืน บนพื้นฐานการบริหารจัดการที่ดี นำไปสู่วิถีชีวิตเศรษฐกิจพอเพียง” ต่อไป

    ทั้งนี้ได้มีการพิจารณาถึงแนวทางในการขยายการดำเนินงาน เพื่อให้เข้าถึงความต้องการของราษฎรในพื้นที่ต่าง ๆ มีขอบข่ายทั่วประเทศให้มากยิ่งขึ้น จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ปัจจุบันมีอยู่จำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้อันเนื่องมาจากพระราดำริ จังหวัดเชียงใหม่ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดฉะเชิงเทรา ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทรายอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดเพชรบุรี และศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส

    ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวของ นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี ในระหว่างปาฐกถาพิเศษในงาน 84 พรรษา ประโยชน์สุขสู่ปวงประชา ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล เวิลด์ กรุงเทพฯ ในหัวข้อ “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ” โดยความตอนหนึ่งได้กล่าวถึงบทบาทและหน้าที่ของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ว่า เป็นศูนย์ฯ ที่มีแนวทางการดำเนินงานเพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานของแต่ละพื้นที่ ทดสอบตามสภาพของภูมิศาสตร์และสภาพปัญหาของการพัฒนา เมื่อได้ผลแล้วจึงนำไปทดลองใช้ตามศูนย์ต่าง ๆ เช่น กรณีศึกษาเรื่องข้าว ว่าข้าวชนิดไหนเหมาะแก่ประเทศไทย ในภูมิภาคไหน หลังจากนั้นจะนำข้าวชนิดนั้นไปทดลองปลูกตามศูนย์ต่าง ๆ ว่าเหมาะสมกับดินชนิดใด เมื่อได้เป็นผลดีแล้ว จึงนำไปเผยแพร่ให้เกษตรกรที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่แห่งนั้นนำไปเพาะปลูกต่อไป”

    ปัจจุบันศูนย์ศึกษาฯ ทั่วประเทศ มีทั้งหมด 6 แห่ง ซึ่งได้ดำเนินงานตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2522 นับเป็นระยะเวลากว่า 30 ปีที่ได้ศึกษาทดลองและมีผลการศึกษาที่ประสบความสำเร็จแล้วในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ การประมง การฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธาร การปรับปรุงบำรุงดินด้วยวิธีการทางธรรมชาติ ฯลฯ โดยมีการสาธิตไว้ในลักษณะ “พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต” ซึ่งเป็นวิธีการที่ง่ายที่เกษตรกรสามารถนำไปประกอบอาชีพได้ทันที ประชาชนทุกหมู่เหล่าสามารถเข้าไปศึกษาหาความรู้ที่ศูนย์ศึกษาการ

    พัฒนาฯ ใกล้บ้านได้อย่างครบถ้วน หรือเข้าไปรับการอบรมตามหลักสูตรต่าง ๆ กว่า 30 หลักสูตรที่ศูนย์ฯแต่ละแห่งจัดไว้ได้เช่นกัน ทั้งนี้เพื่อจะได้นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง สมดังพระราชปณิธานแห่งองค์ “พระมหากษัตริย์นักพัฒนา”“อยากให้ทุกคนร่วมน้อมนำพระราชดำรัสต่าง ๆ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนำมาปฏิบัติ ผู้ที่มีความรู้ นักวิชาการ ปราชญ์เกษตร ปราชญ์ชาวบ้าน มาช่วยกัน ร่วมมือกันนำความรู้ไปขยายผลต่อ ให้กับพี่น้องประชาชนที่ยังห่างไกล หรือผู้ที่ยังมีความรู้น้อยกว่า ช่วยขยายผลให้มากขึ้น ถ่ายทอดผลสำเร็จและความรู้ความเข้าใจ ชี้แจงข้อเท็จจริงต่าง ๆ ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อราษฎรให้มากที่สุดเท่าที่ควรจะเป็น” องคมนตรี กล่าว.


    • Update : 5/8/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch