หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    เที่ยวทั่วไทย-แม่แจ่ม (๑)

    แม่แจ่ม (๑)

                จังหวัดเชียงใหม่มีกิ่งอำเภอและอำเภอรวม ๒๓ อำเภอและตั้งใหม่เมื่อปลายปี ๒๕๕๒ อีก ๑ อำเภอรวมเป็น ๒๔ อำเภอ แม่แจ่มคือ ๑ ใน ๒๔ อำเภอของเชียงใหม่ แม่แจ่มยังดำรงไว้ซึ่งความมีเสน่ห์ของธรรมชาติ มีความเงียบสงบ มีธรรมชาติที่งดงามและมีวัด วาอาราม ที่เป็นแบบศิลปะของล้านนา หรือของชนเผ่าที่อยู่ในพื้นบ้านแม่แจ่มมาก่อน การเดินทางไปแม่แจ่มเมื่อก่อนนี้ลำบากมาก สมัยที่ผมรับราชการอยู่ที่เชียงใหม่เมื่อสี่สิบกว่าปีมาแล้ว ต้องใช้เวลาในการเดินทางมากถึง ๒ วัน ทางรถยนต์ในเวลานั้นไปได้แค่อำเภอจอมทอง จากนั้นต้องพักค้างคืนตามหมู่บ้านเชิงดอยอินทนนท์แล้วเดินทางต่อไปด้วยม้า ขึ้นไปจนถึงด่านตรวจของดอยอินทนนท์แล้วเลี้ยวซ้ายลัดเลาะไปตามทางไหล่เขาไปยังอ.แม่แจ่ม สมัยต่อมาดีขึ้นรถยนต์วิ่งไปได้ตามแนวทางที่ผมบอกว่าต้องมาด้วยม้า แต่ก็เป็นทางที่ลำบาก ไม่ใช่สภาพถนนมาตรฐานแม้กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังเป็นถนนที่ไม่ดีนัก แต่ปัจจุบันมีถนนชั้นดีที่จะพาไปยังอ.แม่แจ่ม ไปดื่มด่ำกับธรรมชาติที่สวยงามและชีวิตชาวบ้านที่ยังอยู่ในชีวิตของชาวชนบท จะขอเล่าถึงเส้นทางไปเอาไว้ให้ทราบ
                เส้นทางที่ ๑ คือเส้นทางที่ถนนสะดวกสบายในตอนต้น แต่ลำบากในตอนปลาย หากตั้งต้นจากกรุงเทพฯ ไปตามถนนเอเชียหรือสาย ๓๒ ผ่านอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท อุทัยธานี นครสวรรค์ กำแพงเพชร ตาก “อำเภอเถิน “( จ.ลำปาง ) เลี้ยวซ้ายเข้าถนน๑๐๖ข้ามเขาไปยัง”อำเภอลี้ “ ( จ.ลำพูน ) ตรงไปยัง อ.บ้านโฮ่ง ไปบรรจบกับทางหลวงสาย ๑๐๘ ที่มาจากเชียงใหม่ที่ อ.จอมทอง ( จ.เชียงใหม่ ) แล้วเลี้ยวขวาขึ้นดอยอินทนนท์ ตามถนนสาย ๑๐๐๙ วิ่งไปจนถึงด่านตรวจบนดอยอินทนนท์เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสาย๑๑๙๒ถนนจะคดเคี้ยวไปตามไหล่เขาประมาณ ๒๐ กม.เศษ จะถึงอ.แม่แจ่ม ถนนไม่ดี คนขับต้องระวังมากๆ
                เส้นทางที่ ๒ คือเส้นทางที่ผมวิ่งรถไปคราวนี้และไปด้วยความเสี่ยง เพราะเส้นทางที่บางช่วงไม่เคยไปมาก่อน ส่วนเส้นทางที่ ๑ นั้นเคยไปมาแล้ว ๒ – ๓ ครั้งรู้ฤทธิ์เดชของเส้นทางดี เส้นทางนี้คงผ่านไปตามเส้นทางเดียวกับเส้นทางที่ ๑ จนผ่านอำเภอลี้ไปแล้วถึงป้อมตำรวจทางหลวง หลัก กม.๗๔ เลี้ยวซ้ายเข้าถนน ๑๑๐๓ ตามป้ายที่บอกว่าไปทะเลสาบดอยเต่า และดอยอินทนนท์ จากทางแยกไปอีก ๓๓ กม.จะถึงดอยเต่า( อำเภอหนึ่ง ใน จ.เชียงใหม่ ) หากเลี้ยวซ้ายไป ๒ กม.จะถึงทะเลสาบดอยเต่า วิ่งต่อไปอีก ๓๕ กม.จะถึงอำเภอฮอด บรรจบกับถนนสาย ๑๐๘ ที่มาจากเชียงใหม่ เลี้ยวซ้ายที่หอนาฬิกาไปอีก ๑๗ กม.จะถึงออบหลวงและอุทยานแห่งชาติออบหลวง เลยออบหลวงไปประมาณ ๔ กม.จะมีทางแยกขวา ( ตรงไปจะไปแม่สะเรียง )เข้าถนน ๑๐๘๘ ไปอีก ๔๕ กม. ผ่านบ่อน้ำร้อนเทพพนม วัดป่าแดด วัดยางหลวง ที่เป็นวัดสำคัญและก่อนสิ้นสุดถนนสายนี้สัก ๕๐๐ เมตรทางขวามือคือรีสอร์ทที่ผมมาพักคราวนี้
                เนื่องจากผมออกเดินทางจากกรุงเทพฯสายไปหน่อยคือออกประมาณ ๑๐.๐๐ หากจะวิ่งกันวันเดียวก็คงถึงค่ำ ซึ่งสายตาของผมเวลานี้ ตาของคนอายุใกล้ร้อยเข้าไปทุกทีไม่ถูกกับการขับรถในเวลากลางคืน ถึงออกเช้าก็ต้องพักกลางทางไม่พักที่ตาก ก็ที่อ.เถิน ส่วนลี้นั้นไม่แน่ใจว่ามีที่พักหรือไม่ แม้ว่าสมัยนี้รีสอร์ทจะมีมากมายตามอำเภอต่างๆซึ่งมุ่งให้พักได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติ พอมาผ่านตากดูเวลาพึ่ง ๑๖.๐๐ ยังมีเวลาอีกแยะ จากตากไป อ.เถินจ.ลำปางนั้นระยะทางประมาณ ๙๔ กม.วิ่งชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้ว จึงลองโทรไปถามห้องพักที่โรงแรมนครเถิน ซึ่งโรงแรมนี้เวลาผ่านมามักจะแวะซื้อส้มเกลี้ยงและน้ำส้มเกลี้ยงคั้นสดๆเป็นประจำ มีห้องว่างและราคาถูกมาก ดูสภาพของโรงแรมแล้ว ร่มรื่น น่าจะดี ราคาห้องแอร์คืนละ ๕๐๐บาทมีอาหารเช้าให้ด้วย ห้องพัดลมคืนละ ๒๕๐ บาทไม่มีอาหารเช้า พนักงานน้อย สาวประชาสัมพันธ์ลงมาช่วยยกกระเป๋า การบริการดี ห้องพักกว้างขวาง สะอาด ตกค่ำเลยไม่อยากออกไปไหนอีก ร้านอาหารแถวเถินมีหลายร้าน ชิมมาแล้วหลายร้าน วันนี้เลยชิมเสียที่ห้องอาหารของโรงแรม บรรยากาศดี แบบนี้หากนักดื่มมานั่งดื่ม เป็นได้บรรยากาศ
                สั่งน้ำส้มเกลี้ยงคั้นสดมา ๑ ขวด ๕๐ บาท รินได้ ๒ แก้วใหญ่ เย็น หวานฉ่ำ
                ลาบคั่ว หรือลาบสุก มาเหนือผมต้องชิมลาบเหนือ เพราะชอบมาก ชอบมาตั้งแต่เด็ก ตอนเรียนอยู่โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย โรงเรียนประจำจังหวัดลำปาง ลาบเหนือร้านนี้ทำลาบแปลก คือใส่เครื่องใน เหมือนลาบเหนือทั่วไป แต่เอาเครื่องในเช่น ไส้ ตับ ทอดเสียจนกรอบก่อนจึงเอามาคั่วกับลาบ ใส่สมุนไพรแยะ เช่นดีปลีเลยเผ็ดไปนิดหนึ่ง
                หมูทอดส้มเกลี้ยง เอาหมูคลุกงาขาว ทอดกรอบผิวนอก นุ่มใน จัดวางมาในจาน จัดสวยแล้วราดด้วยน้ำส้มเกลี้ยงสด ราดแทนน้ำซ๊อส ออกรสหวานนิดๆ
                แกงฮังเล เนื้อหมูนุ่ม รสดี อร่อยอีกนั่นแหละ
                ของหวานไม่มี มีแต่ผลไม้และน้ำส้มเกลี้ยงคั้น
                อาหารเช้าจะกินแบบอเมริกัน ABFหรือแบบไทยก็กินข้าวต้มหมู ผมเลือกแบบ ABF มีไข่ดาว ๒ ฟอง ไส้กรอก หมูยอ ขนมปัง เนย แยมและกาแฟ
                รุ่งขึ้นเช้า ออกเดินทาง ๐๘.๔๕ เลี้ยวซ้ายเข้าตลาดเถิน ตัดออกถนนสาย ๑๐๖ ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำวัง มุ่งหน้าไปสู่ภูเขาที่เห็นอยู่ลิบๆ ถนนที่ตัดผ่านภูเขาเทือกนี้ใน สมัยที่ผมยังรับราชการอยู่ที่เชียงใหม่นั้น จะขับด้วยความยากลำบาก และต้องระวังน้ำมันจะหมด เพราะระยะทางเป็นร้อย กม.จะไม่มีปั๊มเลย ถนนจะผ่านมาจาก ลำพูน ป่าซาง บ้านโฮ่ง ลี้ ข้ามเขามาสู่ อ.เถิน สมัยผมหายากที่ทหารจะมีรถเก๋งขับ ถึงมีก็ขับขึ้นเขาช่วงนี้ไม่ได้ ถนนไม่ได้ราดยางและแคบมาก ถ้าตำแหน่งใหญ่สักนิด เช่นผมเป็นผู้บังคับกองพันก็มีรถที่เรียกว่ารถจิ๊บใช้งานได้ แต่กินน้ำมันเด็ดนัก ๔กม./ลิตร ดังนั้นหากจำเป็นต้องมากรุงเทพทางรถยนต์ ต้องมาตามถนนสายนี้ สาย ๑๑ ลำปาง ผ่านห้างฉัตร ลำพูนพึ่งเริ่มจะกรุยทาง รถยนต์ยังมาไม่ได้ มาตามสาย ๑ หรือพหลโยธิน ต้องเอารถพ่วง พ่วงรถจิ๊บมาด้วย เพื่อบรรทุกถังน้ำมันขนาด ๒๐๐ ลิตรมาเติมระหว่างทาง จนกว่าจะพ้นจ.ตากมาแล้วจึงจะเริ่มมีปั๊มน้ำมัน วันกลับก็ต้องหาน้ำมันเติมใส่ถัง ๒๐๐ ลิตรกลับไปเช่นกัน ออกจากเถิน มุ่งหน้าสู่ภูเขา ผ่านทุ่งนากว้างที่จะเปลี่ยนสีตามฤดูกาล มีต้นสักขึ้นสองข้างทางเป็นระยะๆ พ้นจากที่ราบที่เป็นทุ่งนาก็เริ่มขึ้นเขา ถนน ๒ ช่องทางแต่กว้างกว่าสมัยที่เป็นถนนลูกรัง ถนนคดเคี้ยวไปตามไหล่เขาและระวังอย่าวิ่งกินทาง เพราะรถวิ่งสวนมากแถมรถกระบะยังชอบวิ่งกินช่องทางเสียอีก ก่อนขึ้นเขาจะผ่านทางแยกซ้าย เข้าวัดถ้ำสุขเกษมสันต์ แยกตรงกม. ๓.๕ แยกไปประมาณ ๕ กม.
                OTOP บ้านไร่ แยกเข้าไปอีก ๕ กม. ไม่ทราบว่ามีอะไรดี
                รถวิ่งบนเขาประมาณ ๒๐ กม.จึงจะลงสู่ที่ราบ เขตอ.ลี้ จ.ลำพูน
                ประมาณ กม. ๒๘ .๕ ทางขวามือ มีอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย มี พระเจดีย์ศรีวิชัยจอมคีรี อยู่บนเนินเขา มีบันไดนาคให้ขึ้นไปนมัสการ รถขึ้นได้ถึงลานหน้าศาลาอนุสาวรีย์ที่หันหน้าออกสู่ถนนสาย ๑๐๖ มีพระพุทธรูปข้างพระเจดีย์ มีอุโบสถ แต่มองหาป้ายชื่อวัดไม่พบ ตรงด่านตรวจปศุสัตว์ มีวัดอีก ไม่เห็นชื่อวัด
                เมื่อลงจากเขา ถนนกว้าง คดโค้งน้อยลง อ.ลี้ มีวัดสำคัญ อยู่ทางขวาของถนนคือ
                วัดพระธาตุห้าดวง วัดนี้อยู่ริมถนน อยู่เลยโรงพยาบาลลี้ไปประมาณ ๑ กม. ประตูทางเข้าสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว สร้างสวย ประตูทางออกวันที่ไปยังสร้างไม่เรียบร้อย ภายในบริเวณวัดตั้งแต่ประตูทางเข้าเป็นต้นไป มีต้นไม้ใหญ่ ปลูกไว้ร่มรื่นไปทั่วบริเวณวัด เข้าไปสัก ๔๐๐ เมตรจะถึงองค์พระธาตุ มีพระธาตุองค์ใหญ่อยู่ตรงกลาง แล้วสร้างพระธาตุองค์เล็กล้อมไว้อีก ๔ องค์ รวมเป็นห้าองค์ ตรงข้ามมีวิหารสมเด็จองค์ปฐม ภายในวิหารมีพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐม และซ้ายขวามี รูปหล่อของ ลพ.ปาน ลพ.ฤาษีลิงดำ ลพ.เล็ก และลพ.ฤาษีลิงขาว
                มีวิหารเจ้าแม่จามเทวี ในเครื่องทรงกษัตริย์ และเครื่องทรงชุดทรงศีล งดงามมาก ใกล้กันวิหาร ๙ ครูบา มีศาลารายรอบองค์เจดีย์ ก่อนถึงลานจอดรถมีพระบรมรูป รัชกาลที่ ๕ และริมลานจอดรถมีเจ้าแม่กวนอิม บริเวณวัดตกแต่งสวย ร่มรื่น เห็นแล้วก่อให้เกิดความศรัทธา
                เลยวัดพระธาตุห้าดวงมาอีก ๑ กม. มีอีกวัดชื่อ วัดพระธาตุดวงเดียว
                จากวัดพระธาตุวิ่งมาอีก ๒ กม.จะถึงตัวอ.ลี้ เลยอำเภอไปถนน ๒ ช่องทาง แต่จะแคบกว่าถนนตอนที่ลงมาจากเขา กม.๕๕ มีวัดชื่อวัดพระพุทธบาทผาหนาม กำลังสร้างรูปเหมือน ครูมา ซึ่งเป็นศิษย์ของครูบาศรีวิชัย จะสร้างให้สูง ๑๖ วา ( ๓๒ เมตร ) บอกว่าจะให้เป็นรูปเหมือนที่ใหญ่ที่สุดในโลก
                จากวัดพระบาทผาหนาม ถนนจะเป็น ๔ ช่องทางไปจนถึง กม. ๖๐.๕ กลับเป็น ๒ ช่องทาง
               กม.๗๔ เลี้ยวซ้ายเข้าถนน ๑๑๐๓ เพื่อไปยัง อ.ดอยเต่า แต่ป้ายบอกว่าไปทะเลสาบดอยเต่า เลี้ยวเข้าถนน ๑๑๐๓ ตรงหัวมุมที่มีป้อมตำรวจ ทางหลวง
               ทางแยก ไปถึง ดอยเต่า ๓๓ กม.ไปถึง อ.ฮอด ๖๘ กม.
               ถึงดอยเต่าแล้ว ควรเลี้ยวซ้ายไปอีก ๒ กม.เพื่อไปชมทะเลสาบดอยเต่า ซึ่งก็คือแม่น้ำปิง แต่จากการสร้างเขื่อนภูมิพล จึงทดน้ำให้สูงขึ้นมาถึงดอยเต่าที่มีเทือกเขาล้อม รอบ จึงกลายเป็นทะเลสาบ และริมทะเลสาบมีเรือนแพคงจะไม่น้อยกว่า ๒๐ หลัง สำหรับลากจูงพานักท่องเที่ยว ไปร้อง รำทำเพลง กินอาหารกันในทะเลสาบ บางแพก็เป็นร้านอาหาร ยังไม่มีโอกาสได้ลองชิม ยังไม่ถึงเวลามื้อเที่ยง
               เลยทางแยกเข้าทะเลสาบมาสัก ๘๐๐ เมตร กม. ๓๔.๕ มีปั๊ม ปตท.มีที่รับจอดรถตู้ รถทัวร์ที่พานักท่องเที่ยวมาลงแพ เดินทางสายนี้น้ำมันพร่อง เจอปั๊มเติมเอาไว้ก่อนก็ดี
               จาก ดอยเต่าวิ่งไปอีก ๓๕ กม.จะถึง อ.ฮอด มีหอนาฬิกาเป็นจุดอ้าง หากเลี้ยวซ้ายไป ออบหลวง ตรงไปจะไปเชียงใหม่ ผ่านอ.จอมทอง เที่ยงพอดี เลี้ยวไปสำรวจทางไปเชียงใหม่ เห็นร้านชาวบ้านนั่งกันแน่นตรึม ติดธ.กรุงเทพฯ มีข้าวซอย หมู เนื้อ ไก่ สั่ง ข้าวซอยหมู อร่อย ไม่ผิดหวัง มีก๋วยเตี๋ยวหมู เนื้อ ขนมจีนน้ำยา น้ำเงี้ยว น้ำเงี้ยวคงจะอร่อยมาก พอสั่งก็บอกว่าหมดแล้ว มีข้าวราดแกง ไส้กรอกอีสานและน่ากินอีกอย่างคือ ไก่ทอด สั่งมา ๒ ชิ้น ชิ้นโตจนต้องห่อเอากลับไปด้วย
               วิ่งย้อนกลับมาหอนาฬิกา เลี้ยวขวาไปอีก ๑๗ กม.จะถึง ออบหลวง ซึ่ง อยู่ในอุทยานแห่งชาติออบหลวง จะผ่านเข้าไปต้องเสียค่าธรรมเนียมคนละ ๒๐ บาท ค่ารถคันละ ๓๐ บาท ในอุทยานมีบ้านพัก ๒ หลัง เสียค่าธรรมเนียมแล้ว วิ่งเข้าไปได้อีกประมาณ ๓๐๐ เมตรถึงลานจอด แล้วเดินไปอีกสัก ๑๐๐ม.ชมออบหลวง
               ออบหลวง เป็นชื่อที่ใช้เรียกช่องแคบหินขนาดใหญ่ที่ขวางลำน้ำแม่แจ่มอยู่ ในเขตอช.ออบหลวง “ออบ” แปลว่า ช่อง “ หลวง” แปลว่าใหญ่ เป็นช่องแคบที่เกิดจากลำน้ำแม่แจ่ม กัดเซาะภูเขาหินจนทลุออกไป กลายเป็นช่องแคบกว้างประมาณ ๒ เมตร ความยาวของลำน้ำช่วงนี้ประมาณ ๓๐๐ เมตรที่เป็นช่องแคบเข้ามาเรื่อยๆเต็มไปด้วยเกาะแก่งที่งดงามอย่างยิ่ง แต่จุดที่ชมคือจุดที่กว้าง ๒ เมตรนั่นแหละ จอดรถแล้วเดินไปสัก ๑๐๐ เมตรก็จะถึงชานที่กั้นเอาไว้ให้ชมกระแสน้ำที่ไหลผ่าน เหนือขึ้นไปสัก ๒๐ เมตรมีสะพานข้ามช่องแคบนี้ให้เดินไปอีกฟากหนึ่งได้ ใครไม่กลัวความสูงก็เดินข้ามไปได้ ไปชมแหล่งโบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ ที่ขุดค้นพบและเชื่อว่ามีอายุมากที่สุดประมาณ ๒๐,๐๐๐ ปี ขุดค้นพบโครงกระดูกมนุษย์ กำไลสำริด ลูกปัดหิน ภาชนะดินเผาฯ
               จากออบหลวงกลับมาขึ้นถนน ๑๐๘ ที่มาจากฮอด ไปอีก ๔ กม.จะมีทางแยกขวาเข้าถนน ๑๐๘๘ ( ตรงไปสาย ๑๐๘ ไปแม่ฮ่องสอน ) ซึ่งจะไปสุดทางที่ต.แม่นาจร) เป็นถนนกว้าง ๒ ช่องทาง วิ่งไปสัก ๑๗ กม.จะถึง บ่อน้ำร้อนเทพพนม บัตรค่าธรรมเนียมเข้าออบหลวง เก็บเอามาใช้เข้าที่บ่อน้ำร้อนได้อีก เป็นสระใหญ่มาก แต่สร้างบ่อซีเมนต์เอาไว้ น้ำพุร้อนมีมากกว่า ๑๕ บ่อไหลมารวมลงสระยังกับทะเลสาบน้ำร้อน
               ล่องแพยางออบหลวง กิจกรรมอีกอย่างของ อช.ออบหลวงคือล่องแพ ช่วงที่เหมาะคือ ระหว่างเดือน พ.ย. – ม.ค. ลงแพก่อนถึงออบหลวง ติดต่อที่อุทยานฯ
               แวะไปเที่ยวบ่อน้ำร้อนแล้ว ก็ออกเดินทางต่อไปตามถนน ๑๐๘๘ อีก ๒๘ กม.ก็จะถึงตัวอำเภอแม่แจ่ม อำเภอที่ยามเช้าไม่ว่าฤดูใด มีสายหมอกปกคลุม ยิ่งฤดูหนาวยิ่งสวย ชีวิตชาวท้องถิ่นเป็นชีวิตที่สงบ เรียกว่าความสงบ และความสวยของธรรมชาติคือเสน่ห์ของแม่แจ่ม เมืองที่ยังสงบเงียบ ใครชอบธรรมชาติ รีบไปเที่ยวเสียก่อนที่ความสงบเงียบจะหายไปเหมือนที่ปาย ฝรั่งมักจะนำคนไทยมาเที่ยวในถิ่นสงบเหล่านี้ ผมไปปายครั้งแรกคงนานเกินสิบปีมาแล้ว ปายมีแต่ฝรั่งเดิน ฝรั่งเที่ยวน้ำตก บ่อน้ำร้อน ฝรั่งนั่งร้านกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ หรือเอางานออกมาทำ มาบันทึก แต่ปายเวลานี้ฝรั่งชักจะหายากแล้ว แต่ที่แม่แจ่มมีฝรั่ง แถมเอารถจักรยานบรรทุกรถกระบะมาด้วย พวกหนึ่งนั่งในรถยนต์ อีกพวกหนึ่งขี่จักรยานนำไป พวกที่มาพักรีสอร์ทเดียวกันกับผม มี ๔ – ๕ คน มีสาวไทยมาด้วย ไม่มีไกด์ บอกว่าวันนี้(หมายถึงพักแล้ว ๑ คืน ) จะขี่จักรยานไปอ.ขุนยวม และคงจะขี่ต่อไปยังแม่ฮ่องสอน กลับเชียงใหม่ทางปายก็เป็นได้
               ไปตามถนน ๑๐๘๘ ก่อนถึงทางสามแยกเข้าตัวอำเภอประมาณ ๑.๕ กม.ผ่านวัดสำคัญ คือวัดป่าแดด และ ยางวัดหลวง อยู่ติดกัน พอมาอีกประมาณ ๑ กม.ทางขวามือคือรีสอร์ทที่จะมาพัก เป็นรีสอร์ทที่ยกป้ายว่าเป็นแบบ B&B ( Bed & Brakefast) ถ้าจะแปลกันตรงตัวคือ เตียงนอนและอาหารเช้า ต้นตำรับที่ผมเคยพักทุกครั้งที่ไปอังกฤษและนิวซีแลนด์ ผมจะเลือกพักในบ้านพักแบบนี้ เพราะจะอยู่ชานเมือง ขับรถไปพักได้สะดวก ราคาไม่แพงและแถมอาหารเช้าด้วย การเข้าพักจะไม่ปะปนกับเจ้าของบ้าน ซึ่งแม้จะอยู่บ้านเดียวกัน จัดห้องแบ่งให้เช่าพัก ที่อังกฤษ หรือนิวซีแลนด์ เจ้าของโดยมากเป็นคนสูงอายุที่ลูกหลาน เขาแยกไปมีครอบครัวหมดแล้ว ก็เลยหางานทำและยังได้มีโอกาสพูดคุยกับแขกในยามเช้า เจ้าของบ้านจัดบ้านได้เก๋ จัดภายในเหมือนเมืองนอก ไม่มีตู้เย็น ไม่มี ที วี ในห้อง แต่จะไปรวมอยู่ในห้องกลาง ซึ่งเป็นห้องอาหารเช้าด้วย เจ้าของบ้านจะมาเสริฟอาหารเอง ทำครัวเองและมีโอกาสมาคุยกับแขกตอนอาหารมื้อเช้านี่แหละ และเป็นเจ้าของปั๊ม ปตท.ที่มีอยู่เพียงปั๊มเดียวในอ.แม่แจ่ม บ้านพักสำหรับแขกสร้างให้ใช้ระเบียงร่วมกัน แต่แยกจากบ้านใหญ่ มีเพียง ๔ ห้อง แต่หากแขกมากจริงๆก็จัดบนตัวบ้านใหญ่ให้ได้อีก ๒ ห้อง ค่าที่พักในฤดูกาลท่องเที่ยวคือฤดูหนาวคืนละ ๑,๒๐๐ บาท ฤดูอื่นคืนละ ๙๐๐ บาท แม่แจ่มเที่ยวได้ทุกฤดูตลอดปี
               อาหารเช้ามีทั้งฝรั่งและไทย ABF ชั้นยอด หรือ ข้าวต้มหมูที่ร้อนๆน่าซด

    ................................................



    • Update : 27/7/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch