หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    กฎแห่งกรรม - ขาหักเพราะหักขากบ

    การเบียดเบียนสัตว์ ทำลายสัตว์ เป็นกรรมที่จะทำให้อายุสั้นและมีโรคภัยไข้เจ็บมาก เหตุนี้เองบางคนจึงมักมีโรคมีภัย หรือบางคนก็อายุสั้น เกิดมาไม่นานก็ต้องตายจากไป การทำร้ายชีวิตอื่น ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ หรือเป็นคน ก็ล้วนแต่เป็นบาปเป็นกรรมทั้งนั้น เราจึงควรมองชีวิตทุกชีวิตด้วยความรักความเมตตาต่อกัน อันจะทำให้อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข หากมองกันด้วยใจที่เหี้ยมโหด และเบียดเบียนกัน ผลกรรมนั้นก็อาจจะย้อนมาหาตัวเราสักวันหนึ่ง
           
           ดังเช่นเรื่องราวของนายอนันต์ที่กรรมได้สะท้อนย้อนกลับมาหาเขาในชาตินี้
           
           นายอนันต์เป็นชาวนาอยู่ที่มหาสารคาม เขาเติบโตขึ้นมากลางท้องทุ่ง ดำเนินชีวิตด้วยความยากลำบาก ต้องทำงานหนักตั้งแต่เล็กจนโต ทุกวันหลังจากทำไร่ไถนาแล้ว ก็ต้องไปหาปลา กบ เขียด มาเก็บไว้กิน แต่ยังโชคดีที่ทุ่งนาแถวนั้นค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ พวกปลา กบ เขียด จึงมีอยู่ชุกชุม
           
           ชายหนุ่มจัดว่าเป็นคนที่มีฝีมือในการหาปลากบเขียด อาวุธของเขาในการล่าสัตว์พวกนี้ก็คือ แห และคันเบ็ด ช่วงฤดูฝนเขาจะออกไปทอดแหในแม่น้ำและตามลำห้วย ส่วนในฤดูหนาวที่ข้าวเขียวขจี เขาก็จะไปวางเบ็ดไว้ตามคันนา
           
           วิธีการวางเบ็ดในการจับปลา ไม่เหมือนจับกบ ถ้าปักเบ็ดสำหรับล่อปลาให้มากินเหยื่อ ก็แค่เอาด้ามปักไว้ที่คันนา แล้วเกี่ยวเหยื่อไว้ที่ปลายเบ็ด หย่อนลงน้ำ แต่วางเบ็ดจับกบ เขาจะใช้วิธีล่อกบให้มากินเหยื่อ โดยทำเป็นลานเล็กๆ กว้างประมาณเท่ากับจานใส่อาหาร แล้วเอาเบ็ดปักไว้ตรงกลางลาน ให้ด้ามเบ็ดชี้ขึ้นฟ้า วิธีการนี้จะสามารถล่อให้กบมากินเบ็ดและติดเบ็ดได้ง่าย
           
           บ่ายวันหนึ่งในฤดูหนาว ใกล้กับช่วงเวลาที่จะเกี่ยวข้าว อนันต์ได้ออกไปปักเบ็ดเพื่อหากบมาเป็นอาหาร ตามกรรมวิธีที่เขาเคยฝึกฝนมา ซึ่งถือว่าได้ผลดี เพราะมีกบจำนวนมากมากินเหยื่อและติดเบ็ดของเขา
           
           กระทั่งสี่ห้าทุ่ม ก็ได้เวลาที่จะต้องไปดูคันเบ็ดที่ปักไว้ ชายหนุ่มจึงออกไปยังที่วางเบ็ด เขาเห็นกบติดเบ็ดอยู่หลายตัว จึงจับกบขึ้นมาและหักขากบทุกตัวไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ก่อนที่จะโยนลงในชะลอมที่เตรียมมา กบที่ถูกหักขาทุกตัวนั้น มันก็คงจะเจ็บปวดไม่น้อย แต่เขาก็ต้องทำอย่างนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้มันกระโดดหนีไปได้
           
           อนันต์ดีใจทุกครั้งที่หากบได้มาก เพราะเขาจะมีอาหารอันโอชะต่อไปอีกหลายวัน กบส่วนหนึ่งถูกนำมาทำเป็นอาหารในเช้าวันใหม่ ส่วนที่เหลือก็จะขังไว้เพื่อทำอาหารในวันต่อๆ ไป
           
           กบหลายตัวที่ยังไม่ถึงฆาต ถูกขังไว้ในกาละมังแคบๆ มันไม่สามารถกระโดดได้เลย เพราะขาทั้งสองถูกหักเสียแล้ว ได้แต่นอนรอความตายที่จะมาถึง ด้วยความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน!!
           
           อนันต์ไม่ได้คิดว่า สิ่งที่เขาทำอยู่นี้มันจะส่งผลกรรมมาถึงตัวเขาอย่างไรบ้าง เพราะเขาเคยหักขากบอย่างนี้มา แล้วนับครั้งไม่ถ้วน ตั้งแต่เด็กจนโตเป็นหนุ่ม และก็ทำจนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว เขาไม่เคยรู้ว่าการหัก ขากบนั้นเป็นบาปเป็นกรรม ดังนั้น เขาจึงดำเนินชีวิตไปตามปกติ ทุกครั้งที่ออกไปจับกบ ก็จะทำเช่นนั้นตลอด

           
           อยู่มาวันหนึ่ง ชายหนุ่มได้ไปเล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆ ซึ่งเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า การเล่นวันนั้นจะเป็นวันที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปเป็นคนละคน ก่อนไปเขาก็ไม่ได้มีลางสังหรณ์อะไรเลย แต่ว่าผลกรรมนั้น มันกำลังวิ่งไล่เขาอย่างต่อเนื่องโดยที่เขาไม่รู้สึกตัว
           
           พอเล่นบอลไปได้สักพัก ก็เริ่มสนุกสนานเพลิดเพลิน และเริ่มจะเล่นกันรุนแรงขึ้น ทันใดนั้น...จังหวะที่อนันต์ได้บอลมาครอง ฝ่ายตรงข้ามก็กระโดดเสียบเข้ามาอย่างรุนแรง ชายหนุ่มได้ยินเสียงดังเป๊าะ แล้วก็ล้มลงด้วยความเจ็บปวด เขาพยายามลุกขึ้น แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะขาของเขาหักเสียแล้ว เพื่อนๆที่อยู่ในเหตุการณ์ ต่างวิ่งเข้ามาดู แล้วก็พากันตกใจ ที่เห็นขาของอนันต์ห้อยต่องแต่ง เหมือนกับขากบที่เขาเคยหักนั่นเอง!!
           
           เพื่อนๆ ได้พาอนันต์ส่งโรงพยาบาล ในระหว่างที่รักษา ตัวอยู่นั้น กบทั้งหลายที่อนันต์เคยหักขาไว้ก็มาปรากฏเป็นนิมิตให้ชายหนุ่มเห็น ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจึงนึกถึงกบพวกนี้ เขานอนครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งมีคำตอบให้กับตัวเองว่า การที่เขาขาหักในครั้ง นี้ คงเป็นเพราะกรรมที่เคยไปหักขากบไว้อย่างแน่นอน
           
           ยิ่งคิดมากเขาก็ยิ่งกลัวมาก เพราะกบที่เขาเคยหักขาไว้มันช่างมากมายหรือเกิน เขาคิดว่า หากเป็นกรรมที่เกิดจากการหักขากบจริงๆ แล้ว เขาจะต้องขาหักอีกสักกี่ครั้งจึงจะชดใช้กรรมหมด ความกลัวจึงแล่นเข้ามาจับใจ จนแทบเสียสติ
           
           แต่เมื่อสติของอนันต์กลับคืนมา ปัญญาก็เริ่มจะเกิดขึ้น มองเห็นกรรมที่ตนเองเคยกระทำ เขาจึงได้ขออโหสิกรรมที่เคยทำไว้กับกบและสัตว์อื่นๆ ที่เขาเคยฆ่ามาตลอด พร้อมกับตั้งใจว่าจะรักษาศีล ปฏิบัติธรรม และทำ บุญไปให้สัตว์เหล่านั้นเป็นประจำ เพื่อไถ่บาปที่ตนเองเคยทำไว้ เพราะกลัวว่ากรรมอื่นๆ จะตามมาสนองเหมือน กับการหักขากบ
           
           เวลาผ่านไปสองสามเดือน อนันต์ก็หายเป็นปกติ แต่ก็ไม่สามารถเดินเหินได้ดีเหมือนเก่า เขากลายเป็นคนมีศีลมีธรรม ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตใดๆ เพราะได้รู้ชัดแล้วว่า การฆ่าสัตว์นอกจากจะทำให้ชีวิตอื่นได้ประสบกับความทุกข์แล้ว สิ่งนั้นมันยังย้อนมาหาตัวเองด้วย
           
           นอกจากนี้ เขายังได้ใช้ประสบการณ์กรรมของตัวเอง ไปแนะนำสั่งสอนผู้อื่น เพื่อไม่ให้ทำกรรมชั่ว จะได้ไม่ต้อง ประสบกับความทุกข์ดังเช่นที่เขาเคยได้รับมา
           
           กฎแห่งกรรมนั้น มันเป็นกฎที่สลับซับซ้อน เราไม่รู้แน่ชัดว่า กรรมชั่วที่เคยทำจะให้ผลเมื่อใด หรือกรรมดีที่เคยทำจะให้ผลเมื่อใด และสิ่งเหล่านี้ก็ไม่มีใครบังคับบัญชาได้ มันเป็นไปตามเหตุปัจจัยของมัน
           
           ชีวิตของทุกคนจึงไม่ควรหยุดทำความดี ต้องทำอย่าง ต่อเนื่อง ละความชั่วให้ได้เด็ดขาด อย่าปล่อยให้ความชั่วมาเป็นจุดด่างดำในชีวิต คนส่วนใหญ่มักประมาท ละเลยกรรมเล็กน้อย เพราะคิดว่ามันจะไม่ให้ผล แต่พระพุทธเจ้าตรัสว่า กรรมทุกอย่างให้ผลทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นกรรมเล็กน้อยก็ตาม
           
           ฉะนั้น เราจึงควรละเว้นจากกรรมชั่วให้ได้เด็ดขาดก่อนที่มันจะแผลงฤทธิ์กับเราเสียก่อน การทำความดีอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ผลแห่งกรรมชั่วที่เราเคยทำไว้เบา บางลง และทำให้เราได้รับแต่ผลแห่งกรรมดี มีความสุขความเจริญในชีวิต

           
           (จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 114 พฤษภาคม 2553 โดย มาลาวชิโร)


    • Update : 18/7/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch