หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    การเลี้ยงนกกระจอกเทศ -2


    ...............นกกระจอกเทศจัดเป็นนกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดตัวโตเต็มที่สูงประมาณ 1.9-2.8 เมตร น้ำหนัก
    เมื่อโตเต็มที่จะหนัก ประมาณ 165 กิโลกรัม มีอายุยืนประมาณ 65-75 ปี ตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย ตัวผู้เมื่อโตเต็มวัย ขนตามลำตัวจะเปลี่ยนเป็นสีดำ ส่วนขนปีกและขนหางจะเป็นสีขาวสวยงามมาก
    สำหรับตัวเมีย จะมีขนตามตัว สีน้ำตาล
    ปนเทา
    ปากมีลักษณะแบน
    และกว้าง ดวงตากลมโต หัวเล็ก ศรีษะล้าน บางชนิดมีขนอ่อนบางสีเทา น้ำตาลอ่อน คอยาวและ
    มีขนอ่อน ปีกเล็กไม่สมตัว ขนที่ปีกยาว 1-2 ฟุต แต่ก็ไม่ใช่ขนสำหรับใช้บิน ขาและโคนขาเป็นขาเกลี้ยง ๆ ไม่มีขน
    ............ลักษณะเท้านกกระจอกเทศจะมีนิ้วเท้าข้างละ 2 นิ้ว ใต้นิ้วเป็นเนื้ออ่อน ๆ นิ้วทั้งสองจัดเป็นนิ้วกลางและ นิ้วนางเท่านั้น นิ้วที่ใหญ่มาก คือ นิ้วกลาง ซึ่งเป็นธรรมชาติของสัตว์โลกอย่างหนึ่งคือ สัตว์ที่ไม่ใ่ช้ความเร็ว ของฝีเท้ามักจะมีนิ้วครบชุดมือ – เท้าข้างละ 5 นิ้ว หากสัตว์นั้นต้องการความเร็วของฝีเท้า เพื่อหนีศัตรู ธรรมชาติก็วิวัฒนาการให้นิ้วหายไปทีละนิ้วสองนิ้วจนเหลือแต่เพียงนิ้วเดียว เช่น เท้าของม้า มีเพียงนิ้วเดียวที่เรียกว่ากีบเท้าม้า และนกกระจอกเทศจะมีเล็บเท้าข้างละ 1 เล็บเท่านั้น
    ...........นกกระจอกเทศจะชอบอยู่กันเงียบ ๆ และไม่ชอบเสียงดัง ถ้ามีอะไรรบกวนให้ตกใจ นกกระจอกเทศจะลุกและวิ่งหนีไปข้างหน้าทันที 
    ..............นกกระจอกเทศถึงแม้ว่าจะมีมันสมองเล็ก แต่ก็มีความสามารถในการจดจำบางสิ่งบางอย่างได้เป็นอย่างดี มีความสามารถจำผู้ที่เลี้ยงดูเป็นอย่างดี จำสถานที่พักอาศัยที่ปลอดภัยดี และถ้าตกใจหรือถูกรังแกทำร้ายจากสัตว์ชนิดใด นกกระจอกเทศจะจดจำ เมื่อจวนตัวหรือโกรธจะต่อสู้ป้องกันตัวด้วยการเตะหรือถีบไปข้างหน้า ธรรมชาติได้สร้างให้นกกระจอกเทศมีสีที่พรางตัวเป็นอย่างดีในทุ่งหญ้าแถบทะเลทราย มีคอที่ยาว 90-95 เซนติเมตร และสายตาที่ดีมาก จึงสามารถมองเห็นศัตรูที่จะมาทำร้ายได้ในระยะไกลถึง 12-14 กิโลเมตร นกจะยืดหดคอและหัวขึ้น ๆ ลง ๆ ตลอดเวลาเพื่อเป็นการตรวจสอบระแวดระวังภัย

    .........โดยทั่วไปแล้วนกกระจอกเทศขอบที่จะอาศัยอยู่ในสภาพพื้นที่ที่มีอากาศอบอุ่นจนถึงร้อน มีความชื้นต่ำ ในเวลากลางวันที่แดดร้อนจัดจะหลบเข้าตามร่มเงาของต้นไม้ ดังนั้น การเลี้ยงนกกระจอกเทศจะให้ประสบความสำเร็จ ควรจะเลี้ยงในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนหรืออบอุ่น ไม่มีฝนตกชุกมากนักและต้องมีความชื้นต่ำ ซึ่งในประเทศไทยพื้นที่ที่เหมาะสมที่สุดควรเป็นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง เป็นต้น
    ........
    พื้นที่ที่ไม่เหมาะสมได้แก่ ภาคใต้และภาคตะวันออก ทั้งนี้เนื่องจากปริมาณฝนชุกและความชื้นสูง พายุลมฝน และบางครั้งมีฝนตกติดต่อกันหลายวัน อากาศชื้น ซึ่งจำทำให้นกกระจอกเทศเจ็บป่วยได้
    ........
    ภูมิอากาศที่เป็นอันตรายที่สุดสำหรับนกกระจอกเทศ คือ ลมพายุฝน ฝนที่ตกพรำ ๆ ติดต่อกันหลายวัน เพราะจะทำให้ช่วงเวลาให้ไข่ลดลงด้วย


    ...........นกกระจอกเทศเมื่อมีอายุประมาณ 10-14 เดือน น้ำหนักประมาณ 90-110 กิโลกรัม เป็นวัยที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูงสุด แต่ต้นทุนการผลิตต่ำสุด
    ฟฟฟฟเมื่อนกกระจอกเทศอายุมากขึ้น อัตราการเปลี่ยนอาหารให้เป็นเนื้อจะยิ่งสูงขึ้น (FCR) ซึ่งหมายถึงต้นทุนในการผลิตจะยิ่งมากขึ้นด้วย ในนกกระจอกเทศหนึ่งตัวสามารถให้ผลผลิตต่าง ๆ มากมาย และมีคุณภาพดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น เนื้อหนัง ขน ไข่ หรือน้ำมัน เพราะผลผลิตแต่ละชนิดมีความพิเศษเฉพาะตัวดังนี้

    หนัง (Leather)
    .........ถือว่าเป็นส่วนที่มีมูลค่าและราคาแพงที่สุด เพราะหนังนกกระจอกเทศมีคุณภาพดีเยี่ยม และทนทานกว่าหนังจระเข้ นกกระจอกเทศ 1 ตัว จะให้หนังที่มีลักษณะเฉพาะแตกต่างกันไปถึง 3 แบบ คือ
    # หนังส่วนแข้ง
    จะมีลักษณะเป็นเกล็ดคล้ายหนังของสัตว์เลื้อยคลาน
    # หนังบริเวณต้นขา
    จะเป็นหนังเกลี้ยงเรียบคล้ายหนังวัว
    # หนังบริเวณหลัง
    จะมีเม็ดตุ่มนูนขึ้นมา ซึ่งตุ่มนี้คือรูขุมขนนั่นเอง หนังส่วนนี้จะมีราคาแพงที่สุด ยิ่งถ้าตุ่มรูขุมขนนูนเด่นชัดเจนและสม่ำเสมอจะยิ่งมีราคาแพง
    ........หนังของนกกระจอกเทศสามารถนำไปใช้ประโยชน์ ได้มากมายไม่ว่าจะเป็นเสื้อแจ็คเก็ต กระเป๋า รองเท้า เข็มขัด บู๊ต หรือเฟอร์นิเจอร์ นกกระจอกเทศอายุ 10-14 เดือน จะให้หนังที่มีคุณภาพดีที่สุด ขนาด 1.1 - 1.5 ตารางเมตร

     
    เนื้อ (Ostrich meat)
    .......เนื้อนกกระจอกเทศจะมีสีแดง (Red meat) เหมือนวัว แต่จะนุ่มกว่า (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุเนื้อนกกระจอกเทศที่ฆ่าด้วย) มีโปรตีนสูง แต่ไขมันต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ หรือผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อวัว หรือสัตว์ใหญ

    ตารางส่วนประกอบของโภชนะของเนื้อสัตว์ชนิดต่าง ๆ (จากเนื้อสัตว์ชนิดละ 100 กรัม)
    คุณค่าอาหาร
    (ต่อ 100 กรัม)
    ชนิดของเนื้อ
    เนื้อไก่
    เนื้อวัว
    เนื้อนกกระจอกเทศ
    ไขมัน (กรัม)
    3.6
    16.3
    2.0
    คอเลสเตอรอล (มก.)
    85
    84
    58
    พลังงาน (กิโลแคลอรี่)
    185
    256
    114
    โปรตีน (กรัม)
    21.4
    20
    21.9
    แคลเซียม (มก.)
    13.0
    9.0
    5.2

    .......นกกระจอกเทศจะนำไปเข้าโรงงานแปรรูปที่อายุระหว่าง 10-14 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์ด้วย ซึ่งถ้าเป็นนกกระจอกเทศคอดำจะส่งโรงงานแปรรูปที่อายุ 12-14 เดือน ส่วนคอน้ำเงิน และคอแดง จะส่งที่อายุ 9-12 เดือน ซึ่งถือว่าเป้นช่วงที่ดีที่สุด และโตเต็มที่แล้ว โดยจะมีน้ำหนักระหว่าง 90-110 กิโลกรัม เมื่อชำแหละแล้วจะได้น้ำหนักซากประมาณ 60 กิโลกรัม หรือระหว่าง 56-64% ซึ่งคิดเป็นเนื้อแดงประมาณ 34-43 กิโลกรัม โดยนกกระจอกเทศตัวผู้จะให้เนื้อมากกว่าตัวเมียประมาณ 8.5-14.1 %


     
    ตารางที่ 2 อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของนกกระจอกเทศ
    อวัยวะส่วนต่าง ๆ
    น้ำหนัก (กก.) (ค่าเบี่ยงเบน ; SD)
    % ของน้ำหนักมีชีวิต
    น้ำหนักมีชีวิต
    95.54 (2.55)
    -
    น้ำหนักซาก
    55.91 (1.64)
    58.59
    ขน
    1.74 (1.13)
    1.85
    เลือด
    2.98 (0.37)
    3.11
    ปีก
    0.74 (0.06)
    0.78
    เท้า
    2.51 (0.16)
    2.64
    หาง
    0.36 (0.03)
    0.38
    หัว
    0.78 (0.03)
    0.82
    หนัง
    6.71 (0.25)
    7.04
    หัวใจ
    0.94 (0.05)
    0.99
    ปอดและหลอดลม
    1.29 (0.05)
    1.36
    กึ๋น
    2.15 (0.09)
    2.26
    ตับ
    1.42 (0.08)
    1.49
    ไต
    0.57 (0.07)
    0.60
    เครื่องในอื่น
    8.29 (4.11)
    8.68

    ตารางผลผลิตของนกกระจอกเทศ
    ผลผลิต
    น้ำหนัก (กก.)
    % ของน้ำหนักมีชีวิต
    % ของน้ำหนักซาก
    เนื้อแดง
    34.1
    35.7
    62.5
    ไขมัน
    5.01
    5.21
    9.2
    กระดูก
    14.6
    15.3
    26.9


     
    ขน (Feathers)
    .......พัฒนาการของขนนกกระจอกเทศตั้งแต่แรกเกิดจนถึงโตเต็มที่แบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ คือ ระยะแรกเกิด (0-1 เดือน) เข้าสู่ระยะลูกนก (1-4 เดือน) แล้วเป็นนกรุ่น (5-15 เดือน) และไปสิ้นสุดที่นกโตเต็มวัยใช้เวลา 16 เดือน แลหลังจากอายุ 2 ปีไปแล้ว ขนนกจะไม่มีการพัฒนารูปแบบอีกเลย โดยนกกระจอกเทศตัวผู้จะมีขนลำตัวสีดำ ส่วนปลายปีกและขนหางจะมีสีขาว สำหรับตัวเมียจะมีขนสีน้ำตาลเทา ซึ่งขนสีขาวหรือสีขาวนวลที่ปลายปีกและหาง จะมีราคาแพงที่สุด ผู้เลี้ยงสามารถตัดขนนกกระจอกเทศได้ปีละ 2 ครั้ง โดยทิ้งระยะห่างกันทุก 6-8 เดือน จะได้ขนนกประมาณ 1.5-2.0 กิโลกกรัมต่อปี ขนนกกระจอกเทศสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มากมาย เช่น ทำเป็นเครื่องประดับตกแต่งเสื้อผ้า ส่วนขนด้านในจะใช้ทำไม้ปัดฝุ่น (dusters) เหมาะสำหรับเครื่องอิเล็คทรอนิคส์ที่บอบบาง เครื่องคอมพิวเตอร์ เพราะขนนกกระจอกเทศจะมีคุณสมบัติ และลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนขนสัตว์ชนิดอื่นตรงที่มีไขมันเคลือบอยู่ จึงทำให้ทำความสะอาดอุปกรณ์หรือภาชนะอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังสามารถนำไปฟอกและย้อมสีได้หลายชนิด และจนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีผู้ใดผลิตขนนกกระจอกเทศเทียมได้เลย
     

    การเก็บผลผลิตขนนกกระจอกเทศ
    1. การถอน (Plucking) โดยใช้มือดึงตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายนก โดยเลือกจากโคนขนที่แห้งและใกล้จะหลุดแล้ว เพราะถ้ายังเป็นขนสดจะทำให้นกเจ็บ และยังไม่ได้ขนาดที่ตลาดต้องการ โดยดึงออกมาทั้งขนและก้านขน
    2. การตัด (Clipping) โดยใช้อุปกรณ์ เช่น กรรไกร ตัดขนตรงที่ต้องการ ซึ่งอาจจะตัดเฉพาะส่วนที่เป็นขน โดยตัดห่างจากหนังประมาณ 2 เซนติเมตร ทิ้งก้านไว้ จนเป็นขนแห้งและจะหลุดร่วงไปเอง ราคาซื้อขายขนนกกระจอกเทศจะถูกหรือแพงขึ้นกับการคัดคุณภาพ (Grading) โดยพิจารณาได้จาก
      2.1 ความยาวของขน (Length) โดยปกติถ้าเป็นขนปีกจะยาวไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร และขนอ่อนที่ลำตัวต้องยาวไม่น้อยกว่า 25-33 เซนติเมตร
      2.2 ความกว้างของขน (Breadth) ขนนกกระจอกเทศ ถ้ายิ่งกว้างจะยิ่งมีราคาแพง ขนปีกที่ดีควรจะกว้าง 30 เซนติเมตร ความยาวของเส้นขนที่ห่างจากก้านทั้งสองด้านจะต้องเท่ากัน และปลายขนจะต้องกลมมน
      2.3 ความหนา (Thick of Shaft) ก้านขนจะต้องไม่ใหญ่มาก แต่แข็งแรง และโค้งงอได้อย่างสวยงาม
      2.4 ไม่มีตำหนิ ไม่มีรอยฉีกขาด แหว่ง เสียหาย และไม่มีพยาธิ หรือไร (Freedom from Defects) ขนที่ดีจะต้องเป็นมัน อ่อนนุ่ม มีความสม่ำเสมอทั้งด้านซ้ายและขวาของก้านขน

    ไข่ (Eggs)
    ......ไข่นกกระจอกเทศเมื่อโตเต็มที่ขนาดใหญ่มาก หนักประมาณ
    950-1,980 กรัม ยาว 15-17 เซนติเมตร กว้าง 12-15 เซนติเมตร เปลือกไข่สีขาวนวล หนา 2-3 มิลลิเมตร เนื้อไข่สามารถนำไปบริโภคได้เช่นเดียวกับไข่เป็ดหรือไข่ไก่
    หากต้องการต้มไข่นกกระจอกเทศจะใช้เวลา 60-80 นาที จึงจะสุก หรือจะนำไปทอดหรือเจียวก็ไดนอกจากคุณค่าทางอาหารสูง
    แล้วเปลือกไข่ยังสามารถนำไปแกะสลักหรือวาดลวดลายบน
    เปลือกไข่ เพื่อใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้าน

    ของที่ระลึกที่ผลิตจากเปลือกไข่นกกระจอกเทศ

    น้ำมัน (Oil)

    ผลิตภัณฑ์จากน้ำมันนกกระจอกเทศ
    .......นกกระจอกเทศจะให้น้ำมันตัวละ 4-5 กิโลกรัม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอายุของการฆ่าด้วย ถ้าฆ่าอายุน้อย ไขมันที่สะสมอยู่ตาส่วนต่าง ๆ ของร่างก็มีน้อย แต่ถ้าอายุมากไขมันก็จะเยอะขึ้น ซึ่งไขมันของนกกระจอกเทศ สามารถนำไปปรุงอาหาร หรือนำไปสกัด (purified) ใช้เป็นส่วนประกอบเครื่องสำอางค์ ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นครีมชนิดต่าง ๆ สบู่ ยาสระผม เป็นต้น เพราะสามารถซึมเข้าใต้ผิวหนังได้รวดเร็ว และบำรุงให้ผิวเต่งตึง นวลเนียน


    • Update : 6/7/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch