หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    รัฐจับมือภาคเอกชนผลักดันสินค้าเกษตร

    รัฐจับมือภาคเอกชนผลักดันสินค้าเกษตร

    ภาคเกษตร...สำคัญทั้งต่อการเป็นรากฐานของประเทศและเป็นภาคการผลิตที่สำคัญที่สามารถช่วยเศรษฐกิจของชาติได้ช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจตกต่ำ เพราะเรามีการผลิตสินค้าเกษตรอาหารได้ในปริมาณที่เพียงพอสำหรับใช้เพื่อการบริโภคภายในประเทศ และเหลือส่วนของวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมการแปรรูปสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออก แต่เมื่อมองในด้านระบบการผลิตยังพบว่าประสิทธิภาพการผลิตยังต่ำกว่าที่ควรจะเป็น รวมถึงยังคงมีต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีปัญหาต่อเนื่องคือการขาดแคลนแรงงานเนื่องจากความไม่มั่นคงในอาชีพ ลูกหลานเกษตรกรไม่คิดจะสานต่ออาชีพบรรพบุรุษ ออกไปขายแรงงานในภาคอุตสาหกรรมอื่นแทน อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนแปลงการใช้พื้นที่ทางการเกษตรไปใช้ประโยชน์ อื่น ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของความไม่มั่นคงในด้านการผลิตและอาหารของประเทศ
       
    นายนิวัติ สุธีมีชัยกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ดังนั้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะหน่วยงานรัฐที่ดูแลเกษตรกรและการผลิตสินค้าเกษตรของประเทศ จึงได้มีการหารือกับตัวแทนภาคเอกชน จากคณะกรรมการธุรกิจและอาหาร สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่เป็นองค์กรหลักในการดูแลภาคธุรกิจที่มีความต่อเนื่องกัน ทั้งนี้ เพื่อร่วมกันหาแนวทาง มาตรการและการจัดทำยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรของประเทศ โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจส่งออกที่สำคัญ เช่น ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย เนื่องจากพืช 4 ชนิดนี้มีมูลค่าการส่งออกไม่ต่ำกว่าปีละ 7 แสนล้านบาท ถ้ามีการร่วมมือกันพัฒนาให้ภาคการผลิตสอดคล้องกับภาคธุรกิจก็จะยิ่งทำให้เกิดความมั่นคงได้อย่างยั่งยืน
       
    จากการหารือกับตัวแทนภาคเอกชนในครั้งนี้ได้รับข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์มาก ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอแนวทาง ให้นำเงินเพียง 0.1% ของมูลค่าที่ส่งออกสินค้าเกษตรมาสนับสนุนงานวิจัย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้นและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก นอกจากนี้ ควรจะเพิ่มสวัสดิการให้กับเกษตรกร เนื่องจากมูลค่าการส่งออกในแต่ละปีมหาศาลแต่รายได้ที่ตกถึงมือเกษตรกรน้อยมาก ทำให้ไม่มั่นคง นำมาซึ่งการขาดแคลนแรงงานภาคเกษตรในอนาคต อีกทั้งภาครัฐควรมีการส่งเสริมสนับสนุนด้านเทคโนโลยีการผลิตให้กับเกษตรกรเพื่อช่วยในเรื่องลดต้นทุนการผลิต ที่สำคัญการผลิตสินค้าเกษตรรวมถึงภาคอุตสาหกรรมควรจะต้องยึดหลัก ปลอดภัย มั่นคงยั่งยืนและได้มาตรฐาน 
        
    นายนิวัติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาอีกอย่างของภาคเกษตรคือ สินค้าเกษตรส่วนใหญ่ที่ส่งออกเราพึ่งพาตลาดจีนเป็นหลักกว่า 50% ถ้าจีนเกิดประสบปัญหาวิกฤติไม่สามารถนำเข้าสินค้าจากไทยได้จะส่งผลกระทบอย่างมาก จึงจำเป็นต้องเปิดตลาดอื่นให้มากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยงด้วย อย่างไรก็ดี จากการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐกับเอกชนในครั้งนี้น่าจะทำให้สามารถสร้างยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรของไทยดีขึ้น
       
    ...โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ประเทศไทยกำลังจะมีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่ ซึ่งจากนโยบายที่พรรคการเมืองเกือบทุกพรรคใช้หาเสียงนั้น มีนัยที่สื่อถึงเกษตรกรที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศเกือบทั้งสิ้น …
       
    ดังนั้นยุทธศาสตร์การพัฒนาสินค้าเกษตรที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับผู้แทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้ร่วมกันทำนี้ น่าจะเป็นแนวทางที่จะส่งผ่านไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ อันจะนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป.


    • Update : 29/6/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch