ผลผลิตของผลไม้ที่สำคัญในช่วงฤดูกาลปี 2554 นี้ ได้แก่ เงาะ มังคุด ทุเรียน และลองกอง ซึ่งในปีนี้มีปริมาณลดลงจากปีที่แล้ว ประมาณ 16.11 เปอร์เซ็นต์ โดยมีปริมาณการรวบรวมประมาณ 1,907,300 ตัน แต่ในพื้นที่ภาคตะวันออกจะมีปริมาณผล ผลิตของทั้ง 4 ชนิด มากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 3.75 เปอร์เซ็นต์ ผลผลิตรวมอยู่ที่ 758,000 ตัน
ซึ่งราคามีแนวโน้มจะสูงกว่าปีที่แล้วอันเป็นผลมาจากอิทธิพลจากปรากฏการณ์ลานินญ่า ซึ่งมีฝนตกมากกว่าปกติทำให้ผลไม้แตกใบอ่อนแทน สำหรับ เงาะ มังคุด ทุเรียน ลองกอง ผลผลิตภาพรวมทั้งประเทศจะลดลง
ส่วนภาคเหนืออากาศหนาวเป็นช่วง ๆ ทำให้ผลผลิตลำไยเพิ่มขึ้น โดยปริมาณผลผลิตลำไยในแหล่งผลิตใหญ่ 8 จังหวัดภาคเหนือมีประมาณ 469,082 ตัน เพิ่มจากปีที่แล้วร้อยละ 23 ส่วนปริมาณผลผลิตลิ้นจี่ใน 4 จังหวัดที่สำคัญในภาคเหนือรวมกันประมาณ 32,049 ตัน ลดลงจากปีที่แล้วร้อยละ 17 ภาคตะวันออก พบว่าผลผลิตทุเรียนและลองกองเพิ่มขึ้น โดยการประมาณการครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมาพบว่า ผลผลิตโดยรวมประมาณ 758,857 ตัน สูงกว่าปีที่แล้วอยู่ที่ประมาณร้อยละ 4 เป็น ทุเรียน 344,089 ตัน, มังคุด 111,122 ตัน, เงาะ 237,592 ตัน และลองกอง 66,054 ตัน สำหรับภาคใต้ หลังจากปัญหาภัยพิบัติจากธรรมชาติผลผลิตผลไม้ภาคใต้กลับลดลงอย่างน่าใจหายเหลือเพียง 306,352 ตัน ลดลงถึง
ร้อยละ 44 และต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี
อย่างไรก็ตามแม้ว่าในปีนี้เกษตรกรชาวสวนจะขายผลไม้ได้ราคาดี เนื่องจากปริมาณผลผลิตผลไม้ของชาวสวนลดลง แต่ปัญหาการกระจายผลผลิตในช่วงผลผลิตออกมาแบบกระจุกตัวก็อาจเกิดขึ้นได้ อันจะส่งผลให้ราคาผลผลิตตกต่ำลงมาได้ แต่ก็เป็นที่น่ายินดีที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ยื่นมือเข้ามาเพื่อ
การรองรับด้วยการเตรียมแนวทางในการบริหารด้านการตลาด
ทั้งนี้จากการเปิดเผยของนายวินัย กสิรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ภายหลังร่วมในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจในการจัดการด้านการตลาดเพื่อ
จำหน่ายผลไม้ฤดูกาลประจำปี 2554 ระหว่างผู้แทนจากห้างเทสโก้ โลตัส เป็นผู้ลงนามกับสหกรณ์การเกษตร และกลุ่มเกษตรกรชาวสวนผลไม้
จากภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคใต้ ว่าด้วยความร่วมมือในการดำเนินธุรกิจรวบรวมและจำหน่ายผลไม้ ได้ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว
และจากการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรสมาชิกสถาบันเกษตรกรผลิตผลไม้ที่มีคุณภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้สินค้าเป็นที่ยอมรับของตลาดมากยิ่งขึ้น
ซึ่งในปีนี้ห้างเทสโก้โลตัสมีแผนจะรับซื้อผลไม้ในฤดูกาล จากสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางปริมาณกว่า 25,000 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท และกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะพัฒนาธุรกิจการรวมและการกระจายผลไม้ของสหกรณ์ในภาค
ต่าง ๆ อย่างเป็นระบบและยกระดับให้มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกรต่อไป
“ความร่วมมือการค้าผลไม้ครั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของความร่วมมือ ที่จะช่วยสนับสนุนอาชีพการผลิตผลไม้ให้แก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ว่าจะมีตลาดรองรับที่แน่นอน และสามารถขายผลผลิตได้ในราคาที่ยุติธรรม ภายใต้ระบบและขบวนการสหกรณ์ ซึ่งกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะเดินหน้าเพื่อพัฒนาธุรกิจการรวบรวมและการกระจายผลไม้ของสหกรณ์ในภาคต่าง ๆ ทั่วประเทศ สู้ตลาดทั้งภายในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่องต่อไป” นายวินัย กสิรักษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์กล่าว.