|
|
พระอภัยมณี/42
ตอนที่ ๕๖ หัสไชยตีด่านเมืองลังกา
กล่าวถึงเสวคนธ์กับสุดสาคร คอยฟังข่าวของสองท้าวไทอยู่ พอเรือใช้กลับมาทูลเรื่องฝรั่งลังกายกทัพมาเผาบ้านเมือง เอาเพชรแก้วเก็จไป พร้อมไพร่พลหญิงชายกลับไปสิงหล พระภูวนาถราษฎรได้รับความเดือดร้อนทุกตำบล องค์เสาวคนธ์ได้ทราบก็คั่งแค้นฝรั่งยิ่งนัก สุดสาครก็บอกอย่ารอช้าให้เกณฑ์ไพร่พลวาหุโลม เข้ามาสมทบยกไปรบเมืองลังกา แล้วจัดแจงแต่งหนังสือ ให้ทูตถือไปยังวาโหมเจ้าเมืองวาหุโลม
ค เจ้าวาโหมโสมนัสจบหัตถ์รับ |
เป็นคำนับนับถือพระฤาษี |
แล้วให้อ่านสารว่าพระอัคคี |
พบพระพี่มาแถลงให้แจ้งการ |
ฯลฯ ว่าฝรั่งลังกาบังอาจมารบถึงเมืองการะเวก พระบิดาพระมารดาทั้งวงศ์วาน เดือดร้อนรำคาญไปหมด
จะสึกออกบอกโยมวาโหมด้วย |
ยกไปช่วยปราบปรามตามวิสัย |
ทั้งสองเมืองเบื้องหน้าได้มาไป |
เป็นมิตรไมตรีกันไม่ฉันทา ฯ |
ค ฝ่ายวาโหมโสมนัสตรัสประภาษ |
สั่งอำมาตย์มูลนายทั้งซ้ายขวา |
พระอัคคีนี่เราคิดเหมือนบิดา |
จะอาสาซื่อตรงต่อทรงธรรม์ |
ฯลฯ แล้วให้จัดพหลพลโยธาได้ห้าหมื่น กับเรือใช้ใหญ่น้อยได้ร้อยเศษไปปราบประเทศลังกา แล้วยกทัพตัดทางไปยังด่านชานสมุทร องค์เสาวคนธ์ต้องแข็งใจ แต่งองค์เป็นอย่างพราหมณ์ ออกไปยังพลับพลาไชยพร้อมพี่ยาสุดสาคร บอกว่าตนต้องลาพรตด้วยจะต้องไปรบฝรั่งเมืองลังกา แล้วแนะนำสุดสาครแก่วาโหม
พระองค์พี่เราจงเคารพ |
เลิศลบลือฤทธิ์ทุกทิศา |
เป็นแม่ทัพรับสั่งฟังบัญชา |
พึ่งพระเดชเชษฐาข้างหน้าไป ฯ |
ค เจ้าวาโหมโสมนัสไม่ขัดข้อง |
ประสานสองหัตถ์ประนมบังคมไหว้ |
หน่อกษัตริย์ตรัสช่วยอำนวยชัย |
แล้วปราศัยสนทนาประสาชาย |
ฯลฯ แล้ววาโหม ก็รีบออกมาจัดกำลังพลนิกายทั้งซ้ายขวา ให้ลงเรือรบลำละห้าร้อย ให้เจ้าโอรสคุมทหารด่านปากน้ำ สิบห้าลำ ลำละร้อยเป็นกองหน้านำไป
ฝ่ายพระหน่อสุดสาครกับองค์เสาวคนธ์บอกเรื่องเมืองผลึกว่า ข้าศึกตีเมืองได้แล้วพาองค์พระมเหสีกับพระบุตรีไป ขังไว้เมืองลังกา ก็แค้นใจนัก
จึงทูลองค์ทรงฤทธิ์ปิตุราช |
ลูกเป็นชาติเชื้อชายคิดอายเขา |
จะนิ่งให้อ้ายศัตรูมันดูเบา |
เหมือนหนึ่งเรารับแพ้ไม่แก้แค้น |
แล้วทูลขอพาทหารไปรบ ถ้าหากเพลี้ยงพล้ำแก่ชาวลังกา ก็ขอให้ตัดศีรษะตน พระจอมวังการะเกดได้ฟัง พระลูกรักก็ตรัสว่า พระองค์ไม่ห้ามแต่เตือนว่า อย่าเบาความให้คอยรับทัพเมืองผลึกกับเมืองรมจักร ให้พร้อมกันทั้งสามกองทัพ อย่าประมาทในสงคราม
จงหยุดทัพยับยั้งบอกหนังสือ |
ให้ทูตถือมาแจ้งแถลงไข |
ไว้ธุระบิดาไม่นอนใจ |
จะยกไปไล่ล้างให้วางวาย |
ฯลฯ องค์หัสไชยได้ฟังแล้ว บังคมลามารีบจัดพหลพลโยธา เป็นเรือห้าร้อยลำคนประจำลำละร้อย ยกออกจากปากน้ำเมืองการะเกดไป
ค เข้าแว่นแคว้นแดนลังกาเป็นฝรั่ง |
ตระเวณระวังจังหวัดสะกัดกั้น |
ไม่รอรั้งสั่งให้รุกรบบุกบัน |
ยิงกำปั่นปืนปึงตูมตังตัง |
ฯลฯ เรือลังกาต่อต้านแต่มีกำลังน้อยกว่าต้องถอยไป กองทัพเมืองการะเกดก็ไล่ยิงจับได้เรือข้าศึก ได้สองร้อยยี่สิบลำ ก็พอตกพลบค่ำ
ค พระหน่อนาถฆาตกลองหยุดกองทัพ |
ต่างตีรับเรียกกันเข้าบรรจบ |
ทอดสมอรอรั้งตั้งสมทบ |
ตามขนบนาคราชไม่คลาดคลา |
ฯลฯ ฝ่ายฝรั่งลังกาต่างหลีกหลบถอยทัพกันสับสน พวกพลบนบกต่างก็ตื่นตกใจ
ประจุปืนยืนรายทุกค่ายตั้ง |
ออกคับคั่งคอยรบจุดคบไสว |
ทุกหมู่หมวดตรวจพลสกลไกร |
ทั้งนายไพร่พรั่งพร้อมป้อมเสมา |
ฯลฯ ฝ่ายพระมังคลา วลายุดากับทั้งวายุพัฒน์ หัสกัน ต่างรู้ว่าข้าศึกมาฮึกหาญตีเรือด่านแตก จึงให้คอยปล่อยปืนกะปิตัน ยิงกำปั่นเชิ้อไฟให้จมไป แล้เกณฑ์กำปั่นกันฝรั่ง ออกตั้งรับไม่ให้ข้าศึก กองทัพข้าศึกรุกเข้ามาในเวลากลางคืน
ฝ่ายองค์หัสไชยปรึกษาอำมาตย์เอกชื่อ ราชสีห์ ว่าจะรั้งรอไปถึงวันพรุ่งนี้ จึงจะยกเข้าตีเมือง จะมีความเห็นอย่างไร อำมาตย์ทูลว่า เราหักด่านมีชัยในวันนี้ ไพร่พลของเราก็อ่อนกำลัง ถ้าเรายกขึ้นบก ถ้าข้าศึกโอบอ้อมเข้าล้อมหลังจะเสียเรือเหลือกำลัง จึงควร
จงรออยู่ดูไพรีก่อน |
จะแข็งอ่อนผ่อนปรนเล่ห์กลไฉน |
เห็นชนะได้รุกบุกเข้าไป |
ตีเมืองใหม่ไล่ล้างให้วางวาย ฯ |
พระหัสไชยได้ฟังก็เห็นชอบด้วย แล้วสั่งให้ไพร่พลผลัดกันอยู่งานตามหน้าที่
ฝ่ายพระมังคลาเห็นกองทัพเมืองการะเวก เรียงรันกันราวกับนาค จึงปรึกษากันว่าศึกครั้งนี้มีความจัดเจน
จะฆ่าฟันกันตายเสียดายเหลือ |
มันเหมือนเกลือแกลบจะรุมแลกพุมเสน |
จะคิดให้ไพร่นายตายระเนน |
แล้วสั่งเกณฑ์กลศึกเหมือนตรึกตรา |
ฯลฯ ให้วายุพัฒน์ลัดล่องเรือสองร้อยไปคอยชิดทางอยู่ข้างขวา ให้หัสกันนำเรือสองร้อยห้าสิบ ไปปิดทางข้างซ้าย เรือกลางข้างละร้อย คอยสมทบรบล่อให้ไล่
เห็นจวนใกล้ได้ทีเรือสี่ร้อย |
สองข้างคอยโอบอ้อมออกล้อมหลัง |
ยิงปืนใหญ่ไฟจุดอย่าหยุดยั้ง |
เผาเสียทั้งกองทัพให้ยับเยิน ฯ |
ทั้งหมดออกไปจัดแจงแต่งทัพตามรับสั่ง พระมังคลากับวลายุดาคอยรักษาฟากฝั่ง
แม้ไพรีหนีตายขึ้นชายหาด |
ยิงปืนสาดซ้ำฆ่าให้อาสัญ |
ฝ่ายกองกลางฟางหญ้าผ้าน้ำมัน |
ตระเตรียมกันครบทั่วทุกตัวคน ฯ |
พอได้ฤกษ์ดีเรือสองร้อยก็ออกแล่นไป กองเรือของพระหัสไชยแล้วร้องถามตามอุบายทั้งสองฝ่าย ร้องตอบโต้กัน แล้วกล่าวหมิ่นประมาทพวกการะเวกว่า เคยตกเป็นชะเลยของลังกามาแล้ว พระหัสไชยได้ฟังก็คั่งแค้น จึงปรึกษากันว่าเรือข้าศึกมาเพียงสองร้อย น้อยกว่าฝ่ายการะเวก
เข้ารุกโรมโหมหักเสียพักนี้ |
ระดมตีเมืองใหม่เอาไฟเผา |
แม้ละไว้อ้ายศัตรูจะดูเบา |
เห็นลมเข้าเราจะได้ด้วยง่ายดาย ฯ |
ฝ่ายเสนาเห็นว่าเรือข้าศึกมีน้อย จะคอยล่อให้ฝ่ายเราไล่ แล้วจะซุ่มพลรุมรบเอาเป็นกลอุบาย ขอให้แบ่งกำลังออกสู้ดูกำลัง ขอให้พระหัสไชยกำกับทัพเรือใหญ่ เผื่อพวกข้าศึกจะยกมาวกหลัง จึงแยกกันรับทัพละร้อย ถ้าฝรั่งไม่ใช้อุบายก็ให้ดูกองหน้า ถ้ายกขึ้นบกได้ก็จะจุดไฟเป็นสำคัญ แล้วให้พระหัสไชยระดมกำลังเข้าสมทบรุมรบข้าศึกให้ได้ชัยชนะ
ค พระเห็นชอบตอบว่าปัญญาลึก |
คาดข้าศึกสุดดีจะมีไหน |
ท่านคุมทัพสัประยุทธ์ขึ้นจุดไฟ |
ข้างหลังไว้เป็นธุระจะระวัง ฯ |
เมื่อเข้ารบกันพวกฝรั่งลังกาแกล้งล่าล่อ หลีกเลี่ยงหลบถอยหลังรับ พอพระหัสไชยยกกองหลวงสามร้อยลำ เข้าหนุนหลัง ฝรั่งลังกากลับแล่นหลีกชักปีกกา วายุพัฒน์ หัสกัน นำกำปั่นรบเลี้ยวตลบล้อมรายรอบซ้ายขวา ระดมปืนยิงเป็นสัญญาเข้ารุกรบ ทิ้งคบเพลิงใส่เรือจนกองทัพการะเวกต้องรีบเข้าฝั่ง ยกพลขึ้นบก พวกพลบนฝรั่งชาวลังกาก็เข้าสะกัดไว้
พระหัสไชยขึ้นตลิ่งพร้อมไพร่พลหลายพัน จนพลบค่ำจึงรวมตัวกันได้ พอตกดึกจึงมาปรึกษากันเห็นว่า กำลังยังน้อยอยู่จึงหยุดยั้งคิดผ่อนผัน ฝ่ายฝรั่งลังกาคอยป้องกันกองทัพจะจับเป็น แต่เห็นว่ามืดค่ำมองไม่เห็น จะคอยวันรุ่งขึ้น
แล้วสูบฝิ่นกินเหล้าทั้งบ่าวไพร่ |
ประมาทใจไม่ระวังนอนนั่งเฉย |
สูบกัญชามาระกู่อยู่เหมือนเคย |
ต่างคนเลยหลับนอนผ่อนสำราญ ฯ |
ค ฝ่ายกษัตริย์หัสไชยยังใจชื้น |
จนกลางคืนคอยคุมชุมนุมทหาร |
ให้นับได้ไพร่นายเหลือวายปราณ |
มากประมาณสามหมื่นยิ่งชื่นใจ |
ฯลฯ สังเกตดูผู้คนที่บนฝั่งเห็นเงียบหลับไหลอยู่ จึงปรึกษาเสนาในว่าเราไม่มีเสบียง จะเลี้ยงไพร่พล จะรบพุ่งกันตอนเช้าฝ่ายข้าศึกมีมาก ฝ่ายเราจะอดอยาก จึงจะเข้าตีข้าศึกเสียแต่ตอนดึก ขณะที่ข้าศึกหลับอยู่ พวกเสนาก็เห็นด้วย แล้วสั่งให้ไพร่พล เอาผ้าเปียกน้ำโพกหัวทุกตัวคน จัดกำลังเป็นกองละพันเข้าโจมตีข้าศึก
เที่ยวห้ำหั่นฟันฟาดเสียงฉาดฉับ |
บ้างคอพับหัวกระเด็นกลายเป็นผี |
บ้างทิ่มแทงแกว่งขวานผลาญไพรี |
ลอบฆ่าตีตายดื่นนับหมื่นพัน |
ฯลฯ
ค ฝ่ายองค์พระมังคลาตรวจหน้าที่ |
เห็นไพรีเรี่ยวแรงเข้มแข็งขัน |
ให้นัดดากับวลายุดานั้น |
ออกช่วยกันไล่ไพร่รบไพรี ฯ |
กล่าวถึงทัพสุดสาครมาถึงทวีปลังกาเห็นเพลิงไหม้เรือถูกไฟไหม้ล่มอยู่ทั่วไป พบไพร่พลการะเวกว่ายน้ำอยู่ จึงรับขึ้นเรือถามความรู้ว่า เป็นทัพหัสไชยจึงรีบเข้าฝั่งเมืองลังกา สุดสาครทรงหลังม้ามังกรขึ้นไปก่อน เห็นพระอนุชาหัสไชยกำลังรบอยู่กับฝรั่ง ก็เข้าช่วยรบ พวกโยธาการะเวก เห็นหน่อนาถสุดสาครมาช่วย ก็มีกำลังใจเข้ารุกรบข้าศึก
ค ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์วิมลโฉม |
ชวนวาโหมขึ้นบกยกทหาร |
ขับโยธาวาหุโลมโถมทะยาน |
เข้ารุกรานรบฝรั่งเมืองลังกา |
ฯลฯ ฝ่ายฝรั่งเมืองลังกาสู้ไม่ได้ จึงถอยเข้าไปตั้งมั่นในกำแพงเมืองใหม่
ขึ้นรักษาหน้าที่ทั้งสี่ด้าน |
ป้อมปราการเกณฑ์กันล้วนขันแข็ง |
ทั้งซ้ายขวาสารวัตตรวจจัดแจง |
ตามตำแหน่งนายทัพกำกับพล ฯ |
ฝ่ายพระหัสไชยตั้งค่ายริมชายฝั่ง เสาวคนธ์และสุดสาครก็ยกกำลังขึ้นตั้งบนฝั่งน้ำ หัสไชยไปพบพระพี่นางแล้ว เล่าความบ้านเมืองแต่เรื่องหลังให้ทราบ องค์เสาวคนธ์ก็เล่าเรื่องของนางให้ฟัง ตั้งแต่ต้นจนปลาย
แล้วเสาวคนธ์บ่นว่าแม้ข้าศึก |
พอจะตรึกตรองกำจัดไม่ขัดขวาง |
นี่เหล่ากอหน่อเนื้อเป็นเชื้อยาง |
จะรบล้างลูกหลานรำคาญใจ |
แล้วบอกหัสไชยให้รอไว้คอยท่าสองธานี
เป็นธุระพระบิดาพาราผลึก |
จะปราบศึกบำรุงสามกรุงศรี |
จะทำเองเกรงขาดราชไมตรี |
พ่อควรที่ผ่อนผันตามบัญชา |
ฯลฯ สุดสาครช่วยผ่อนผันพูดจากับหัสไชย ให้ทำตามคำขององค์เสาวคนธ์แล้วว่า พรุ่งนี้จะไปพบมังคลาเพื่อพูดจากันให้คืนน้อง สององค์วงศ์กษัตริย์ ถ้าแม้นขัดขืนจึงค่อยฆ่าเสีย เมื่อพระบิดากับพระอา มาถึงก็คงจะมาช่วยรบ
พ่อบอกเหตุเชษฐาให้ข้าเฝ้า |
ไปเมืองเราทูลประณตบทศรี |
ให้ทราบถึงพระชนกชนนี |
พอคลายที่กริ้วโกรธได้โปรดปราน |
ฯลฯ แล้วบอกความตามที่ได้มารบศึก ให้เมืองผลึกส่งเสบียงมาเลี้ยงทหาร พระหัสไชยก็คำนับรับคำสั่ง แล้วแต่งหนังสือให้ทูตถือไปตามความประสงค์ พอพลบค่ำต่างก็ไปประจำอยู่ที่ค่ายของตน
|
Update : 17/6/2554
|
|