หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    ถูกพระหลอก

    ถูกพระหลอก


    แม้โดยพื้นฐานของครอบครัว แม้โดยพื้นฐานทางความคิด พระอาจารย์ เทสก์ เทสรังสี จะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ วัด กับ พระ เป็นอย่างมาก

    แต่ก็ต้องยอมรับว่าความเชื่อในยุคเมื่อทศวรรษที่ 2460 เป็นความเชื่อในเรื่องผี

    ความเชื่อในเรื่องผีย่อมมีสายสัมพันธ์แนบแน่นอยู่กับเรื่องเหนือธรรมชาติ เรื่องของไสยเวทอย่างแนบแน่น

    รำพึงของ ด.ช.เทสก์ เรี่ยวแรง ที่ว่า

    "ทำอย่างไรหนอเราถึงจะเหนียว คนฆ่าด้วยอาวุธไม่ตาย" จึงมิได้เป็นคำรำพึงอันไร้รากฐานความเป็นมาในทางความคิด

    จริงอยู่ปัญหาอันดำรงอยู่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ "บ้านเมืองเกิดโจรขโมยลักโค กระบือ มีอันธพาลเต็มไปหมดทั่วบ้านทั่วเมือง แม้แต่เด็กขนาดอายุราว 10 ขวบและผู้หญิงก็หัดเป็นขโมยกัน เจ้าหน้าที่อ่อนแอ ชาวบ้านต้องพึ่งตัวเอง"

    แต่ละบ้านต้องเลี้ยงสุนัขเป็นฝูง กลางคืนต้องผลัดเปลี่ยนกันอยู่เวร

    เมื่อโค กระบือ ถูกขโมยไป เจ้าของตามไปไถ่ถอน มันจะต้องเรียกค่าไถ่เอาอย่างมันมีเอกสิทธิ์ทีเดียว

    สรุปแล้วก็คือ ปัญหาทางเศรษฐกิจนำไปสู่ปัญหาทางสังคม



    หนังสือ "อัตโนประวัติ" พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี สะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการทางความคิดกระบวนการในการหาทางออกในขณะนั้นได้เป็นอย่างดี

    ด.ช.เทสก์ เรี่ยวแรง ได้มีโอกาสอุปัฏฐากพระรูปหนึ่งที่วัดบ้านนาสีดา

    ภูมิลำเนาเดิมอยู่บ้านม่วงไข่ ต.วานรนิวาส จ.สกลนคร ติดกับ อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย แต่มาบวชและพำนักอยู่วัดบ้านนาสีดา

    วันหนึ่ง พระรูปนั้นกล่าวกับ ด.ช.เทสก์ เรี่ยวแรง ว่า

    "ออกพรรษาแล้วมาไปกับฉัน ที่บ้านฉันมีสารพัดทุกอย่าง ต้องการตะกรุดเอย ว่านเอย หรือสรรพเครื่องคงกระพันทุกอย่างของฉันมีพร้อม"

    นี่ย่อมตรงกับใจ

    ตรงกับใจที่ว่า "เราตัวนิดเดียวก็อยากดังกับเขาบ้าง แต่มิใช่อยากดังเป็นนักเลงทางขี้ขโมย มันอยากดังด้านปราบขี้ขโมย ในใจมันคิดคำนึงอยู่เสมอว่า ทำอย่างไรหนอเราจึงจะเหนียวจนคนฆ่าด้วยอาวุธไม่ตาย"

    เป็นการเหนียวเพื่อจะได้มาปราบพวกขโมยอันเหมือนโรคระบาดในหมู่บ้านให้ราบ แปรความทุกข์ให้กลายเป็นความสงบสุข

    เมื่อพระรูปนั้นกล่าวย่อมทำให้บังเกิดความคล้อยตาม

    รายละเอียดตอนนี้ พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี เล่าอย่างละเอียดว่า

    เราดีใจ พร้อมด้วยชายหนุ่มใหญ่ 3 คน คือ พี่ชายของเราคนหนึ่ง กับเพื่อนๆ เขาอีก 2 คน 4 ทั้งตัวเราซึ่งเป็นเด็กกว่าเขา

    ออกพรรษาแล้วได้ติดตามท่านไปจนถึงบ้านเดิมของท่าน

    พอไปถึงแล้ว ตาย ที่ไหนได้ กลายเป็นพระที่เท็จหลอกให้เราไปส่งท่าน ชาวบ้านแถบนั้นไม่มีใครนับถือเลย

    ท่านบวชแล้วสึก บวชแล้วสึก ตั้งหลายครั้ง

    ตอนหลังสุด ได้ทราบข่าวว่า สึกออกไปแล้วมีเมียแล้วสูบฝิ่นด้วยทั้งผัวทั้งเมีย

    2 หนุ่มใหญ่ที่ไปด้วยเขาพยายามอ้อนวอนขอเรียน แลขอของดีต่างๆ ท่านก็พูดกลบเกลื่อนไปๆ มาๆ อ้างโน่นอ้างนี่แก้ตัวพอพ้นๆ ไป

    เมื่อถามพระที่อยู่วัดนั้นจึงได้ความจริงว่า ท่านไม่มีของวิเศษอะไรเลย แต่ท่านเป็นคนช่างพูด

    พวกเราอยู่ด้วยท่านราว 10 วัน จึงได้พากันลากลับด้วยความผิดหวัง

    ในขณะที่อยู่ด้วยท่านนั้นท่านจะรบเร้าให้พวกเราหาปลาไหลมาให้ฉันทุกวัน ปลาไหลท่านชอบนัก ปลาอื่นท่านไม่ชอบ

    พวกเราเดินทางกลับ 3 คืนจึงถึงบ้าน โดยเฉพาะตัวเราแล้วรู้สึกละอายใจมาก เพราะที่ตั้งเจตนาไว้ออกจากบ้านไปครั้งนี้จะไปแสวงหาเรียนวิชาคงกระพันเอาไว้ให้เชื่อมั่นได้ในใจว่า

    เราจะไม่ยอมตายด้วยศัสตราวุธของคนอื่นแล้วจึงจะกลับบ้าน



    แม้จะหลงทิศผิดทางแต่ก็เป็นบทเรียนอันสำคัญสำหรับ พระอาจารย์เทสก์ เทสรังสี

    "มันเป็นเหตุให้เราหายจากความเชื่องมงายในเรื่องเครื่องรางของขลัง ตั้งแต่วันนั้นจนกระทั่งบัดนี้ ใครจะมาพูดว่าดีอย่างไร อย่างไร ในใจมันเฉยเอาเสียเลย"

    เป็นบทเรียนก่อนพบ พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม เมื่อปี พ.ศ.2459



    วิถีแห่งการปฏิบัติ พระอาจารย์เทสก์ เกสรังสี
    เสถียร จันทิมาธร


    • Update : 17/6/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch