หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พระอภัยมณี/40
    ตอนที่ ๕๕ มังคลาจับนางสุวรรณมาลีและท้าวทศวงศ์

                ฝ่ายทัพลังกาล่าทัพกลับมากรุงลังกาได้ทรัพย์สินมาด้วยเป็นจำนวนมาก เมื่อมาถึงเมืองใหม่ก็ไปเฝ้าเจ้าสิงหล ทูลความให้ทราบแล้วถวายเพชรเตร็จตรัสให้เห็น พระมังคลากลัวความจะทราบไปถึงพระชนนี จึงให้มนตรีลอบเอาฝังไว้ที่ลังกา แล้วห้ามมิให้ใครพูดถึงโคตรเพชร ส่วนพวกชาวเมืองการะเวกที่ได้มาเจ็ดพันคนนั้นให้

    ใช้สีข้าวเช้าค่ำต้องตรำตราก ตำดินตากตักน้ำทำถนน
    เวลารุ่งหุงข้าวเลี้ยงชาวพล ใช้แบกขนขุดลากเหนื่อยยากครัน ฯ
                ฝ่ายมนตรีตัวโปรดเอาโคตรเพชรไปลอบฝัง แผ่นดินก็ลั่นครั่นครึกจนเวียงวังเจียนจะคว่ำ อีเลิ้งน้ำเป็นระลอกกระฉอก ต้นไม้ไกวกวัดสะบัดโบก ช้างม้าลาล้มลุกคลุกคลาน ทะเลลึกเป็นคลื่นคลั่งแผ่นดินไหวอยู่สามวัน ผู้คนต่างสงสัยโจษกันจำนรรจา
                ฝ่ายองค์ละเวงนึกประหลาด จึงไปหาบาทหลวงถามความตามที่สงสัย แต่บาทหลวงไม่อาจบอก แกล้งพูดนอกคอกไปเรื่องอื่น นางจึงลากลับเรียก รำภา  ยุพา สุลาลีวัน แล้วตรัสถามสามนางถึงลางที่เกิด นางยุพาทูลว่า
    ซึ่งดินไหวตามตำราไม่ผาสุข จะเกิดยุคยุทธนาโกลาหล
    ข้าจับยามตามตำราจลาจล ตั้งแต่ต้นปีเถาะเป็นเคราะห์ครัน ฯ
                องค์ละเวงได้ฟังก็หวาดวิโยคโศกศัลย์ จึงตรัสถามว่าจะแก้กันได้อย่างไร นางยุพาทูลว่าให้ไพร่ฟ้า ข้าเฝ้าทั้งท้าวไทตั้งอยู่ในศีลสัตย์ ทั้งบวงสรวงดวงชะตาสุรารักษ์ ซึ่งพิทักษ์ทวาทศราศี ให้ปลูกศาลรอบขอบจังหวัดตั้งบัตรพลี ตัดโลภ หลง ละเมียผัว กินแต่ถั่วผักงารักษาศีล ไหว้ลมไฟน้ำ และฟ้าดิน เป็นเวลาหนึ่งปี จึงจะสิ้นมลทินภัย
      นางวัณฬาว่าตำรับบังคับขาด ประชาราษฎร์หรือมันจะละวิสัย
    ต้องถือศีลกินบวชนั้นรวดไป เห็นไม่ได้ดังตำราทั้งธานี
                จะเกิดเข็ญเป็นทุกข์ถึงลูกหลาน แล้วคิดจะไปตรวจด่านกลัวว่าจะทำล้ำเหลือ จะเชื่อดีไปเที่ยวตีเมืองอื่น ด้วยเยาว์ความถึงมีชัยชนะก็ไม่สิ้นราชศัตรู เกิดความพยาบาทเบียดเบียนเป็นเสี้ยนหนาม
    อันลูกเราเยาว์อยู่ไม่รู้ทุกข์ จะอาจอุกทำเข็ญเป็นไฉน
    จะร้ายดีมิได้รู้ด้วยอยู่ไกล หรือจะให้หามาเสียธานี ฯ
                นางรำภาทูลว่า วิสัยไตรดายุค ย่อมเป็นศึกแล้วเป็นสุขทุกเมือง เมื่อถึงคราวชาวนครจะร้อนนั้น จะป้องกันอย่างไรก็ไม่หาย ไม่ถึงกรรมทำอย่างไรก็ไม่ตาย ถ้าถึงกรรมทำลายต้องวายปราณ การไปเที่ยวตรวจตราบ้านเมืองนั้นมีคุณ
    ให้อยู่วังดังสตรีแม้มีศึก ที่ตื้นลึกไม่สันทัดจะขัดสน
    เสด็จไปได้สังเกตเหตุตำบล ที่ขุมพลกลศึกได้ฝึกปรือ
    จะหนีทุกข์ยุคเข็ญเหมือนเช่นว่า อยู่ใต้ฟ้าหนีฝนจะพ้นหรือ
    แม้เมืองใดใช้คนดีมีฝีมือ จะเลื่องชื่อลือเลิศประเสริฐชาย
        ฯลฯ
                องค์ละเวงได้ฟังคำนางรำพาแล้วก็ว่าชอบเชิงความตามวิสัย แต่เห็นว่าหน่อกษัตริย์ยังเยาว์ ก็จะให้ทำคำสอนไปไว้เพื่อเตือนใจ แล้วเขียนคำกำหนดทศพิธ ใส่กล่องแก้วให้ม้าใช้นำไปให้หน่อกษัตริย์
                ฝ่ายพระมังคลาออกอำมาตย์อยู่เกิดแผ่นดินไหวอยู่สามวัน พระมังคลาลอบสั่งโหรให้ทำนายทายความดีไว้ ให้เป็นที่ชื่นใจไพร่พล โหรว่าเพชรแก้วเก็จเอกจากการะเวกมาถึงถิ่นจึงเกิดแผ่นดินไหว พระมังคลาได้ทรงฟังโหรก็ให้รางวัลแก่โหรเฒ่า พอผู้ถือหนังสือสารของพระมารดามา ก็มีความยินดีให้อ่านสารมีความว่า เรื่องแผ่นดินไหวนั้นเป็นลางใหญ่บ้านเมืองจะเคืองเข็ญ ให้พระมังคลารักษาแต่เมืองลังกา อย่าคิดไปตีบ้านเมืองอื่นให้เคืองกันและสอนว่า
    ประเพณีที่อุดมบรมจักร บำรุงรักษ์ราชัยมไหศวรรย์
    เสวยสุขทุกเวลาทิวาวัน เพราะทรงธรรม์ทศพิธวิสดาร
    ประการหนึ่งซึ่งรักษาเมตตาตั้ง ให้สัตว์ทั้งปวงเป็นสุขทุกสถาน
    ใครยากเย็นเข็ญใจจงให้ทาน อภิบาลบำรุงทั้งกรุงไกร
    ฯลฯ
    หนึ่งอย่าคิดริษยาพยาบาท อย่ามุ่งมาดหมายถวิลรูปกลิ่นเสียง
    คนสอพลอทรลักษณ์อย่ารักเลี้ยง  ให้แท้เที่ยงทรงธรรมจึงจำเริญ
    ฯลฯ
                เมื่ออ่านสารจบแล้วก็เห็นชอบด้วยทั้งสิ้น แล้วเก็บสารของพระมารดาซ่อนไว้ในที่ไสยา จากนั้นก็ทำการหัดสงครามทุกเช้าเย็นในท้องสนาม คอยรอฟังความสามเมืองจากลูกค้าคอยเหตุอยู่
                ฝ่ายเสนาเมืองการะเวกถือสารไปเมืองผลึก ใช้เวลาเดือนเศษก็ถึงพบพระหัสไชย เมื่อทูลความแล้วพระหัสไชยก็มีความคั่งแค้น เข้าไปเฝ้าพระชนนี พระชนนีให้อ่านสารมีความว่า ฝรั่งลังกาให้วายุพัฒน์ และหัสกันคุมกำปั่น หกร้อยลำเข้าเผาเมืองการะเวก บอกว่า พระธิดาลักเพชรแก้วเก็จไว้
    แม้แก้วเก็จเพชรเขาชาวสิงหล เสาวคนธ์ลอบลักผิดหนักหนา
    พระทราบเหตุเภทเผาแต่ต้นมา โปรดบัญชาชี้แถลงให้แจ้งใจ ฯ
      พอจบสารสุมาลีดีอุระ น้อยหรือชะเคลือบแคลงแถลงไข
    แม่นงเยาว์เสาวคนธ์ขอเพชรไป เราก็ได้รู้เห็นเป็นพยาน
    ฯลฯ
                  แล้วตรัสกับเสนาชาวการะเวก ว่าขอให้รอพระอภัยกลับมาก่อนคงจะได้แก้แค้นแทนพระบิดา มิได้เข้าด้วยฝรั่งคงแก้แทนแทนพระอนุชาในเวลาไม่ช้า
                พระหัสไชยมีความแค้นฝรั่งยิ่งนัก จะขอยกทัพไปรบ แต่องค์สุวรรณมาลีทัดทานไว้ให้รั้งรอไว้ก่อน
    แม่จะให้ไปเชิญเสด็จกลับ ทั้งกองทัพพระเจ้าอามาบรรจบ
    ทั้งลูกยามาด้วยช่วยสมทบ เข้ารุมรบไพรีให้มีชัย ฯ
      พระนบนอบตอบว่าพวกฝรั่ง แต่ลูกยังเยาว์อยู่ยังสู้ได้
    ถึงมันมากหยากเยื่อถูกเชื้อไฟ จะผลาญให้สิ้นทั้งเกาะลังกา ฯ
                องค์สุวรรณมาลีได้ฟังตรัสห้ามซ้ำว่า ครั้งนั้นมีพี่ยาอยู่ด้วยได้ช่วยกัน อย่าดูถูกข้าศึกให้มีความหนักหน่วงไว้ มิฉะนั้นจะเสียท่วงทีพาคนไปตายได้ แต่ที่จะกลับไปกรุงการะเวกนั้น เป็นการสมควร
    พระแม่จะทำคำสารส่งไปด้วย เราจึงช่วยชี้แจงแถลงไข
    แล้วแต่งสารอ่านสอบขอบพระทัย ใส่กล่องให้ผู้ถือหนังสือมา ฯ
                หน่อกษัตริย์หัสไชยไปลาสองน้องน้อย ต่างก็มีความอาลัยซึ่งกันและกัน พระหัสไชยสัญญาว่า
    เสร็จธุระจะมาไม่ช้านัก ไม่ลืมรักพักตร์น้องอย่าหมองศรี
    มิเหมือนหมายสายสวาทแล้วชาตินี้ พี่ไม่มีเมียแล้วนะแก้วตา
    ฯลฯ
                พระหัสไชยไปลาองค์สุวรรณมาลี แล้วมาลงเรือกำปั่นออกเดินทางไปทางทิศอาคเนย์
    รีบใช้ใบไปตามคลื่นทุกคืนค่ำ เห็นแต่น้ำในทะเลกับเวหา
    ไม่คลาดเคลื่อนเดือนครึ่งตะบึงมา ถึงกรุงการะเวกเข้าอ่าวบุรี
    ฯลฯ
                พระหัสไชยเข้าเฝ้าพระบิดา พร้อมอำมาตย์ถือสารขององค์สุวรรณมาลี องค์ท้าวเจ้าเมืองการะเวก จึงสั่งให้อาลักษณ์อ่านสารมีเนื้อความว่า ด้วยองค์พระชนกชนนีของพระอภัยถึงแก่นิคาลัย พระเชษฐาพาพระวงศ์ไปปลงศพ เมื่อปีมะแม เดือนเจ็ด ยังไม่ได้กลับมาเมืองผลึก ที่ทางเมืองการะเวกส่งสารแจ้งการศึกว่าฝรั่งลังกาเข้ามาเผาเมือง หาว่าพระบุตรีลักเพชรแก้วเก็จมานั้น
    มันโกหกยกโทษเพราะโกรธแค้น เหมือนตัดแผ่นดินขาดนอกศาสนา
    ซึ่งแก้วเก็จเพชรนั้นนางวัณฬา ให้ธิดาก็ได้รู้อยู่ด้วยกัน
    พระรับเคราะห์เพราะเรื่องเมืองผลึก จึงเกิดศึกพาเหตุถึงเขตขัณฑ์
    ฝ่ายยุดาวายุพัฒน์หัสกัน ล้วนพงศ์พันธ์ภัสดาชะล่าลาม
    เป็นธุระผู้บำรุงกรุงผลึก จะปราบศึกเสียให้เตียนที่เสี้ยนหนาม
    ไม่ควรเคืองเมืองพระองค์ต้องสงคราม จึงต้องตามยุติธรรม์พันธมิตร
    ฯลฯ
                แล้วว่าองค์พระอภัยย่อมเป็นเชื้อชาติบุรุษสุจริต ถึงลูกหลานหว่านเครือทำผิดก็จะไม่ละเว้น ขอให้รอองค์พระอภัยกลับมาก่อน เมื่อมาถึงเมื่อไรฝ่ายข้าศึกจะถึงแก่ชีวิต
    อันเมืองผลึกกับพาราการะเวก จะร่วมเอกฉัตรชัยไอศวรรย์
    จนสุดสิ้นดินฟ้าทั้งสามัญ โดยทรงธรรม์ทศพิธสนิทใน ฯ
                พอจบสารพระปิ่นนัก การะเวกก็ตรัสชมองค์สุวรรณมาลีว่า สมเป็นใหญ่ยอดสตรีเธอดีจริง แล้วเคืองขัดหัสไชยว่ามัวแต่ไปเที่ยวเกี้ยวผู้หญิงไม่ได้ระวังบ้านเมือง พระหัสไชยทูลตอบว่า ที่ตนผิดพลั้งครั้งนี้ควรถึงแก่ชีวิตด้วยความที่ตนเบาจิต แล้วขอต่อสงครามไปกำจัดศัตรู ที่มาทำการดูหมิ่น
                องค์ท้าวเจ้าเมืองการะเกดได้ฟังจึงตรัสกับพระมเหสีว่าตามสาร การไมตรีนั้นก็ต้องที่อยู่ทุกข้อ ควรรอฟัง ถ้าแม้พระอภัยไม่ไปรบเราจึงจะยกทัพไปรบลังกาเอง
    นี่ลูกเต้าเขาผิดคิดถึงพ่อ จึงรั้งรอบอกกล่าวไม่ร้าวฉาน
    คำโบราณท่านว่าช้าเป็นการ ถึงจะนานก็เป็นคุณอย่าวุ่นวาย
    วิสัยศึกตรึกตรองจึงต้องที่ ยกไปตีก็ให้ได้ดังใจหมาย
    แม้ย่อยยับถอยกลับก็อับอาย ยิ่งซ้ำร้ายขายหน้าประชาชน
    ฯลฯ
                ให้เรือใช้ไปฟังกำลังดึกให้รู้ตื้นลึก คอยรั้งรอฝึกไพร่พลให้รู้กลการอาวุธยุทธนา
                พระหัสไชยได้ฟังคำตรัสสอน ก็รับมาด้วยความยินดี แล้วทูลลาออกมาสั่งอำมาตย์ จัดเสนาตัวดีได้สี่นาย ให้คุมเรือข้าวสารน้ำตาล ทำแปลงปลอมไปเที่ยวค้าขายยังลังกา ให้กองตระเวนคอยฟังเหตุทุกเขตคัน ตรงหน้าวังตั้งค่ายเป็นหลายด้าน ให้ฝึกหัดไพร่พล ทัพเรือเหนือใต้จัดไว้พร้อมทั้งทางหนีและทีไล่
                ฝ่ายองค์มเหสีสุวรรณมาลีให้กองทะเลเสนารีบเดินทางไปกรุงรัตนา เชิญพระอภัยกลับแล้วแต่งสารถึงองค์วัณฬา ให้เสนีนายทหารถือสารไป เมื่อไปถึงฟากฝั่งลังกาเห็นเรือรบจอดอยู่เรียงราย พวกกองทัพจับตัวมาถามแล้วคุมตัวขึ้นไปเฝ้า พระมังคลา พระมังคลาถามเสนีที่ถือหนังสือมาว่า ความในสารนั้นมีเนื้อความว่ากระไร ฝ่ายข้าเฝ้าชาวผลึกจึงตอบว่า จะไปให้ถึงวังตามพระเสาวนีย์
    ถวายองค์นงเยาว์เจ้าสิงหล ไม่ให้คนอื่นอ่านเรื่องสารศรี
    อย่าทานทัดขัดขวางทางไมตรี จะเสียทีอย่างเยี่ยงพระเวียงชัย ฯ
                พระมังคลาว่าตนเป็นจอมพลเจ้าสิงหล ควรจะได้รับสารแทนมารดา ให้ทหารค้นสารมาแล้วฉีกตราอ่านเนื้อความว่า เราพี่น้องครองสัตย์ไม่มีราคีเคือง เสาวคนธ์ได้ขอเพชรเอกไป นัดดาวายุพัฒน์กับหัสกัน ไปรบเมืองการะเวกแล้วเผาเมือง เอาแก้วคืนมาแล้ว เอาข้าวของเงินทองกวาดต้อน ผู้คนมาเมืองลังกา
    แม่ก็รู้อยู่ว่ากรุงการะเวก ร่วมภิเษกสืบเนื้อเป็นเชื้อไข
    ขืนคิดทำย่ำยีดังนี้ไซร้ เขาว่าไว้หยิกเล็บแล้วเจ็บเนื้อ
    จะตัดญาติขาดมิตรไม่คิดบ้าง เหมือนลบล้างเหล่ากอไม่หลอเหลือ
    อนึ่งหน่อวรนาถเป็นชาติเชื้อ ไม่ไว้เยื่อใยติดผิดโบราณ
                ไม่รู้ว่าองค์วัณฬารู้เห็นเป็นใจหรือไม่ พิเคราะห์ดูแล้วยังไม่แจ้งจึงแต่งสารมา ให้ทราบเรื่องที่เคืองรำคาญ ควรจะสมานไมตรีที่มีมาไว้ ถ้าแม้เห็นดีไม่ได้คิดถึงญาติ ก็ควรขาดราชวงศ์เผ่าพงศา สามประเทศที่อยู่บนแผ่นดินเดียวกัน ก็จะขาดไมตรีกับลังกา จึงขอให้องค์วัณฬาดำริตริตรองดู เพราะถ้าเกิดศึกแล้ว ผู้คนทั้งหลายไม่ว่าเด็กผู้ใหญ่ ไพร่ผู้ดีก็จะพากันเดือดร้อนไปทั่ว
    พี่กับเจ้าเล่าก็จิตสนิทนัก จึงลอบลักเล่าแจ้งแถลงไข
    ถึงลูกเต้าเบาความส่วนทรามวัย เป็นผู้ใหญ่อย่าให้มีราคีเคือง ฯ
                พอจบสารพระมังคลาก็ดาลเดือด หาว่าองค์สุวรรณมาลีพูดเข้าข้างชาวเมืองการะเวก แล้วตามอนุชาวายุพัฒน์กับหัสกันว่า มีความเห็นอย่างไร ทั้งสามองค์ก็เห็นด้วยกับพระมังคลา พระมังคลาจึงให้จำผู้นำสาร แล้วปรึกษาน้องกับสองนัดดาว่า ถ้าแม้กองทัพกลับมาเมืองผลึก คงจะเกิดศึกมาถึงกรุงลังกา พระบิดากับพระอาทั้งสองเมืองจะรุมตีเมืองลังกา 
               

    • Update : 16/6/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch