หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พระอภัยมณี/34

    ตอนที่ ๔๖ พระอภัยมณีกลับเมือง

                ฝ่ายพระอภัย ชวนน้องรักศรีสุวรรณมาปรึกษาว่า จะเลิกทัพกลับเมือง แล้วจะแต่งวิวาห์สินสมุทกับพระบุตรีอรุณรัศมี องค์ศรีสุวรรณก็เห็นด้วย พระอภัยจึงสั่งน้องให้เตรียมยกพลกลับในวันพรุ่งนี้เช้า
                ฝ่ายพระอนุชาศรีสุวรรณตรัสบอกกับพระมเหสีเกษราว่า นางรำภามีครรภ์แล้ว

    พี่จะใคร่ให้ของสำคัญไว้ แหวนกำไลปะวะหล่ำเครื่องทำขวัญ
    สำหรับผูกลูกเต้าเป็นเผ่าพันธุ์ จะได้กันครหาข้างหน้าไป
    นางทูลตอบขอบคุณทูลกระหม่อม ซึ่งโอบอ้อมเอื้อเฟื้อแก่เนื้อไข
    พระเอ็นดูกุมารประการใด น้องมิได้เขืองขัดเป็นสัจจา
    ฯลฯ
                แล้วให้ไปตามนางรำภามาพบ
      มเหสีดีใจปราศัยทัก สงสารนักชันษาอ่อนกว่าฉัน
    ได้ร่วมคู่รู้จักจะรักกัน เหมือนพงศ์พันธุ์พี่น้องอย่าหมองใจ
    ฯลฯ
                แล้วตรัสว่า เมื่อนางรำภามีโอรสก็จะได้เป็นน้องพระบุตรี แล้วถอดแหวนเพชรเจ็ดกะรัต จากพระหัตถ์ให้นางรำภา นางรับไว้ด้วยไมตรีแล้วทูลว่า ที่ตนผิดพลั้งครั้งในสงคราม ขอให้อภัยแก่นางด้วย
      นางรับคำร่ำว่าประสาซื่อ มิได้ถือสงครามตามวิสัย
    ไม่ดูถูกลูกผู้หญิงอย่ากริ่งใจ จะรักใคร่ให้เหมือนเพื่อนชีวี
    ฯลฯ
                องค์อนุชาศรีสุวรรณตรัสบอก นางรำภาว่าพระองค์จะยกกองทัพกลับแล้ว จะชวนนางไปด้วย
    จะชวนเจ้าเยาวลักษณ์ไปนัคเรศ จะถือเพศพุทธกิจหรือคิดไฉน
    หรือรักรีตกีดขวางเป็นอย่างไร ก็ตามใจใช่จะขัดอัธยา
                นางรำภาทูลว่านางเป็นชาติฝรั่งเกาะลังกา ไม่สันทัดในภาษาไทย อนึ่งเจ้าลังกาได้เมตตาเลี้ยงตนไว้ มีพระคุณเพียงแผ่นดิน ในชาตินี้ถ้าชีวิตยังไม่สิ้น ก็ตั้งใจจะอยู่เป็นข้าองค์ละเวง
    เชิญพระองค์นงลักษณ์ไปนัคเรศ คือประเทศธานินทรถิ่นสถาน
    แต่หนหลังพลั้งผิดกิจการ โปรดประทานโทษาอย่าราคี ฯ
                พระอนุชาศรีสุวรรณได้ฟังนางแล้ว ก็ตรัสตอบตามใจนาง แล้วประทานของรองพานให้นางและบุตร
    สร้อยสังวาลบานพับสำหรับบุตร อย่าให้สุดสิ้นเชื้อเป็นเนื้อไข
    รำลึกถึงจึงค่อยพาลูกยาไป ชมเมืองไทยบ้างเถิดนางอย่างหมางเมิน
    ฯลฯ
                ฝ่ายนางยุพาผกาเข้าไปขอสมาสินสมุท แล้วขอให้สินสมุทกรุณาลูกที่อยู่ในครรภ์
    ความทุกข์ทนล้นเหลือแต่เมื่อคลอด จะได้รอดชีวาหรืออาสัญ
    ขอบุญญาฝ่าละอองช่วยป้องกัน อย่าให้อันตรายมีทางนี้เลย
                สินสมุทได้ฟังจึงตอบนางไปว่า คิดจะพานางไปเมืองด้วย แต่เกรงเผ่าพงศ์วงศ์วาน จะว่าให้เป็นราคี เมื่อแคล้วคลาดกันแล้ว ถึงนางจะมีผัวใหม่ก็ไม่ห้าม
    แต่ลูกเต้าเอามาให้ข้าเลี้ยง ตั้งชื่อเสียงตามข้าภาษาสยาม
    เป็นเชื้อไขไว้ยศให้งดงาม ได้ถือตามภาษาพาราเรา
    ฯลฯ
                นางรำภาได้ฟังจึงทูลประชดตอบกลับไปว่า ที่ตนนอบน้อมยอมอยู่กับสินสมุท ก็เพราะรบแพ้ สำหรับฝรั่งนั้นไม่มีผัวสอง ดังนั้นที่โปรดให้ตนมีผัวใหม่นั้น ไม่มีทางเป็นไปได้ ขอมีเพียงสินสมุทแต่ผู้เดียว ถ้าเป็นอย่างอื่นขอให้ลงอาญา
    จะคอยจับปรับไหมขายฝรั่ง เฆี่ยนให้หลังลายส่งไปโรงสี
    ขอพึ่งบุญมุลิกาเป็นสามี  พอไพรีรู้ทั่วได้กลัวเกรง ฯ
                แล้วสินสมุทก็ถอดธำมรงค์บุษย์ให้นางเก็บไว้ให้ลูก แล้วพูดปลอบประโลมนาง
    จะกลับมาหาเจ้าอย่าเศร้าสร้อย ไม่ขาดคอยลืมมิตรพิสมัย
    พลางลูบหลังตามเคยชะเลยใจ  เหมือนเปลวไฟฝอยนิดก็ติดเชื้อ
    ฯลฯ
                ฝ่ายพระอภัยจะไปสั่งลาองค์วัณฬา จึงออกปากกับพระมเหสี นางก็ไม่ขัดขวาง พระอภัยจึงเสด็จไปหาองค์ละเวงยังตึกทอง
      พระลูบโลมโฉมเฉลาเยาวรักษ์ ไม่สิ้นรักร่วมชีวิตพิสมัย
    ถึงตัวพี่นี้จะพรากจากเจ้าไป แต่จิตใจอยู่เฝ้าทุกเช้าเย็น
    ฯลฯ
    แล้วเปลี่ยนเปลื้องเครื่องทรงทั้งมงกุฎ ให้นงนุชนางวัณฬามารศรี
    สำหรับทรงองค์โอรสเครื่องยศนี้ เหมือนตัวพี่ผู้บิดาสถาวร ฯ
                องค์วัณฬารับประทานแล้ว ใส่พานตั้งไว้บนบัลลังก์ริมสุวรรณบรรจถรณ์ แล้วคร่ำครวญอาลัยรัก
    พระจากไปไหนจะมาเห็นหน้าน้อง  เหมือนเดือนส่องภพไตรใครจะเหมือน
    จะนับปีมิได้กลับมาเยี่ยมเยือน ยิ่งกว่าเดือนลับฟ้าเหลืออาลัย
    จะแลเหลียวเปลี่ยวเปล่าทุกเช้าค่ำ โอ้ว่ากรรมน้องสร้างแต่ปางไหน
    นางครวญคร่ำกำสรดระทดฤทัย สะอื้นไห้ไม่วายฟายน้ำตา ฯ
                พระอภัยสั่งเสียและสมรักกับนางอยู่จนตีสิบเอ็ด จึงลานางกลับ
    แล้วสั่งความทรามสงวนว่าจวนรุ่ง จะจากกรุงเตรียมองค์ตามวงศา
    แม่เนื้อคู่อยู่จงดีพี่ขอลา นางโศกากอดบาทไม่คลาดคลาย
    ทูลกระหม่อมจอมทวีปประทีปแก้ว  จะลับแล้วเช้าเย็นไม่เห็นหาย
    ไม่มีท้องน้องจะขอเชือดคอตาย ไม่เสียดายชีวิตสักนิดเลย
    ฯลฯ
    ถึงคนอยู่ผู้อื่นสักหมื่นแสน ไม่เหมือนแม้นทูลกระหม่อมจอมเกศา
    จะเย็นเยียบเงียบทั้งเกาะลังกา กินน้ำตาต่างข้าวทั้งเช้าเย็น
    ฯลฯ
                พระอภัยรับขวัญองค์วัณฬา แล้วก็ไปสรง แล้วแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จแล้ว กลับมาหน้าพระลาน พวกองค์วัณฬาตามมาส่งที่พลับพลาหน้าป้อม
    มาตามส่งตรงพลับพลาที่หน้าป้อม ประณตน้อมยอกรให้พรผัว
    พอฤกษ์ดีตีฆ้องให้หมองมัว จะทรงตัวมิใคร่ไหวฤทัยระทวย ฯ
                ระหว่างทางพระอภัยให้อาลัยถึงองค์ละเวงยิ่งนัก พระมเหสีเข้ามาปลอบโยนให้คลายใจ
                เมื่อไพร่พลเดินทางมาถึงฝั่งสมุทรเมืองลังกา พระอภัยก็ให้หยุดโยธาแล้วให้ยกโทษฝรั่ง ทั้งระเด่นที่จับคุมขังเอาไว้ พร้อมทั้งคืนของข้าไทให้กลับคืนไป บรรดาแขกฝรั่งทั้งบ่าวนาย ก็กราบถวายบังคมลาไปธานี
      ฝ่ายทุกองค์พงศ์กษัตริย์ต่างจัดทัพ ลงเรือกลับข้ามคุ้งไปกรุงศรี
    ต่างถึงเมืองเรื่องสำราญผ่านบุรี พอเดือนยี่ยามหนาวคราวเหมันต์ ฯ
                ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์ สุดสาครกับหัสไชยกลับมาถึงเมือง พร้อมทั้งพราหมณ์เฒ่าก็เข้าไปเฝ้าองค์กษัตริย์ พระองค์ได้ตรัสถามถึงความหลัง พราหมณ์พฤฒาก็ทูลแถลงตั้งแต่ต้น จนถึงกลับมากรุงไกร สุดสาครร้อนใจและกำสลดเศร้า ทูลว่าตนได้ทำผิดพลั้งเหมือนชีวิตจะปลิดจากกาย เมื่อสิ้นธุระแล้วตนก็จะขอรองบาทไปจนตาย
                ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์ไม่ยอมอยู่ใกล้สุดสาคร ไปหมอบอยู่กับพวกแสนสาว แล้วถวายเพชรเตร็จแก้ว ให้กษัตริย์ไปทั้งสององค์ต่อหน้าพราหมณ์ ทูลว่าเป็นโครเพชรเพราะยายพราหมณ์บอกให้ทราบ
      ฝ่ายปาโมกข์โลกเชษฐรู้เหตุใหญ่ จะเกิดไพรีเบียนเป็นเสี้ยนหนาม
    จึงทูลท้าวเจ้าเมืองตามเรื่องความ โทษยายพราหมณ์คราวนี้ถึงที่ตาย
    ฯลฯ
                ด้วยเหตุที่ไม่ห้ามเสาวคนธ์แต่กลับแนะให้แกะเตร็จ ทำให้เพชรของเขาสูญหาย ชาวเมืองเคืองแค้นเสียดาย จะตามมารบพุ่งถึงเมืองการะเกด
                องค์กษัตริย์จึงตรัสว่าเป็นบุญกรรม ถ้าจะคืนเขาไปก็จะดูอดสูใจ จึงให้ประจุไว้ที่ภูผานอกเมือง
    ให้ชื่อเขาเนาวรัตน์จัดสำเร็จ เมื่อเกิดเพชรจะได้ชมสมถวิล
    ฝ่ายพฤฒาลาท้าวเจ้าแผ่นดิน ไปสู่ถิ่นฐานพราหมณ์ตามสำราญ ฯ


    ตอนที่ ๔๗ อภิเษกสินสมุท

    มเหสีดีใจดังได้แก้ว เป็นรู้แล้วพ้นทุกข์ทั้งลูกหลาน
    แล้วสั่งสาวสรรค์พนักงาน ตระเตรียมการไว้เสียเจียวประเดี๋ยวนี้ ฯ
                ศรีสุวรรณทูลลาออกมาตอบสาร และให้บรรณาการมอบให้ทูตไป ทูตทูลลามาลงเรือไปกรุงการะเกด ใช้เวลาครึ่งเดือน เมื่อถึงท่าแล้วก็แจ้งความให้ล่ามทราบ
      ฝ่ายเสนีสี่นายครั้นสายแสง ต่างตกแต่งตามกำหนดมียศถา
    แล้วเชิญเครื่องบรรณาการกับสารตรา ตามเสนานำเข้าไปในพระโรง ฯ
      กรมวังบังคมบรมนาถ  ทูลเบิกราชทูตถือหนังสือสาร
    มาเฝ้าพร้อมน้อมประณตบทมาลย์ อาลักษณ์อ่านออกความตามกิจจา ฯ
                ในสารมีความว่าพระเชษฐาเจริญราชไมตรีกับพระอนุชา ผู้ครองเมืองการะเวกได้กรุณาต่อสุดสาครเหมือนเป็นบิดา เลี้ยงดูแทนตน ทั้งเสาวคนธและหัสไชยได้ตามไปช่วยรบเมืองลังกา สองพระธิดาสร้อยสุวรรณ จันทรสุดา พระอนุชาก็ช่วยเลี้ยงเหมือนเป็นบุตรี ส่วนเสาวคนธ์และสุดสาครนั้น ก็สุดแต่พระอนุชาจะปราณี ในเดือนสี่จะทำการวิวาห์สินสมุทกับอรุณรัศมี หลังจากนั้นเผ่าพงศ์วงศ์กษัตริย์จึงจะมาเมืองการะเกดของพระน้อง เพื่อสมานไมตรี
      พระชื่นชมสมหวังสั่งอำมาตย์ ให้นำราชทูตาไปอาศัย
    แล้วจากอาสน์ยาตรย่างเข้าปรางค์ใน ตรัสบอกให้อัคเรศแจ้งเหตุการณ์
                องค์จันทวดีก็เห็นด้วย และเห็นว่าหัสไชยอาสาไปทำศึกลังกานั้น เจ้าเมืองผลึกจะใคร่ได้เป็นเขย เจ้าเมืองการะเกดจึงตรัสว่า พระองค์คิดที่จะให้ทั้งสองได้แต่งงานกัน เพื่อได้เป็นลูกจะปลูกฝัง
                ครั้นรุ่งเช้าเจ้าเมืองการะเกดจึงให้ตอบสารเป็นข้อความมีไมตรี ให้ทูตถือกลับไปเมือง เมื่อทูตมาถึงเมืองแล้ว ก็ถวายสารของสองเมืองแก่พระอภัย ในสารของพระอนุชาศรีสุวรรณตอบมาว่า ไม่ขัดข้อง และขอเชิญพระเชษฐามาในงานวิวาห์ ส่วนสารของเจ้าเมืองการะเวกตอบมาขอบพระคุณ
    และทูลว่าหลานน้อยสร้อยสุวรรณ จันทร์สุดานั้น มีชันษาใกล้กับหัสไชย
    ขอรับเลี้ยงเพียงบุตรสุจริต ถนอมสนิทเหมือนหนึ่งในเชื้อไข
    การวิวาห์ถ้าจะเลื่อนไปเดือนใด ตามพระทัยไม่ขัดพระอัชฌา ฯ
                พระอภัยทราบความในสารแล้ว ก็ชื่นชมโสมนัสจึงตรัสสั่งบรรดาเสนาอำมาตย์ให้เตรียม กำปั่นพันลำพร้อมผู้คน เครื่องเล่น พวกเต้นรำ รวมทั้งมวยปล้ำ และละคร โขน ไปร่วมงานแต่งงาน
    มาทอดท่าหน้าแพเรือแห่แหน อเนกแน่นในมหาชลาสินธุ์
    บ้างร้องรำทำเพลงบรรเลงพิณ คอยท่าบนปถพีด้วยปรีดา ฯ
                ฝ่ายองค์พระอภัยพร้อมพระมเหสีและโอรส แต่งองค์ทรงเครื่องแล้วพากันมาลงเรือ ออกเดินทางไปเมืองรมจักร
    พอออกจากปากน้ำก็ค่ำพลบ จุดเพลิงคบโคมรายขึ้นปลายเสา
    เป็นเดืนอสามยามหนาวลมข้าวเบา พัดเพลาเพลาพอได้ใช้ใบสบาย
    ลำที่นั่งดั้งกั้นเป็นหลั่นแล่น  ไปตามแผนที่ทะเลคะเนหมาย
    ล้วนเคยคลื่นชื่นใจทั้งไพร่นาย นั่งสบายบังลมแลชมดาว
    ฯลฯ
    บอกบุตรีชี้หัตถ์แล้วตรัสว่า ที่กลางฟ้าเรืองยาวนั้นดาวไถ
    โน่นดาวธงตรงหน้าอาชาไนย ดาวลูกไก่เขาก็เรียกสำเหนียกนาม
    ฯลฯ
    ไม่ขัดข้องล่องลมถึงรมจักร เสียงคึกคักฆ้องกลองแซ่ซ้องเสียง
    ทหารโห่โล้ล้อมมาพร้อมเพรียง เข้าทอดเคียงรายท่าหน้าธานี ฯ
                ท้าวทศวงศ์ทรงจัดที่พักให้ฝ่ายพระอภัยตามฐานานุรูป
      หยุดสบายหลายคืนต่างชื่นแช่ม พอเดือนแรมฤกษ์ดีพิธีไสย
    ให้หมายเวรเกณฑ์บอกสมนอกใน ทั้งนายไพร่พร้อมพระวงศ์พงศ์ประยูร
    ปลูกโรงราชพิธีสิบสี่ห้อง มีมุขช่องมณฑปนภศูล
    ประดับเครื่องเรืองแอร่มแจ่มจำรูญ  ที่พื้นพูนปูนลาดดาดศิลา
    ฯลฯ
      ฝ่ายพวกถูกปลูกโรงสำหรับเล่น บ้างลากเข็นล้อเกวียนบ้างเขียนแผง
    ผูกภูเขาเอาไม้ดัดขึ้นจัดแจง ต่างคิดแต่งต่างกันประชันโรง
    ฯลฯ
    หุ่นละครมอญรำทำโรงงิ้ว เป็นแถวทิวสองข้างทางถนน
    เด็กผู้ใหญ่ไพร่ฟ้าประชาชน มาเกลือนกล่นกลาดกลุ้มประชุมกัน ฯ
      สมเด็จท้าวเจ้าบุรีรมจักร เห็นพร้อมพรักยินดีจะมีไหน
    ให้โหราหาฤกษ์เจริญชัย ประจวบได้เจ็ดคำเป็นสำคัญ
    ฯลฯ
    ปุโรหิตติดเทียนคอยเวียนแว่น พลูคะแนนจันทน์เจิมเฉลิมศรี
    โหรคอยท่าหาฤกษ์เบิกบบัดพลี ระวังตีฆ้องสำคัญเป็นสัญญา ฯ
                ฝ่ายองค์อรุณรัศมีมีความขุ่นข้องเมื่อรู้เรื่องการวิวาห์ ก็คิดถึงองค์เสาวคนธที่ได้ให้ทัณฑ์บนกันไว้ ที่วังเมืองลังกาว่าชาตินี้จะไม่มีคู่ แต่ก็กลัวพระบิดา และเชษฐา คิดจะมีดกรีดคอให้ตาย แต่ก็ไม่กล้าทำ
    จะต้องดื้อถือสัตย์ขัดรับสั่ง สู้ทนทั้งตีด่าประสาหญิง
    แกล้งทำหลับจับไข้ไม่ไหวติง บรรทมนิ่งนึกสะอื้นฝืนฤทัย ฯ
                ฝ่ายองค์เกษราไม่เห็นอรุณรัศมีก็ไปตามเห็นลูกรักนอนอยู่จึงตรัสว่าเวลานี้กำลังตั้งพิธีวิวาห์อยู่ให้ไปเข้าพิธี นางก็ทูลตอบว่าตนไม่สบาย เมื่อถูกคาดคั้นก็จำต้องทูลความตามจริงว่า ตนได้สาบานตัวกับเสาวคนธ์ว่าจะไม่มีคู่ ตัวสินสมุทเองก็มีเมียแล้วมีลูกอยู่ในท้อง
    ทั้งลูกเต้าเล่าก็ยังอยู่ในท้อง จะไปต้องน้อยหน้าชาติทาสี
    มิขออยู่สู้ตายวายชีวี พระชนนีโปรดด้วยช่วยสักครา ฯ
                องค์เกษราได้ฟังก็ทำเป็นโกรธพูดจาหว่านล้อมด้วยประการต่าง ๆ แต่ไม่เป็นผล
      ฝ่ายโหรนั่งตั้งนาฬิกากำกับ กำหนดนับนาทีสุริย์ฉาน
    พอฤกษ์ดีตีฆ้องก้องกังวาน พนักงานสังข์แตรขึ้นแซ่ซ้อง
    ฯลฯ
                พระอภัยเห็นผิดทำนองคงจะมีเหตุขัดข้องข้างในวัง ท้าวทศวงศ์เข้าไปต่อว่าพระมเหสี พระนางจึงตามไปปรางค์ขององค์อรุณรัศมี เห็นองค์เกษรากริ้วข้าไทอยู่ ก็โกรธพระบุตรีที่ปล่อยให้ลูกเขยคอยท่าอยู่ พระธิดาก็ทูลบตอบว่าได้ปลอบนางแล้ว ไม่เชื่อขอให้พระมารดาไปถามเนื้อความดู เมื่อนางพระยาเข้าไปพบหลานเศร้าหมองอยู่ก็ถามความ นางก็ตอบความให้ทราบ และยืนยันยอมตาย ไม่ยอมทำการวิวาห์
    ด้วยเกิดมาอาภัพให้ลับเสีย ไม่เป็นเมียน้อยหญิงชาวสิงหล
    จงโปรดให้ไปภิเษกเสาวคนธ์ เข้ามณฑลต่อทีหลังขอรั้งรอ ฯ
                พระอัยกีตรัสว่า สุดสาครเป็นน้องต้องรอทีหลัง ตัวเป็นพี่ต้องตั้งก่อน ในที่สุดนางทนอ้อนวอนจากบรรดาพระญาติวงศ์ผู้ใหญ่ไม่ได้ จึงยอมเข้าพิธีอย่างมีเงื่อนไข
    แล้วทูลว่าถ้าหม่อมฉันทำขวัญแล้ว อย่าให้แผวพาลพบประสบสม
    ยายรับคำซ้ำว่าอย่าปรารมภ์ ให้นุ่งห่มขาวผ่องละอององค์
    ฯลฯ
      เข้ามณฑลมณฑปอภิวาท ประยุรยาตรโยคีฤาษีไสย
    มโหระทึกกึกก้องทั้งฆ้องชัย พระอภัยน้อมประณตท้าวทศวงศ์
    ฯลฯ
    ปุโรหิตติดเทียนให้เวียนแว่น มาข้างแท่นถวายท้าวเจ้ากรุงศรี
    ท้าวทศวงศ์ส่งให้พระอัยกี สุมาลีเกษราธิดาดวง
    ฯลฯ
    ถ้วนสำเร็จเจ็ดรอบได้ชอบโชค ดับเทียนโบกควันเฉลิมเจิมถวาย
    ให้สององค์ทรงตรารูปนารายณ์ เป็นที่ฝ่ายหน้าพระชนกา
    ต่างอำนวยอวยพรสุนทรสวัสดิ์ ทั่วกษัตริย์สุริยวงศ์เผ่าพงศา
    ส่วนสององค์ลงจากทองกองจินดา นางกัมลาหลีกไปเสียในวัง ฯ
                เสร็จการอภิเษกแล้วท้าวทศวงศ์พร้อมพงศ์กษัตริย์ ออกมานั่งในพลับพลาหน้ากำแพงดูการเล่นต่าง ๆ
    พวกรำเต้นเล่นงานละครโขน เสียงตระโพนกลองประชันล้วนขันแข่ง
    พวกโม่งครุ่มทุ่มกลองเล่นกลางแปลง คุลาแต่งตัวดีเดินตีไม้
    เล่นประชันกันกับวงพวกโหม่งครุ่ม เป็นกลุ่มกลุ่มกลางแปลงแทงวิสัย
    หกตะเมนเล่นหน้าพลับพลาชัย ขึ้นกระไดดาบทะลวงลอดบ่วงเพลิง
    บ้างขึ้นไต่ไม้สูงสามต่อตั้ง รำแพนทั้งโจนร่มตามลมเหลิง
    บ้างสรวลเสเฮฮาเสียงร่าเริง ทำชั้นเชิงรำเต้นเล่นประชัน
    ฯลฯ
    เสียงกลองโยนโขนเมืองผลึกเล่น  ทำเป็นบทละครด้วยช่วยฉลอง
    เล่นบุตรลบพลบค่ำต้องจำจอง ขึ้นขาหยั่งนั่งยองยองนองน้ำตา
    ฯลฯ
    ผู้หญิงดูอยู่ข้างโขนเมืองผลึก บ้างก็นึกเวทนาน้ำตาไหล
    หุ่นละครมอญรำระบำไทย เพลงปรมไก่เทพทองร้องค้างคาว
    ฯลฯ
      ฝ่ายกระบี่มีคู่สู้กับดั้ง บังคมตั้งท่าเวียนทำเหียนหัน
    ต่างเยื้องกรายร่ายเรียวเข้าเคียวกัน ตั้งประจัญตามทำนองตีกลองแปลง
    ฯลฯ
                ฝ่ายพระหน่อสินสมุททราบว่า องค์อรุณรัศมี เคืองด้วยเรื่องที่ผ่านมา ตั้งแต่เสร็จงานวิวาห์ ก็คอยท่าอยู่ถึงสิบห้าวันก็ไม่เห็นส่งองค์อรุณมาร่วมแท่น ก็ให้โศกเศร้ายิ่งนัก และนึกอายผู้คน จนจับไข้เป็นลม บรรดาสาวสุรางค์จึงนำความไปทูลพระบิตุรงค์พระวงศ์วาน พระอภัยได้ฟังหยั่งรู้ว่าอดสู จึงตรัสชวนพระมเหสีกับสองพระธิดาไปเยี่ยมสินสมุท พระอนุชาศรีสุวรรณกับองค์เกษราทราบเรื่องก็รู้ว่านัดดาเป็นไข้รัก
    อันยาดีมีสำหรับแก้กับโรค จะดับโศกนั้นไม่ได้ทั้งไตรจักร
    เมื่อหนุ่มสาวคราวเราก็เศร้านัก อันหลานรักนี้ก็เป็นเหมือนเช่นเรา
    ฯลฯ
    พระอัคเรศเกษราสารภาพ พระไม่ทราบเหลือปัญญาจะว่าขาน
    เหมือนคเชนทรเจนขอเหลือหมอควาญ กระหม่อมฉานวอนว่าสารพัน
    ฯลฯ
                แล้วพระศรีสุวรรณก็มายังห้องสินสมุท ได้พบพระอภัยที่มาอยู่ก่อนแล้ว ส่วนองค์เกษราไปเฝ้าพระชนนี พบพระธิดาอยู่ด้วยจึงทูลขอให้ช่วยบังคับ องค์อรุณรัศมีไปเยี่ยมสุนสมุท
      ฝ่ายอรุณขุนหมองเพราะครองสัตย์ สู้ทูลทัดพจนาอัชฌาสัย
    เมื่อทำขวัญบัญชาให้คลาไตคล ก็ตามใจไม่ขัดพระอัชฌา
      ฝ่ายโฉมยงองค์อรุณรัศมี เห็นพักตร์พี่เผือดลงก็สงสาร
    เพราะโศกเศร้าเปล่าใจอาลัยลาน นางรำคาญข้องขัดด้วยสัจจา
    ฯลฯ
      สินสมุทสุดชื่นระรื่นรส ด้วยโอสถเสน่หามารศรี
    สร่างประชวรสรวลสันต์ได้ทันที พระอัยกีดีใจกระไรเลย
    ฯลฯ
      ฝ่ายพระวงศ์พงศาคณาญาติ เห็นหน่อนาถอิ่มเอมเกษมศรี
    ต่างชื่นชมสมถวิลด้วยยินดี เห็นชอบทีกษัตราก็ลาไป
                 ฝ่ายพระอภัยครั้นลูกรักสร่างโศกแล้ว ก็ปรึกษากับพระอนุชาว่าวันพรุ่งนี้เดือนหก จะยกพลไปเมืองการะเวกเพื่อเสกโอรสทำการวิวาห์ พระอนุชาก็น้อมรับแล้วมาเตรียมพล เพื่อออกเดินทาง
      ฝ่ายโฉมยงองค์อรุณรัศมี สถิตที่แท่นทองของเชษฐา
    ไม่พบพานมารดรและบิดา จนออกมาถึงทะเลว้าเหว่ใจ
    ฯลฯ
      จะยกหน่อนริทรสินสมุท ได้นงนุชมาด้วยกันก็หรรษา
    สถิตแท่นแสนสบายท้ายเภตรา คอยเวลาที่จะลอบไปปลอบนาง
    ฯลฯ
    เข้านั่งแนบแอบน้องนางร้องหวีด ขยีบมีดเมินประคองของสงวน
    แล้วถอยถดลดเลื่อนเบือนกระบวน จะมากวนก่อกรรมให้จำตาย
    ฯลฯ
    พระปิตุราชมาตุรงค์ก็ปลงให้ ควรหรือใจจึงมาเดือดไม่เหือดหาย
    มิเมตตาปรานีแล้วพี่ชาย จะได้ตายเสียด้วยกันขยันดี ฯ
                นางได้ฟังคำก็ทูลตอบว่า เมื่ออยู่ที่วังลังกาได้พูดตกลงกับองค์เสาวคนธ์ เป็นทัณฑ์บนตัว
    แล้วทูลความตามซื่อเพราะถือสัตย์ จึงข้องขัดข้อนี้ไม่มีผัว
    จะยอมอยู่คู่สองก็หมองมัว จะฆ่าตัวเสียให้ตายวายชีวา
    ฯลฯ
                แล้วทูลว่า ถ้าสินสมุทรักใคร่อาลัยตน ก็ขอได้โปรดเป็นเหมือนเชษฐา ขอให้เมตตาอย่าให้ตนต้องตาย
      สินสมุทสุดซื่อกลดมือนิ่ง ประหลาดจริงใจหนอใจคอหาย
    แม้ขื่นใจเห็นไม่รอดจะวอดวาย จะลงร้ายว่าเราพามาฆ่าตี
    ฯลฯ
                สินสมุทคิดสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้ จึงกล่าวแก่นางว่า
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch