หน้าแรก สมาชิก รายการวัตถุมงคล ตะกร้าวัตถุมงคล วิธีชำระวัตถุมงคล วิธีบูชาวัตถุมงคล ประวัติวัด ติดต่อวัด เว็บบอร์ด
สมาชิก Log in
อีเมล์
รหัสผ่าน
สมัครสมาชิกใหม่
ลืมรหัสผ่าน
















ค้นหาวัตถุมงคล
 
 
 
หมวดวัตถุมงคล
  เครื่องราง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง พระอาจารย์ป้อม
  พระเครื่อง หลวงพ่อสวัสดิ์
  พระเครื่อง หลวงปู่พิมพ์มาลัย
  พระเครื่อง หลวงพ่อสง่า
วัตถุมงคลของคุณ
รหัสวัตถุมงคล ราคา จำนวน
ยังไม่มีวัตถุมงคลอยู่ในตะกร้า
  • ชำระค่าวัตถุมงคล
  • แก้ไขรายการวัตถุมงคล
  • วิธีสั่งบูชาวัตถุมงคล
  •  

    พระอภัยมณี/32
    ตอนที่ ๔๓ นางเสาวคนธ์ยิงแก้ม

                ฝ่ายองค์วัณฬาเสียสองหน่อนาถไปเหมือนในฝัน จึงปรับทุกข์กับนางรำภาผกา สุลาลีวัน แล้วคิดถึงบาทหลวงจะไปหาเพื่อขอวิชาช่วย แล้วจึงพากันไปหาบาทหลวง บาทหลวงเห็นก็ร้องด่าทั้งสี่นางด้วยประการต่าง ๆ และต่อว่าองค์วัณฬาว่า

    ครั้นมาถึงมึงครองไอศูรย์ ผ่าประยูรเสียศักดิ์กูรักหลง
    เสียดายเหลือเชื่อกษัตริย์ขัตติยวงศ์ ไม่ดำรงรักศักดิ์รักแต่ตัว
    ฯลฯ
                นางได้เล่าเรื่องที่ผ่านมาให้ฟัง แล้วหยิบธงกับดอกไม้ให้บาทหลวงดูด้วยอยากรู้ความ บาทหลวงเห็นอักษรผิดกับของลังกาและสยาม เคยเรียนรู้มาว่าเป็นภาษาพราหมณ์ แล้วอ่านตามปริศนา พออ่านออกดอกไม้นั้นก็ร่วงยับลง จากนั้นจึงดูธงยันต์ที่ประจุเสกล้างเสน่ห์ ก็รู้ว่าทิศาปาโมกข์ผู้วิเศษเมืองการะเกด เสกมาให้จึงนึกใคร่จะลองฤทธิ์ไม่คิดกลัว แล้วจึงให้ทั้งสี่นางทำสัตย์ปฎิญาณ
      ทั้งสี่นางรับคำแล้วทำสัตย์ ไม่ข้องขัดคิดคดให้อดสู
    มิสัตย์ซื่อถือมั่นกตัญญู พระเยซูจงสังหารผลาญชีวี
                แล้วบาทหลวงก็จัดทำพิธีให้บรรดาผัวของสองนางกลับมา
    จะต้องเชือดเลือดอกออกประสม กับน้ำนมฝิ่นเสกเมฆฉาย
    แม้ใครกินโลหิตไม่คิดกาย  รักจนตายทั้งชาติไม่คลาดคลา
                ในตอนค่ำให้ยุพาผกากับสุลาลีวัน เอายาพาย่องตอดดอดออกไปเป่ามนต์สะกดทัพ ถ้าไม่หลับสองนางยิงเกาทัณฑ์ข้ามมันไป พอมนต์ไสยเสื่อมหายให้พรายทับ แล้วให้เอายาทาลิ้นสินสมุทกับสุดสาคร ทั้งที่นอนหลับ แล้วปลุกให้ตื่นกลืนน้ำนมอาคมลงไปก็จะรักกลับตามมา องค์ละเวงกับนางรำภาก็ทำอย่างสองนางเช่นกัน
      ฝ่ายทิศาปาโมกข์โลกเชษฐ์ เสกทรายเวทอาถรรพ์ให้กันผี
    โรยรอบค่ายควายธนูประตูมี ในราตรีตรวจตราเรียกหากัน
    ฯลฯ
      ฝ่ายสุวรรณมาลีปราณีบุตร กลัวสินสมุทจะไม่ชื่นคิดคืนหลัง
    เหมือนนกผู้คู่พรากมาจากรัง ใจจะยังปั่นป่วนถึงนวลนาง
    ฯลฯ
                ฝ่ายยุพาผกาสองพี่น้อง เมื่อถึงยามสองต่างพากันขึ้นม้าออกไปนอกกำแพง ให้ย่องตอดแต่งตัวนำช่วยกำบัง พอมาถึงที่ฝังอาถรรพ์เป็นควันโพลง เหมือนเพลิงลามไหม้ ย่องตอดกระโดดหลบหลีกไป ม้าของสองนางต่างก็เต้นตะโพงฉุดรั้งไว้ไม่อยู่ พอออกห่างจากค่ายเพลิงก็ดับหมด สองนางกับย่องตอดจึงกลับมายังพลับพลา แล้วยิงธนูข้ามหลังคาพราหมณ์ ภูมิเจ้าที่ก็หนีออกนอกพลับพลา
    พอเสื่อมมนต์คนเล่นเห็นประหลาด เสียงหวีดหวาดเฝืองฝาหลังคาไหว
    ย่องตอดเข้าเป่ามนต์ดลฤทัย ทั้งนายไพร่สามทัพหลับระเนน
    ฯลฯ
                สองพี่น้องขับม้าเข้าไปพร้อมย่องตอด เข้าประตูธนูควาย มันขวิดย่องตอดจนกระดูกแหลกแต่กลับหาย
    แล้วฟันฟาดพลาดมือกระบือสู้ สองนางรู้แยบคายว่าควายหมอ
    ง้างธนูคู่มือแล้วถือรอ หมายแต่พอตรงข้างสองนางยิง
    พอถูกควายหายเห็นเป็นเส้นตอก มนต์ต้องออกหนีธนูอีผู้หญิง
    พลทั้งหลายนายไพร่ไม่ไหวติง ระเนนนิ่งนอนหลับทุกทัพชัย
    แต่ปาโมกข์โลกเชษฐวิเศษขลัง ร่ายมนต์บังนิ่งระงับไม่หลับไหล
    แต่ความรู้ผู้หญิงแก้สิ่งไร ก็เสื่อมไปเป็นว่าแก้ได้แต่ตัว ฯ
                สองนางเข้าไปหาสินสมุทกับสุดสาคร จนพบแล้วใส่ยาที่เตรียมมาทั้งสองหน่อกษัตริย์ก็กลับหลงใหลในตัวนาง แล้วสองนางก็พาสองหน่อกษัตริย์กลับเข้าวังใน นางสุลาลีวันได้เขียนหนังสือทำลายมือให้เหมือนสุดสาคร วางไว้ข้างเสาวคนธ์ มีความกล่าวค่อนว่าเสาวคนธ์ด้วยประการต่าง ๆ ก่อนจะพาสุดสาครไป
                ครั้นรุ่งขึ้นฤทธิ์มนต์สร่างต่างพากันเที่ยวหาสินสมุทสุดสาคร นางเสาวคนธ์ได้อ่านลิขิตที่นางสุลาลีวันแปลง เป็นสารของสุดสาครแล้วก็เสียใจ จนคิดจะฆ่าตัวตาย
    เดี๋ยวนี้พี่เข้ารีตฝรั่งแล้ว จะคลาดแคล้วเสาวคนธ์อย่าหม่นหมอง
    จะรับเจ้าเข้ามาเลี้ยงเคียงประคอง ฝรั่งสองเมียห้ามบอกตามจริง
    ฯลฯ
    หรือรักเราเจ้าไม่กลับจะรับเลี้ยง อย่าทุ่มเถียงทะเลาะเขาเป็นเจ้าของ
    จงวันทาลาลีเป็นที่รอง จะเลี้ยงสองไว้สักครั้งที่ลังกา ฯ
      พอจบคำนางรำพึงคะนึงคิด ความนี้ผิดทรงเดชพระเชษฐา
    ชะรอยอีลีวันมันมารยา มาแกล้งว่าจะให้ขาดญาติวงศ์
    ฯลฯ
    เป็นสาวแส้แร่วิ่งมาชิงผัว อันความชั่วดังเอามีดมากรีดหิน
    ถึงจะคิดปิดหน้าสิ้นฟ้าดิน ก็ไม่สิ้นสุดอายเป็นลายลือ
    มิขออยู่สู้ตายวายชีวิต นางชักกริชข้างองค์มาทรงถือ
    คิดจะแทงที่คอแล้วรอมือ อารมณ์รื้อรักน้องเป็นสองใจ
    ฯลฯ
                ฝ่ายองค์สุวรรณมาลีเห็นสินสมุทกับสุดสาครหายไปก็เศร้าโศกเสียใจ ท้าวทศวงศ์จึงตรัสว่าจะไปอ้อนวอนท่านอาจารย์
    ให้ช่วยแก้ไข แล้วพากันไปหาท่านพราหมณ์ เล่าความที่เกิดขึ้นให้ทราบ  ทิศาปาโมกข์ก็ทูลตอบว่าตนได้นั่งระวังภัยอยู่ แต่ไม่เป็นผล
    ซึ่งป้องกันมันไม่อยู่เพราะผู้หญิง มันลอบยิงข้ามหลังคาคาถาสลาย
    จึงได้เป่ามนต์พลนิกาย ทั้งไพร่นายนอนหลับพากลับไป
    ฯลฯ
    แม้มีใครไปถึงจึงจะเสก นกการเวกการวิกให้จิกผี
    โลหิตออกนอกกายจึงหายดี แต่ไม่มีใครจะไปถึงในวัง
    ฯลฯ
                ฝ่ายฝรั่งลังกาพวกข้าเฝ้าเที่ยวป่าวร้องให้ชาวเมืองมารับแจกทรัพย์ที่หน้าพลับพลา มีผู้คนมารอรับอยู่ล้นหลาม
                ฝ่ายเสาวคนธ์คิดหาทางฆ่านางสุลาลี พอรู้ว่าเจ้านายฝ่ายฝรั่งจะออกนั่งยังพลับพลา จึงปลอมตนแต่งเป็นชายชาวเมืองเข้าไปถึงพลับพลาหน้ากำแพง
                ฝ่ายองค์ละเวงเมื่อถึงเวลาบ่ายชายคล้อยก็มาประทับที่พลับพลาพร้อมบุตรีสี่กษัตริย์ เอาทองในคลังออกมาโปรยปรายให้ชาวเมือง
                ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์เห็นนางสุลาลีนั่งอยู่เคียงสุดสาคร จึงขึ้นสายเกาทัณฑ์ยิงไปถูกแก้มนางฝรั่งจนแก้มทะลุ สุดสาครเห็นคนยิงขี่ม้าหนีไป จึงออกไล่สกัดไปจนทัน พบว่าเป็นเสาวคนธ์ จึงต่อว่าแล้วกลับไปพยาบาลเมียรัก เนื่องจากนางสุลาลีวันได้เคยกินดินถนันมา แผลที่แก้มจึงมีเนื้องอกออกมา ไม่ถึงวัน แผลก็หายสนิท
                ฝ่ายองค์ละเวงมีความพยาบาทพระมเหสี คิดจะแก้แค้นแทนนางสุลาลี จึงลอบสั่งนางรำภาผกาช่วยกำกับกองทัพ ให้ยันตัง วิรุญกับกุนตันไปตั้งกันกองทัพที่จะกลับไป
    แล้วเร่งลากปืนใหญ่ขึ้นใส่ป้อม ยิงค่ายอ้อมเสียให้ยับยกทัพไล่
    สกัดสแกงแทงฟันให้บรรลัย แม้ถอยไปกองซุ่มเร่งรุมรบ
    ฯลฯ
    พอตกเย็นย่ำค่ำคลุ้มชอุ่มอับ ต่างยกทัพแยกย้ายตามซ้ายขวา
    บ้างโอบหลังตั้งหลีกเป็นปีกกา สกัดหน้าปลีกทางที่กลางไพร ฯ
      ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกาเวลาดึก เห็นข้าศึกสามทัพจะหลับไหล
    พอฤกษ์ดีตีฆ้องฆาตกลองชัย ยิงปืนใหญ่เป็นสัญญาเข้าราวี
    ฯลฯ
                ฝ่ายทัพลังกาเข้ารุกไล่ฝ่ายองค์สุวรรณมาลีซึ่งเสียทีทัพ  พอรุ่งสาง ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกากับสองนางคุมพลเข้ารุกรบเข้าพังค่ายเป็นตลุมบอน
                ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์เห็นนางผกาออกรบ จึงบอกให้นางผกามารบกันตัวต่อตัว ทั้งสองนางได้ประคารมกัน  นางยุพาให้ไพร่พลเข้ารุมรบเสาวคนธ์ แต่สู้ไม่ได้  พอย่องตอดเข้ามาช่วย นางฆ่าเท่าไรมันก็ไม่ตาย จึงต้องถอยกลับเข้าค่าย แล้วไปหาทิศาปาโมกข์ ขอให้หาทางช่วย
      ฝ่ายปาโมกข์โลกเชษฐ์แจ้งเหตุสิ้น เสกสายสิญจน์สามเกลียวลงเรียวหวาย
    ส่งให้นางพลางให้มนต์กลอุบาย อย่าให้ตายแต่พอหลาบให้ปราบปราม ฯ
                นางกลับออกมารบกับย่องตอดอีกครั้ง นางเอาด้ายสายสิญจน์ไปสวมคอย่องตอด มันก็กลัวฟุบลงแล้วนางจึงตีซ้ำด้วยหวาย มันก็ล้มลงดิ้น แล้วนางจึงเอามันไปผูกไว้ในค่าย แล้วออกมาขับไพร่ไล่ฆ่าพวกฝรั่งแตกหนีไป
      ฝ่ายนงเยาว์เสาวคนธ์ขับพลไล่ เก็บของได้ดาษดื่นดาบปืนผา
    เที่ยวตามน้องสองทัพที่อัปรา ไม่รู้ว่าจะไปหนตำบลใด ฯ
                ฝ่ายสามพราหมณ์ตามท้าวรมจักร ได้พบกับทัพรำภา ก็เข้ารบกัน ทั้งสองฝ่ายได้ประคารมกัน
    ตัวเป็นแต่พระสนมรมจักร ควรจะรักอย่างเป็นข้านราสรรค์
    บัดนี้ท้าวทศวงศ์พาพงศ์พันธุ์ มาพร้อมกันอัคเรศเกศสตรี
    จงไปเฝ้าเคารพอภิวาท จะพ้นราชอาชญารำภาสะหรี
    แม้มิฟังยังจะดื้อเฝ้าถือดี โทษจะมีไม่แคล้วแล้วนะนาง ฯ
                นางรำภาย้อนว่าศรีสุวรรณเข้ารีตแล้ว ไม่นับญาติเผ่าพงศ์วงศา เป็นอุปราชอยู่เมืองลังกา ฝ่ายสามพราหมณ์ควรจะภักดีต่อนางที่เป็นเจ้านาย
    จะได้เกียรติเจียดกระบี่ได้มียศ ให้ปรากฏกตัญญูไม่รู้หาย
    อันข้าครอกนอกเจ้าบ่าวนอกนาย หลังจะลายเลอะล้นถึงต้นคอ
    ฯลฯ
                สามพราหมณ์ได้ฟังก็โกรธแทนเจ้านายของพวกตน จึงตอบไปว่า
    จะให้เกียรติเจียดกระบี่เป็นที่พึ่ง ไม่คิดถึงต่างชาติศาสนา
    มาจาบจ้วงล่วงพระราชอาญา โทษถึงผ่าปากเจ้านางชาววัง
    ฯลฯ
                ฝ่ายสามพราหมณ์ตามจนพบจอมกษัตริย์แล้วก็พากันออกตามหาพระมเหสีกับหัสไชย
                ฝ่ายองค์สุวรรณมาลีหนีทัพมาพร้อมกับหัสไชย หมายจะไปยังเขาเจ้าประจัญ  ฝ่ายฝรั่งลังกาก็ตั้งทัพสกัดทาง รวมทั้งกองทัพองค์วัณฬาก็ไล่ติดตามมาด้วย หัสไชยดำเนินการต่อสู้ องค์สุวรรณมาลีตรัสว่า
    ถึงแม้นี้มิรอดจะมอดม้วย พ่อจงช่วยชีวิตกนิษฐา
    แม่ยกให้เป็นน้องทั้งสองรา เจ้าเมตตาน้องหญิงอย่าทิ้งกัน ฯ
                พอกองทัพฝ่ายลังกาเข้ามาใกล้ หัสไชยก็ออกไปรบ
    ขึ้นทรงสิงห์วิ่งเข้ารับทัพฝรั่ง ต่างแตกพังล้มตายกระจายหมด
    ใครกีดกันฟันอาไม่ละลด แล้วนำรุกฝ่าฟันป้องกันไป ฯ
                ฝ่ายวิรุญกุนตันเข้ามาต่อสู้ก็ถูกหัสไชยฆ่าตาย องค์ละเวงต้อนพลเข้ารุมล้อม นางยุพารำพาเข้ามาช่วยรุมรบกันพัลวัน หัสไชยเห็นรถทรงของลูกสาวเจ้าลังกา จึงร้องว่าถากถาง
    เป็นผู้หญิงชิงเอาผัวเขาไว้ แล้วยังไม่สาสมทำข่มเหง
    เขารู้เช่นเห็นชั่วไม่กลัวเกรง มารำเพลงอาวุธยุทธนา ฯ
    ฝ่ายโฉมยงองค์ละเวงนึกเกรงฤทธิ์ ลูกนิดนิดมันแข็งแรงหนักหนา
    แต่ยังเด็กเล็กอ่อนหย่อนปัญญา จะพูดจาล่อลวงดูท่วงที
    ฯลฯ
    แม้งอนง้อขอโทษไม่โกรธขึ้ง นั่นแหละจึงจะไม่ฆ่าให้อาสัญ
    แม้มิฟังตั้งบึ่งทำดึงดัน จะห้ำหั่นเสียให้แร้งมันแย่งกิน
    ฯลฯ
    ด้วยมากมายหลายทัพจะจับเจ้า น้อยกว่าเรานี้จะสู้ได้อยู่หรือ
    จะตรองตรึกไปปรึกษาพูดหารือ แม้ดึงดื้อก็จะได้ไล่ตะลุย ฯ
                หัสไชยไม่กลัวคำขู่กลับหัวเราะเยาะ แล้วตอบไป
    ถึงโกฎิแสนแน่นมากเหมือนหยากเยื่อ เราเหมือนเชื้อเพลิงน้อยจะคอยพลาญ
    ไม่ย่อท้อง้องอนมารอนราญ อย่ามาพาลผิดที่พระพี่ยา
    ฯลฯ
                องค์สุวรรณมาลีได้ยินเสียงโต้ตอบกันก็โกรธ จึงแต่งองค์ถือเกาทัณฑ์ออกมา แล้วร้องด่าว่ากล่าวองค์ละเวง
    จะให้กูผู้ใหญ่นี้ไหว้กราบ ช่างหยาบหยามยิ่งกว่ากะลาสี
    ถึงขั้นไพร่ในจังหวัดปัถพี ก็ไม่มีผู้ใดไหว้เมียน้อย
    มึงอย่าพักยักยอกตะคอกขู่ ถึงม้วยสู้ไว้ยศไม่ถดถอย
    เห็นเอนเอียงเพลี่ยงพล้ำมาซ้ำพลอย อีกิ่งก้อยก็จะแปรเป็นแม่มือ
                แล้วนางก็ยิงเกาทัณฑ์ไปถูกองค์วัณฬา แต่เนื่องจากมีเกราะป้องกันไว้จึงเพียงแต่เป็นรอยเชือดพอเลือดไหล ครั้นยิงซ้ำนางรำพาก็คว้าลูกเกาทัณฑ์ไว้ได้ องค์ละเวงก็เร่งทัพเข้ารุมรบ
                ฝ่ายสามพราหมณ์ตามมาพบก็ช่วยตีหนุนหลัง หัสไชยเห็นได้ทีก็ตีกระทบ พอเสาวคนธ์เข้ามาพบก็เข้าตีทัพฝรั่งเมืองลังกาแตกหนีอลหม่านเมื่อเวลาเย็น องค์ละเวงขับม้าหลบหนีเข้าไปในป่า โดยมีนางรำพาอยู่คอยป้องกันให้
      ฝ่ายข้าเฝ้าชาวผลึกรมจักร กลับฮึกฮักโห่ลั่นด้วยหรรษา
    ทั้งสามทัพขับกันไล่ฟันมา พลลังกาแตกพลัดกระจัดกระจาย

    ตอนที่ ๔๔ กษัตริย์สามัคคี

                ฝ่ายฝรั่งสังฆราชเห็นไพร่พลเหลือตายแตกกลับมาถึงเมือง จึงรับพาลูกศิษย์ที่อยู่ด้วย จะไปช่วยองค์วัณฬา ให้พวกพ้องป่าวร้องชาวเมืองว่าถ้าใครมีกตัญญูก็ให้ตามตนมา

    ไปช่วยเจ้าคราวนี้เสียทีทัพ จะสูญลับศักราชศาสนา
    แม้เจ้าตายฝ่ายฝรั่งทั้งลังกา จะเป็นข้าครอกเขาชาวชมพู
    ฯลฯ
                บรรดาชาวเมืองชายหญิงเห็นจริงด้วย ก็พากันคว้าอาวุธรวบรวมกันได้ห้าพันคน
    ได้ห้าพันบรรดาซึ่งมาด้วย จะไปช่วยลูกสาวเจ้าสิงหล
    ให้ถือคบครบทั่วทุกตัวคน แล้วแบ่งพลกองละพันสำคัญคบ
    ฯลฯ
      ฝ่ายปีโปบาลีมีหนังสือ ให้หญิงถือมาถึงวังอยู่ข้างหน้า
    สั่งให้ทูลมูลกิจพระธิดา นางสุลาลีแจ้งจึงแข็งใจ
    ฯลฯ
                นางสุลาลี อ่านได้ความว่า
    ถ้ารบพุ่งพวกฝรั่งสิ้นทั้งหลาย จะล้มตายพ่ายแพ้คิดแก้ไข
    ให้พวกพ้องขององค์พระอภัย ช่วงชิงชัยจึงจะเสร็จสำเร็จการ
    ฯลฯ
                แล้วนางก็ไปเฝ้าพระอภัยว่ากองทัพฝ่ายเมืองผลึกรุกเข้ามาเกือบถึงวังแล้ว พระชนนีพี่ผกา ทั้งนางสะหรีก็หายสูญไปตั้งแต่ใกล้รุ่ง พระอภัยได้ฟังก็ตกใจเรียกศรีสุวรรณ สินสมุท สุดสาคร มาแจ้งความตามที่นางสุลาลีเล่า นางสุลาลีก็ร้องไห้แกล้งอ้อนวอนพระอภัยให้เห็นแก่โอรส พระอภัยได้ฟังก็โกรธแค้น
    พระทรงฟังคั่งแค้นแทนวัณฬา จึงตรัสว่าพ่อจะไปชิงชัยเอง
    ใครฆ่าฟันวัณฬาจะฆ่าเสีย ถึงลูกเมียไม่เอาไว้ให้ข่มเหง
    ฯลฯ
                แล้วให้จัดไพร่พลห้าหมื่นจุดคบเพลิงทุกคน ให้พระน้องกับสองโอรส แยกกันไปค้นหาองค์ละเวง แบ่งเป็นกองทัพละหมื่นคน แสงคบเพลิงสว่างไปทั่วดังกลางวัน
                ฝ่ายทัพสามพราหมณ์กับสามกษัตริย์ไล่ติดตามองค์วัณฬาไปจนพบกับกองทัพของบาทหลวง ก็รบกันทัพบาทหลวงก็แตกถอยเข้าไปในป่าหนาม พอกองทัพศรีสุวรรณตามมาทันเพื่อเร่งหาองค์วัณฬา
    เห็นพวกพ้องกองทัพกระสับกระส่าย ต่างเรียงรายรวมกันเข้าบรรจบ
    นางเสาวคนธ์คนน้อยก็ถอยรบ ฝรั่งหลบหลีกไปในไพรวัลย์
                ฝ่ายสามพราหมณ์กับพี่น้องสองกษัตริย์รบกับฝรั่งลังกาจนใกล้รุ่ง ฆ่าฟันฝรั่งตายไปนับหมื่นพัน ท้าวทศวงศ์เห็นว่าไพร่พลอ่อนกำลังลง และพวกฝรั่งชาวเมืองก็หนุนเนื่องมาเกรงจะสู้ไม่ได้ จึงให้ไปพลับพลาพักพลให้หายเหนื่อย และให้กินอาหารในค่ายใหญ่ที่ตั้งล้อมเมืองลังกาอยู่
                ฝ่ายองค์ละเวงตามบาทหลวงกลับเข้าเมือง ได้ยินเสียงโห่ร้องคิดว่าข้าศึกมาแซงสกัด จึงคิดลัดหนีสั่งให้ดับคบเพลิงแล้วขึ้นไปซ่อนตัวอยู่บนเขา แล้วจัดคนไปส่งข่าวนางสุลาลีวันในเมืองให้แบ่งไพร่พลบนเชิงเทินมาสมทบกองทัพ พวกที่อยู่บนภูผาทั้งห้าพันก็เกณฑ์กันให้เก็บศิลาไว้เตรียมรบ
                ฝ่ายพระอภัยคุมไพร่พลเที่ยวหาองค์วัณฬามาถึงป่าแดง ประหลาดใจที่เสียงปืนเงียบหายไปเมื่อยามศึก จนจวนเวลาแจ้งแล้วก็ยังไม่พบพวกที่รบกัน จึงคิดจะเป่าปี่เรียกองค์ละเวง
      จะเป่าปี่ลองเรียกน้องรัก ให้ประจักษ์แจ้งความมาตามผัว
    ทั้งพวกเราชาวผลึกรู้สึกตัว จะเกรงกลัวลมปี่หลบหนีไป
    ฯลฯ
                เมื่อได้ยินเสียงปี่องค์ละเวงจึงหารือกับอาจารย์สังฆราชว่าควรกลับไปหาหรือว่าหลบไปเสีย พระบาทหลวงบอกให้กลับไปหา แล้วขอให้พระอภัยไปรบกับพี่น้อง
    จะตั้งจิตคิดอ่านที่ราญรอน ไปวิงวอนว่าผัวให้มัวมนต์
    จะฆ่าตีพี่น้องพวกพ้องเขา คงตามเราสารพัดไม่ขัดสน
    ฯลฯ
      ทั้งสี่นางต่างเข้าไปเฝ้าผัว ทำสั่นรัวกลัวแกล้งกันแสงศัลย์
    นางวัณฬาว่าพระองค์ให้พงศ์พันธุ์ มาฆ่าฟันไพร่ฟ้าไม่ปราณี
    ฯลฯ
      พระฟังนางทางว่านิจจาเอ๋ย อย่าแคลงเลยพี่ไม่ทิ้งมิ่งสมร
    ซึ่งเผ่าพงศ์วงศ์วานมาราญรอน มีโทษกรณ์กฎหมายถึงวายวาง
    ฯลฯ
                ฝ่ายองค์ละเวงเห็นพระอภัยเมามัวมนต์จึงทูลให้พระอภัยเป่าปี่
    พระโปรดเกล้าเป่าปี่ขึ้นดีกว่า ให้โยธาทั้งหลายหญิงชายหลับ
    พอให้หลายปราบปรามทั้งสามทัพ เพียงแต่จับเอาไปส่งเสียคงคา ฯ
                องค์ละเวงออกมาลอบสั่งชาวลังกาให้หาดินปืนและฟืนไฟ เมื่อเห็นกองทัพหลับสิ้นแล้วให้เอาดินออกไปจุดไฟคลอกทั้งกองทัพ แล้วให้สามกองทัพไปตั้งอยู่ชายทุ่งริมกรุง แล้วไปทูลความแก่พระอภัยมณี พระอภัยจึงตรัสสั่งน้องกับโอรสรวมทั้งยุพา สุลาลี และสะหรี ยกกำลังไปช่วยล้อมไว้
    พวกฝรั่งลังกามัดหญ้าแฝก บ้างก็แบกดินปะสิวหิ้วเขนง
    จะไปเผาผัวไม่กลัวเกรง นางละเวงสมถวิลก็ยินดี
    ฯลฯ
                ฝ่ายเก้าองค์พงศ์กษัตริย์ ให้พราหมณ์จัพลรบคอยป้องกันตนแล้ว พอได้รับแจ้งจากกองนอกว่าฝ่ายลังกายกพลออกมาเป็นอันมาก ท้าวทศวงศ์เห็นว่า ผู้คนฝ่ายพระองค์มีน้อยควรจะถอยหนี แต่พระมเหสีกับองค์เกษราขอสู้ตาย ท้าวทศวงศ์สงสารจึงตกลงใจอยู่รบไม่หลบหนี แต่เกรงปี่พระอภัย จะทำให้กองทัพหลับ จึงไปปรึกษาปาโมกข์โลกเชษฐ ปาโมกข์จึงคิดหาทางช่วยด้วยวิธีการต่าง ๆ
    แต่จะช่วยด้วยวิชาสถาผล อย่าให้คนเข่นฆ่าให้อาสัญ
    ซึ่งเป่าปี่ขี้ผึ้งก้อนหนึ่งนั้น เอาปิดกรรณเสียเห็นไม่เป็นไร
    ฯลฯ
                แล้วบอกว่าจะไปทำพิธีเชิญโยคีที่เกาะแก้วมาช่วย
    แม้โยคีมิช่วยจะม้วยมอด  เอาตัวรอดเถิดท้าวเหล่าทหาร
    ข้าจะอยู่ภูผาสมาทาน กระทำการแก้ไขช่วยไพร่พล
    แม้ข้าศึกมาอย่าเพ่อรบสงบอยู่ คอยเปิดหูดูสังเกตซึ่งเหตุผล
    พระองค์กับมเหสีนีฤมล เสาวคนธ์กับกษัตริย์หัสไชย
    ฯลฯ
                ให้ออกท้ามทัพรับพระอภัย ถ้าคลุ้มคลั่งเข้าชิงชัยจึงปล่อยให้ปักษาเข้าราวี แล้วเสกเข็มให้ใส่พกไว้จะกลายเป็นนกการวิกคอยจิกผี เสกสายกายสิทธิ์ให้ไพร่พลไว้จะได้คงกะพัน และแคล้วคลาด จากนั้นก็พาเด็กขึ้นไปบนเขาตั้งพิธีถึงพระฤาษี
    จึงจุดเทียนเขียนชื่อพระฤาษี ทำพิธีตั้งสัตย์อธิษฐาน
    เอาจิตวางทางกสิณอภิญญาณ ไปถึงท่านโยคีผู้ปรีชา ฯ
                ฝ่ายลูกสาวเจ้าลังกา นางรำภาสะหรี นางผกา และสุลาลี ยกไพร่พลโยธาออกมาพร้อมสามี พอมาถึงค่ายใหญ่ก็เข้าล้อมไว้
                ฝ่ายท้าวทศวงศ์ พระมเหสีและพระธิดา และพระหลานขึ้นทรงรถ มีสามพรามหณ์คอยรายระวัง ตรงออกไปยังทัพศรีสุวรรณ บอกฝรั่งว่าเจ้าเมืองรมจักรให้หาพระอนุชาลังกาพร้อมกับนางรัมภา พวกฝรั่งล้อมรถไว้แต่ไม่กล้าทำอันตรายด้วยเกรงเห็นว่าเป็นพงศ์พันธุ์ เกรงตนจะได้รับโทษทัณฑ์ จึงบอกต่อไปให้ทูลศรีสุวรรณ ศรีสุวรรณพร้อมนางรำภา สะหรี ออกมาเห็นพระบุตรีพร้อมชนนี ปิตุเรศ ก็รู้สึกองค์ลงจากม้าที่นั่ง แต่นางรำภาเข้าเป่าคาถาก็กลับคลั่งขึ้นหลังม้า แล้วตวาดไล่ลูกเมีย องค์เกษราเสียใจบอกว่านางจะยอมเป็นข้านางรัมภา ฝ่ายองค์อรุณรัศมีกลับแค้น

    • Update : 13/6/2554
    © Copyright 2011 www.watnongmuang.com All rights reserved 999arch